Dataset Viewer
Auto-converted to Parquet Duplicate
id
stringlengths
1
4
text
stringlengths
61
3.49M
source
stringclasses
8 values
metadata
dict
0
# ารศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยาตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินน้ำแม่กลอง (Hydrological Characteristic Study of Mae Klong Head Watershed on Land Use Changes, # Kanchanaburi province, THAILAND) ำเริง ปานอฺทัย๋, สมชาย อ่อนอาษา๋, บฺญฺมา ดีแสง๋ และดอกรัก มารอด้ ### ทคัดย่อ ารศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยาตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน พื้นที่ต้นน้ำแม่กลอง ใช้ ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบูรี เป็นพื้นที่ศึกษา โดยทำการศึกษาข้อมูลในช่วงปี พ.ศ. 2537-554 ผลการศึกษา พบว่า ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่นมีปริมาณน้ำฝนรายปีเฉลี่ย 1,662.6 มิถลิเมตรต่อปี มีปริมาณน้ำท่ารายปี ลี่ย 552,513 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 552.5 มิลลิเมตร และมีศักยภาพการให้น้ำท่า 33.2 ปอร์เซ็นต์ของน้ำฝน โดยเป็นปริมาณน้ำในช่วงน้ำหลาก 73.5 เปอร์เซ็นต์ และเป็นน้ำในช่วงแล้งฝน 26.5 เปอร์เซ็นต์ ลการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางอูทกวิทยาในช่วงระยะเวลา 17 ปี โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ปี พ.ศ. 2537-2542, พ.ศ. 2543-2548 , พ.ศ. 2549-2554 ซึ่งในแต่ละช่วงมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินคือมีพื้นที่ป่าไม้ มขึ้นจาก 84.25 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ. 2535 เป็น 92.48 และ 97.27 เปอร์เซ็นต์ ในปีพ.ศ. 2543 และ พ.ศ. 2551 ามลำดับ พบว่า ปริมาณน้ำท่ารายปีมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เช่นเดียวกับปริมาณน้ำในช่วงน้ำหลากที่มีแนวโน้ม ดลง ส่วนปริมาณน้ำในช่วงแล้งฝนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น สำหรับช่วงเวลาการไหลของน้ำท่าในช่วงน้ำหลากในแต่ละ ่วงเวลาของปี พบว่า มีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น โดยปริมาณน้ำท่า 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทั้งหมดจะมีระยะเวลาการ หลที่เพิ่มขึ้นจากจาก 72 วัน เป็น 95 และ 96 วัน ตามลำดับ และระยะเวลาที่ปริมาณน้ำ 5 และ 1 เปอร์เซ็นต์ ดท้ายของน้ำทั้งหมดมีระยะเวลาที่สั้นลงตามการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าไม้ าสำคัญ: น้ำท่า, สมดุลน้ำ, ป่าเบญจพรรณ, การทดแทนตามธรรมชาติ, ป่ารุ่นสอง, ลุ่มน้ำลิ่นถิ่น ส่วนวิจัยต้นน้ำ สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ฟีซ โทร 02 561 <sup>์</sup> ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน กทม. #### Abstract he study on Hydrological Characteristics of Mae Klong Head Watershed in response to and Use Changes was conducted at Linthin watershed, Kanchanaburi province, THAILAND. The eteorological and hydrological data during 1994-2011 were indentified and interpreted. The sult found that average annual rainfall at Linthin watershed was 1,662.6 mm and it provided treamflow of 552,513 m² km² or 552.5 mm. Potential streamflow of the watershed was 33.2% of infall amount; 73.5% was streamflow during wet period and 26.5 % was streamflow during dry period. he response of hydrological characteristics to land use change in the study period were ivided in 3 phases; 1994-1999, 2000-2005 and 2006-2011. During this period, forest area of the atershed tended to increase. There was 4.25% of forest area in 1992 or the first phase, and creased to be 92.48% and 97.27% in 2000 and 2008, respectively. The annual streamflow and treamflow during wet period tended to decrease from the first to the third phase, while those of ry period trended to increase. According to flow characteristics, it was found that 50% flow intervals tended to increase; they were 72 days at the first phase, 95 and 96 days in the second hase and the third phase, respectively. Increased forest area led to decrements in 5% and 1% intervals of the streamflow. Key words: treamflow, Discharge, Mixed deciduous forest, Linthin watershed ## ำนำ ้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ ทั้งทางด้านอุปโภค บริโภค โดยปริมาณ ้าส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ประโยชน์คือน้ำผิวดินที่อยู่ตามลำห้วย ลำธาร อ่างและเขื่อนกักเก็บน้ำ แต่จากความต้องการใช้ ้าและที่ดินที่เพิ่มขึ้นตามการเพิ่มของประชากร พื้นที่ต้นน้ำลำธารจึงถูกบุกรุกทำลายเปลี่ยนจากพื้นที่ป่าไม้อันอุดม มบูรณ์ไปเป็นพื้นที่ทางการเกษตรและที่อยู่อาศัย