question_id
int64 1
17k
| question_type
int64 1
2
| question
stringlengths 11
207
| context
stringlengths 56
98.9k
| answer
stringlengths 1
135
| answer_begin_position
float64 79
65.4k
⌀ | answer_end_position
float64 82
65.4k
⌀ |
---|---|---|---|---|---|---|
16,901 | 2 |
ชุมเห็ดไทย เป็นไม้ยืนต้นซึ่งสูงประมาณ 1 เมตร ในวงศ์ Leguminosae ใช่หรือไม่
|
ชุมเห็ดไทย ชุมเห็ดไทย () เป็นไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1 เมตร ในวงศ์ Leguminosae มีชื่อท้องถิ่นอื่นคือ ชุมเห็ดควาย, ชุมเห็ดไทย, ชุมเห็ดนา, ชุมเห็ดเล็ก (ภาคกลาง); พรมดาน (สุโขทัย); ลับมือน้อย (ภาคเหนือ); หญ้าลึกลืน (ปราจีนบุรี)ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์. ชุมเห็ดไทยเป็นไม้ลมลุกและไม้พุ่มเตี้ยขนาดเล็ก พุ่มต้นสูงประมาณ1 เมตร ส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 12.3-17.4 มิลลิเมตร ลำต้นสีเขียวอมน้ำตาลแดง ไม่มีขน ใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ มีใบย่อย 3 คู่ รูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกมไข่กลับ กว้าง 1.5-2.5 ซม. ยาว 2-4 ซม. ดอกสีเหลือง ออกเป็นช่อดอกที่ซอกใบ เป็นกระจุก ดอกเดี่ยวมีก้านช่อดอกออกจากจุดเดียวกัน ช่อดอกยาว 2.71-4.03 เซนติเมตร มี 1-3 ดอกต่อช่อ มี 5 กลีบดอก ฐานรอบกลีบดอกสีขาวอมเหลืองมีขนครุยตามขอบ อับเรณู (anther) สีเหลืองอมน้ำตาล ผลเป็นฝักเล็กแบนยาว เมล็ดรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน สีน้ำตาลแกมเขียวการแพร่กระจายพันธุ์ การแพร่กระจายพันธุ์. ชุมเห็ดไทยมีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ขึ้นกระจายทั่วไป เป็นวัชพืชในเขตร้อนชื้น ในไทยพบทั่วทุกภาคการขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์. ชุมเห็ดไทย เป็นพืชที่ปลูกโดยใช้เมล็ด ปลูกได้ง่าย ขึ้นได้ทั่วไปในดินทุกชนิด แต่ชอบที่ชุ่มชื้นปลูกได้ตลอดทั้งปีสรรพคุณ สรรพคุณ. ชุมเห็ดไทยเป็นยาช่วยให้นอนหลับและช่วยสงบประสาทได้เป็นอย่างดี- เมล็ด ทำให้ง่วงนอนและหลับได้ดี แก้กระษัย ขับปัสสาวะพิการได้ดี เป็นยาระบายอ่อนๆ รักษาโรคผิวหนัง - ดอก ปรุงเป็นยาแก้ไข้ ขับพยาธิในท้องเด็ก รับประทานเป็นยาระบายอ่อนๆ และแก้ไอ แก้เสมหะ แก้หืด คุดทะราด - ผล แก้ฟกบวม
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,902 | 2 |
ลินคอล์น ทาวน์ คาร์ เป็นรถธง ของบริษัทรถยนต์ลินคอล์น เป็นรถยนต์นั่งรับส่งแบบแท๊กซี่ขนาดใหญ่ใช่หรือไม่
|
ลินคอล์น ทาวน์ คาร์ ลินคอล์น ทาวน์ คาร์ () เป็นรถธง ของบริษัทรถยนต์ลินคอล์น (เป็นบริษัทรถยนต์ในสังกัดของ ฟอร์ดมอเตอร์) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดใหญ่ () ชื่อของลินคอล์น ทาวน์ คาร์ ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1922 โดยเป็นรถส่วนบุคคลที่ผลิตเป็นกรณีพิเศษให้กับ เฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งและประธานคนแรกของฟอร์ดมอเตอร์ ไม่มีการออกจำหน่าย แล้วชื่อทาวน์คาร์ก็หายไปพักหนึ่ง จนชื่อ ทาวน์ คาร์ มาปรากฏอีกครั้งโดยเป็นชื่อของทริมของรถรุ่น ลินคอล์น คอนติเนนทัล ในปี ค.ศ. 1959 แต่ชื่อทาวน์ คาร์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ต่อมาในปี ค.ศ. 1974 ชื่อของทาวน์ คาร์ เด่นชัดขึ้นเมื่อลินคอล์น คอนติเนนทัล รุ่นที่ 4 มีการแบ่งประเภทของรุ่นรถออกเป็น 2 ประเภทอย่างชัดเจน โดยรถคูเป้ 2 ประตู ใช้ชื่อว่า "คอนติเนนทัล ทาวน์ คูเป้" ส่วนรถซีดาน 4 ประตู จะใช้ชื่อว่า "คอนติเนนทัล ทาวน์ คาร์" ต่อมา ใน ค.ศ. 1981 ทาวน์ คาร์ ได้แยกตัวออกมาเป็นรถรุ่นใหม่ เป็นอิสระ ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคอนติเนนทัลอีกต่อไป โดยหลังจากแยกรถทาวน์คาร์ออกมาจากรุ่นคอนติเนนทัล ทาวน์ คาร์ จูกจัดเกรดว่าเป็นรถหรูหราขนาดใหญ่ และคอนติเนนทัลถูกลดเกรดลงจากรถหรูหราขนาดใหญ่เป็นรถหรูหราขนาดกลาง () ปัจจุบัน ทาวน์ คาร์ เป็นรถลีมูซีนยอดนิยมในแถบอเมริกาเหนือ มีราคาที่ถูกกว่ารถเกรดเดียวกันของยี่ห้ออื่นๆ ที่ขายในเฉพาะในแถบยุโรป แต่มีราคาแพงที่สุดเมื่อเทียบกับรถเกรดเดียวกันของยี่ห้ออื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา โดยมีราคาของรุ่นมาตรฐานประมาณ 46,000 ดอลลาร์สหรัฐ และรุ่นเกรดสูงๆ ขึ้นไปก็มีราคาแพงขึ้น และมีชุดอุปกรณ์เสริมให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ชุดแต่งแบบเกราะกันกระสุน ทำให้รถมีความปลอดภัยได้เทียบเท่ารถระดับประธานาธิบดี มีราคาเกือบ 100,000 ดอลลาร์ (เฉพาะชุดแต่ง ยังไม่รวมราคารถ) กระแสตอบรับจากผู้ใช้ได้บอกว่า ทาวน์ คาร์ มีตัวถังใหญ่ ภายในที่กว้างขวาง หรูหราสะดวกสบาย วัสดุภายใน คุณภาพในการขับขี่ และระบบเบรกที่มีเสถียรภาพแม้บรรทุกน้ำหนักมาก เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก แต่ยังต้องการให้ปรับปรุงในเรื่องของอัตราเร่ง(การเร่งแซง) ปัจจุบัน ลินคอล์น ทาวน์ คาร์ มีวิวัฒนาการตามช่วงเวลาแบ่งได้ 3 รุ่น ดังนี้รุ่นที่ 1 (ค.ศ. 1981 - 1989) รุ่นที่ 1 (ค.ศ. 1981 - 1989). ทาวน์ คาร์ รุ่นที่ 1 มีรูปทรงเหลี่ยม ห้องโดยสารครึ่งหลังคบุลุด้วยหลังคาไวนิล ซึ่งดูภายนอกแล้วถือว่าตกยุคเล็กน้อย แต่ภายในรถเต็มไปด้วยอุปกรณ์ตกแต่งหรูหราล้ำสมัย เช่น หน้าปัทม์รถแสดงข้อมูลด้วยหน้าจอดิจิตอลแทนเข็มชี้ และสามารถคำนวณและแสดงผลให้ผู้ขับขี่ทราบได้ว่า ด้วยปริมาณเชื้อเพลิงคงเหลือในถัง สามารถใช้วิ่งต่อไปได้อีกกี่ไมล์ก่อนจะหมด และเมื่อผู้ขับขี่ใส่ระยะทางจากจุดเริ่มต้นถึงเป้าหมายเข้าไป ระบบของรถจะเก็บข้อมูลความเร็วของการขับขี่ แล้วประเมินและแสดงผลให้ผู้ขับขี่ทราบว่าจะใช้เวลาอีกเท่าไรจะถึงที่หมาย หากใช้ความเร็วเฉลี่ยดังที่ขับมา นอกจากนี้ยังมีระบบคีย์แพด หากเจ้าของต้องการ จะสามารถเปลี่ยนระบบการล็อก ปลดล็อกประตู และกระโปรงหลังจากระบบกุญแจเป็นระบบกดรหัสผ่าน 5 หลัก จากแผงปุ่มที่ถูกติดตั้งไว้ในรถ รวมทั้งเก้าอี้ด้านหน้าที่ปรับตำแหน่งด้วยระบบไฟฟ้า (กดปุ่ม แล้วมอเตอร์จะเลื่อนตำแหน่งเก้าอี้) ซึ่งแทบจะหาไม่ได้เลยในรถในยุคเมื่อ 30 ปีก่อน หรือแม้แต่ยุคปัจจุบัน ใน ค.ศ. 1985 ได้มีการปรับโฉมแบบไมเนอร์เชนจ์ (การปรับโฉมเล็กน้อย) และในช่วงดังกล่าวราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก จึงได้ใช้โอกาสนี้โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อเพิ่มยอดขาย ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จดีพอสมควร ในช่วงนี้ ทาวน์ คาร์ ที่ขาย มี 3 ทริม คือ Base เป็นรุ่นมาตรฐาน, Signature เป็นรุ่นกลาง และ Cartier เป็นรุ่นท็อป เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นเครื่องยนต์รุ่นวินเซอร์ วี8 ขนาด 5000 ซีซี ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ AOD 4สปีด พร้อมโอเวอร์ไดรฟ์รุ่นที่ 2 (ค.ศ. 1990 - 1997) รุ่นที่ 2 (ค.ศ. 1990 - 1997). ทาวน์ คาร์ รุ่นที่ 2 ในช่วงปีแรกหลังเปิดตัว ใช้เครื่องยนต์วินด์เซอร์ 5,000 ซีซี วี8 มี 3 ทริมแบบเดิม คือ Base, Signature และ Cartier รูปทรงลูกเล่นใหม่ที่ถูกติดตั้งเข้าไปคือ ระบบกระจกแบบ Electrochromic Dimming Mirror เมื่อแดดจัด กระจกจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำ มีคุณสมบัติคล้ายฟีล์มกันแดดกันความร้อน และเมื่อแดดน้อยลง กระจกจะเปลี่ยนกลับเป็นกระจกใสมองเห็นทัศนัยภาพได้ชัดเจน, ระบบจดจำพฤติกรรมการขับรถ 2 คน จดจำลักษณะการขับรถของผู้ขับขี่ได้ สามารถบอกได้ว่าผู้ที่กำลังขับขี่เป็นใคร (หรือไม่ใช่ 2 คนที่สั่งให้ระบบจดจำไว้), เวลาปรับเบาะให้เอนนอนไปข้างหลัง จะมีเบาะสำรองที่อยู่บริเวณเอวพองขึ้นมาเพื่อลดมุมระหว่างเบาะนั่งกับเบาะหลัง ใน ค.ศ. 1991 ทาวน์ คาร์ เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์รุ่นโมดูลาร์ 4,600 ซีซี วี 8 กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 352.5 นิวตัน-เมตร และชื่อทริม ถูกเปลี่ยน โดยทริมมาตรฐาน คือ Executive ตามด้วย Signature และ Cartier ตามลำดับ ต่อมาในปี 1993 ได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีสมรรถนะเพิ่ม โดยกำลังสูงสุดเพิ่มเป็น 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 366.1 นิวตัน-เมตร อัตราการใช้เชื่อเพลิงเฉลี่ย 7.65 กิโลเมตรต่อลิตร ในเมือง และ 10.6 กิโลเมตรต่อลิตรบนถนนโล่งรุ่นที่ 3 (ค.ศ. 1998 - 2011) รุ่นที่ 3 (ค.ศ. 1998 - 2011). ทาวน์ คาร์ รุ่นที่ 3 มีการออกแบบใหม่โดยเปลี่ยนจากรถทรงเหลี่ยมเป็นแบบโค้งมน ตัวถังสั้นลง 3 นิ้ว แต่กว้างขึ้น 2 นิ้ว สูงขึ้น 1 นิ้ว และหนักขึ้น 270 กิโลกรัม จากกระแสตอบรับจากผู้ใช้ พบว่า ทาวน์ คาร์ ยังต้องปรับปรุงในรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูตกยุคเมื่อเทียบกับช่วงเวลาของแต่ละรุ่น ตั้งแต่รุ่นแรกถึงรุ่นปัจจุบัน อีกทั้งยังมีอัตราเร่งต่ำ สมรรถนะของเครื่องน้อยเกินไป(เมื่อเทียบกับน้ำหนักรถ) และระบบการเลี้ยวรถยังไม่ดีนัก แต่ถึงกระนั้น ทาวน์ คาร์ ก็มีการแสตอบรับว่าเป็นรถที่กว้างขวาง ให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารได้อย่างที่ยี่ห้ออื่นทำไม่ได้ และเครื่องยนต์เดินเงียบ แทบไม่มีเสียงรบกวนในห้องโดยสารขณะวิ่งรถ และเป็นรถลีมูซีนที่พบเห็นได้มากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ใน ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงการจัดระบบทริมไปๆ มาๆ จนในปัจจุบัน ทริมที่เป็นปัจจุบัน คือ Signature แทนรุ่น Executive, Signature Limited แทน Signature, Designer เป็นทริมใหม่ แทรกระหว่าง Signature เก่า กับ Cartier เก่า, Signature L แทน Cartier และ L Series เป็นทริมใหม่ มีระยะฐานล้อยาวกว่ารุ่นอื่นๆ 6 นิ้ว ลินคอล์น วางแผนที่จะพัฒนาในเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกและสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่ทว่า ทาวน์ คาร์ ก็มีภาพลักษณ์ในเรื่องดังกล่าวในแง่ลบมาเกือบ 30 ปีแล้ว เมื่อพูดถึงชื่อทาวน์คาร์ ผู้ที่รู้จักแม้จะนึกถึงรถที่สะดวกสบาย แต่ก็จะนึกถังรถที่เชื่องช้า สมรรถนะต่ำ รูปทรงตกยุคด้วย หากจะออกแบบรถรุ่นใหม่โดยที่ปรับปรุงข้อเสียดังกล่าวได้ ชื่อของทาวน์ คาร์ ก็จะเป็นตัวถ่วงความมั่นใจของผู้ซื้อ ดังนั้น ฟอร์ดมอเตอร์ จึงตัดสินใจหยุดสายการผลิตทาวน์ คาร์ ในปี 2011 นี้
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,903 | 2 |
ยูนิเวอซัลทรีดี คือรูปแบบไฟล์ของข้อมูล 3D ตามมาตรฐานของ W3C ซึ่งใช้มาตรฐานตาม Ecma International เริ่มต้นใช้ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548 ใช่หรือไม่
|
ยูทรีดี ยูนิเวอซัลทรีดี หรือ ยูทรีดี () คือรูปแบบไฟล์ของข้อมูล 3D ตามมาตรฐานของ W3C ซึ่งใช้มาตรฐานตาม Ecma International (Ecma-363) เริ่มต้นใช้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนามาตรฐานของ ข้อมูลของวัตถุสามมิติสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ปัจจุบัน อะโดบี แอโครแบต และ ไมโครสเตชัน รับรองการทำงานของไฟล์นามสกุล .u3d และสนับสนุนโดยฮิตาชิ และ อินเทล โดยในโปรแกรมของ อะโดบี แอโครแบต 3D มีเครื่องมือในการแปลงไฟล์ โปรแกรมที่สำคัญต่างๆ รวมถึง ออโตแคด 3d แม็กซ์ ไลท์เวฟ มาเป็นไฟล์ยูทรีดี
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,904 | 2 |
เหงียน ขาย เป็นนามปากกาของ เหงียน หมั่ญ ขาย และนักเขียนชาวจีน ซึ่งเกิดเมื่อ พ.ศ. 2473 ที่กรุงฮานอยใช่หรือไม่
|
เหงียน ขาย เหงียน ขาย () เป็นนามปากกาของ เหงียน หมั่ญ ขาย () นักเขียนชาวเวียดนาม เกิดเมื่อ พ.ศ. 2473 ที่กรุงฮานอย เขาสมัครเป็นทหารตั้งแต่ พ.ศ. 2489 ขณะอายุ 16 ปี และเริ่มเป็นนักเขียนเมื่ออายุ 25 ปี เขามีผลงานตีพิมพ์มากมายรวมทั้งยังได้รางวัลซีไรต์ใน พ.ศ. 2543 ผลงานการเขียนในช่วงสงครามเวียดนามเป็นงานเขียนที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล แต่หลัง พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา เขาได้ปรับมาเขียนเรื่องเพื่อสะท้อนสังคม ผลงานที่สำคัญ เช่น เรื่องสั้นเรื่อง “วิสัยทัศน์ไกล” (), “ยุคโรแมนติก” () และ “วีรบุรุษอับโชค”
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,905 | 2 |
ผลงานการเขียนในช่วงสงครามเวียดนามเป็นงานเขียนที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล แต่หลัง พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา เขาได้ปรับมาเขียนเรื่องแนวคอมมิดี้ใช่หรือไม่
|
เหงียน ขาย เหงียน ขาย () เป็นนามปากกาของ เหงียน หมั่ญ ขาย () นักเขียนชาวเวียดนาม เกิดเมื่อ พ.ศ. 2473 ที่กรุงฮานอย เขาสมัครเป็นทหารตั้งแต่ พ.ศ. 2489 ขณะอายุ 16 ปี และเริ่มเป็นนักเขียนเมื่ออายุ 25 ปี เขามีผลงานตีพิมพ์มากมายรวมทั้งยังได้รางวัลซีไรต์ใน พ.ศ. 2543 ผลงานการเขียนในช่วงสงครามเวียดนามเป็นงานเขียนที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล แต่หลัง พ.ศ. 2520 เป็นต้นมา เขาได้ปรับมาเขียนเรื่องเพื่อสะท้อนสังคม ผลงานที่สำคัญ เช่น เรื่องสั้นเรื่อง “วิสัยทัศน์ไกล” (), “ยุคโรแมนติก” () และ “วีรบุรุษอับโชค”
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,906 | 2 |
การเข้าร่วมสงครามโดยตรงของนิวซีแลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการรุกรานโดยนาซีเยอรมนี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 ใช่หรือไม่
|
เนเธอร์แลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สอง การเข้าร่วมสงครามโดยตรงของเนเธอร์แลนด์ในสงครามโลกครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้นด้วยการรุกรานโดยนาซีเยอรมนี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 เนเธอร์แลนด์ได้ประกาศความเป็นกลางเมื่อสงครามได้เริ่มแตกหักในเดือนกันยายน ค.ศ. 1939 เหมือนในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ออกคำสั่งให้ทำการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 1940 หนึ่งวันภายหลังการทิ้งระเบิดที่รอตเทอร์ดาม,กองทัพเนเธอร์แลนด์ได้ยอมจำนน รัฐบาลและราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ได้อพยพหลบหนีและลี้ภัยไปยังกรุงลอนดอน ภายหลังความพ่ายแพ่ เนเธอร์แลนด์ได้อยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมัน ซึ่งได้อดทนในบางพื้นที่จนกระทั่งเยอรมันได้ยอมจำนนในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1945 ความเคลื่อนไหวในการต่อต้านได้ถูกปฏิบัติการโดยชนกลุ่มน้อยขนาดเล็กซึ่งได้เติบโตขึ้นในช่วงการยึดครอง ผู้ยึดครองได้ทำการขับไล่เนรเทศชนหมู่มากส่วนใหญ่ของชาวยิวไปยังค่ายกักกันนาซี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากตำรวจชาวดัตช์และข้าราชการพลเรือน เนื่องจากการแปรปรวนสูงของอัตราความอยู่รอดของชาวยิวในภูมิภาคต่างๆในเนเธอร์แลนด์ นักวิชาการได้สอบถามความถูกต้องของการนิยามเดียวในระดับชาติ ถึงกระนั้น และเนื่องจากมีการจัดระเบียบไว้เป็นอย่างดีในสำมะโนประชากรที่ได้มีการเปรียบเทียบไปยังประเทศอื่นๆ ประมาณ 70% ของประชากรชาวยิวของประเทศได้ถูกสังหารในช่วงความขัดแย้ง ซึ่งสูงกว่าประเทศที่เทียบเคียงมากที่สุด เช่น เบลเยียมและฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยนาซีทั้งหมด เมืองอัมสเตอร์ดัมได้จัดตั้งในกิจกรรมในอุตสาหกรรมเพื่อประท้วงการประหัตประหารต่อชาวยิว ส่วนทางใต้ของประเทศได้รับการปลดปล่อยในช่วงครึ่งหลังของปี ค.ศ. 1944 ส่วนที่เหลือโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางตะวันตกและเหนือของประเทศยังคงถูกยึดครองอยู่ซึ่งได้รับความทุกข์ทรมานจากความอดอยากในช่วงท้ายของปี ค.ศ. 1944 เป็นที่รู้จักกันคือ "ความหิวฤดูหนาว"(Hunger Winter) เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 ประเทศทั้งหมดได้รับการปลดปล่อยในที่สุดโดยการยอมจำนนของกองทัพเยอรมันทั้งหมด.