ทำให้เกิดความไม่สมดูลของระบบนิเวศน์ในการทำหน้าที่ควบคุม ระบบการดูดซับและระบายน้ำ ตลอดจนความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ ทำให้เราประสบกับปัญหา องการเกิดอุทกภัยในช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกชุก และเกิดความแห้งแล้งขาดแคลงน้ำในช่วงฤดูแล้ง ที่ทำความเสียหายทั้ง ีวิต ทรัพย์สิน ตลอดจนเป็นชนวนความขัดแย้งของประชาชนในพื้นที่จากการแย่งชิงทรัพยากรน้ำ ซึ่งนับวันจะทวี วามรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการบูกรุกทำลายป่าที่เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร การฟื้นฟูฟื้นที่ป่าต้นน้ำ ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดั้งเดิมสามารถเอื้ออำนวยน้ำให้กับประชาชนได้อย่างเหมาะสมก่อเกิดประโยชน์สูงสุด ่อประชาชนและประเทศชาติ จึงเป็นแนวทางการแก้ไขที่ถูกนำมาใช้ในปัจจุบัน ดังนั้นการศึกษณะอุทกวิทยา องพื้นที่ต้นน้ำในปัจจุบันเป็นอย่างไรเปรียบเทียบในอดีตที่ผ่านมา จะช่วยทำให้เราทราบถึงสถานภาพของการฟื้นฟู ้นที่ป่าต้นน้ำในอดีตว่าสำเร็จมากน้อยเพียงใด # ัตถุประสงค์ 1. ศึกษาเปรียบเทียบลักษณะอุทกวิทยาของพื้นที่ต้นน้ำแม่กลองกับในอดีตที่ผ่านมา . ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะอุทกวิทยาและการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินน้ำ ม่กลอง # วิธีการวิจัย ้า ## 1. การรวบรวมและเก็บข้อมูล ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทุติยภูมิด้านต่าง ๆ ของพื้นที่ต้นน้ำแม่กลอง ) เก็บวัดข้อมูลอากาศ ได้แก่ ปริมาณน้ำฝนรายวัน อุณหภูมิอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ และการระเหยน้ำ รายวัน ) วัดปริมาณน้ำในลำธาร โดยใช้เครื่องบันทึกระดับน้ำอัตโนมัติ (Data logger) แล้วนำมาคำนวณหาปริมาณ # . การวิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์หาค่าทางสถิติต่าง ๆ ของข้อมูลอุณหภูมิอากาศ ความชื้นสัมพัทธ์ และการระเหย ปริมาณน้ำฝน รายวัน วิเคราะห์ข้อมูลน้ำท่า ลักษณะการไหลของน้ำท่าในแต่ละช่วงเวลา ตลอดจนเปรียบเทียบปริมาณน้ำในช่วง ้าหลาก (wet period) และช่วงน้ำแล้ง (dry period) ) วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินในช่วงเวลาต่าง ๆ และข้อมูลอากาศกับการเปลี่ยนแปลงปริมาณ ้ำท่า #### ลการศึกษา ารศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยา ตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน พื้นที่ต้นน้ำแม่กลอง จังหวัด าญจนบูรี โดยทำการศึกษาในพื้นที่สุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ ที่มีขนาดพื้นที่ลุ่มน้ำ 109 ารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยป่าธรรมชาติโดยเฉพาะป่าเบญจพรรณผสมไผ่ และมีพื้นที่ทาง ารเกษตรกระจายอยู่บริเวณตอนกลางของลุ่มน้ำ นอกจากนี้ยังมีสวนป่าที่ปลูกฟื้นที่บริเวณตอนล่างของลุ่มน้ำ างเล็กน้อย ซึ่งการดำเนินงานในครั้งนี้ ใช้ข้อมูลที่มีการเก็บรวบรวมในช่วง เมษายน 2537-มีนาคม 2554 มา ำการศึกษา ผลปรากฏดังนี้ # 1. ปริมาณน้ำฝน ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น มีปริมาณน้ำฝนรายปีเฉลี่ย 1,662.6 มิลลิเมตร โดยมีค่าอยู่ในช่วง 1,250.6 -1,937.9 ลลิเมตร ส่วนรอบความผันแปรของปริมาณน้ำฝนรายปี จะอยู่ในช่วงทุกๆ 6 ปี (ภาพที่ 1) และเมื่อนำปริมาณน้ำฝน ลี่ยรายปีไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานปริมาณน้ำฝน พบว่าลุ่มน้ำห้วยน้ำที่มีปริมาณน้ำฝน ายปีสูง สำหรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่วิเคราะห์จาก 10 Year Moving Average พบว่าปริมาณน้ำฝนรายปีมี นวโน้มที่ลดลงเล็กน้อยแต่ไม่เด่นชัดนัก (ภาพที่ 2) การตกของน้ำฝนรายเดือนนั้นพบว่า ช่วงเดือนพฤษภาคม – ันยายน จะเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก เพราะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่น้ำความชื้นมาสู่พื้นที่ และ งครั้งจะได้รับอิทธิพลจากพายูดีเปรสชั่นที่เคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ โดยเดือนกรกฎาคมจะเป็นเคือนที่มี ริมาณน้ำฝนสูงสุด สำหรับช่วงเดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ จะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ี่จะนำพาความแห้งแล้ง และหนาวเย็นมาสู่พื้นที่ ทำให้เกิดภาวะแล้งฝนมีปริมาณฝนตกน้อย โดยเฉพาะในเดือน ันวาคมจะมีปริมาณฝนตกน้อยที่สุด าพที่ 1 ปริมาณน้ำฝนรายปี บริเวณลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น าพที่ 2 แนวโน้มของปริมาณน้ำฝนรายปี จาก 10 year moving mean ริมาณน้ำฝนรายวัน โดยเฉลี่ยจะมีจำนวนวันที่ฝนตกประมาณ 137 วันต่อปี โดยปริมาณน้ำฝนรายวันที่ตก งสุดในรอบวันคือ 175 มิลลิเมตร (ตารางที่ 1) และเมื่อนำข้อมูลปริมาณน้ำฝนรายวันมาแจกแจงการตกของฝน ตาม ่วงชั้นการตกของฝนที่ ประเดิมขัย และสมาน (2528) ได้กำหนดไว้ พบว่า ฝนที่ตกน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร มีมาก ี่สุดโดยมีจำนวน 