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,907 | 2 |
ชารีฟ ชีค อาห์เหม็ด เป็นนักการเมืองชาวลิเบีย ระหว่าง พ.ศ. 2552-2555 โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโซมาเลียใช่หรือไม่
|
ชารีฟ ชีค อาห์เหม็ด ชารีฟ ชีค อาห์เหม็ด (, ; เกิด 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2507) เป็นนัการเมืองชาวโซมาเลีย ระหว่าง พ.ศ. 2552-2555 เขาเคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโซมาเลีย นอกจากนี้เขายังทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของสหภาพศาลอิสลาม กลุ่มอิสลามที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลกลางเปลี่ยนผ่าน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,908 | 2 |
ชาวเวียดนามในนครโฮจิมินห์ส่วนใหญ่เดินทางโดยรถตู้ใช่หรือไม่
|
นครโฮจิมินห์ นครโฮจิมินห์ (, ถั่ญโฟ้โห่จี๊มิญ) หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน ( ส่ายก่อน) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง นครโฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ไซ่ง่อนในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อนเรียกว่า ไพรนคร (ตัวอักษรเขมรเขียนว่า ព្រៃនគរ ปรึย~เปรยโนโกร์) ต่อมาเมื่อเวียดนามเข้ามายึดครองดินแดนนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นภาษาเวียดนามว่า ยาดิ่ง (ซาดิ่ง) (ตัวอักษรเขียนว่า Gia Địng) และต่อมาเปลี่ยนชื่อว่า ไซ่ง่อน (Sài gòn ส่ายก่อน) กาลเวลาหลายร้อยปีต่อมาอีก เมื่อแยกประเทศเวียดนาม ออกเป็นสองส่วน ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น นครโฮจิมินห์ ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์ภูมิศาสตร์ภูมิอากาศการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. การคมนาคม การคมนาคม. ชาวเวียดนามในนครโฮจิมินห์ส่วนใหญ่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ มีรถแท็กซี่บริการโดยมีหลายบริษัท และมีรถประจำทางบริการ เรียกว่า ไซ่ง่อนบัส (Saigon Bus) ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต () เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามในด้านจำนวนผู้โดยสารตั้งอยู่ใจกลางนครโฮจิมินห์ อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ () จะสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2020 และจะกลายเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดแทนเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. มีเมืองพี่น้อง 25 เมือง / ภูมิภาคของนครโฮจิมินห์:
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,909 | 2 |
ไซ่ง่อนในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อนเรียกว่า ไซนคร ใช่หรือไม่
|
นครโฮจิมินห์ นครโฮจิมินห์ (, ถั่ญโฟ้โห่จี๊มิญ) หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน ( ส่ายก่อน) เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง นครโฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเวียดนาม จากประชากรร้อยละ 7.5 ของประเทศ แต่มีจีดีพีถึงร้อยละ 20.2 และการลงทุนจากต่างประเทศมากถึงร้อยละ 34.9 ของทั้งประเทศประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ไซ่ง่อนในอดีตเคยเป็นเมืองในการปกครองของเขมรมาก่อนเรียกว่า ไพรนคร (ตัวอักษรเขมรเขียนว่า ព្រៃនគរ ปรึย~เปรยโนโกร์) ต่อมาเมื่อเวียดนามเข้ามายึดครองดินแดนนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นภาษาเวียดนามว่า ยาดิ่ง (ซาดิ่ง) (ตัวอักษรเขียนว่า Gia Địng) และต่อมาเปลี่ยนชื่อว่า ไซ่ง่อน (Sài gòn ส่ายก่อน) กาลเวลาหลายร้อยปีต่อมาอีก เมื่อแยกประเทศเวียดนาม ออกเป็นสองส่วน ไซ่ง่อนเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ เมื่อเวียดนามเหนือยึดได้จึงเปลี่ยนชื่อเป็น นครโฮจิมินห์ ตามชื่อผู้นำเวียดมินห์ คือ โฮจิมินห์ภูมิศาสตร์ภูมิอากาศการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. การคมนาคม การคมนาคม. ชาวเวียดนามในนครโฮจิมินห์ส่วนใหญ่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ มีรถแท็กซี่บริการโดยมีหลายบริษัท และมีรถประจำทางบริการ เรียกว่า ไซ่ง่อนบัส (Saigon Bus) ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต () เป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามในด้านจำนวนผู้โดยสารตั้งอยู่ใจกลางนครโฮจิมินห์ อย่างไรก็ตาม ท่าอากาศยานนานาชาติล็องถั่ญ () จะสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 2020 และจะกลายเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดแทนเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. มีเมืองพี่น้อง 25 เมือง / ภูมิภาคของนครโฮจิมินห์:
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,910 | 2 |
มิกกี ชาลส์ แมนเทิลนักเบสบอลอเมริกันผู้รับการบรรจุชื่อไว้ใน "หอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ" เมื่อ พ.ศ. 2507 ใช่หรือไม่
|
มิกกี แมนเทิล มิกกี ชาลส์ แมนเทิล ( - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2474 — 13 สิงหาคม พ.ศ. 2538) นักเบสบอลอเมริกันผู้รับการบรรจุชื่อไว้ใน "หอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ" เมื่อ พ.ศ. 2517 แมนเติลเล่นในฐานะนักกีฬาอาชีพในสโมสรนิวยอร์กแยงกีตลอดเป็นเวลาต่อเนื่องรวม 18 ปี ได้รับการยกย่องเป็นนักเบสบอลออลสตาร์ 16 ครั้ง รางวัล อเมริกันลีก เอ็มพีวี (MVP, most valuable player) 3 ครั้ง สโมสรที่เขาเล่นได้เข้ารอบเพลย์ออฟ 12 ครั้ง และได้เป็นแชมป์ 3 ครั้ง นอกจากนี้แมนเติลยังครองสถิติโฮมรันของ "เวิลด์ซีรี" 18 ครั้ง อาร์บีไอ 40 ครั้ง สถิติการวิ่ง 42 ครั้ง ตีลูกเอกซ์ตราเบส 26 ครั้ง เบสปกติ 123 ครั้ง มิกกี แมนเทิล เกิดที่เมืองสปาวินาว รัฐโอคลาโฮมา ได้รับการตั้งชื่อจากบิดาตาม มิกกี คอแชรน ซึ่งเป็นนักเบสบอลผู้มีชื่อเสียงอยู่ในระดับหอเกียรติยศแห่งดีทรอยต์ เมื่อเข้าโรงเรียนก็ได้เป็นนักกีฬาเกือบทุกชนิดของโรงเรียน โดยเฉพาะเบสบอล การเล่นอเมริกันฟุตบอลทำให้แมนเทิลเกือบถูกตัดขา การบาดเจ็บนี้ทำให้แมนเติลได้รับยกเว้นจากการเกณฑ์ทหารในสงครามเกาหลี ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ "แฟน" ไม่ค่อยพอใจในระยะแรกๆ สโมสรแยงกีติดต่อเซ็นสัญญากับแมนเทิลแต่พบว่าแมนเติลอายุเพียง 16 ปีและยังเรียนชั้นมัธยม จึงรอและกลับมาเซ็นสัญญาอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2490 ในทีม "ดี (D)" แมนเทิลเล่นได้ดีเป็นลำดับ รวมทั้งการเป็นนักเบสบอลที่ตีลูกไกลที่สุด คือตีข้ามหลังคาอัฒจันทร์ออกไปไกล วัดได้ถึง 196 เมตร มิกกี แมนเทิล ประกาศแขวนไม้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2512 หลังมีผลการเล่นเข้าเกณฑ์เข้าหอเกียรติยศ หลังเลิกเล่น แมนเทิลได้เปิดภัตตาคารอาหารพื้นถิ่นประมาณ พ.ศ. 2516 ไม่ประสบสำเร็จนัก ในปี พ.ศ. 2531 จึงเปิดภัตตาคารใหม่โดยตั้งชื่อตนเอง ซึ่งนับเป็นภัตตาคารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในย่านถนน 42 มิกกี แมนเทิล มีชีวิตครอบครัวที่ไม่ราบรื่นนัก เขาแต่งงานเมื่อ พ.ศ. 2494 มีบุตร 4 คน แมนเทิลเสียชีวิตเมื่ออายุ 63 ปีจากมะเร็งตับจากการติดสุรามานานปี ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลอเมริกันได้ออกไปรษณียากรเป็นรูปของแมนเทิล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,911 | 2 |
การเล่นอเมริกันฟุตบอลทำให้มิกกี ชาลส์ แมนเทิลนักเบสบอลอเมริกัน เกือบถูกตัดแขนใช่หรือไม่
|
มิกกี แมนเทิล มิกกี ชาลส์ แมนเทิล ( - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2474 — 13 สิงหาคม พ.ศ. 2538) นักเบสบอลอเมริกันผู้รับการบรรจุชื่อไว้ใน "หอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ" เมื่อ พ.ศ. 2517 แมนเติลเล่นในฐานะนักกีฬาอาชีพในสโมสรนิวยอร์กแยงกีตลอดเป็นเวลาต่อเนื่องรวม 18 ปี ได้รับการยกย่องเป็นนักเบสบอลออลสตาร์ 16 ครั้ง รางวัล อเมริกันลีก เอ็มพีวี (MVP, most valuable player) 3 ครั้ง สโมสรที่เขาเล่นได้เข้ารอบเพลย์ออฟ 12 ครั้ง และได้เป็นแชมป์ 3 ครั้ง นอกจากนี้แมนเติลยังครองสถิติโฮมรันของ "เวิลด์ซีรี" 18 ครั้ง อาร์บีไอ 40 ครั้ง สถิติการวิ่ง 42 ครั้ง ตีลูกเอกซ์ตราเบส 26 ครั้ง เบสปกติ 123 ครั้ง มิกกี แมนเทิล เกิดที่เมืองสปาวินาว รัฐโอคลาโฮมา ได้รับการตั้งชื่อจากบิดาตาม มิกกี คอแชรน ซึ่งเป็นนักเบสบอลผู้มีชื่อเสียงอยู่ในระดับหอเกียรติยศแห่งดีทรอยต์ เมื่อเข้าโรงเรียนก็ได้เป็นนักกีฬาเกือบทุกชนิดของโรงเรียน โดยเฉพาะเบสบอล การเล่นอเมริกันฟุตบอลทำให้แมนเทิลเกือบถูกตัดขา การบาดเจ็บนี้ทำให้แมนเติลได้รับยกเว้นจากการเกณฑ์ทหารในสงครามเกาหลี ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ "แฟน" ไม่ค่อยพอใจในระยะแรกๆ สโมสรแยงกีติดต่อเซ็นสัญญากับแมนเทิลแต่พบว่าแมนเติลอายุเพียง 16 ปีและยังเรียนชั้นมัธยม จึงรอและกลับมาเซ็นสัญญาอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2490 ในทีม "ดี (D)" แมนเทิลเล่นได้ดีเป็นลำดับ รวมทั้งการเป็นนักเบสบอลที่ตีลูกไกลที่สุด คือตีข้ามหลังคาอัฒจันทร์ออกไปไกล วัดได้ถึง 196 เมตร มิกกี แมนเทิล ประกาศแขวนไม้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2512 หลังมีผลการเล่นเข้าเกณฑ์เข้าหอเกียรติยศ หลังเลิกเล่น แมนเทิลได้เปิดภัตตาคารอาหารพื้นถิ่นประมาณ พ.ศ. 2516 ไม่ประสบสำเร็จนัก ในปี พ.ศ. 2531 จึงเปิดภัตตาคารใหม่โดยตั้งชื่อตนเอง ซึ่งนับเป็นภัตตาคารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในย่านถนน 42 มิกกี แมนเทิล มีชีวิตครอบครัวที่ไม่ราบรื่นนัก เขาแต่งงานเมื่อ พ.ศ. 2494 มีบุตร 4 คน แมนเทิลเสียชีวิตเมื่ออายุ 63 ปีจากมะเร็งตับจากการติดสุรามานานปี ในปี พ.ศ. 2549 รัฐบาลอเมริกันได้ออกไปรษณียากรเป็นรูปของแมนเทิล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,912 | 2 |
พระเจ้าพาซาแห่งซิลลา เป็นพระราชาองค์ที่ 5 แห่งชิลลาหนึ่งใน สามก๊กแห่งเกาหลี ครองราชย์ระหว่างปี 623 - 665 ใช่หรือไม่
|
พระเจ้าพาซาแห่งซิลลา พระเจ้าพาซาแห่งซิลลา (,? - 665,623 - 665) พระราชาองค์ที่ 5 แห่งชิลลาหนึ่งใน สามก๊กแห่งเกาหลี ครองราชย์ระหว่างปี 623 - 665 โดยเป็นองค์ชายจากราชสกุลปาร์คซึ่งสืบเชื้อสายจากปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรชิลลา พระเจ้าฮยอกกอเซพระราชประวัติ พระราชประวัติ. พระเจ้าพาซาประสูติเมื่อใดไม่มีหลักฐานเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน พระเจ้ายูรี พระราชาลำดับที่ 3 เมื่อพระราชบิดาสวรรคตในปี 600 เหล่าขุนนางกลับเสนอชื่อองค์ชายทัลแฮจากราชสกุลซ็อกขึ้นสืบราชบัลลังก์แทนองค์ชายพาซาทำให้สิทธิ์ในการสืบราชบัลลังก์ของสายราชสกุลปาร์คสิ้นสุดลงไประยะหนึ่งขึ้นครองราชย์ ขึ้นครองราชย์. เมื่อ พระเจ้าทัลแฮ พระราชาองค์ที่ 4 สวรรคตในปี 623 เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์จึงเสนอชื่อองค์ชายพาซาขึ้นครองสิริราชสมบัติสืบต่อมาเป็นพระเจ้าพาซาทำให้ราชสกุลปาร์คกลับมามีอำนาจอีกครั้งโดยจะมีพระราชาจากราชสกุลปาร์คขึ้นปกครองชิลลาอีก 3 พระองค์ก่อนจะกลับมาปกครองชิลลาอีกครั้งเป็นระยะเวลาสั้นๆในช่วงปลายราชวงศ์เสด็จสวรรคต เสด็จสวรรคต. พระเจ้าพาซาครองราชย์ทั้งสิ้น 42 ปีก่อนจะสวรรคตลงในปี 665 เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์จึงเสนอชื่อองค์ชายจีมาพระราชโอรสในพระเจ้าพาซาขึ้นครองราชย์ต่อมาเป็นพระเจ้าจีมาพระราชวงศ์พระราชวงศ์. - พระปัยกา : - พระเจ้าฮยอกกอเซ (474 - 547,486 - 547) ปฐมกษัตริย์แห่ง อาณาจักรชิลลา - พระปัยยิกา : - พระมเหสีอัลยองบูอิน (? - ?) พระมเหสีในพระเจ้าฮยอกกอเซ - พระอัยกา : - พระเจ้านัมแฮ (? - 567,547 - 567) พระราชาองค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรชิลลา - พระอัยยิกา : - พระมเหสีอัลเจบูอิน (? - ?) พระมเหสีในพระเจ้านัมแฮ - พระราชบิดา : - พระเจ้ายูริ (? - 600,567 - 600) พระราชาองค์ที่ 3 แห่งอาณาจักรชิลลา - พระราชมารดา : - พระมเหสีไม่ปรากฏพระนาม (? - ?) พระมเหสีพระองค์แรกในพระเจ้ายูริ - พระราชอนุชา : - พระเจ้าอิลซอง พระราชาองค์ที่ 7 แห่งอาณาจักรชิลลาและเป็นพระราชอนุชาต่างพระราชมารดาของพระเจ้าพาซา - พระราชโอรส : - พระเจ้าจีมา พระราชาองค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรชิลลา
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,913 | 2 |
โทโซะ หรือ โอโตโซะ เป็นชุดสาเกแบบพิเศษที่ผสมสมุนไพรและเครื่องเทศลงไป ซึ่งชาวไต้หวันจะนำมาดื่มกันในเทศกาลปีใหม่ของไต้หวันใช่หรือไม่
|
โทโซะ โทโซะ (屠蘇 Toso) หรือ โอโตโซะ (お屠蘇 O-toso) เป็นชุดสาเกแบบพิเศษที่ผสมสมุนไพรและเครื่องเทศลงไป ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะนำมาดื่มกันในเทศกาลปีใหม่ของญี่ปุ่น ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ชาวญี่ปุ่นจะดื่มโทโซะจนเมา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยล้างโรคภัยไข้เจ็บของปีก่อนหน้าให้ออกไป และปรารถนาชีวิตที่ยืนยาว ในผู้สูงวัยนั้นมีคำกล่าวที่ว่า "หากใครดื่มสิ่งนี้แล้วครอบครัวของเขาจะไม่ล้มป่วย" และโทโซะนี้เองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของโอเซจิ อาหารสำหรับปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น โทโซะได้จากการรวบรวมสมุนไพรหลากหลายอย่างมารวมกัน เรียกว่า โทโซซัง (屠蘇散 Tososan) มีรสเผ็ดเล็กน้อย หลังจากนั้นก็จะนำไปแช่ในสาเกหรือมิริง หากแช่ในมิริงนั้น มิริงจะมีรสหวาน เหมาะสำหรับการดื่ม ถ้วยเคลือบ 3 ใบตามภาพนั้นเรียกว่า ซากาซูกิ (盃) เริ่มต้นด้วยขนาดเล็กสุดไปจนใหญ่สุด สำหรับนำมาใช้กับสมาชิกในครอบครัวหรือแขก การจิบนั้นจะจิบทีละเล็กน้อย ซึ่งวิธีการจิบจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค แต่โดยพิธีการที่เป็นทางการแล้ว จะให้คนอายุน้อยที่สุดจิบก่อนไปจนถึงคนที่อายุมากที่สุด ในปัจจุบันจะพบโอโตโซะส่วนมากได้เฉพาะภูมิภาคคันไซและภาคตะวันตกของญี่ปุ่นเท่านั้น การฉลองในภูมิภาคอื่น ๆ อาจจะจะพบโอโตโซะได้แต่ไม่มีโทโซซังที่มาที่มา. - ซึ่งแปลจาก วันที่ 6 มกราคม 2007
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,914 | 2 |
โทโซะนี้เองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของโอเซจิ อาหารสำหรับเทศกาลฮินะ มัตสุริของชาวญี่ปุ่นใช่หรือไม่
|
โทโซะ โทโซะ (屠蘇 Toso) หรือ โอโตโซะ (お屠蘇 O-toso) เป็นชุดสาเกแบบพิเศษที่ผสมสมุนไพรและเครื่องเทศลงไป ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะนำมาดื่มกันในเทศกาลปีใหม่ของญี่ปุ่น ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ชาวญี่ปุ่นจะดื่มโทโซะจนเมา ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยล้างโรคภัยไข้เจ็บของปีก่อนหน้าให้ออกไป และปรารถนาชีวิตที่ยืนยาว ในผู้สูงวัยนั้นมีคำกล่าวที่ว่า "หากใครดื่มสิ่งนี้แล้วครอบครัวของเขาจะไม่ล้มป่วย" และโทโซะนี้เองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของโอเซจิ อาหารสำหรับปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น โทโซะได้จากการรวบรวมสมุนไพรหลากหลายอย่างมารวมกัน เรียกว่า โทโซซัง (屠蘇散 Tososan) มีรสเผ็ดเล็กน้อย หลังจากนั้นก็จะนำไปแช่ในสาเกหรือมิริง หากแช่ในมิริงนั้น มิริงจะมีรสหวาน เหมาะสำหรับการดื่ม ถ้วยเคลือบ 3 ใบตามภาพนั้นเรียกว่า ซากาซูกิ (盃) เริ่มต้นด้วยขนาดเล็กสุดไปจนใหญ่สุด สำหรับนำมาใช้กับสมาชิกในครอบครัวหรือแขก การจิบนั้นจะจิบทีละเล็กน้อย ซึ่งวิธีการจิบจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค แต่โดยพิธีการที่เป็นทางการแล้ว จะให้คนอายุน้อยที่สุดจิบก่อนไปจนถึงคนที่อายุมากที่สุด ในปัจจุบันจะพบโอโตโซะส่วนมากได้เฉพาะภูมิภาคคันไซและภาคตะวันตกของญี่ปุ่นเท่านั้น การฉลองในภูมิภาคอื่น ๆ อาจจะจะพบโอโตโซะได้แต่ไม่มีโทโซซังที่มาที่มา. - ซึ่งแปลจาก วันที่ 6 มกราคม 2007