83 วัน รองลงมาได้แก่น้ำฝนที่ตกระหว่าง 10-30 มิลลิเมตร ส่วนช่วงที่เหลือจะมีปริมาณฝนตกไม่ ากนัก และเมื่อนำจำนวนน้ำฝนที่ตกมาหาเปอร์เซ็นต์การเกิดน้ำฝนในแต่ละระดับ พบว่าระดับของฝนที่มีปริมาณการ กน้อยมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าระดับของฝนที่มีปริมาณมาก ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ กฤษดาพร (2548) ที่ บว่าปริมาณน้ำฝนที่มีปริมาณการตกน้อยจะมีโอกาสเกิดได้มากกว่าฝนที่มีปริมาณการตกเป็นปริมาณมาก สำหรับ ารตกของฝนที่ตกติดต่อกันตั้งแต่ 2 วันขึ้นไปนั้น จากการศึกษาในครั้งนี้พบว่าการตกของฝนที่ติกติดต่อกันจำนวน อยวัน จะมีค่ามากกว่าฝนที่ตกติดต่อกันเป็นจำนวนวันมาก โดยในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น มีจำนวนวันที่เคยเกิดฝนตก ิดต่อกันมากที่สุดถึง 43 วัน ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะเกิดอุทกภัยทำความเสียหายแก่พื้นที่รับน้ำตอนล่างได้ | ลำด้ับ | ช่วงการตกของฝน | จำนวนวันทีมีฝนตก (วัน) | เปอร์เซ็นต์ของจำนวนวันทีฝนตก (%) | |--------|----------------|------------------------|----------------------------------| | 1 | <10 | 83 | 60.58 | | 2 | 10-30 | 42 | 30.66 | | 3 | 30-60 | ರ | 6.57 | | ਧ | 60-100 | 2 | 1.46 | | 5 | >100 | 1 | 0.73 | | รวม | | 137 | 100 | ารางที่ 1 ปริมาณน้ำฝนรายวันเฉลี่ย ในลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น เมษายน 2534-มีนาคม 2554 # . ปริมาณน้ำท่า ักยภาพการให้น้ำท่าของลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น พบว่ามีปริมาณน้ำท่า 60,185,277 ลูกบาศก์เมตร/ปี คิดเป็น ริมาณน้ำท่าต่อพื้นที่ 552,513 ลูกบาศก์เมตร/ตารางกิโลเมตร และเป็นความสูง 552.5 มิลลิเมตร ซึ่งคิดเป็น ักยภาพการให้น้ำท่า 33.2 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำฝน (ตารางที่ 2) เมื่อน้ำปริมาณน้ำท่ารายปีต่อพื้นที่ และปริมาณ ้ำท่าต่อปริมาณน้ำฝนรายปี ไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานตามตารางผนวกที่ 1 จะพบว่า ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่นเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำที่มีศักยภาพการให้ปริมาณน้ำท่าปานกลาง | เดือน | ปรีมาณน้าผน | ปริมาณน้าท่า | | | | | |-------------------------------|-------------|----------------|------------------------------|-------------|--|--| | | (มิลลิเมตร) | (ลูกบาศก์เมตร) | (ลูกบาศก์เมตร/ตารางกิโลเมตร) | (มิลลิเมตร) | | | | เมษายิน | 95.2 | 1,736,707 | 15,943 | 15.9 | | | | พฤษภาคม | 213.7 | 2,385,930 | 21,903 | 21.9 | | | | มิถุนายน | 211.7 | 3,301,668 | 30,310 | 30.3 | | | | กรกฎาคม | 300.2 | 6,179,962 | 56,733 | 56.7 | | | | สิงหาคม | 286.1 | 8,592,398 | 78,880 | 78.9 | | | | กันยายน | 280.0 | 11,239,760 | 103,183 | 103.2 | | | | ตุลาคม | 166.3 | 10,777,897 | 98,943 | 98.9 | | | | พฤศจิกายน | 23.9 | 6,207,194 | 56,983 | 57.0 | | | | ธันวาคม | 3.2 | 3,736,299 | 34,300 | 34.3 | | | | มกราคม | 7.2 | 2,624,850 | 24,097 | 24.1 | | | | กุมภาพันธ์ | 23.7 | 1,776,648 | 16,310 | 16.3 | | | | มีนาคม | 51.5 | 1,625,962 | 14,927 | 14.9 | | | | รวม | 1,662.6 | 60,185,277 | 552,513 | 552.5 | | | | เปอร์เซ็นต้น้าท่าต่อนัาฝน (%) | | | | 33.2 | | | ารางที่ 2 ปริมาณน้ำท่าลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ลการศึกษาปรีมาณน้ำท่าในช่วงน้ำหลาก (wet period) และแล้งฝน (dry period) พบว่าลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น ปริมาณน้ำท่าไหลในช่วงน้ำหลาก 73.5 เปอร์เซ็นต์ และปริมาณน้ำท่าไหลในช่วงแล้งฝน 26.5 เปอร์เซ็นต์ของ ริมาณน้ำทั้งปี (ตารางที่ 3) เมื่อพิจารณาถึงศักทำในช่วงแล้งฝน ซึ่งเป็นช่วงที่มีฝนตกน้อย ปริมาณน้ำ ะเกิดจากบทบาทของดินในการปลดปล่อยความชื้นออกจากดินในลักษณะน้ำไหลใต้ดิน โดยคินจะปลดปล่อย วามชื้นที่สะสมอยู่ในรูปน้ำฉาบผิวหน้าเม็ดดิน และอยู่ในช่องว่างขนาดเล็กมากของดิน ความชื้นจะเคลื่อนที่อย่างช้าๆ ้วยแรงเกาะยึดโมเลกุลของน้ำถ่ายเท่อเนื่องกันไปจากสันเขาจนถึงพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำจนทำให้ความขึ้นของดิน ริเวณใกล้ลำห้วยมีความชื้นเพิ่มขึ้นจนถึงจุดอิ่มตัวแล้วไหลซึมลงสู่ลำธารเป็นปริมาณน้ำท่าในช่วงแล้งฝนต่อไป (เกษม, 539) | ช่วงเวลา | เดือน | ปริมาณนำฝน | | ปริมาณน้ำท่า | | | |-------------|------------------|-------------|------|--------------|------|--| | | | (มิลลิเมตร) | (%) | (มิลลิเมตร) | (%) | | | ช่วงน้ำหลาก | เมษายน-ตุลาคม | 1,553.1 | 93.4 | 405.9 | 73.5 | | | ช่วงน้ำแล้ง | พฤศจิกายน-มีนาคม | 109.5 | 6.6 | 146.6 | 26.5 | | | รวม | | 1,662.6 | 100 | 552.5 | 100 | | ารางที่ 3 ปริมาณน้ำท่าช่วงน้ำหลากและน้ำแล้งลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น าหรับปริมาณท่าในช่วงแล้งฝนที่ศึกษาได้ในครั้งนี้ พบว่า มีค่าสูงกว่าป่าเต็งรัง จังหวัดสกลนคร ที่มีปริมาณ ้าท่าในช่วงแล้งฝนเพียง 2.6 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำทั้งปี (โสภณ และคณะ, 2555) ป่าดิบชิ้นคลองบางเลน จังหวัด ราษฎร์ธานี ที่พบว่ามี 16 เปอร์เซ็นต์ (เสาวคนธ์, 2543) แต่จะมีค่าต่ำกว่าป่าดิบเขา จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีปริมาณน้ำ นช่วงแล้งฝนประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์, 2522) แสดงให้เห็นว่า ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่นมีศักยภาพการให้น้ำท่า นช่วงแล้งฝนค่อนข้างสูง ทั้งนี้ เนื่องจากลุ่มน้ำลิ่นลิ่นลึก ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนเหนียวปนทราย มีความพรุนสูง ละมีความสามารถในการกักเก็บน้ำไว้ได้มากจึงทำให้มีปริมาณน้ำที่จะปลดปล่อยลงสู่ลำธารในช่วงแล้งมากตามไป ้วย ซึ่งสอดคล้องกับที่ สาโรจน์ และคณะ (2554) สรุปไว้ว่าช่องว่างภายในดิน และความลึกของชั้นดินจะมีบทบาท ่อการกักเก็บน้ำฝนในช่วงต้นฤดูฝน และการปลดปล่อยในช่วงฤดูแล้ง โดยดินที่มีความสามารถในการกักเก็บน้ำไว้ใน นค่อนข้างสูง ย่อมทำให้มีการระบายน้ำสู่ลำธารอย่างช้า ๆ ตลอดเวลาและค่อนข้างสม่ำเสมอ ักษณะการไหลของน้ำท่า ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่นเป็นลุ่มน้ำที่มีน้ำไหลตลอดปี (perennial stream) โดย ริมาณน้ำท่าจะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตั้งแต่เคือนเมษายน – มิถุนายน เพราะช่วงนี้ดินยังมีความชื้นน้อย ฝนที่ตกลงมา ่วนใหญ่จะถูกดินดูดซับไว้ แล้วปริมาณน้ำท่าจึงเริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในเดือนกรกฎาคมจนมีค่าสูงสุดในเดือน นยายน ซึ่งเป็นเดือนที่ดินอิ่มตัวด้วยน้ำ ปริมาณน้ำที่ถูกเก็บสะสมไว้ในดิน จะถูกระบายลงสู่ลำธาร (Mishra และ Singh, 2003) ร่วมกับปริมาณน้ำท่าที่เกิดจากฝนที่ตกในเดือนนี้ จึงทำให้มีปริมาณน้ำสูงสุดดังกล่าว หลังจากนั้นแล้ว ริมาณน้ำท่าจะเริ่มลดลงในเดือนพฤศจิกายน จนมีค่าต่ำสุดในเดือนมีนาคม (ภาพที่ 3) เพราะเป็นช่วงที่มีปริมาณฝน กน้อยหรือไม่มีฝนตกลงมาเติมในพื้นที่เลย ปริมาณน้ำท่าจะเกิดจากความชื้นที่ถูกกักเก็บไว้ในดินในช่วงก่อนหน้าแล้ว ระบายลงสู่ลำธาร # 3. การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ต่อปริมาณน้ำท่า # .1 การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ ำหรับพื้นที่ป่าไม้ในลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในปี พ.ศ.2535, 2543 และ 551 พบว่า มีพื้นที่ป่าไม้ 58,240, 63,930 และ 67,241 ไร่ ตามลำดับ หรือคิดเป็น 84.25, 92.48 และ 97.27 ปอร์เซ็นด์ จะเห็นว่าในช่วงปี พ.ศ. 2535-2543 พื้นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้น 8.23 เปอร์เซ็นต์ และในช่วงปี พ.ศ.2543-2551 นที่ป่าไม้เพิ่มขึ้น 4.79 เปอร์เซ็นต์ ดังแสดงในตารางที่ 4 โดยพื้นที่ป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากพื้นที่ทำการเกษตร มและพื้นที่ไร่ร้างที่ไม่มีการใช้ประโยชน์ได้มีการฟื้นตัวโดยมีไม้เบิกนำโตเร็ว และลูกไม้ของไม้ท้องถิ่นเดิมขึ้นปกคลุม นที่ รวมทั้งจากพื้นที่สวนป่าที่มีการปลูกฟื้นที่ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มเจริญเติบโตปกคลุมพื้นที่อย่างเด่นชัด | ปี พ.ศ. | พื้นที่ป่าไม้ | | | | | | |---------|---------------|---------------|---------------------------|--|--|--| | | (ใร่) | (เปอร์เซ็นต์) | (เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น) | | | | | 2535 | 58,240.69 | 84.25 | | | | | | 2543 | 63,930.73 | 92.48 | 8.23 | | | | | 2551 | 67,241.44 | 97.27 | 4.79 | | | | ารางที่ 4 พื้นที่ป่าไม้บริเวณลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ปี พ.ศ.2535-2551 # .2 การเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำท่า ากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำท่ารายปี พบว่ามีลักษณะที่ผันแปรไปในทางเดียวกันกับการ ปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝนรายปี (ภาพที่ 4) ซึ่งสอดคล้องกับที่ Wisler และ Brater (1959) กล่าวไว้ว่าปริมาณ ้ำท่าจะผันแปรโดยตรงกับปริมาณน้ำฝน าพที่ 4 ปริมาณน้ำท่ารายปี บริเวณลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น าหรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำท่ารายปี ที่ใช้ 10 year moving mean เป็นเครื่องมือ วิเคราะห์ทาแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง พบว่าปริมาณน้ำท่ารายปีจะมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย (ภาพที่ 5) าพที่ 5 แนวโน้มของปริมาณน้ำท่าและปริมาณน้ำฝนรายปี จาก 10 year moving mean ำหรับการศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงปริมาณน้ำท่าในครั้งนี้ ได้แบ่งช่วงเวลาการศึกษาออกเป็น 3 ช่วง ามรอบความผันแปรของปริมาณน้ำฝนและให้ครอบคลุมกับการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ป่าไม้ คือ ช่วงปี พ.