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,915 | 2 |
อาร์คันซอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสหรัฐอาหรับอามิเรสต์ และเป็นอันดับที่ 25 ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) ใช่หรือไม่
|
รัฐอาร์คันซอ รัฐอาร์คันซอ (Arkansas, ) เป็นรัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา มีประชากร 2,752,629 (สัมมโนปี พ.ศ. 2547) อาร์คันซอเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเป็นอันดับที่ 25 ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2379 (ค.ศ. 1836) อาร์คันซอเป็นชื่อที่ตั้งจากชาวฝรั่งเศสในช่วงที่บุกเบิกดินแดน ซึ่งมีความหมายว่า "ปลายน้ำ" อาร์คันซอเป็นบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บิล คลินตัน และแซม วอลตัน เจ้าของธุรกิจ วอล-มาร์ต และ พอล คลิปช์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องเสียง คลิปช์ (Klipsch) (ปัจจุบันย้ายไปที่ รัฐอินดีแอนา)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,916 | 2 |
เยคาเตรีนา อะเลคซานดรอฟนา กาโมวา เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงและนางแบบชาวเคนยาใช่หรือไม่
|
เยคาเตรีนา กาโมวา เยคาเตรีนา อะเลคซานดรอฟนา กาโมวา (; เกิด: 17 ตุลาคม พ.ศ. 2523 —) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงและนางแบบชาวรัสเซีย เธอเป็นสมาชิกของทีมที่ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ในปี 2006 และ 2010 และเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปี 2000 และ 2004 เธอมีความสูง 2.05 ม. (6 ฟุต 9 นิ้ว) ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักกีฬาหญิงที่สูงที่สุดในโลก เธอเล่นตำแหน่งตัวตีด้านนอก / ตัวบุกแดนหลังผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. เธอเล่นให้กับไดนาโมคาซานได้รางวัลเหรียญเงิน จากการแข่งขัน ซีอีวีแชมเปียนลีก และเธอยังได้รับรางวัลผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด สำหรับฤดูกาล 2009/2010 เธอเข้าร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม กับทีมนี้เธอได้รับรางวัลแชมป์ลีกตุรกี และได้แข่งขันซีอีวีแชมเปียนลีก 2010 ในการแข่งขันครั้งนี้เธอก็ได้รางวัลผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของทีมชาติรัสเซียที่ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2010 และเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในการแข่งขันครั้งนั้นอีกด้วย หลังจากความพ่ายบราซิลในรอบรองชนะเลิศ ในโอลิมปิก ปี 2012 เธอกำลังลังเลว่าจะเลิกเล่นทีมชาติหรือไม่ แต่เธอยังเล่นในระดับสโมสรต่อไป เธอกล่าวว่า "ฉันต้องขอพักเวลากับทีมชาติ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นการจากไปอย่างถาวรหรือเปล่า หรือฉันจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่พักยาว"ครอบครัว ครอบครัว. หลังจากโอลิมปิกที่กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เธอแต่งงานกับตากล้องรัสเซียและโปรดิวเซอร์ ไมเคิล มูคาเซย์สโมสรรางวัลระดับบุคคลรางวัล. ระดับบุคคล. - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "ทำคะแนนสูงสุด" - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "บล็อกยอดเยี่ยม" - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - โอลิมปิก 2004 "ทำคะแนนสูงสุด" - โอลิมปิก 2004 "บล็อกยอดเยี่ยม" - เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2006 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2006-07 "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2007 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2008-09 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2009-10 "ทำคะแนนสูงสุด" - ตุรกี ฤดูกาลปกติ 2009-10 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ทำคะแนนสูงสุด" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ตบยอดเยี่ยม" - ชิงแชมป์โลก 2010 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - รัสเซียคัพ 2010-11 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - รัสเซียคัพ 2010-11 "ตบยอดเยี่ยม" - รัสเซียลีก 2012-13 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2013-14 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2013-14 "ทำคะแนนสูงสุด" - ชิงแชมป์สโมสรโลก 2014 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ชิงแชมป์สโมสรโลก 2014 "ตัวตบหัวเสายอดเยี่ยม" - รัสเซียซุปเปอร์ลีก 2013-14 "ผู้เล่นทรงคุณค่า"ระดับทีมชาติระดับเยาวชนระดับทีมชาติ. ระดับเยาวชน. - วอลเลย์บอลเยาวชนชิงแชมป์โลก 1999 – เหรียญทองระดับทีมชุดใหญ่ระดับทีมชุดใหญ่. - วอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 1999 – เหรียญทอง - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2006 – เหรียญทอง - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2010 – เหรียญทองระดับสโมสรระดับสโมสร. - 1998, 1999 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ อูราลอชกา-เอ็นทีเอ็มเค 2 - 2000, 2001, 2002 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ อูราลอชกา-เอ็นทีเอ็มเค - 2005, 2007, 2009 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2009-10 ตุรกีแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2009-10 ตุรกีแชมป์เปี้ยนคัพ – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2009-10 ตุรกีซุปเปอร์คัพ – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2010-11 รัสเซียคัพ – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2013-14 ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2014 วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์สโมสรโลก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,917 | 2 |
ในปี 2000 และ 2004 อิซาเบลล่ามีความสูง 2.05 ม. (6 ฟุต 9 นิ้ว) ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักกีฬาหญิงที่สูงที่สุดในโลกใช่หรือไม่
|
เยคาเตรีนา กาโมวา เยคาเตรีนา อะเลคซานดรอฟนา กาโมวา (; เกิด: 17 ตุลาคม พ.ศ. 2523 —) เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงและนางแบบชาวรัสเซีย เธอเป็นสมาชิกของทีมที่ได้รับเหรียญทองในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ในปี 2006 และ 2010 และเหรียญเงินในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปี 2000 และ 2004 เธอมีความสูง 2.05 ม. (6 ฟุต 9 นิ้ว) ทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักกีฬาหญิงที่สูงที่สุดในโลก เธอเล่นตำแหน่งตัวตีด้านนอก / ตัวบุกแดนหลังผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. เธอเล่นให้กับไดนาโมคาซานได้รางวัลเหรียญเงิน จากการแข่งขัน ซีอีวีแชมเปียนลีก และเธอยังได้รับรางวัลผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด สำหรับฤดูกาล 2009/2010 เธอเข้าร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม กับทีมนี้เธอได้รับรางวัลแชมป์ลีกตุรกี และได้แข่งขันซีอีวีแชมเปียนลีก 2010 ในการแข่งขันครั้งนี้เธอก็ได้รางวัลผู้เล่นที่ทำคะแนนสูงสุด เธอเป็นสมาชิกคนหนึ่งของทีมชาติรัสเซียที่ชนะการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2010 และเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในการแข่งขันครั้งนั้นอีกด้วย หลังจากความพ่ายบราซิลในรอบรองชนะเลิศ ในโอลิมปิก ปี 2012 เธอกำลังลังเลว่าจะเลิกเล่นทีมชาติหรือไม่ แต่เธอยังเล่นในระดับสโมสรต่อไป เธอกล่าวว่า "ฉันต้องขอพักเวลากับทีมชาติ ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นการจากไปอย่างถาวรหรือเปล่า หรือฉันจะกลับมาอีกครั้งหลังจากที่พักยาว"ครอบครัว ครอบครัว. หลังจากโอลิมปิกที่กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2012 เธอแต่งงานกับตากล้องรัสเซียและโปรดิวเซอร์ ไมเคิล มูคาเซย์สโมสรรางวัลระดับบุคคลรางวัล. ระดับบุคคล. - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "ทำคะแนนสูงสุด" - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "บล็อกยอดเยี่ยม" - โอลิมปิกรอบคัดเลือก 2004 "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - โอลิมปิก 2004 "ทำคะแนนสูงสุด" - โอลิมปิก 2004 "บล็อกยอดเยี่ยม" - เวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2006 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2006-07 "เสิร์ฟยอดเยี่ยม" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2007 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2008-09 "ทำคะแนนสูงสุด" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2009-10 "ทำคะแนนสูงสุด" - ตุรกี ฤดูกาลปกติ 2009-10 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ทำคะแนนสูงสุด" - ตุรกีลีก ไฟนอล ซีรีส์ 2009-10 "ตบยอดเยี่ยม" - ชิงแชมป์โลก 2010 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - รัสเซียคัพ 2010-11 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - รัสเซียคัพ 2010-11 "ตบยอดเยี่ยม" - รัสเซียลีก 2012-13 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2013-14 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก 2013-14 "ทำคะแนนสูงสุด" - ชิงแชมป์สโมสรโลก 2014 "ผู้เล่นทรงคุณค่า" - ชิงแชมป์สโมสรโลก 2014 "ตัวตบหัวเสายอดเยี่ยม" - รัสเซียซุปเปอร์ลีก 2013-14 "ผู้เล่นทรงคุณค่า"ระดับทีมชาติระดับเยาวชนระดับทีมชาติ. ระดับเยาวชน. - วอลเลย์บอลเยาวชนชิงแชมป์โลก 1999 – เหรียญทองระดับทีมชุดใหญ่ระดับทีมชุดใหญ่. - วอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 1999 – เหรียญทอง - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2006 – เหรียญทอง - วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2010 – เหรียญทองระดับสโมสรระดับสโมสร. - 1998, 1999 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ อูราลอชกา-เอ็นทีเอ็มเค 2 - 2000, 2001, 2002 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ อูราลอชกา-เอ็นทีเอ็มเค - 2005, 2007, 2009 รัสเซียแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2009-10 ตุรกีแชมป์เปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2009-10 ตุรกีแชมป์เปี้ยนคัพ – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2009-10 ตุรกีซุปเปอร์คัพ – แชมป์ ร่วมกับ เฟแนร์บาห์เชอากีบาเดม - 2010-11 รัสเซียคัพ – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2013-14 ซีอีวี ยูโรเปี้ยนลีก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน - 2014 วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์สโมสรโลก – แชมป์ ร่วมกับ ไดนาโมคาซาน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,918 | 2 |
หางเครื่อง เป็นละครโทรทัศน์ไทย บทประพันธ์ของ นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ เขียนบทโทรทัศน์โดยอุดม แต้พานิชใช่หรือไม่
|
หางเครื่อง (ละครโทรทัศน์) หางเครื่อง เป็นละครโทรทัศน์ไทย บทประพันธ์ของ นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ เขียนบทโทรทัศน์โดย พิง ลำพระเพลิง สร้างโดย บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กำกับการแสดงโดย อินทนนท์ รัตนกาญจน์ นำแสดงโดย ธนพล นิ่มทัยสุข, อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ออกอากาศ ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.20 - 22.30 น. ต่อจากละครเรื่องพรมแดนหัวใจ ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนหน้านั้นเคยสร้างเป็นละคร ในปี 2529 - 2530 ออกอากาศทางช่อง 5เรื่องย่อ เรื่องย่อ. หญิงสาวหลายคนที่ก้าวไปบนถนนสายบันเทิงด้วยความฝันและความหวังแตกต่างกันไป แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้คือผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท รู้เท่าทันและดำเนินชีวิตด้วยสติเท่านั้นจึงจะอยู่บนเส้นทางสายนี้ได้นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2529-2530นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2529-2530. - สุนทร สุจริตฉันท์ รับบท รวิ - ชนาภา นุตาคม รับบท เดือน งามพร้อม - อลิษา ขจรไชยกุล รับบท ศิริพร - ไกรสุข อาจเอี่ยม รับบท ขำ - กนกวรรณ บุรานนท์ รับบท แก้ว - วิเชียร ทั้งสุข รับบท ชูเกียรติ - สินาภรณ์ พิไลลักษณ์ รับบท เจ๊ป้อม - ชูศักดิ์ สุธีรธรรม รับบท โรจน์ - ณัฐินี สิทธิสมาน รับบท ช้อย - เรืองศรี อินทรกำแหง รับบท ลิ้นจี่ - สุรศักดิ์ เครือศิริ รับบท เทพ - อัจฉรา รอดศาสตรา รับบท คำหล้า - สุรพงษ์ เลิศฤทธิ์วิมานแมน รับบท ขจรนักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2557นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2557. - ธนพล นิ่มทัยสุข รับบท รวิ - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท เดือน งามพร้อม - เจนนิเฟอร์ โปลิตานนท์ รับบท นภา - ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ รับบท ศิริพร - ปรมิณ ศิระวนาดร รับบท ขำ - แพรอิศรา ปูคะวนัช รับบท แก้ว - นนทพันธ์ ใจกันทา รับบท พิมุก - ประกาศิต โบสุวรรณ รับบท ชูเกียรติ - พัฒนะ พันธ์เทวะ รับบท เจ๊ป้อม - พิทักษ์ ศัลย์วิวรรธน์ รับบท ทวีศักดิ์ - ฐรินดา กรรณสูต รับบท สายสมร - รุ่ง สุริยา รับบท โรจน์ - ศิรินทรา นิยากร รับบท ช้อย - ราตรี วิทวัส รับบท กิม - แจ็ค ธนพล รับบท ประทีป - เจเน็ท เขียว รับบท ลิ้นจี่ - นันทศัย พิศลยบุตร รับบท ก้อง - ยิ่งยง ยอดบัวงาม รับบท เทพ - บี้ เดอะสกา รับบท เตี้ย - ปิยะวัฒน์ รัตนวิจิตร รับบท บ่าง - วิวรรธน์ รัตนพิทักษ์ รับบท ตำรวจ (รับเชิญ) - ด.ญ.ณปภัช วรพฤทธานนท์ รับบท เดือนวัยเด็กเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง หางเครื่อง(เพลงเปิด) - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง เวทีความฝัน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง ยังยิ้มได้(เพลงปิด) - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง บังเอิญมีหัวใจ - ธนพล นิ่มทัยสุข - เพลง ทรายกับทะเล-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,919 | 2 |
เพลง หางเครื่อง เป็นเพลงเปิดละครโทรทัศน์เรื่อง หางเครื่อง ที่ร้องโดยอัษฎาวุธ เหลืองสุนทรใช่หรือไม่
|