ศ. 2537-542 ช่วงปี พ.ศ. 2543-2548 และช่วงปี พ.ศ. 2549-2554 ผลปรากฏดังตารางที่ 5 ซึ่งจะพบว่าปริมาณน้ำฝนในแต่ ะช่วงเวลาจะมีค่าใกล้เคียงกันโดยปริมาณน้ำฝนจะอยู่ระหว่าง 1,643.6-1,674.8 มิลลิเมตร และปริมาณน้ำฝนส่วน ใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงน้ำหลาก ส่วนในช่วงแล้งฝนมีปริมาณน้ำฝนอยู่เพียง 5.5-8.7 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำฝนทั้งปี ำหรับปริมาณน้ำท่ารายปีจะอยู่ในช่วง 552.2-582.7 มิลลิเมตร หรือคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อน้ำฝนระหว่าง 31.2-34.9 ปอร์เซ็นต์ าหรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของปริมาณท่าในแต่ละช่วงเวลา ดังแสดงในภาพที่ 6 พบว่าปริมาณน้ำท่า ายปีจะมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงเล็กน้อย ส่วนปริมาณน้ำท่าในช่วงน้ำหลากก็จะมีเนวโน้มการเปลี่ยนแปลง ี่ลดลงเช่นเดียวกันกับปริมาณน้ำท่ารายปี ส่วนปริมาณน้ำท่าในช่วงแล้งฝนจะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น า ก ก ก า ร ที่ ริมาณน้ำท่ารายปีมีปริมาณลดลงเล็กน้อย น่าจะเกิดจากการกระจายการตกของฝนที่มีปริมาณการตกของฝนในช่วงที่ ปริมาณน้ำฝนสูง น้อยกว่าช่วงแรกที่ทำการศึกษา (ช่วงปี พ.ศ. 2537-2542, 2543-2548 และ 2549-2554 มี ริมาณน้ำฝนมากกว่า 10 มิลลิเมตร จำนวน 39.42, 32.5 และ 34.6 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งสอดคล้องกับที่ Chow (1964) ใจัสรุปไว้ว่าปริมาณน้ำฝนที่มีปริมาณการตกสูงจะมีอิทธิพลต่อการเกิดน้ำท่าอย่างมาก โดยเฉพาะปริมาณฝนที่ตกเกิน 20 มิลลิเมตรจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลที่จะเกิดเจน รวมทั้งชนิดของพืชที่ขึ้นทดแทน ส่วนใหญ่เป็นไม้ บิกน้ำที่มีความต้องการใช้น้ำเพื่อการเจริญเติบโตสูง และมีเรือนยอดใกล้เคียงกัน ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำไปกับคาย ารระเหยทางปากใบ (วารินทร์ และคณะ, ไม่ระบูปีที่พิมพ์ ; สมชาย และคณะ, 2547) ่วมปริมาณน้ำท่าในช่วงน้ำหลากที่มีปริมาณลดลง น่าจะเกิดจากการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าไม้อันเนื่องมาจาก ารที่พื้นที่ที่ถูกบุกรุกมีการทดแทนเป็นป่ารุ่นที่สองเพิ่มมากขึ้น โดยป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นจะช่วยชะลอการไหลบ่าของน้ำหน้า วดินให้ข้าลง โดยพืชพรรณที่ปกคลุมดินจะช่วยยับยั้งการไหลบ่าของหน้าดิน ช่วยลดอัตราหลากของน้ำท่า (Colman, 1953) จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้มีการชื่นน้ำลงไปกักเก็บในดินมากขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดปริมาณน้ำในช่วงน้ำหลาก ังกล่าว ดังที่ พงษ์ศักดิ์ และสุชาติ (2552) ศึกษาพบว่าการเจริญเติบโตของต้นไม้ในสวนป่าที่ปลูกทั้นที่ปาท้นน้ำ ะช่วยปรับปรุงสภาพดินให้สามารถดูดซับน้ำได้มากขึ้น าหรับปริมาณน้ำท่าในช่วงแล้งฝนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2543-2548 นั้นอาจจะเป็น พราะมีปริมาณน้ำฝนตกในช่วงแล้งฝนมากกว่าช่วงก่อนหน้านั้น ประกอบกับในช่วงเดือนตูลาคมที่เป็นช่วงปลายของ ดูฝน ได้มีปริมาณน้ำฝนตกเป็นปริมาณมากทำให้น้ำฝนส่วนนี้จะถูกปลดปล่อยลงสู่ลำธารในช่วงเวลาต่อมา จึงทำให้ ริมาณน้ำท่าในช่วงแล้งฝนมีปริมาณเพิ่มขึ้นดังกล่าว ส่วนในช่วง ปี พ.ศ.2549-2554 ปริมาณน้ำท่าที่เพิ่มขึ้นนอกจาก ะมาจากลักษณะการตกของฝน ที่กล่าวมาแล้ว ยังน่าจะเกิดจากการเพิ่มขึ้นของที้นที่ป่าไม้อันเนื่องมาจาก ารที่พื้นที่ที่ถูกบุกรูกมีการทดแทนป็นป่ารุ่นที่สองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งป่าไม้ช่วยชะลอการไหลบ่าของน้ำหน้าดินในช่วง ้าหลากทำให้น้ำมีโอกาสซึมลงดินได้เพิ่มขึ้น และป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นจะมีอิทธิพลต่อดิน คือ จะช่วงส่งเสริมสมรรถนะการ ีมน้ำผ่านผิวดิน ความพรุนของดิน และโครงสร้างของดินให้ดีขึ้น ทำให้สามารถดูดซับน้ำไว้ได้มาก (Whippy และ Kirkby, 1978) จึงทำให้มีน้ำปลดปล่อยลงสู่ลำธารในช่วงแล้งฝนเพิ่มขึ้น | | | ปี 2537-2542 | | ปี 2543 - 2548 | | ปี 2549 - 2554 | | |-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------|---------|--------------|---------|----------------|---------|----------------|--| | เดือน | น้ำฝน | น้ำท่า | น้ำฝน | | น้ำฝน | | | | | (มม.) | (มม.) | (มม.) | น้ำท่า(มม.) | (มม.) | น้ำท่า(มม.) | | | เม.ย. | 90.2 | 13.94 | 104.9 | 19.21 | 90.5 | 14.68 | | | W.P. | 181.5 | 20.49 | 244.3 | 28.26 | 215.2 | 16.96 | | | มิ.ย. | 198.2 | 24.12 | 208.7 | 32.63 | 228.2 | 34.18 | | | | 361.8 | 77.73 | 225.9 | 47.83 | 313 | 44.64 | | | ର୍ୟାନ୍ୟ କରିବା ପାଇଁ ପାଇଁ ବିଧାନ ସଭାକୁ ନିର୍ବାଚନ ହୋଇଥାଏ । ଏହା ବିଧାନ ସଭାକୁ ନିର୍ବାଚନ ହୋଇଥିବା ବିଧାନ ସଭାକୁ ନିର୍ବାଚନ ମଧ୍ୟ | 290.3 | 104.49 | 269.4 | 68.51 | 298.5 | 63.64 | | | ‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌ | 312.9 | 123.27 | 267.3 | 88.53 | 259.7 | 97.75 | | | ഴി.Pl. | 143.1 | 113.46 | 181.2 | 94.31 | 174.6 | 89.06 | | | รวม เม.