หางเครื่อง (ละครโทรทัศน์) หางเครื่อง เป็นละครโทรทัศน์ไทย บทประพันธ์ของ นิเวศน์ กันไทยราษฎร์ เขียนบทโทรทัศน์โดย พิง ลำพระเพลิง สร้างโดย บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กำกับการแสดงโดย อินทนนท์ รัตนกาญจน์ นำแสดงโดย ธนพล นิ่มทัยสุข, อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ออกอากาศ ทุกวันพุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.20 - 22.30 น. ต่อจากละครเรื่องพรมแดนหัวใจ ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนหน้านั้นเคยสร้างเป็นละคร ในปี 2529 - 2530 ออกอากาศทางช่อง 5เรื่องย่อ เรื่องย่อ. หญิงสาวหลายคนที่ก้าวไปบนถนนสายบันเทิงด้วยความฝันและความหวังแตกต่างกันไป แต่ผู้ที่จะประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้คือผู้ที่ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท รู้เท่าทันและดำเนินชีวิตด้วยสติเท่านั้นจึงจะอยู่บนเส้นทางสายนี้ได้นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2529-2530นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2529-2530. - สุนทร สุจริตฉันท์ รับบท รวิ - ชนาภา นุตาคม รับบท เดือน งามพร้อม - อลิษา ขจรไชยกุล รับบท ศิริพร - ไกรสุข อาจเอี่ยม รับบท ขำ - กนกวรรณ บุรานนท์ รับบท แก้ว - วิเชียร ทั้งสุข รับบท ชูเกียรติ - สินาภรณ์ พิไลลักษณ์ รับบท เจ๊ป้อม - ชูศักดิ์ สุธีรธรรม รับบท โรจน์ - ณัฐินี สิทธิสมาน รับบท ช้อย - เรืองศรี อินทรกำแหง รับบท ลิ้นจี่ - สุรศักดิ์ เครือศิริ รับบท เทพ - อัจฉรา รอดศาสตรา รับบท คำหล้า - สุรพงษ์ เลิศฤทธิ์วิมานแมน รับบท ขจรนักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2557นักแสดงในฉบับ พ.ศ. 2557. - ธนพล นิ่มทัยสุข รับบท รวิ - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท เดือน งามพร้อม - เจนนิเฟอร์ โปลิตานนท์ รับบท นภา - ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ รับบท ศิริพร - ปรมิณ ศิระวนาดร รับบท ขำ - แพรอิศรา ปูคะวนัช รับบท แก้ว - นนทพันธ์ ใจกันทา รับบท พิมุก - ประกาศิต โบสุวรรณ รับบท ชูเกียรติ - พัฒนะ พันธ์เทวะ รับบท เจ๊ป้อม - พิทักษ์ ศัลย์วิวรรธน์ รับบท ทวีศักดิ์ - ฐรินดา กรรณสูต รับบท สายสมร - รุ่ง สุริยา รับบท โรจน์ - ศิรินทรา นิยากร รับบท ช้อย - ราตรี วิทวัส รับบท กิม - แจ็ค ธนพล รับบท ประทีป - เจเน็ท เขียว รับบท ลิ้นจี่ - นันทศัย พิศลยบุตร รับบท ก้อง - ยิ่งยง ยอดบัวงาม รับบท เทพ - บี้ เดอะสกา รับบท เตี้ย - ปิยะวัฒน์ รัตนวิจิตร รับบท บ่าง - วิวรรธน์ รัตนพิทักษ์ รับบท ตำรวจ (รับเชิญ) - ด.ญ.ณปภัช วรพฤทธานนท์ รับบท เดือนวัยเด็กเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง หางเครื่อง(เพลงเปิด) - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง เวทีความฝัน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง ยังยิ้มได้(เพลงปิด) - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง บังเอิญมีหัวใจ - ธนพล นิ่มทัยสุข - เพลง ทรายกับทะเล-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,920 | 2 |
นายแพทย์ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมทรวงอกของไทยใช่หรือไม่
|
อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกราชบัณฑิตยสถาน และ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและระบบสมองของไทย บิดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 10 คนของนายโฆสิต เวชชาชีวะ น้องชายของพระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีพี่ชายคือนายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นบิดาของนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ นักการเมืองพรรคไทยรักไทย และเป็นพี่ชายของนายวิทยา เวชชาชีวะ ที่เป็นอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศเช่นกัน ระหว่างเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.อรรถสิทธิ์ เป็นผู้ริเริ่มโครงการศูนย์วินิจฉัยก้าวหน้าและรังสีร่วมรักษา (AIMC) เป็นโครงการนำร่องของการบริหารงานภายใต้การกำกับดูแลของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สังกัดศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ มีระบบบริหารจัดการแบบพิเศษ โดยมูลนิธิรามาธิบดี เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดประวัติ ประวัติ. ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ มีบุตร-ธิดา 3 คน ได้แก่- ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ หัวหน้าหน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - นางสาวงามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. 2549 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่27ประวัติการศึกษาประวัติการศึกษา. - ศิษย์เก่า โรงเรียนอัสสัมชัญ รหัสประจำตัว AC 14825 - มัธยมศึกษา วิทยาลัยอีตัน ประเทศอังกฤษ - แพทยศาสตรบัณฑิต (มหาวิทยาลัยลอนดอน) ประเทศอังกฤษ - วิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาแพทยศาสตร์ (Hon DSc [Med]) - ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล - FRCP, FRCP (T), FRACP, FACP, Hon FRCPGlasg (พ.ศ. 2510-2538)สาขาที่เชี่ยวชาญ สาขาที่เชี่ยวชาญ. ชำนาญด้านประสาทวิทยา โดยแบ่งเป็นสาขาต่างๆ กล่าวคือ Demyelinating diseases โดยเฉพาะ multiple sclerosis, Myasthenia gravis, Periodic paralysis, Neurosyphilisประวัติการทำงานประวัติการทำงาน. - อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี (พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2538) - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (6 มีนาคม พ.ศ. 2534 – 22 มีนาคม พ.ศ. 2535) - อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล 9 ธันวาคม พ.ศ. 2538 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2542 - อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน (12 เมษายน พ.ศ. 2546-11 เมษายน พ.ศ. 2548) - อดีตสมาชิกวุฒิสภาหน้าที่การงานในปัจจุบันหน้าที่การงานในปัจจุบัน. - ราชบัณฑิต สาขาแพทยศาสตร์ ประจำสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน - ประธานกรรมการ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตร (องค์การมหาชน)เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย. - พ.ศ. 2534 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก - พ.ศ. 2530 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฏ - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) - พ.ศ. 2540 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาแพทยศาสตร์
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,921 | 2 |
นพ.อรรถสิทธิ์ ริเริ่มโครงการศูนย์วินิจฉัยก้าวหน้าและรังสีร่วมรักษาของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ใช่หรือไม่
|
อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายกราชบัณฑิตยสถาน และ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล เป็นนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและระบบสมองของไทย บิดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เกิดวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2478 เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 10 คนของนายโฆสิต เวชชาชีวะ น้องชายของพระบำราศนราดูร (หลง เวชชาชีวะ) อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีพี่ชายคือนายนิสสัย เวชชาชีวะ อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นบิดาของนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ นักการเมืองพรรคไทยรักไทย และเป็นพี่ชายของนายวิทยา เวชชาชีวะ ที่เป็นอดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศเช่นกัน ระหว่างเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นพ.อรรถสิทธิ์ เป็นผู้ริเริ่มโครงการศูนย์วินิจฉัยก้าวหน้าและรังสีร่วมรักษา (AIMC) เป็นโครงการนำร่องของการบริหารงานภายใต้การกำกับดูแลของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล สังกัดศูนย์การแพทย์สิริกิติ์ มีระบบบริหารจัดการแบบพิเศษ โดยมูลนิธิรามาธิบดี เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดประวัติ ประวัติ. ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ สมรสกับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ มีบุตร-ธิดา 3 คน ได้แก่- ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ หัวหน้าหน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - นางสาวงามพรรณ เวชชาชีวะ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. 2549 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายกรัฐมนตรี คนที่27ประวัติการศึกษาประวัติการศึกษา. - ศิษย์เก่า โรงเรียนอัสสัมชัญ รหัสประจำตัว AC 14825 - มัธยมศึกษา วิทยาลัยอีตัน ประเทศอังกฤษ - แพทยศาสตรบัณฑิต (มหาวิทยาลัยลอนดอน) ประเทศอังกฤษ - วิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขาแพทยศาสตร์ (Hon DSc [Med]) - ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาแพทยศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล - FRCP, FRCP (T), FRACP, FACP, Hon FRCPGlasg (พ.ศ. 2510-2538)สาขาที่เชี่ยวชาญ สาขาที่เชี่ยวชาญ. ชำนาญด้านประสาทวิทยา โดยแบ่งเป็นสาขาต่างๆ กล่าวคือ Demyelinating diseases โดยเฉพาะ multiple sclerosis, Myasthenia gravis, Periodic paralysis, Neurosyphilisประวัติการทำงานประวัติการทำงาน. - อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี (พ.ศ. 2529 - พ.ศ. 2538) - อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (6 มีนาคม พ.ศ. 2534 – 22 มีนาคม พ.ศ. 2535) - อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล 9 ธันวาคม พ.ศ. 2538 – 8 ธันวาคม พ.ศ. 2542 - อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน (12 เมษายน พ.ศ. 2546-11 เมษายน พ.ศ. 2548) - อดีตสมาชิกวุฒิสภาหน้าที่การงานในปัจจุบันหน้าที่การงานในปัจจุบัน. - ราชบัณฑิต สาขาแพทยศาสตร์ ประจำสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถาน - ประธานกรรมการ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สาขาพร้อมมิตร (องค์การมหาชน)เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย. - พ.ศ. 2534 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก - พ.ศ. 2530 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฏ - พ.ศ. 2547 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้น ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) - พ.ศ. 2540 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาแพทยศาสตร์
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,922 | 2 |
มินิสทรีออฟซาวด์ลอนดอน หรือมีชื่อสั้นๆ ว่า มินิสทรีออฟซาวด์ เป็นไนต์คลับ มีสาขาใหญ่ในกรุงบรัสเซลล์ใช่หรือไม่
|
มินิสทรีออฟซาวด์ มินิสทรีออฟซาวด์ลอนดอน () หรือเรียกสั้นๆ ว่า มินิสทรีออฟซาวด์ () เป็นไนต์คลับ มีสาขาใหญ่ในลอนดอน ประเทศอังกฤษและยังเป็นค่ายเพลง มินิสทรีออฟซาวด์ ติดอันดับที่ 6 ในการจัดอันดับของนิตยสารดีเจ ในปี 2009 ในหัวข้อ 100 คลับ นอกจากคลับในลอนดอนแล้ว ยังมีอีกที่ที่อียิปต์ สำหรับเครื่องหมายการค้ามินิสทรีออฟซาวด์ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นอีกหลายอย่าง เช่นอัลบั้มรวมเพลงแดนซ์และเสื้อผ้า มินิสทรีออฟซาวด์มีเจ้าของคือบริษัท เอ็มเอสเอชเคกรุป จำกัด ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในลอนดอน ซิดนีย์ เบอร์ลินและนิวยอร์ก
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,923 | 2 |
ศีลอด หมายถึง การอดอาหารและเครื่องดื่ม และงดการร่วมประเวณี ตั้งแต่เวลาหลังตะวันตกดินจนกระทั่งถึงยามรุ่งอรุณใช่หรือไม่
|
ศีลอด ศีลอด หรือภาษามลายูปัตตานีว่า ปอซอ หรือ ศิยาม ในภาษาอาหรับ หมายถึง การอดอาหารและเครื่องดื่ม และงดการร่วมประเวณี ตั้งแต่ยามรุ่งอรุณ จนกระทั่งถึงเวลาหลังตะวันตกดินประเภทของศีลอด ประเภทของศีลอด. การถือศีลอดมีหลายประเภทเช่น1. ศีลอดภาคบังคับ ที่ชายหญิงมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะต้องปฏิบัติในเดือนรอมะฎอนทุกปี 2. ศีลอดภาคสมัครใจ ที่ชายหญิงมุสลิมถือศีลอดในวันอื่น ๆ นอกเดือนรอมะฎอนมุสลิมที่ต้องถือศีลอดเดือนรอมะฎอนมุสลิมที่ต้องถือศีลอดเดือนรอมะฎอน. 1. บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ หรือที่เรียกว่า บรรลุศาสนภาวะ ด้วยเหตุนี้ ศีลอดจึงไม่เป็นข้อบังคับสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ (เด็กต้องมีอายุ 15 ปีจันทรคติบริบูรณ์หรือมีสัญลักษณ์อื่น ๆ เช่นฝันเปียกหรือมีประจำเดือน) 2. มีสติสัมปชัญญะครบบริบูรณ์ ศีลอดจึงไม่เป็นข้อบังคับสำหรับคนที่วิกลจริต แม้ว่าอาการวิกลจริตจะเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งในเวลากลางวันก็ตาม 3. ไม่เมาหรือหมดสติ 4. ไม่เจ็บป่วย เพราะการถือศีลอดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพกรณีที่ไม่สบาย 5. ไม่มีประจำเดือนหรือมีเลือดหลังจากการคลอดบุตรสาเหตุทำให้ศีลอดเสีย สาเหตุทำให้ศีลอดเสีย. หมายถึง ผู้ถือศีลอดคนใดคนหนึ่งได้กระทำในสิ่งดังต่อไปนี้ถือว่า ศีลอดของเขาเสียทันที่ และจะต้องถือศีลอดชดใช้ภายหลังจากเดือนร่อมะฎอนได้ผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ศีลอดเสียมีดังต่อไปนี้1. ตั้งใจกิน ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อยก็ตาม 2. ตั้งใจดื่ม ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อยก็ตาม 3. ร่วมประเวณี ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 4. ตั้งใจให้ฝุ่นละออง หรือควัน หรือไอน้ำที่มีจำนวนมากเข้าไปในลำคอ 5. การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ไม่ว่าชายหรือหญิง 6. การสวนทวารด้วยของเหลวทุกชนิด 7. การตั้งใจอาเจียน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,924 | 2 |
มุสลิมที่ต้องถือศีลอดเดือนรอมะฎอน ต้องบรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ หรือที่เรียกว่า บรรลุนิติภาวะศาสนะอิสลาม ใช่หรือไม่
|
ศีลอด ศีลอด หรือภาษามลายูปัตตานีว่า ปอซอ หรือ ศิยาม ในภาษาอาหรับ หมายถึง การอดอาหารและเครื่องดื่ม และงดการร่วมประเวณี ตั้งแต่ยามรุ่งอรุณ จนกระทั่งถึงเวลาหลังตะวันตกดินประเภทของศีลอด ประเภทของศีลอด. การถือศีลอดมีหลายประเภทเช่น1. ศีลอดภาคบังคับ ที่ชายหญิงมุสลิมที่บรรลุศาสนภาวะต้องปฏิบัติในเดือนรอมะฎอนทุกปี 2. ศีลอดภาคสมัครใจ ที่ชายหญิงมุสลิมถือศีลอดในวันอื่น ๆ นอกเดือนรอมะฎอนมุสลิมที่ต้องถือศีลอดเดือนรอมะฎอนมุสลิมที่ต้องถือศีลอดเดือนรอมะฎอน. 1. บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ หรือที่เรียกว่า บรรลุศาสนภาวะ ด้วยเหตุนี้ ศีลอดจึงไม่เป็นข้อบังคับสำหรับเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ (เด็กต้องมีอายุ 15 ปีจันทรคติบริบูรณ์หรือมีสัญลักษณ์อื่น ๆ เช่นฝันเปียกหรือมีประจำเดือน) 2. มีสติสัมปชัญญะครบบริบูรณ์ ศีลอดจึงไม่เป็นข้อบังคับสำหรับคนที่วิกลจริต แม้ว่าอาการวิกลจริตจะเกิดขึ้นชั่วขณะหนึ่งในเวลากลางวันก็ตาม 3. ไม่เมาหรือหมดสติ 4. ไม่เจ็บป่วย เพราะการถือศีลอดอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพกรณีที่ไม่สบาย 5. ไม่มีประจำเดือนหรือมีเลือดหลังจากการคลอดบุตรสาเหตุทำให้ศีลอดเสีย สาเหตุทำให้ศีลอดเสีย. หมายถึง ผู้ถือศีลอดคนใดคนหนึ่งได้กระทำในสิ่งดังต่อไปนี้ถือว่า ศีลอดของเขาเสียทันที่ และจะต้องถือศีลอดชดใช้ภายหลังจากเดือนร่อมะฎอนได้ผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งที่ทำให้ศีลอดเสียมีดังต่อไปนี้1. ตั้งใจกิน ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อยก็ตาม 2. ตั้งใจดื่ม ไม่ว่าจะมีปริมาณมากหรือน้อยก็ตาม 3. ร่วมประเวณี ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง 4. ตั้งใจให้ฝุ่นละออง หรือควัน หรือไอน้ำที่มีจำนวนมากเข้าไปในลำคอ 5. การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ไม่ว่าชายหรือหญิง 6. การสวนทวารด้วยของเหลวทุกชนิด 7. การตั้งใจอาเจียน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,925 | 2 |
ชิงกี้ แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน เกิดในเซนต์หลุยส์ และเติบโตมาในละแวกยากจนวอลนัท ปาร์ค ทางด้านฝั่งใต้ของเซนต์หลุยส์ใช่หรือไม่
|
ชิงกี้ ชิงกี้ () หรือชื่อจริงว่า โฮเวิร์ด ไบเลย์ จูเนียร์ () เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1980 เป็นแร็ปเปอร์ชาวอเมริกันประวัติ ประวัติ. ชิงกี้ เกิดในเซนต์หลุยส์ เติบโตมาในละแวกยากจนวอลนัท ปาร์ค ทางด้านฝั่งเหนือของเซนต์หลุยส์ เขาทุ่มเทเพื่อเป็นนักร้องฮิปฮอปตั้งแต่ 8 ขวบ โดยมักใช้เวลาหลังเลิกเรียนเพื่อเข้าสตูดิโอ เขาเซ็นสัญญาโดยลูดาคริส มีผลงานชุดแรก Jackpot มียอดขายระดับทริปเปิล แพลตินัม และมีเพลงดังอย่าง Right Thurr, Holidae In และ One Call Away Hood Star แต่หลังจากนั้นเขาเกิดมีความขัดแย้งกับลูดาคริสและค่าย Disturbing the Peace ที่เขาสังกัดอยู่ จนต้องออกไป เขามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 Powerballin' (2004) กับค่ายแคปปิตอลแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2006 ออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 3 Hoodstar มีเพลงท็อปเท็นในอเมริกาคือเพลง "Pullin' Me Back" แต่ยอดขายอัลบั้มก็ไม่ดีมาก แต่หลังจากนั้นชิงกี้ก็แก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับค่าย Disturbing the Peace ได้ และออกอัลบั้มถัดไปร่วมกันในชื่อ Hate It or Love It ในปี 2007 นอกจากการเป็นแร็ปเปอร์ เขายังได้แสดงภาพยนตร์ มีผลงานเรื่องแรกคือ The System Within ในปี 2006 เป็นภาพยนตร์อินดีเกี่ยวกับยาเสพติด องค์กรอาชญากรรมและการคอรัปชันภายในรัฐบาล เขารับบทสมทบบทสำคัญในเรื่องนี้ ต่อมาเรื่องที่ 2 คือ SCARY MOVIE 4 รับบทเป็นแมงดาแร็ปเปอร์รักสนุกที่รักหญิงเป็นชีวิตจิตใจผลงานอัลบั้มผลงานอัลบั้ม. - 2003: Jackpot - 2004: Powerballin' - 2006: Hoodstar - 2007: Hate It or Love It - 2008: Eurthing An Nuthing
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,926 | 2 |
ชิงกี้ แร็ปเปอร์ชาวอเมริกันได้แสดงภาพยนตร์ และมีผลงานเรื่องแรกคือ The System Within ในปี 2000 เป็นภาพยนตร์อินดีเกี่ยวกับยาเสพติดใช่หรือไม่
|
ชิงกี้ ชิงกี้ () หรือชื่อจริงว่า โฮเวิร์ด ไบเลย์ จูเนียร์ () เกิดเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1980 เป็นแร็ปเปอร์ชาวอเมริกันประวัติ ประวัติ. ชิงกี้ เกิดในเซนต์หลุยส์ เติบโตมาในละแวกยากจนวอลนัท ปาร์ค ทางด้านฝั่งเหนือของเซนต์หลุยส์ เขาทุ่มเทเพื่อเป็นนักร้องฮิปฮอปตั้งแต่ 8 ขวบ โดยมักใช้เวลาหลังเลิกเรียนเพื่อเข้าสตูดิโอ เขาเซ็นสัญญาโดยลูดาคริส มีผลงานชุดแรก Jackpot มียอดขายระดับทริปเปิล แพลตินัม และมีเพลงดังอย่าง Right Thurr, Holidae In และ One Call Away Hood Star แต่หลังจากนั้นเขาเกิดมีความขัดแย้งกับลูดาคริสและค่าย Disturbing the Peace ที่เขาสังกัดอยู่ จนต้องออกไป เขามีผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 Powerballin' (2004) กับค่ายแคปปิตอลแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาในปี 2006 ออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 3 Hoodstar มีเพลงท็อปเท็นในอเมริกาคือเพลง "Pullin' Me Back" แต่ยอดขายอัลบั้มก็ไม่ดีมาก แต่หลังจากนั้นชิงกี้ก็แก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับค่าย Disturbing the Peace ได้ และออกอัลบั้มถัดไปร่วมกันในชื่อ Hate It or Love It ในปี 2007 นอกจากการเป็นแร็ปเปอร์ เขายังได้แสดงภาพยนตร์ มีผลงานเรื่องแรกคือ The System Within ในปี 2006 เป็นภาพยนตร์อินดีเกี่ยวกับยาเสพติด องค์กรอาชญากรรมและการคอรัปชันภายในรัฐบาล เขารับบทสมทบบทสำคัญในเรื่องนี้ ต่อมาเรื่องที่ 2 คือ SCARY MOVIE 4 รับบทเป็นแมงดาแร็ปเปอร์รักสนุกที่รักหญิงเป็นชีวิตจิตใจผลงานอัลบั้มผลงานอัลบั้ม. - 2003: Jackpot - 2004: Powerballin' - 2006: Hoodstar - 2007: Hate It or Love It - 2008: Eurthing An Nuthing
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,927 | 2 |
เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 15 ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ณ เมืองควิเบก ประเทศแคนาดาใช่หรือไม่
|
เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิสในโอลิมปิกฤดูหนาว 1988 เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส เข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวครั้งที่ 15 ค.ศ. 1988 (พ.ศ. 2531) ณ เมืองแคลการี ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 13 กุมภาพันธ์ – 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,928 | 2 |
ศีลแปด หรือ อุโบสถศีล เป็นศีลของคฤหัสถ์ หมายถึง ศีลของสงฆ์ทั่วไปใช่หรือไม่
|
ศีลแปด ศีลแปด หรือ อุโบสถศีล เป็นศีลของคฤหัสถ์ หมายถึง อุบาสกอุบาสิกาทั่วไป มิใช่สงฆ์ (ซึ่งมีศีลเฉพาะตนอยู่แล้ว) โดยมักจะรับศีลแปดในวันพระ นิยมรักษาศีลแปดเป็นเวลา 1 วัน หรือ 3 วัน จัดเป็นศีลขั้นต่ำของพระอนาคามี โดยปกติผู้รักษาศีลจะเปล่งวาจาอธิษฐาน ที่จะขอสมาทานศีลตั้งแต่เช้าของวันนั้น หากรักษาศีลแปดเป็นเวลา 1 วัน เรียกว่า "ปกติอุโบสถ" และหากรักษา 3 วัน เรียกว่า "ปฏิชาครอุโบสถ"ศีลทั้งแปดศีลทั้งแปด. 1. ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฆ่าสัตว์ 2. อทินฺนา ทานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการขโมยสิ่งของที่คนอื่นไม่ได้ให้ 3. อพฺรหฺมจริยา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการประพฤติผิดพรหมจรรย์ 4. มุสาวาทา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการพูดโกหก ไม่พูดหยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นสัมมาวาจา 5. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการกินเหล้า ที่เป็นที่ตั้งของความไม่ระมัดระวัง 6. วิกาลโภชนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการกินในยามวิกาล (หลังเที่ยงวันถึงรุ่งเช้าของวันใหม่) 7. นจฺจคีตวาทิตวิสูกทสฺสนา มาลาคนฺธวิเลปนธารณมณฺฑนวิภูสนฏฺฐานา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการฟ้อนรำขับร้อง ประโคมดนตรี และประดับร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม เครื่องประดับ เครื่องทา เครื่องย้อม 8. อุจฺจาสยนมหาสยนา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ : เว้นจากการนั่งนอนเหนือเตียงตั่ง ที่เท้าสูงเกิน ภายในมีนุ่นหรือสำลีความเหมือนและความแตกต่างระหว่างอุโบสถศีลกับศีล 8ความเหมือนและความแตกต่างระหว่างอุโบสถศีลกับศีล 8. 1. อุโบสถศีล กับ ศีล 8 มีข้อห้าม 8 ข้อเหมือนกัน 2. คำอาราธนา (ขอศีล) แตกต่างกัน 3. อุโบสถศีล มีวันพระเป็นแดนเกิด สมาทานรักษาได้เฉพาะ วันพระเท่านั้น ส่วนศีล 8 สมาทานรักษาได้ทุกวัน 4. อุโบสถศีล มีอายุ 24 ชั่วโมง (วันหนึ่งคืนหนึ่ง) ส่วนศีล 8 ไม่มีกำหนดอายุในการรักษา 5. อุโบสถศีล เป็นศีลสำหรับชาวบ้านผู้ครองเรือน หรือเป็นศีล ของชาวบ้านผู้บริโภคกาม (กามโภคี) ส่วนศีล 8 เป็นศีลสำหรับชาวบ้านผู้ไม่ครองเรือน เช่น แม่ชี
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,929 | 2 |
เฮฟีสเทียน (แฮไพส์ตีออน) เป็นแม่ทัพชาวมาดริกาของกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช ใช่หรือไม่
|
เฮฟีสเทียน เฮฟีสเทียน () หรือ แฮไพส์ตีออน () เป็นแม่ทัพชาวมาเกโดนีอา ของกองทัพอเล็กซานเดอร์มหาราช เขาเป็นเพื่อนสนิทกับอเล็กซานเดอร์มาตั้งแต่เยาว์วัย จนในที่สุด ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ได้พัฒนาเหนือกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อน จนอาจกล่าวได้ว่า เขาคือวิญญาณครึ่งหนึ่งของอเล็กซานเดอร์ และเป็นบุคคลที่อเล็กซานเดอร์ไว้ใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ด้วยการเสื่อมลงของวัฒนธรรมกรีกและการมีอิทธิพลขึ้นมาของศาสนาคริสต์ซึ่งต่อต้านการรักร่วมเพศ ทำให้ประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวของทั้งสองว่าเป็น "เพื่อนที่ดีที่สุด" แทนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ วันเกิดที่ชัดเจนของเฮฟีสเทียนนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด แทบไม่มีข้อมูลเรื่องประวัติที่มาของเขา แต่นักวิชาการจำนวนมากเชื่อว่า เฮฟีสเทียนซึ่งเป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กกับอเล็กซานเดอร์ มีอายุเท่ากับอเล็กซานเดอร์ ทำให้คาดเดาได้ว่า เขาน่าจะเกิดเมื่อ 356 ปีก่อนคริสตกาล และมีเกร็ดเล็กน้อย จากตำนาน Alexander romance ซึ่งได้บันทึกว่า "...วันหนึ่ง เมื่ออเล็กซานเดอร์อายุได้ 15 ชันษา [...] ได้แล่นเรือไปกับสหายแฮไพส์ตีออนจนไปถึงปิซา แล้วจึงลงไปเดินเล่นกับแฮไพส์ตีออน" ซึ่งอายุของอเล็กซานเดอร์ในบันทึกนี้เอง เป็นเบาะแสที่สำคัญต่อการศึกษาที่มาของเฮฟีสเทียน เพราะขณะอเล็กซานเดอร์อายุ 15 ชันษา เขาต้องกำลังศึกษาอยู่ที่มีเอซา ภายใต้การประสาทวิชาโดยอริสโตเติล และด้วยมิตรภาพของทั้งสองที่แน่นแฟ้น ทำให้รู้ได้ว่า เฮฟีสเทียนเป็นหนึ่งในนักเรียนที่นี่เช่นกันความสัมพันธ์กับอเล็กซานเดอร์ ความสัมพันธ์กับอเล็กซานเดอร์. เป็นที่รู้กันว่า ความสัมพันธ์ของเฮฟีสเทียนและอเล็กซานเดอร์นั้นมีมากเกินกว่ามิตรภาพระหว่างเพื่อน ดังที่ อริสโตเติล ครูของทั้งสอง ได้อธิบายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ว่าเปรียบดั่ง "...หนึ่งวิญญาณที่ดำรงอยู่ในสองร่าง" ครั้งที่อเล็กซานเดอร์ รบชนะเปอร์เซีย เฮฟีสเทียนได้เดินนำอเล็กซานเดอร์ไปยังกระโจมที่คุมตัวสมาชิกราชวงศ์เปอร์เซียไว้ เมื่อพระพันปีแกมบิสทอดพระเนตรเห็นก็รีบเข้าไปคุกเข่าอ้อนวอนขอชีวิตสมาชิกราชวงศ์เปอร์เซียต่อเฮฟีสเทียนด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเฮฟีสเทียนคืออเล็กซานเดอร์ เนื่องจากเฮฟีสเทียนนั้นตัวสูงกว่าอเล็กซานเดอร์ ประกอบกับทั้งคู่ยังหนุ่มและสวมชุดที่เหมือนกัน ซึ่งเมื่อพระพันปีแกมบิสทรงทราบก็เกิดความอับอาย แต่อเล็กซานเดอร์ก็รับสั่งแก่พระพันปีแกมบิสว่า "ท่านไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอกท่านแม่ เขาคนนี้ก็คืออเล็กซานเดอร์เช่นกัน"เสียชีวิต เสียชีวิต. ในฤดูใบไม้ผลิ 324 ปีก่อนค.ศ. เฮฟีสเทียนพร้อมอเล็กซานเดอร์ได้เคลื่อนพลไปยัง และไปถึงในฤดูใบไม้ร่วง วันหนึ่งเฮฟีสเทียนเดินทางไปยังโรงละคร และทานไก่ต้มและไวน์เย็น แล้วจึงเกิดอาการไข้ เขาป่วยอยู่เจ็ดวัน วันที่เจ็ดนั้นมีอาการหนักมาก จนอเล็กซานเดอร์ต้องรีบละทิ้งการชมการแข่งขันและมาหาเฮฟีสเทียนในทันที แต่ก็มาไม่ทัน เมื่ออเล็กซานเดอร์มาถึง เฮฟีสเทียนได้เสียชีวิตแล้ว พลูทาร์กบันทึกไว้ว่า เนื่องจากเฮฟีสเทียนคิดว่ายังอายุน้อยและแข็งแรงจึงปฏิเสธยาและคำแนะนำจากหมอมาโดยตลอด ภายหลังการเสียชีวิตของเฮฟีสเทียน อเล็กซานเดอร์ทรงเศร้าโศกเกินกว่าผู้ใดจะเยียวยาได้ อเล็กซานเดอร์นอนกอดศพของเฮฟีสเทียนอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืนและร่ำไห้ เสมือนว่าวิญญาณครึ่งหนึ่งได้ดับสูญไปแล้ว อเล็กซานเดอร์อยู่กับศพของเฮฟีสเทียนเป็นเวลาสองวันเต็มโดยที่ไม่ได้เสวยสิ่งใดเลย และไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง นายทหารจำนวนมากหมดความเคารพต่ออเล็กซานเดอร์ ที่ตอนนี้เสมือนร่างไร้จิตวิญญาณ อเล็กซานเดอร์บัญชาให้ส่งสารไปยังโหรหลวงเพื่อตรัสถาม ว่าจะสามารถสักการะเฮฟีสเทียนเยี่ยงเทพเจ้าได้หรือไม่ โหรหลวงตอบกลับมาว่ามิอาจสักการะเยี่ยงเทพได้ แต่สามารถกระทำเยี่ยงวีรบุรุษจากสวรรค์ได้ อเล็กซานเดอร์เคลื่อนพลสู่บาบิโลนเพื่อสร้างสุสานเฮฟีสเทียนอย่างยิ่งใหญ่ในฐานะวีรบุรุษจากสวรรค์ อย่างไรก็ตาม ที่บาบิโลนพระองค์ได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ทรงโศกเศร้า ไม่พึงพระราชกิจ เสวยสุรา หมดความพึงใจต่อโลก แม่ทัพนายกองหมดความเคารพจนเกิดกบฏขึ้นสองครั้ง พระพลานามัยและพระทัยย่ำแย่จนทรงประชวรและสวรรคตภายหลังเฮฟีสเทียนเสียชีวิตได้ไม่กี่เดือน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,930 | 2 |
กวางแดง จัดเป็นละมั่งขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ตามอนุกรมวิธานใช่หรือไม่
|
กวางแดง กวางแดง () เป็นกวางขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ตามอนุกรมวิธาน กวางแดงมีถิ่นอาศัยในทวีปยุโรป เทือกเขาคอเคซัส เอเชียน้อย บางส่วนทางตะวันตกของเอเชีย และเอเชียกลาง สามารถพบในเทือกเขาแอตลาสระหว่างประเทศโมร็อกโกและประเทศตูนิเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกา เป็นกวางเพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในแอฟริกา มีการนำกวางแดงไปยังพื้นที่ส่วนอื่นบนโลก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศนิวซีแลนด์ และ ประเทศอาร์เจนตินา ในหลายส่วนของโลกกินเนื้อของกวางแดงเป็นอาหาร กวางแดงเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มีกระเพาะ 4 ห้อง กีบเท้าคู่ ตัวผู้สูง 175 - 230 ซม. หนัก 160 - 240 กก. ตัวเมียสูง 160 - 210 ซม. หนัก 120 - 170 กก. จากหลักฐานทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่ากวางแดง (Cervus elaphus) แต่เดิมน่าจะเป็นกลุ่มชนิดมากกว่าจะเป็นชนิดเดี่ยว แม้ว่ายังเหลือข้อโต้แย้งที่ว่าเป็นกวางกี่ชนิดที่รวมกลุ่มกัน บรรพบุรุษของกวางแดงน่าจะมีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลางและอาจจะเป็นบรรพบุรุษเดียวกับกวางซีก้า แม้ว่าบางครั้งกวางแดงอาจจะหายากในบางพื้นที่ แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าสูญพันธุ์ การนำเข้าไปยังพื้นที่อื่นและผลจากการอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรทำให้จำนวนประชากรของกวางแดงเพิ่มขึ้น ขณะที่ในพื้นที่อื่น เช่น แอฟริกาเหนือประชากรกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,931 | 2 |
กวางแดงมีถิ่นอาศัยในทวีปยุโรป เทือกเขาคอเคซัส เอเชียน้อย บางส่วนทางตะวันตกของเอเชีย และเอเชียใต้ใช่หรือไม่
|
กวางแดง กวางแดง () เป็นกวางขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ตามอนุกรมวิธาน กวางแดงมีถิ่นอาศัยในทวีปยุโรป เทือกเขาคอเคซัส เอเชียน้อย บางส่วนทางตะวันตกของเอเชีย และเอเชียกลาง สามารถพบในเทือกเขาแอตลาสระหว่างประเทศโมร็อกโกและประเทศตูนิเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือของแอฟริกา เป็นกวางเพียงชนิดเดียวที่อาศัยอยู่ในแอฟริกา มีการนำกวางแดงไปยังพื้นที่ส่วนอื่นบนโลก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย, ประเทศนิวซีแลนด์ และ ประเทศอาร์เจนตินา ในหลายส่วนของโลกกินเนื้อของกวางแดงเป็นอาหาร กวางแดงเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มีกระเพาะ 4 ห้อง กีบเท้าคู่ ตัวผู้สูง 175 - 230 ซม. หนัก 160 - 240 กก. ตัวเมียสูง 160 - 210 ซม. หนัก 120 - 170 กก. จากหลักฐานทางพันธุกรรมแสดงให้เห็นว่ากวางแดง (Cervus elaphus) แต่เดิมน่าจะเป็นกลุ่มชนิดมากกว่าจะเป็นชนิดเดี่ยว แม้ว่ายังเหลือข้อโต้แย้งที่ว่าเป็นกวางกี่ชนิดที่รวมกลุ่มกัน บรรพบุรุษของกวางแดงน่าจะมีถิ่นกำเนิดในเอเชียกลางและอาจจะเป็นบรรพบุรุษเดียวกับกวางซีก้า แม้ว่าบางครั้งกวางแดงอาจจะหายากในบางพื้นที่ แต่มันก็ยังห่างไกลจากคำว่าสูญพันธุ์ การนำเข้าไปยังพื้นที่อื่นและผลจากการอนุรักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรทำให้จำนวนประชากรของกวางแดงเพิ่มขึ้น ขณะที่ในพื้นที่อื่น เช่น แอฟริกาเหนือประชากรกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,932 | 2 |