ย.-ต.ค. | 1,578.0 | 477.5 | 1,501.7 | 379.28 | 1,579.7 | 360.91 | | | เปอร์เซ็นต์ | 94.5 | 81.9 | 91.4 | 68.6 | 94.3 | 69.1 | | | พ.ย. | 26.5 | 40.08 | 24.3 | 64.95 | 20.9 | 65.92 | | | ‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌‌ | 0.5 | 21.56 | 3 | 39.11 | б | 42.23 | | | ม.ค. | 15 | 18.97 | 5.6 | 28.92 | 1.1 | 24.4 | | | ก.พ. | 4.7 | 13.06 | 47.6 | 21.12 | 18.8 | 14.75 | | | มี.ค. | 44.7 | 11.51 | 61.4 | 19.24 | 48.3 | 14.03 | | | รวม พ.ย.-มี.ค. | 91.4 | 105.18 | 141.9 | 173.34 | 95.1 | 161.33 | | | เปอร์เซ็นต์ | 5.5 | 18.1 | 8.6 | 31.4 | 5.7 | 30.9 | | | รวม | 1,669.4 | 582.7 | 1,643.6 | 552.6 | 1,674.8 | 522.2 | | | เปอร์เซ็นต์นำท่าต่อนำฝน | | 34.9 | | 33.6 | | 31.2 | | ารางที่ 5 ปริมาณน้ำท่าและน้ำฝน ในแต่ละช่วงเวลาของลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น าพที่ 6 การเปลี่ยนแปลงของน้ำท่ารายปี น้ำท่าช่วงน้ำหลาก น้ำท่าช่วงแล้งฝน และพื้นที่ป่าไม้ # .3 การเปลี่ยนแปลงช่วงระยะเวลาการไหลของน้ำท่า ารศึกษาช่วงระยะเวลาการไหลของน้ำท่า ที่มีการนำเปอร์เซ็นต์น้ำท่าสะสมกับเวลา มาเขียนกราฟหา วามสัมพันธ์ในรูป S-curve แล้วคำนวณหา วันที่ปริมาณน้ำท่าที่กำหนดให้ใหลผ่านจุดวัดน้ำ และช่วงระยะเวลาที่ ริมาณน้ำที่กำหนดไหลในลำธาร ซึ่ง นิพนธ์ และคณะ (2538) ได้ให้หลักการไว้ว่า ถ้าลุ่มน้ำมีการควบคุมการหลาก องน้ำทำในลำธารให้ค่อยๆ ทยอยไหลออกมาหรือมีการกักเก็บน้ำได้ดี จำนวนวันที่น้ำไหล (Flow date) ผ่านจุดวัด ้ำ ในช่วงต่างๆ จะมีระยะเวลายาวนาน และปริมาณน้ำในช่วง 5 และ 1 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของน้ำท่าทั้งหมด จะมี ระยะเวลาสั้นลง สำหรับผลการไหลของน้ำท่าในครั้งนี้ ปรากฏดัง ตารางที่ 6 และภาพที่ 7-9 | PI I G I VIII O<br>ഗ്രാമ്പര 171 വർവ്വാലി ശ്രീ ശ | | | | | | | | |--------------------------------------------------|-------------------------|--------|-------------------------|--------|--------|-------|-------| | ช่วงปี | วันที่น้ำไหล(Flow date) | | จำนวนวัน(Flow Interval) | | | | | | | 1/4 FD | 1/2 FD | 3/4 FD | 1/4 Fl | 1/2 Fl | 5% FD | 1% FD | | 2537-2542 | 124 | 165 | 200 | 35 | 72 | 66 | 15 | | 2543-2548 | 129 | 178 | 227 | 46 | 95 | 42 | 10 | | 2549-2554 | 132 | 180 | 228 | 48 | 96 | ਦੇ ਪੈ | 11 | ารางที่ มายเหตุ 1/4 FD (1/2 flow date) คือวันที่น้ำ 1/4 หรือ 25 % ของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจุดวัด FD (1/2 flow date) คือวันที่น้ำ 1/2 หรือ 50 % ของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจุดวัด FD (1/2 flow date) คือวันที่น้ำ 1/4 หรือ 75 % ของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจดวัด (1/4 flow interval) คือช่วงเวลาที่สั้นที่สุด (จำนวนวัน) ที่น้ำ 1/4 หรือ 25%ของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจดวัด (1/2 flow interval) คือช่วงเวลาที่สั้นที่สุด (จำนวนวัน) ที่น้ำ 1/2 หรือ 50%ของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจุดวัด FI (5% flow interval) คือจำนวนวันที่น้ำ 5 % สุดท้ายของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจุดวัด Fl (1% flow interval) คือจำนวนวันที่น้ำ 1 % สุดท้ายของน้ำท่าทั้งหมดไหลผ่านจุดวัด ากผลการศึกษาข้างต้นจะเห็นได้ว่าระยะเวลาที่ปริมาณน้ำ 1/4 flow date, 3/4 flow ate ตลอดจนช่วงเวลา 1/4 flow interval และ 1/2 flow interval มีระยะเวลายาวนานขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของ นที่ป่าไม้ แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ป่าไม้ในล่มน้ำท้วยลิ่นถิ่นที่เพิ่มขึ้น จะมีส่วนช่วยในการควบคุมการหลากของน้ำในช่วง ดูน้ำหลากให้มีระยะเวลายาวนานขึ้นหรือดีขึ้นนั้นเอง และเมื่อพิจารณาถึงปริมาณน้ำในช่วง 5 และ 1 เปอร์เซ็นต์ ดท้ายของน้ำท่าทั้งหมด (5% flow interval และ 1% flow interval ) ที่มีระยะเวลาสั้นลงนั้นแลดงให้เห็นว่าการ มั่มขึ้นของพื้นที่ป่าไม้ จะทำให้ลุ่มน้ำมีความสามารถในการกักเก็บน้ำไว้ได้มากขึ้นจนทำให้มีปริมาณน้ำที่จะปลดปล่อย นช่วงแล้งฝนมากขึ้น ซึ่งความสามารกักเก็บน้ำที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการชอนไชของรากพืชทำให้เกิดรูพรุนในดิน ากขึ้น (เกษม, 2539) ช่วงเวลาการใหลของน้ำท่าจากการศึกษาในครั้งนี้จะมีค่าใกล้เคียงกับลุ่มน้ำป่าเบญจพรรณ องที่จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งศึกษาโดย สราวุธ (2538) และป่าคิบขึ้น ท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เสาวคนธ์, 2543) าพที่ 7 เปอร์เซ็นต์น้ำท่าสะสมในช่วงเวลาต่าง ๆ ของลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น ปี พ.