UN Number เป็นเลขอ้างอิง 4 หลัก แสดงสมบัติของสารอันตรายตามข้อกำหนดโดยองค์การค้าโลกใช่หรือไม่
|
UN number UN Number เป็นเลขอ้างอิง 4 หลัก แสดงสมบัติของสารอันตรายตามข้อกำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ (UN Recommendation on the Transport of Dangerous Goods, 10th edition) ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำเป็นภาษาไทยตามโครงการวางระบบการจัดการและการป้องกันสาธารณภัยจากการขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตราย โดยจัดพิมพ์เผยแพร่ในชื่อ "ข้อกำหนดการขนส่งสินค้าอันตรายของประเทศไทย" ซึ่งมีรายละเอียดอธิบายความหมายของ UN-Number ไว้ในดังนี้ 1. สินค้าอันตรายถูกกำหนดให้มีหมายเลข UN และชื่อที่ถูกต้องในการขนส่ง (Proper Shipping Name) ตามการจำแนกประเภทสินค้าอันตราย 2. สินค้าอันตรายที่มีการขนส่งกันโดยทั่วไปจะอยู่ในบัญชีรายชื่อสินค้าอันตราย ในกรณีที่สิ่งของหรือสารที่อยู่ในบัญชี ในการขนส่งต้องใช้ชื่อที่ถูกต้องในการขนส่งตามบัญชีรายชื่อสินค้าอันตราย สำหรับสินค้าอันตรายที่ไม่ได้ระบุชื่อเฉพาะ ในการขนส่งให้ระบุชื่อของสารหรือสิ่งของนั้นด้วยกลุ่มชื่อทั่วไป หรือกลุ่มไม่เฉพาะเจาะจง (N.O.S.)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,933 | 2 |
สมมติฐานของคอค คือเกณฑ์สี่ข้อที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ยืนยันความสัมพันธ์เชิงผลระหว่างจุลชีพกับโรคใช่หรือไม่
|
สมมติฐานของคอค สมมติฐานของคอค () คือเกณฑ์สี่ข้อที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ยืนยันความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างจุลชีพกับโรค สมมติฐานนี้เสนอขึ้นโดย โรเบิร์ต คอค และ เฟรดริกซ์ โลฟเฟลอร์ ในปี ค.ศ. 1884 และได้รับการตีพิมพ์โดยคอค เมื่อ ค.ศ. 1890 ในครั้งแรก คอคได้ใช้หลักการนี้เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างโรคกับเชื้อก่อโรคของแอนแทรกซ์และวัณโรค แต่ต่อมาหลักการนี้ก็ถูกนำไปปรับใช้กับโรคอื่นๆ อีกมากสมมติฐาน สมมติฐาน. สมมติฐานของคอค ระบุว่า:1. จะต้องมีการพบจุลชีพนั้นเป็นจำนวนมากในสิ่งมีชีวิตที่ป่วยด้วยโรคนั้น และไม่ควรจะพบในสิ่งมีชีวิตที่ไม่ป่วย 2. จะต้องสามารถแยกเอาจุลชีพออกมาจากสิ่งมีชีวิตที่ป่วยด้วยโรคนั้นมาเพาะเลี้ยงให้บริสุทธิ์ได้ 3. จุลชีพที่ได้จากการเพาะเลี้ยงนั้นควรจะทำให้เกิดโรคเมื่อนำเข้าสู่ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นโรค 4. จะต้องสามารถแยกเอาจุลชีพออกมาจากสิ่งมีชีวิตที่ถูกนำเชื้อเข้าตัวจนป่วยเป็นโรคนั้นได้ และเชื้อที่แยกได้นี้จะต้องเหมือนกันกับเชื้อจุลชีพตัวแรก
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,934 | 2 |
น้ำตกเก้าโจน เป็นแหล่งน้ำตกอยู่บ้านห้วยผาก (หมู่ที่ 7) เขตอำเภอสวนผัก จังหวัดเพชรบุรี
|
น้ำตกเก้าโจน น้ำตกเก้าโจน เป็นแหล่งน้ำตกอยู่บ้านห้วยผาก (หมู่ที่ 7) เขตอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 18 กิโลเมตร เลยจากบ่อน้ำร้อนบ่อคลึงไปประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเดินจากที่จอดรถจนถึงตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร น้ำตกไหลมาจากหน้าผาสูงกลางหุบเขามีความสูง 9 ชั้นจากชั้นล่างสุด จนถึงชั้นสุดท้ายสามารถเดินเท้าเข้าไปได้ โดยระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ถ้าจากน้ำตกชั้นล่างไปจนถึงชั้นบนสุดจะใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาเดินลงประมาณ 45 นาทีการเดินทางการเดินทาง. - จากกรุงเทพฯ – น้ำตกเก้าโจน ระยะทางประมาณ 175 กิโลเมตร - จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสาย พระปิ่นเกล้า-นครชัยศรีมุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงถึงจังหวัดราชบุรี - จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่จังหวัดนครปฐม จากนั้นขับตรงสู่จังหวัดราชบุรี เมื่อถึงเขตเมืองจังหวัดราชบุรีให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอจอมบึง โดยจะเลี้ยวตรงแยกเจดีย์หัก เลยเจย์ดีหักไปสักพักจะเจอแยกเขางูให้เลี้ยวขวาแล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะผ่านถ้ำเขาบินสามารถแวะเที่ยว เมื่อถึงอำเภอสวนผึ้งให้ตรงไปประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วให้เลี้ยวซ้ายตรงภูผาผึ้งไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะเจอกับวัดห้วยผากให้เลี้ยวขวา จะเจอกับธารน้ำร้อนบ่อคลึง เลยธารน้ำร้อนไปประมาณ 1 กิโลเมตร จะถึงน้ำตกเก้าโจน รถทุกชนิดสามารถไปได้เพราะเป็นทางลาดยางตลอดเส้นทาง และมีป้ายบอกทางตลอดเส้นทางเช่นกัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,935 | 2 |
การใช้ตัวย่อของหน่วย ppm (ppb, ppt, ฯลฯ) ขัดกับมาตรฐานทางเทคนิค ISO 80000-1:2009 ข้อกำหนด 4.5.5 ดังนั้นมันจึงไม่ถูกต้องทางเทคนิคใช่หรือไม่
|
สัญกรณ์ส่วนในหลายส่วน ในทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ สัญกรณ์ส่วนในหลายส่วน () คือกลุ่มของหน่วยเทียมที่สร้างขึ้นเพื่ออธิบายค่าเล็กน้อยในปริมาณไร้มิติ อาทิ เศษส่วนโมล (mole fraction) หรือเศษส่วนมวล (mass fraction) เนื่องจากเศษส่วนเหล่านี้เป็นการวัดอัตราส่วนปริมาณต่อปริมาณ มันจึงเป็นจำนวนแท้จริงที่ไม่มีระบบการวัดมาเกี่ยวข้อง ตัวอย่างหน่วยที่ใช้โดยปกติเช่น ส่วนในล้านส่วน (ppm: พีพีเอ็ม), ส่วนในพันล้านส่วน (ppb: พีพีบี), ส่วนในล้านล้านส่วน (ppt: พีพีที), ส่วนในพันล้านล้านส่วน (ppq: พีพีคิว) เป็นต้นคำเตือน คำเตือน. การใช้ตัวย่อของหน่วย ppm (ppb, ppt, ฯลฯ) ขัดกับมาตรฐานทางเทคนิค ISO 80000-1:2009 ข้อกำหนด 6.5.5 ดังนั้นมันจึงไม่ถูกต้องทางเทคนิค การแสดงอัตราส่วนอนุภาคที่เหมาะสมในปริมาตรหรือมวลที่แน่นอน เพื่อให้เข้ากันได้กับมาตรฐานทางเทคนิคสำหรับใช้ในเอกสารทางเทคนิคเป็นอาทิ คือการแสดงอัตราส่วนด้วยกำลังของสิบ ต่อลูกบาศก์เมตรหรือต่อกิโลกรัมแล้วแต่กรณี
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,936 | 2 |
16 bit Unicode Transformation Format (UTF-16) เป็นการเข้ารหัสตัวอักษรสำหรับ ASCII ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเข้ารหัสตัวอักษรในยูนิโคดได้ทั้งหมดใช่หรือไม่
|
UTF-16/UCS-2 16 bit Unicode Transformation Format (UTF-16) เป็นการเข้ารหัสตัวอักษรสำหรับยูนิโคดในคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเข้ารหัสตัวอักษรในยูนิโคดได้ทั้งหมด โดยปกติแล้วแล้วหนึ่งตัวอักษรมีขนาด 16 บิตหรือ 2 ไบต์ ขึ้นอยู่กับวิธีการเข้ารหัสของเครื่องตัวอย่าง ตัวอย่าง. แบบแสดงที่ท่านเห็นอาจไม่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับฟอนต์และซอฟต์แวร์ที่ท่านใช้
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,937 | 2 |
เบ็นโซไดอาเซพีน (Benzodiazepine) หรือเรียกสั้นๆว่า "เบ็นโซส" เป็นกลุ่มยาในหมวดสารออกฤทธิ์ต่อระบบไขสันหลังใช่หรือไม่
|
เบ็นโซไดอาเซพีน เบ็นโซไดอาเซพีน (Benzodiazepine) หรือเรียกสั้นๆว่า "เบ็นโซส" เป็นกลุ่มยาในหมวดสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เกิดขึ้นจากการทำพันธะโครงสร้างทางเคมีระหว่างเบนซีนกับไดอาเซพีน ทั้งนี้ในปี ค.ศ. 1977 เบ็นโซไดอาเซพีนเป็นกลุ่มยาที่ได้รับการสั่งจ่ายมากที่สุดในโลก ยากลุ่มนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของสารสื่อประสาทประเภทกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริกที่ตัวรับกาบ้าA เกิดเป็นสรรพคุณในยาระงับประสาท, ยานอนหลับ, ยาคลายกังวล, ยากันชัก และยาคลายกล้ามเนื้อ สรรพคุณเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการรักษาโรควิตกกังวล, การนอนไม่หลับ, ภาวะกายใจไม่สงบ, การชัก, กล้ามเนื้อกดเกร็ง, โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา เบ็นโซไดอาเซพีนยังถูกใช้เป็นยานำก่อนการทำเวชกรรมอื่นๆอาทิ ทันตกรรม เป็นต้น การรับยากลุ่มเบ็นโซไดอาเซพีนมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการหลงลืมเรื่องใหม่และโรคดิสโซสิเอทีฟ การใช้เบ็นโซไดอาเซพีนอาจทำให้เกิดอาการหลงๆลืมๆหรือก้าวร้าวเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นกลุ่มยาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการใช้ในช่วงสั้นๆ ส่วนการใช้ในระยะยาวนั้นถูกควบคุมไว้เนื่องจากเป็นผลร้ายมากกว่าดี เช่น เสื่อมสมรรถภาพทางกาย, กลายเป็นบุคคลซึมเศร้า และเกิดการเสพติดเบ็นโซไดอาเซพีน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,938 | 2 |
ก็ถือว่าเป็นกลุ่มยาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการใช้ในช่วงสั้นๆ ส่วนการใช้ในระยะยาวนั้นไม่ต้องควบคุมไว้เนื่องจากเป็นผลดีมากกว่าร้ายใช่หรือไม่
|
เบ็นโซไดอาเซพีน เบ็นโซไดอาเซพีน (Benzodiazepine) หรือเรียกสั้นๆว่า "เบ็นโซส" เป็นกลุ่มยาในหมวดสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท เกิดขึ้นจากการทำพันธะโครงสร้างทางเคมีระหว่างเบนซีนกับไดอาเซพีน ทั้งนี้ในปี ค.ศ. 1977 เบ็นโซไดอาเซพีนเป็นกลุ่มยาที่ได้รับการสั่งจ่ายมากที่สุดในโลก ยากลุ่มนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิผลของสารสื่อประสาทประเภทกรดแกมมาอะมิโนบิวทีริกที่ตัวรับกาบ้าA เกิดเป็นสรรพคุณในยาระงับประสาท, ยานอนหลับ, ยาคลายกังวล, ยากันชัก และยาคลายกล้ามเนื้อ สรรพคุณเหล่านี้มีประโยชน์ต่อการรักษาโรควิตกกังวล, การนอนไม่หลับ, ภาวะกายใจไม่สงบ, การชัก, กล้ามเนื้อกดเกร็ง, โรคสั่นเพ้อเหตุขาดสุรา เบ็นโซไดอาเซพีนยังถูกใช้เป็นยานำก่อนการทำเวชกรรมอื่นๆอาทิ ทันตกรรม เป็นต้น การรับยากลุ่มเบ็นโซไดอาเซพีนมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการหลงลืมเรื่องใหม่และโรคดิสโซสิเอทีฟ การใช้เบ็นโซไดอาเซพีนอาจทำให้เกิดอาการหลงๆลืมๆหรือก้าวร้าวเป็นบางครั้ง อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นกลุ่มยาที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผลในการใช้ในช่วงสั้นๆ ส่วนการใช้ในระยะยาวนั้นถูกควบคุมไว้เนื่องจากเป็นผลร้ายมากกว่าดี เช่น เสื่อมสมรรถภาพทางกาย, กลายเป็นบุคคลซึมเศร้า และเกิดการเสพติดเบ็นโซไดอาเซพีน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,939 | 2 |
นารา เทพนุภา นักแสดงไทยมีชื่อเสียงจากเรื่อง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ ในจังหวัดนครปฐม ประเทศไทยใช่หรือไม่
|
นารา เทพนุภา นารา เทพนุภา เกิดวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2539 เป็นนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการและมีผลงานแรกที่เป็นที่รู้จักจากบทบาท ดีจัง ใน น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ประวัติ ประวัติ. นารา เทพนุภา เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2539 ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ ในจังหวัดนครปฐม ประเทศไทย ศึกษาระดับประถมศึกษาที่ โรงเรียนอนุบาลนครปฐม ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย ต่อมาได้ย้ายมาศึกษา กศน. ปัจจุบันกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะสื่อสารมวลชน เธอยังมีความสามารถในการเต้นเคป็อป โคฟเวอร์แดนซ์และยังสามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว นาราเข้าสู่เส้นทางบันเทิงจากการได้คัดเลือกเป็น นักแสดง 1 ใน 8 แก๊งน้องใหม่ ละคร "น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์" ทางช่อง 3 จากการคัดเลือกของ อรุโณชา ภานุพันธ์ ผู้จัดละครค่ายบรอดคาซท์ฯ ต่อมาเธอเริ่มมีชื่อเสียงเรื่อยๆจากผลงานในอีกหลายด้านทั้งด้านการแสดงและการถ่ายแบบ พ.ศ. 2556 นาราได้มีโอกาสได้รับบท นารา แสดงคู่กับ โทนี่ รากแก่น และ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ในภาพยนตร์เรื่อง ฤดูที่ฉันเหงา ของสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลผลงานละคร/ซีรีส์ภาพยนตร์รางวัล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,940 | 2 |
นารา เทพนุภาได้เป็นนักแสดง 1 ใน 8 แก๊งน้องใหม่ ละคร "น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์" ทางช่อง 3 จากการคัดเลือกของสุรางค์ เปรมปรีดิ์ใช่หรือไม่
|
นารา เทพนุภา นารา เทพนุภา เกิดวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2539 เป็นนักแสดงชาวไทย เข้าสู่วงการและมีผลงานแรกที่เป็นที่รู้จักจากบทบาท ดีจัง ใน น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ประวัติ ประวัติ. นารา เทพนุภา เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2539 ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์ ในจังหวัดนครปฐม ประเทศไทย ศึกษาระดับประถมศึกษาที่ โรงเรียนอนุบาลนครปฐม ระดับมัธยมศึกษาที่ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย ต่อมาได้ย้ายมาศึกษา กศน. ปัจจุบันกำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะสื่อสารมวลชน เธอยังมีความสามารถในการเต้นเคป็อป โคฟเวอร์แดนซ์และยังสามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว นาราเข้าสู่เส้นทางบันเทิงจากการได้คัดเลือกเป็น นักแสดง 1 ใน 8 แก๊งน้องใหม่ ละคร "น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์" ทางช่อง 3 จากการคัดเลือกของ อรุโณชา ภานุพันธ์ ผู้จัดละครค่ายบรอดคาซท์ฯ ต่อมาเธอเริ่มมีชื่อเสียงเรื่อยๆจากผลงานในอีกหลายด้านทั้งด้านการแสดงและการถ่ายแบบ พ.ศ. 2556 นาราได้มีโอกาสได้รับบท นารา แสดงคู่กับ โทนี่ รากแก่น และ เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ในภาพยนตร์เรื่อง ฤดูที่ฉันเหงา ของสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนลผลงานละคร/ซีรีส์ภาพยนตร์รางวัล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,941 | 2 |
อาณานิคมตังเกี๋ย หรืออีกชื่อว่า ดั๊กปี่กี่ ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศเวียดนามใช่หรือไม่
|