ศ. 2537-2542 าพที่ 8 เปอร์เซ็นต์น้ำท่าสะสมในช่วงเวลาต่าง ๆ ของลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น ปี พ.ศ. 2543-2548 าพที่ 8 เปอร์เซ็นต์น้ำท่าสะสมในช่วงเวลาต่าง ๆ ของลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น ปี พ.ศ. 2549-2554 # รุปผลการศึกษา ารศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยาตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน พื้นที่ต้นน้ำแม่กลอง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ ใช้ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบูรี เป็นพื้นที่ศึกษา ผลสรุปได้ดังนี้ . ลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่น เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนอยู่ในเกณฑ์สูง มีค่าเฉลี่ยน้ำฝนรายปี 1,662.6 มิลลิเมตร โดย ปริมาณน้ำฝนตกหนักในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตูลาคม และมีปริมาณฝนตกหนักที่สุดในเดือนกรกฎาคม มีจำนวน ันฝนตกเฉลี่ย 137 วันต่อปี และการกระจายการตกของฝนส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงน้อยกว่า 10 มิลลิเมตร . ศักยภาพการให้น้ำท่า มีปริมาณน้ำท่า 60,185,277 ลูกบาศก์เมตร เป็นปริมาณน้ำท่าต่อพื้นที่ 552,513 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นความสูง 552.5 มิลลิเมตร มีศักยภาพการให้น้ำท่าต่อปริมาณน้ำฝนปานกลาง รมาณ 33.2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำฝน เป็นปริมาณน้ำในช่วงน้ำหลาก 73.5 เปอร์เซ็นต์ และเป็นน้ำในช่วงแล้งฝน 26.5 อร์เซ็นต์ สำหรับศักยภาพการให้น้ำท่าในช่วงแล้งฝนมีค่าค่อนข้างสูง เนื่องจากมีดินที่มีความสามารถในการกักเก็บ ้าไว้ในดินค่อนข้างสูง จึงทำให้มีการระบายน้ำสู่ลำธารอย่างช้าๆ ตลอดเวลา และค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดปี . แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของน้ำท่า พบว่า ปริมาณน้ำท่ารายปีจะมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย เกิดจากการ ระจายการตกของฝน และการสูญเสียน้ำที่เพิ่มขึ้นจากไม้เบิกนำในพื้นที่ป่าทดแทนที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับปริมาณน้ำ ในช่วงน้ำหลากที่จะมีแนวโน้มลดลง ส่วนปริมาณน้ำในช่วงแล้งฝนวโน้มที่เพิ่มขึ้น สำหรับช่วงเวลาการไหลของ ้ำท่าในช่วงน้ำหลากในแต่ละช่วงเวลาของปี จะมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น โดยในช่วงระยะเวลา 17 ปีที่ทำการศึกษา ละแบ่งเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ปี พ.ศ. 2537-2542, พ.ศ. 2543-2548 และ พ.ศ. 2549-2554 ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ ่าไม้อันเนื่องมาจากการที่พื้นที่ที่ถูกบูกรูกมีการทดแทนเป็นป่ารุ่นที่สองเพิ่มมากขึ้น โดยมีพื้นที่ป่าไม้ 58,240, 63,930 ละ 67,241 ไร่ ตามลำดับ และพบว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทั้งหมดจะมีระยะเวลาการไหลที่เพิ่มขึ้น ากจาก 72 วัน เป็น 95 และ 96 วัน ตามลำดับ และระยะเวลาที่ปริมาณน้ำ 5 และ 1 เปอร์เซ็นต์สุดท้ายของน้ำ ั้งหมด มีระยะเวลาที่สั้นลง ตามการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าการเพิ่มขึ้นของพื้นที่ป่าไม้จะมีอิทธิพลต่อ วามสามารถในการควบคุมและชะลอการไหลของน้ำท่าในช่วงน้ำหลาก ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้มีการซึมน้ำลงไปเก็บ ในดินมากขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยลดปริมาณน้ำในช่วงน้ำหลาก และทำให้มีปริมาณน้ำปลดปล่อยลงสู่ลำธารในช่วงแล้งฝน พิ่มขึ้น ลจากการศึกษาขี้ให้เห็นว่าลุ่มน้ำห้วยลิ่นถิ่นเป็นลุ่มน้ำที่มีศักยภาพการให้น้ำท่าที่ดี และมีแนวโน้มการ ปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ในการทำหน้าที่คูดซับและระบายน้ำ แต่จากสภาพพื้นที่ที่มีความสูงชั้นถ้ามีปริมาณน้ำฝนตกเกิน วามสามารถที่พื้นที่จะดูดซับไว้ จะทำให้มีโอกาสเกิดเป็นน้ำหน้าผิวตินที่ใหลหลากลงสู่พื้นที่ตอนล่างอย่างรวดเร็ว อัน ะทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่อยู่ตอนล่างของพื้นที่ลุ่มน้ำได้ ### กสารอ้างอิง - ฤษดาพร งหวัดเชียงใหม่. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท. มหาวิทยาลักเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. - าษม จันทร์แก้ว. 2539. หลักการจัดการลุ่มน้ำ. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 789 น. - พนธ์ ตั้งธรรม, สามัคคี บุณยะวัฒน์ เละวีระศักดิ์ อุดมโชค. 2538. ผลกระทบของการพัฒนาการใช้ที่ดินต่อสมดุลของน้ำใน ่มน้ำเจ้าพระยา สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพฯ. 94 น. - ระเดิมชัย แสงคู่วงษ์ และสมาน รวยสูงเนิน. 2528. อุณหภูมิอากาศบริเวณป่าบญจพรรณ อำเภอทองผาภูมิ จังหวัด าญจนบุรี. ฝ่ายวิจัย กองอนุรักษ์ต้นน้ำ กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรสหกรณ์, กรุงเทพฯ. 