ตังเกี๋ย อาณานิคมตังเกี๋ย ( บั๊กกี่; ) เป็นส่วนที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตติดต่อกับเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงและมณฑลยูนนานของจีนทางเหนือ ทางตะวันตกติดต่อกับลาว และทางตะวันออกติดต่อกับอ่าวตังเกี๋ย ตังเกี๋ยตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดงอันอุดมสมบูรณ์ และนับเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. บริเวณดังกล่าวเคยถูกเรียกว่าวันลาง โดยบรรพบุรุษชาวเวียดนามเมื่อ 2000-100 ปีก่อนคริสตกาล หลักฐานของการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดนอกเหนือไปจากแหล่งวัฒนธรรมดงเซินแล้ว ทางตอนเหนือของเวียดนามยังพบแหล่งอารยธรรมในโก๋ลัว ซึ่งเป็นเมืองโบราณตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮานอยในปัจจุบัน ตามตำนานของเวียดนามกล่าวว่า ชาวเวียดนามยุคแรกสืบเชื้อสายจากพญามังกร หลากองเกวิน และนางฟ้าอมตะ เอิงเกอ หลากองเกวินและเอิงเกอมีบุตรชายทั้งสิ้น 100 คนก่อนที่ทั้งสองจะแยกทางกัน บุตรชาย 50 คนอาศัยอยู่กับมารดาในบริเวณภูเขา และอีก 50 คนอาศัยอยู่กับบิดาบริเวณทะเล บุตรชายคนแรกได้กลายมาเป็นเชื้อสายพระมหากษัตริย์เวียดนามในยุคแรกสุด ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์หุ่ง (หุ่งเวืองหรือราชวงศ์โฮงบ่าง) พระมหากษัตริย์หุ่งได้เรียกประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดงทางตอนเหนือของเวียดนามในปัจจุบัน ว่า วันลาง ชาววันลางจะถูกเรียกว่า หลาเวียดรัฐในอารักขาฝรั่งเศส รัฐในอารักขาฝรั่งเศส. ฝรั่งเศสได้ครอบครองดินแดนเวียดนามหลังจากสงครามจีน-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 1884-85) รัฐบาลอาณานิคมฝรั่งเศสได้แบ่งเวียดนามออกเป็นเขตการปกครอง 3 แห่ง ได้แก่ ตังเกี๋ย (ทางตอนเหนือ) อันนัม (ทางตอนกลาง) และโคชินไชนา (ทางตอนใต้) ดินแดนเหล่านี้มีความแตกต่างกันมากในขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ชาวเวียดนามส่วนใหญ่เห็นว่าประเทศของตนควรเป็นหนึ่งเดียวกันและต่อสู้เพื่อรวมชาติเป็นเวลานานกว่า 90 ปี การปกครองของฝรั่งเศสส่วนใหญ่มีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างสงคราม ญี่ปุ่นได้ยึดครองดินแดนดังกล่าว จนกระทั่งสงครามยุติ ภาคเหนือของเวียดนามได้ยอมจำนนและตกเป็นของจีน ส่วนภาคใต้ยอมจำนนต่ออังกฤษ ดังที่ทรูแมนตัดสินใจในการประชุมพอทสดัมโดยประกาศเจตนาที่จะยกดินแดนคืนให้อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1954 กองทัพเวียดมินห์สามารถเอาชนะกองทัพฝรั่งเศสได้ในยุทธการที่เดียนเบียนฟู โฮจิมินห์ประกาศว่าตังเกี๋ยเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (DRV) ที่จัตุรัสบาดิงห์ในปีเดียวกัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,942 | 2 |
บริเวณอาณานิคมตังเกี๋ยเคยถูกเรียกว่าวันลาง โดยบรรพบุรุษชาวฮ่องกงเมื่อ 2000-100 ปีก่อนคริสตกาลใช่หรือไม่
|
ตังเกี๋ย อาณานิคมตังเกี๋ย ( บั๊กกี่; ) เป็นส่วนที่อยู่ทางเหนือสุดของประเทศเวียดนาม มีอาณาเขตติดต่อกับเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงและมณฑลยูนนานของจีนทางเหนือ ทางตะวันตกติดต่อกับลาว และทางตะวันออกติดต่อกับอ่าวตังเกี๋ย ตังเกี๋ยตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดงอันอุดมสมบูรณ์ และนับเป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. บริเวณดังกล่าวเคยถูกเรียกว่าวันลาง โดยบรรพบุรุษชาวเวียดนามเมื่อ 2000-100 ปีก่อนคริสตกาล หลักฐานของการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดนอกเหนือไปจากแหล่งวัฒนธรรมดงเซินแล้ว ทางตอนเหนือของเวียดนามยังพบแหล่งอารยธรรมในโก๋ลัว ซึ่งเป็นเมืองโบราณตั้งอยู่ใกล้กับเมืองฮานอยในปัจจุบัน ตามตำนานของเวียดนามกล่าวว่า ชาวเวียดนามยุคแรกสืบเชื้อสายจากพญามังกร หลากองเกวิน และนางฟ้าอมตะ เอิงเกอ หลากองเกวินและเอิงเกอมีบุตรชายทั้งสิ้น 100 คนก่อนที่ทั้งสองจะแยกทางกัน บุตรชาย 50 คนอาศัยอยู่กับมารดาในบริเวณภูเขา และอีก 50 คนอาศัยอยู่กับบิดาบริเวณทะเล บุตรชายคนแรกได้กลายมาเป็นเชื้อสายพระมหากษัตริย์เวียดนามในยุคแรกสุด ซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปว่า พระมหากษัตริย์หุ่ง (หุ่งเวืองหรือราชวงศ์โฮงบ่าง) พระมหากษัตริย์หุ่งได้เรียกประเทศ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณสามเหลี่ยมแม่น้ำแดงทางตอนเหนือของเวียดนามในปัจจุบัน ว่า วันลาง ชาววันลางจะถูกเรียกว่า หลาเวียดรัฐในอารักขาฝรั่งเศส รัฐในอารักขาฝรั่งเศส. ฝรั่งเศสได้ครอบครองดินแดนเวียดนามหลังจากสงครามจีน-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 1884-85) รัฐบาลอาณานิคมฝรั่งเศสได้แบ่งเวียดนามออกเป็นเขตการปกครอง 3 แห่ง ได้แก่ ตังเกี๋ย (ทางตอนเหนือ) อันนัม (ทางตอนกลาง) และโคชินไชนา (ทางตอนใต้) ดินแดนเหล่านี้มีความแตกต่างกันมากในขอบเขตทางภูมิศาสตร์ ชาวเวียดนามส่วนใหญ่เห็นว่าประเทศของตนควรเป็นหนึ่งเดียวกันและต่อสู้เพื่อรวมชาติเป็นเวลานานกว่า 90 ปี การปกครองของฝรั่งเศสส่วนใหญ่มีก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างสงคราม ญี่ปุ่นได้ยึดครองดินแดนดังกล่าว จนกระทั่งสงครามยุติ ภาคเหนือของเวียดนามได้ยอมจำนนและตกเป็นของจีน ส่วนภาคใต้ยอมจำนนต่ออังกฤษ ดังที่ทรูแมนตัดสินใจในการประชุมพอทสดัมโดยประกาศเจตนาที่จะยกดินแดนคืนให้อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสเช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1954 กองทัพเวียดมินห์สามารถเอาชนะกองทัพฝรั่งเศสได้ในยุทธการที่เดียนเบียนฟู โฮจิมินห์ประกาศว่าตังเกี๋ยเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (DRV) ที่จัตุรัสบาดิงห์ในปีเดียวกัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,943 | 2 |
นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า "หมอเลี๊ยบ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมใช่หรือไม่
|
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 — ) เป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า "หมอเลี๊ยบ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขาธิการพรรคพลังประชาชน และหนึ่งในกลุ่มคนเดือนตุลาประวัติการศึกษา ประวัติการศึกษา. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2521 และแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2523 และผ่านอนุมัติบัตรผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชศาสตร์ป้องกันจากแพทยสภา ในปี พ.ศ. 2529 ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2533ประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เคยรับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยคณบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนการบริหารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ถูกปรับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2548 ในปี พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉันตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนคดีความ คดีความ. คดีหมายเลขดำ อม.39/2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อายุ 58 ปี อดีต รมว.คลัง สมัยพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีเมื่อปี 2551 ระหว่าง นพ.สุรพงษ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการแต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. โดยมิชอบ ซึ่งภายหลังมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้วินิจฉัยว่า การคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกรรมการ ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ บางคน มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีมติสั่งฟ้อง นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวหาว่า นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ฝ่าฝืนมติ คณะรัฐมนตรี และมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยส่งมอบท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ขาดไป 32,000 ล้านบาทเศษ และทำให้รัฐขาดประโยชน์จากค่าเช่าที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ยังยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดว่าได้ดำเนินการส่งมองท่อก๊าซคืนครบแล้ว โดยไม่รอผลตรวจสอบและรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามมติ คณะรัฐมนตรี ก่อน และไม่เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรีตาม พระราชบัญญัติ ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาตรา 44 ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ปรับ 2 หมื่นบาทโทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ไม่รอลงอาญาปรับ 2 หมื่นบาท ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ ได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2546 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,944 | 2 |
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2500 ใช่หรือไม่
|
สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2500 — ) เป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า "หมอเลี๊ยบ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เลขาธิการพรรคพลังประชาชน และหนึ่งในกลุ่มคนเดือนตุลาประวัติการศึกษา ประวัติการศึกษา. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2521 และแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2523 และผ่านอนุมัติบัตรผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชศาสตร์ป้องกันจากแพทยสภา ในปี พ.ศ. 2529 ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2533ประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เคยรับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยคณบดี คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนการบริหารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ถูกปรับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2548 ในปี พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉันตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนคดีความ คดีความ. คดีหมายเลขดำ อม.39/2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อายุ 58 ปี อดีต รมว.คลัง สมัยพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีเมื่อปี 2551 ระหว่าง นพ.สุรพงษ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการแต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. โดยมิชอบ ซึ่งภายหลังมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้วินิจฉัยว่า การคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกรรมการ ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ บางคน มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีมติสั่งฟ้อง นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวหาว่า นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ฝ่าฝืนมติ คณะรัฐมนตรี และมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยส่งมอบท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ขาดไป 32,000 ล้านบาทเศษ และทำให้รัฐขาดประโยชน์จากค่าเช่าที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ยังยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดว่าได้ดำเนินการส่งมองท่อก๊าซคืนครบแล้ว โดยไม่รอผลตรวจสอบและรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามมติ คณะรัฐมนตรี ก่อน และไม่เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรีตาม พระราชบัญญัติ ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาตรา 44 ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157ปรับ 2 หมื่นบาทโทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ไม่รอลงอาญาปรับ 2 หมื่นบาท ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ ได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2546 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,945 | 2 |
ต้นตระกูลกัลยาณมิตร คือ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (เจ้าสัวดำ แซ่อึ้ง) เป็นบุตรของ หลวงพิไชยวารีใช่หรือไม่
|
สกุลกัลยาณมิตรเกี่ยวกับตระกูลกัลยาณมิตร เกี่ยวกับตระกูลกัลยาณมิตร. ต้นตระกูลกัลยาณมิตร คือ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (เจ้าสัวโต แซ่อึ้ง) เป็นบุตรของ หลวงพิไชยวารี (มั่ง แซ่อึ้ง) ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน ที่จั๋นกัวยิม เมืองเอ้หมึง ประเทศจีน ขณะนั้น มั่ง แซ่อึ้ง ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระเจ้ากรุงธนบุรี ในฐานะพ่อค้าเรือสำเภา ค้าขายรุ่งเรือง ได้เป็นคุณหลวงในรัชกาลที่ 1 มีบุตร 2 คน คือ เจ้าสัวโต และเจ้าสัวต่วน เจ้าพระยานิกรบดินทร์ เป็นขุนนางในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอันมาก เพราะแต่เดิมเมื่อพระองค์ยังไม่ขึ้นครองราชสมบัตินั้น เจ้าสัวโตถือเป็นขุนนางผู้ใกล้ชิด และทำราชการอยู่ในกรมท่า ดูแลการค้าขายเรือสำเภาเป็นที่รุ่งเรือง เป็นที่พอพระทัยเป็นอย่างมาก และเจ้าพระยานิกรบดินทร์ ตำแหน่งสุดท้ายเป็นถึงสมุหนายก (ดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ) อีกทั้งยังถือเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการอัญเชิญรัชกาลที่ 4 ขณะที่ยังผนวชอยู่ขึ้นเถลิงราชสมบัติอีกด้วย ขณะที่ หลวงเดชนายเวร (ทองอยู่) ทวดของ พล.อ.สพรั่ง มีบทบาทสำคัญในการเจริญราชไมตรีกับประเทศอังกฤษช่วงรัชกาลที่ 4 (ช่วงปี 2400 ) โดยเป็นผู้กำกับเครื่องราชมงคลบรรณาการไปยังประเทศอังกฤษ กับคณะราชทูตสยามชุดนั้นด้วย ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชหัตถเลขา เกี่ยวกับอาการป่วยของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ พระราชทานแก่นายพิจารณ์สรรพกิจ (ยศขณะนั้น) รวม 10 กว่าฉบับ ส่วนที่มาของนามสกุล 'กัลยาณมิตร' เกิดจากเมื่อครั้งเจ้าสัวโต เป็นพระยาราชสุภาวดี มีศรัทธาสร้างวัดถวายรัชกาลที่ 3 และด้วยความจงรักภักดี เช่น 'มิตรแท้' ทำให้รัชกาลที่ 3 ได้พระราชทานวัดนามว่า วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร (ตั้งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่) อีกทั้งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์เจ้าสัวโต เป็น 'เจ้าพระยานิกรบดินทร์มหินธรมหากัลยาณมิตร' และรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เจ้าสัวรอด เป็น 'เจ้าพระยารัตนบดินทร์มหินธรมหากัลยาณมิตร' จึงทำให้รัชกาลที่ 6 มีพระราชดำรัสกับ เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) ว่า "พวกเจ้าพระยาสุรสีห์เป็นวงษ์กัลยาณมิตร ทั้งในสร้อยนามเจ้าพระยานิกรบดินทร์ เจ้าพระยารัตนบดินทร์ และของเจ้าพระยาสุรสีห์เองก็มีกัลยาณมิตรเป็นที่ปรากฏอยู่แล้ว" จึงได้พระราชทานนามสกุลด้วยลายพระหัตถ์เป็นหลักฐาน โดยได้พระราชทานนามสกุลเป็นลำดับที่ 6 เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2456 (ทรงเขียนให้เอง)บุคคลในสายสกุลกัลยาณมิตรที่มีชื่อเสียงบุคคลในสายสกุลกัลยาณมิตรที่มีชื่อเสียง. - เจ้าพระยานิกรบดินทร์ (เจ้าสัวโต แซ่อึ้ง) - เจ้าพระยาสุรสีห์วิสิษฐศักดิ์ (เชย กัลยาณมิตร) - เจ้าจอมมารดาแช่ม ในรัชกาลที่ 5 - นายแพทย์ภิญโญ กัลยาณมิตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้ก่อตั้งสถานพยาบาล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - เชียรช่วง กัลยาณมิตร - สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกและรองปลัดกระทรวงกลาโหม - สัญชัย กัลยาณมิตร - วุฒิชาติ กัลยาณมิตร อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยและอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ขนส่ง จำกัด - รัศมี กัลยาณมิตร อดีตนักกอล์ฟหญิงของแอลพีจีเอทัวร์
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,946 | 2 |
ค.ศ. 1982 ทริป เฮาว์กินซ์ นัดพบกับ ดอน วาเลนไทน์ แห่ง ซีเควียร์ แคปปิทอลเพื่อสนทนาเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ในธุรกิจใหม่ชื่อ บาลานซ์ ซอฟต์แวร์ใช่หรือไม่
|