13 น. งษ์ศักดิ์ วิทวัสชุติกุล และ สุชาติ มูลเมือง. 2552. น้ำท่าหลังการฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่. ่วนวิจัยต้นน้ำ สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. 10 น. - มพี่มศักดิ์ มกราภิรมย์. 2522. ลักษณะอุทกวิทยาของดินที่สัมพันธ์กับน้ำในลำธารช่วงแล้งฝนของป่าคิบเขาธรรมชาติ ภาคเหนือ องประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. - ารินทร์ จิรสูงทวีกุล พรชัย ปรีชาปัญญา พงษ์ศักดิ์ วิทวัสซุติกูล อาทร บุญเสนอ ธรรมนูญ แก้วอำพูท สุชาติ มูลเมือง และ ชวาล จันทร์กล้า. ไม่ระบุปีที่พิมพ์. น้ำลำธารจากการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณภูเขา. กลุ่มลุ่มน้ำ ส่วนวิจัยและพัฒนา ิ่งแวดล้อมป่าไม้ สำนักวิชาการป่าไม้ กรมป่าไม้. กรุงเทพฯ. 5 น. - มชาย อ่อนอาษา อาทร บุญเสนอ และชลดา อ่อนอาษา. 2547. ศักยภาพการให้น้ำในล้าธรรมองพื้นที่ต้นน้ำบริเวณลู่มน้ำเข็ก .ขาค้อ จ.เพชรบูรณ์. สำนักอนุรักษ์และจัดการต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธู้พืช. 19 น. - ราวุธ นาแรมงาม. 2538. อิทธิพลของกวิทยาในป่าประเทศไทย. สัมมาครั้งที่ 2. สาขาการ ัดการต้นน้ำ ภาคอนุรักษ์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. 20น. - าโรจน์ ประพันธ์, พิฉพิพย์ ธิติโรจนะวัฒน์ และพงษ์ศักดิ์ วิทวัสซุติกูล. 2554. ลักษณะการให้น้ำท่าไหลในลำธารของป่าต้น ้ำ. ส่วนวิจัยต้นน้ำ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธู้พืช, กรุงเทพฯ. 10 น. - าวคนธ์ โนสูงเมิน. 2543. บทบาทของป่าดิบชิ้นธรรมชาติบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสูราษฎร์ธานีท่อลักษณะ ารไหลของน้ำในลำธาร. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท. มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ. - สภณ ทิพย์อาภา สมชาย อ่อนอาษา ศักดิ์สิทธิ์ กิจขยัน และชลาทร ศรีฑุลานนท์. 2555. บทบาทของฝายต้นน้ำต่อการไหล องน้ำและการกักเก็บตะกอน ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร. 20 น. - how, V.T. 1964. Handbook of Applied Hydrology. McGraw-Hill Book Co., New York. 152 p. - olman, E.A. 1953. Vegetation and Watershed Management. The Ronald Press, New York. 412p. - ank, R. J. and G. L. Ashcroft. 1980. Applied Soil Physics. Springer-Verlag, Hedelberg, Berlin. - Mishara, S.K. and V.P. Singh. 2003. Soil conservation Service Curve Number (SCS-CN) Methodology. Klumwer Academic Publishers. Dordrecht. 513 p. - hippy, R.Z. and M.J. Kirkby. 1978. Flow within the soil, pp30-48. In M.J.Kirkby (ed). Hillslope Hydrology. John Wiley & Sons, Inc. New York. - isler, C.O. and E.F. Brater. 1959. Hydrology. John Wiley and Sons, Inc., New York. 419 p.
Goverment data catalog smart plus
{ "title": "การศึกษาลักษณะทางอุทกวิทยาตามการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินพื้นที่ต้นน้้าแม่กลอง", "url": "https://catalog.dnp.go.th/dataset/52cbb6de-0e1b-4240-81f7-2ee02fbf3bed/resource/e1a77796-4088-42c8-8bed-d10815c95179/download/r015601.pdf", "license": "Open Data Common" }
1
"ู่มือประชาชน ื่อติดตามนโยบาย ละแพน(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"ทรัพยากรธรณี และทรัพยากรพลังงา(...TRUNCATED)
2
"### โยบาย มาตรการและสถาบันเพื่อการพั(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"นโยบาย มาตรการและสถาบันเพื่อกา(...TRUNCATED)
3
"## ายงาน\n\n## โครงการปรับปรุงและทั่วเน(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"PU","url":"https://www.openbase.in.th/files/ebook/thanapol/report_pj_pu026.pdf","license":(...TRUNCATED)
4
"# อบทะเปรีดี บบบผลงค์ ามทัศนะ ส. ศิวร(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"เรื่องนายปรีดี พนมยงค์ ตามทัศนะ (...TRUNCATED)
5
" 1\n\nอนกลับ\n\n:\n\n \n\n:\n\n \n\n \n\n วิมุตติมรรค .\n\n# ิ(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"วิมุติมรรค- พระเทพโสภณ(ประยูร ธม(...TRUNCATED)
6
"#### ระสิตตันตปิฎก\n\nังยูตตนิกาย สพายต(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬา(...TRUNCATED)
7
"อกสารประกอบสัมมนาวิชาการเรื่อง โล(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์","(...TRUNCATED)
8
"นวันที่หลวงปี่มั่น ภริทตโต รรณธรรม(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"ในวันที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต บ(...TRUNCATED)
9
"ระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า ที่(...TRUNCATED)
openbase.in.th
{"title":"พุทธวิธีในการสอน- พระพรหมคุณาภร(...TRUNCATED)
End of preview. Expand in Data Studio
README.md exists but content is empty.
Downloads last month
31