อิเล็กทรอนิก อาตส์ อิเล็กทรอนิก อาตส์ (; ) เป็นบริษัทสากลรายใหญ่ในการผลิต พัฒนา และจัดจำหน่าย วิดีโอเกม ซอฟต์แวร์ ก่อตั้งและดำเนินกิจการเป็นบริษัทในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 โดย ทริป เฮาว์กินซ์ อีเอเป็นบริษัทต้นๆของการอุตสาหกรรมการผลิตเกมคอมพิวเตอร์ และเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นบริษัทในการสร้างและออกแบบเกม โดยแรกเริ่ม อีเอเป็นผู้ผลิตพิมพ์จำหน่ายคอมพิวเตอร์เกม หลังจากนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2523 บริษัทเริ่มทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกมในองค์กร และต่อมามีการเปิดตัวเกมสำหรับเครื่องเล่นวิดีโอเกมในปี พ.ศ. 2533 ต่อมา อีเอมีการเติบโตโดยการได้มาของนักพัฒนาที่มีผลงานความเร็จมากหน้าหลายตา ซึ่งทำให้อีเอเป็นบริษัทการผลิตวิดีโอเกมเพื่อเครื่องเล่นวิดีโอเกมยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก ในเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2551 บริษัทรายงานผลกำไรของรายได้สุทธิประมาณ 4.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.428 หมื่นล้านบาท) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ในปัจจุบัน นับได้ว่าอีเอประสบความสำเร็จในการผลิตสินค้าในประเภทของเกมกีฬาภายใต้ตราการค้าของ อีเอ สปอร์ต, เกมจากภาพยนตร์ดัง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ และเกมประเภทระยะยาว เช่น นีดฟอร์สปีด, เมดอลด์ ออฟ ออนเนอร์, เดอะซิมส์, แบทเทิลฟิลด์ ภายหลังมีเกม เบอร์นอท และ คอมมานด์ & คองเคอร์ นอกจากนี้อีเอยังเป็นตัวแทนจำหน่าย ร็อกแบนด์ วิดีโอเกม อีเอรายงานจำนวนตัวเลขของเม็ดเงินที่หายไปประมาณ 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีงบประมาณของสิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 ส่วนยอดผลกำไรในช่วงเวลาเดียวกันนั้นสูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้านี้อัตราร้อยละ 15 จาก 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐประวัติพ.ศ. 2525–2534 ประวัติ. พ.ศ. 2525–2534. ในเดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1982 ทริป เฮาว์กินซ์ เตรียมการนัดพบกับ ดอน วาเลนไทน์ แห่ง ซีเควียร์ แคปปิทอลเพื่อสนทนาเรื่องการลงทุนสินทรัพย์ในธุรกิจใหม่ชื่อ อเมซิ่น' ซอฟต์แวร์ วาเลนไทน์ได้สนับสนุนให้เฮาว์กินซ์ลาออกจากการดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารสินค้าการตลอดในบริษัท แอปเปิล (บริษัท) และได้อนุญาตให้เฮาว์กินซ์ใช้พื่นที่สำรองของสำนักงาน ซีเควียร์ แคปปิทอล ในการเริ่มก่อตั้งบริษัท ในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1982 ทริป เฮาว์กินซ์ ร่วมก่อตั้งบริษัทอย่างเป็นทางการกับการทุ่มเงินในการลงทุนกิจการนี้ประมาณ 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ เจ็ดเดือนให้หลังในเดือน ธันวาคม ค.ศ. 1982 เฮาว์กินซ์ได้รับเม็ดเงินเป็นจำนวน 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากบริษัทกองทุนเงินเพื่อกิจการ การลงทุนเช่น ซีเควียร์ แคปปิทอล เป็นต้น แผนต้นฉบับร่างขึ้นโดยเฮาว์กินซ์เป็นส่วนมากในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2525 ในระวางนั้น เฮาว์กินซ์ได้ว่าจ้างพนักงานสองอัตราคือ เดฟ เอวานส์ และ แพท แมร์ริออท รับตำแหน่งผู้ประกอบการ ซึ่งแผนการตลาดได้ถูกกลั่นกรองอีกครั้งในเดือนกันยายน และตีพิมพ์ใหม่อีกรอบในวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2525 ระหว่างเดือนกันยายนและพฤศจิกายนอัตราพนักงานนับได้ 11 คน ในที่นี้รวม ทิม มอทท์ บิง กอร์ดอน, เดวิด เมย์นาร์ด, และ สตีฟ เฮยร์ มีการเจริญเติบโตเร็วกว่าสำนักงานที่ทาง ซีเควียร์ แคปปิทอลจัดหาให้ ต่อมาบริษัทย้ายสถานที่ใหม่ไปเป็นสำนักงาน ซาน มาติโอ ซึ่งตั้งอยู่ในทัศนียภาพของท่าจอดของสนามบิน ซานฟรานซิสโก ยอดบุคลากรมีอัตราการเติบโตมาขึ้นอย่างรวดเร็วนับได้เฉลี่ย 1983 ในจำนวนนี้รวม ดอน ดากโลว์, ริชาร์ด ฮิลลิแมน, สจ๊วต บอนน์, เดวิด การ์ดเนอร์ และ แนนซี่ ฟองค์ เฮาว์กินซ์ ตัดสินใจที่จะขายตรงสินค้ากับผู้ซื้อและการรวมกลุ่มของบริษัทครั้งนี้คือการบุกเบิกตราสินค้าประเภทเกม ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ยอดการเติบโตพุ่งสูงอย่างเป็นที่หน้าท้าทายของวงการ ในขณะนั้นเม็ดเงินกำไรในปีแรกมีมูลค่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปีถัดมามียอดกำไรสูงถึง 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อดีตประธาน แลล์รี่ โพรพซ์ เข้ามาดำรงในตำแหน่งรองประธานบริษัทในปี พ.ศ. 2507 ซึ่งเขาได้มีส่วนช่วยให้บริษัทมีการเติบโตที่ยั่งยืนและทำเป้าถึง 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระยะเวลาสามปีเต็มการประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในการทำยอดขายของผู้จัดทำเกมในสหรัฐอเมริกา เวลาถัดมาได้มีการย้ายไปที่สหราชอาณาจักรเพื่อเปิดตัวสำนักงานใหญ่ในทวีปยุโรป โดย เดวิด การ์ดเนอร์ และ มาร์ค ลีวิส กระทั่งถึงจุดที่อีเอแพร่ผลิตภัณฑ์และเกมจำนวนมากผ่านการแปลงเพื่ออัดข้อมูลลงในรูปแบบของตลับเทปคาสเซ็ท ซึ่งมีการดูแลกิจการในทวีปยุโรปโดยบริษัท เอริโอลาซอฟท์ ขณะเดียวกันบริษัทขนาดย่อยในเวลส์ ได้มีการใช้ชื่อ อิเล็กทรอนิก อาตส์ และ อิเล็กทรอนิก อาตส์ ได้รู้จักกันเป็นวงกว้างมากขึ้นอย่างชอบด้วยกฎหมายในสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ในชื่อของ อีเอโอ มีต้นแบบมาจากโลโก้ทรงเลขาคณิต ประกอบด้วย สี่เหลี่ยมจัตุรัส วงกลม และสามเหลี่ยม การยุติการค้าของบริษัทชนชาติเวลส์ในปี พ.ศ. 2540 ต่อมา ซึ่งทำให้ อิเล็กทรอนิก อาตส์ เข้าถือสิทธิ์ของชื่อนี้อย่างถูกต้อง เฮาว์กินซ์ มีพึงพอใจในการใช้คำว่า อิเล็กทรอนิก และเจ้าพนักงานส่วนมากพิจารณากลุ่มคำ "อิเล็กโทรนิค อาร์ทิส" และ "อิเล็กโทรนิค อาร์ต" ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนในบริษัทรวมทั้ง กอร์ดอนแนะนำการใช้ชื่อ "บลู ไลท์" ซึ่งอ้างอิงมาจากภาพยนตร์เรื่อง "ทรอน" ในการตอนที่กอร์ดอนและคนอื่นร่วมกันผลักดันชื่อ "อิเล็กโทรนิค อาร์ทิส" ซึ่งนายสตีฟ เฮยร์ มีอาการต่อต้านพร้อมกับกล่าวว่า "พวกเราไม่ใช่จิตกรหรือศิลปิน มันหมายถึงผู้พัฒนาคนที่อีเอจะเลือกเกมมาออกมาแพร่ตลาด" ซึ่งคำอธิบายนี้ทำให้ทัศนคติของชื่อ อิเล็กทรอนิก อาตส์ เป็นที่เอกฉันท์ในการอนุญาตใช้อย่างเป็นทางการพ.ศ. 2534–2555 พ.ศ. 2534–2555. ปัจจุบันอีเอมีก่อตั้งสำนักงานใหญ่อยู่ที่ เรดวูดส์ ชอรส์ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับ เรดวูดส์ ซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย จากการถอนตัวของ ทริป ฮาว์กินซ์ ซึ่ง แลล์รี่ โพรพซ์ เข้ารับตำแหน่งต่อในการการควบคุมและบริหารอยู่ในระดับที่ประสบความสำเร็จ นายโพรพซ์ พิจารณาตัวของเขาเองว่าเป็นผู้ชายที่มีกฎระเบียบในการปฏิบัติ เขาปฏิเสธการทำตามของ บริษัทเทค ทู อินเทอแรคทีฟ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีการทำงานร่วมกัน ในการทำเกมชื่อ แกรนด์เธฟต์ออโต ที่จัดอยู่ในประเภท เอ็ม เรท ซึ่งหมายถึงประเภทของเกมที่ไม่เหมาะสมกับผู้มีอายุต่ำกว่าสิบเจ็ดปี ซึ่งประกอบไปด้วยภาพ เสียงและข้อมูลที่รุนแรงและอาจจะปะปนเรื่องของเพศ ต่อมาแกรนด์เธฟต์ออโตกลายเป็นเกมที่มีอำนาจครอบงำต่อสถิประชากรจำนวนมาก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ถึง 2546 ผลที่ตามมาคือ นาย โพรบส์ ออกมาวิจารณ์อย่างหนักกับนักวิเคราะห์ของ วอล์ลสตรีท คนที่เชื่อว่าเป็นเพราะนโยบายนี้ หลักทรัพย์ของบริษัทอีเอจึงมียอดราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น ต่อมาในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2548 อีเลคโทรนิค อาร์ต ตีพิมพ์เอกสารแสดงผลกำไรที่ออกมาว่ากล่าวเรื่องการขาดแคลนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และการขายสินค้าได้ต่ำกว่าเป้า
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,947 | 2 |
แบบจำลองมาตรฐานของฟิสิกส์ของอนุภาค เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ของนิวเคลียสที่เป็นแบบแรงดันไฟฟ้าที่อ่อนแอและที่แข็งแกร่งใช่หรือไม่
|
แบบจำลองมาตรฐาน แบบจำลองมาตรฐาน () ของ ฟิสิกส์ของอนุภาค เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ของนิวเคลียสที่เป็นแบบแม่เหล็กไฟฟ้า, ที่อ่อนแอ, และที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับการแยกประเภทของอนุภาคย่อยของอะตอมที่เรารู้จักแล้วทั้งหมด มันถูกพัฒนาขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ในฐานะที่เป็นความพยายามในความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก รูปแบบปัจจุบันได้รับการสรุปขั้นตอนสุดท้ายในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1970 ภายใต้การยืนยันด้วยการทดลองของการดำรงอยุ่ของควาร์ก ตั้งแต่นั้นมา การค้นพบทอปควาร์ก (1995), เทานิวทริโน (2000), และเร็ว ๆ นี้ ฮิกส์โบซอน (2012), ได้เพิ่มเครดิตให้กับแบบจำลองพื้นฐาน เนื่องจากความสำเร็จของมันในการอธิบายความหลากหลายอย่างกว้างขวางของผลลัพธ์จากการทดลอง แบบจำลองพื้นฐานบางครั้งถูกพิจารณาว่าเป็น "ทฤษฏีของเกือบทุกสิ่ง" แม้ว่าแบบจำลองมาตรฐานจะถูกเชื่อว่าจะเป็นความสม่ำเสมอในทางทฤษฎีด้วยตัวมันเองก็ตาม และได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงและต่อเนื่องในการให้การคาดการณ์จากการทดลองที่ดี มันทิ้งปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้บางอย่างไว้ให้และมันให้ผลงานต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ของการเป็นทฤษฎีที่สมบูรณ์แบบของการปฏิสัมพันธ์พื้นฐาน มันไม่ได้รวบรวมทฤษฎีที่สมบูรณ์ของแรงโน้มถ่วง ตามที่ถูกอธิบายไว้โดย'ความสัมพันธ์ทั่วไป' หรือมีส่วนรับผิดชอบในการขยายตัวแบบเร่งของจักรวาล (ตามที่อาจได้อธิบายไว้โดยพลังงานมืด) แบบจำลองไม่ได้ประกอบด้วยอนุภาคสสารมืดที่ใช้การได้ใด ๆ ที่ครอบครองทั้งหมดของคุณสมบัติที่ต้องการที่ได้ข้อสรุปมาจากจักรวาลที่สังเกตการณ์ มันก็ไม่ได้รวบรวมการสั่นของนิวตริโน () (และมวลที่ไม่เป็นศูนย์ของพวกมัน) อีกด้วย พัฒนาการของแบบจำลองมาตรฐานถูกผลักดันโดยนักฟิสิกส์อนุภาคที่ทำงานในทางทฤษฎีและการทดลองเหมือนกัน สำหรับนักทฤษฎีทั้งหลาย แบบจำลองมาตรฐานเป็นกระบวนทัศน์หนึ่งของ'ทฤษฎีสนามควอนตัม' ที่แสดงความหลากหลายของทฤษฎีฟิสิกส์ที่รวมถึง'การทำลายทางสมมาตรที่เกิดขึ้นเอง', ความผิดปกติด้านฟิสิกส์, พฤติกรรมที่ไม่รบกวน ฯลฯ มันถูกใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างแบบจำลองที่แปลกใหม่มากขึ้นที่จะรวบรวม'อนุภาคสมมุติ', พวกที่มีขนาดเกินพิเศษ, และพวกสมมาตรซับซ้อน (เช่นซูเปอร์สมมาตร) ในความพยายามหนึ่งที่จะอธิบายผลลัพธ์จากการทดลองที่แตกต่างกับแบบจำลองมาตรฐานเช่นการดำรงอยู่ของสสารมืดและการสั่นของนิวตริโนภาพรวม ภาพรวม. ในปัจจุบัน สสารและพลังงานจะเข้าใจดีที่สุดในแง่ของพลศาสตร์การเคลื่อนไหวและปฏิสัมพันธ์พื้นฐานของอนุภาคมูลฐาน ณ วันนี้ ฟิสิกส์ได้ลดกฎทางวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของทุกรูปแบบของสสารและพลังงานที่รู้จักกันแล้ว ให้เป็นชุดเล็ก ๆ ของทฤษฎีและกฎพื้นฐาน เป้าหมายหลักของฟิสิกส์ก็คือการหา "จุดร่วม" ที่จะรวบรวมทั้งหมดของทฤษฎีเหล่านี้เข้าด้วยกันให้เป็น'ทฤษฎีของทุกสิ่ง'แบบบูรณาการเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งในทฤษฎีนี้ทั้งหมดของกฏอื่นที่รู้จักแล้วจะเป็นกรณีพิเศษ และจากกรณีพิเศษเหล่านี้พฤติกรรมของทุกสสารและพลังงานก็จะสามารถถูกค้นพบได้ (อย่างน้อยก็ในหลักการ)เนื้อหาของอนุภาค เนื้อหาของอนุภาค. แบบจำลองมาตรฐานจะรวมถึงสมาชิกทั้งหลายของชั้นต่าง ๆ ของอนุภาคมูลฐาน (เฟอร์มิออน, เกจโบซอน, และฮิกส์โบซอน) ซึ่งจะสามารถแยกแยะความแตกต่างตามลักษณะสมบัติอื่น ๆ เช่นประจุสีเฟอร์มิออน เฟอร์มิออน. แบบจำลองมาตรฐานประกอบด้วยอนุภาคมูลฐาน 61 ชนิด ดังนี้แรงพื้นฐาน แรงพื้นฐาน. บทความหลัก: อันตรกิริยาพื้นฐาน [icon] ส่วนนี้ต้องขยาย (ตุลาคม 2015) แบบจำลองมาตรฐานใช้จำแนกแรงพิ้นฐานในธรรมชาติทั้งสี่ ในแบบจำลองมาตรฐาน แรงไดัรับการอธิบายว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งของพวกโบซอนระหว่างวัตถุที่ได้รับผลกระทบ เช่นโฟตอนสำหรับแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและกลูออนสำหรับปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง อนุภาคเหล่านั้นจะถูกเรียกว่าพาหะแรง ()
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,948 | 2 |
เป้าหมายหลักของเรขาคณิตก็คือ การหา "จุดร่วม" ที่จะรวบรวมทั้งหมดของทฤษฎีเหล่านี้เข้าด้วยกันให้เป็น'ทฤษฎีของทุกสิ่ง'แบบบูรณาการเพียงหนึ่งเดียวใช่หรือไม่
|
แบบจำลองมาตรฐาน แบบจำลองมาตรฐาน () ของ ฟิสิกส์ของอนุภาค เป็นทฤษฎีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิสัมพันธ์ของนิวเคลียสที่เป็นแบบแม่เหล็กไฟฟ้า, ที่อ่อนแอ, และที่แข็งแกร่ง เช่นเดียวกับการแยกประเภทของอนุภาคย่อยของอะตอมที่เรารู้จักแล้วทั้งหมด มันถูกพัฒนาขึ้นในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 ในฐานะที่เป็นความพยายามในความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก รูปแบบปัจจุบันได้รับการสรุปขั้นตอนสุดท้ายในช่วงกลางของทศวรรษที่ 1970 ภายใต้การยืนยันด้วยการทดลองของการดำรงอยุ่ของควาร์ก ตั้งแต่นั้นมา การค้นพบทอปควาร์ก (1995), เทานิวทริโน (2000), และเร็ว ๆ นี้ ฮิกส์โบซอน (2012), ได้เพิ่มเครดิตให้กับแบบจำลองพื้นฐาน เนื่องจากความสำเร็จของมันในการอธิบายความหลากหลายอย่างกว้างขวางของผลลัพธ์จากการทดลอง แบบจำลองพื้นฐานบางครั้งถูกพิจารณาว่าเป็น "ทฤษฏีของเกือบทุกสิ่ง" แม้ว่าแบบจำลองมาตรฐานจะถูกเชื่อว่าจะเป็นความสม่ำเสมอในทางทฤษฎีด้วยตัวมันเองก็ตาม และได้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงและต่อเนื่องในการให้การคาดการณ์จากการทดลองที่ดี มันทิ้งปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้บางอย่างไว้ให้และมันให้ผลงานต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ของการเป็นทฤษฎีที่สมบูรณ์แบบของการปฏิสัมพันธ์พื้นฐาน มันไม่ได้รวบรวมทฤษฎีที่สมบูรณ์ของแรงโน้มถ่วง ตามที่ถูกอธิบายไว้โดย'ความสัมพันธ์ทั่วไป' หรือมีส่วนรับผิดชอบในการขยายตัวแบบเร่งของจักรวาล (ตามที่อาจได้อธิบายไว้โดยพลังงานมืด) แบบจำลองไม่ได้ประกอบด้วยอนุภาคสสารมืดที่ใช้การได้ใด ๆ ที่ครอบครองทั้งหมดของคุณสมบัติที่ต้องการที่ได้ข้อสรุปมาจากจักรวาลที่สังเกตการณ์ มันก็ไม่ได้รวบรวมการสั่นของนิวตริโน () (และมวลที่ไม่เป็นศูนย์ของพวกมัน) อีกด้วย พัฒนาการของแบบจำลองมาตรฐานถูกผลักดันโดยนักฟิสิกส์อนุภาคที่ทำงานในทางทฤษฎีและการทดลองเหมือนกัน สำหรับนักทฤษฎีทั้งหลาย แบบจำลองมาตรฐานเป็นกระบวนทัศน์หนึ่งของ'ทฤษฎีสนามควอนตัม' ที่แสดงความหลากหลายของทฤษฎีฟิสิกส์ที่รวมถึง'การทำลายทางสมมาตรที่เกิดขึ้นเอง', ความผิดปกติด้านฟิสิกส์, พฤติกรรมที่ไม่รบกวน ฯลฯ มันถูกใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างแบบจำลองที่แปลกใหม่มากขึ้นที่จะรวบรวม'อนุภาคสมมุติ', พวกที่มีขนาดเกินพิเศษ, และพวกสมมาตรซับซ้อน (เช่นซูเปอร์สมมาตร) ในความพยายามหนึ่งที่จะอธิบายผลลัพธ์จากการทดลองที่แตกต่างกับแบบจำลองมาตรฐานเช่นการดำรงอยู่ของสสารมืดและการสั่นของนิวตริโนภาพรวม ภาพรวม. ในปัจจุบัน สสารและพลังงานจะเข้าใจดีที่สุดในแง่ของพลศาสตร์การเคลื่อนไหวและปฏิสัมพันธ์พื้นฐานของอนุภาคมูลฐาน ณ วันนี้ ฟิสิกส์ได้ลดกฎทางวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมพฤติกรรมและปฏิสัมพันธ์ของทุกรูปแบบของสสารและพลังงานที่รู้จักกันแล้ว ให้เป็นชุดเล็ก ๆ ของทฤษฎีและกฎพื้นฐาน เป้าหมายหลักของฟิสิกส์ก็คือการหา "จุดร่วม" ที่จะรวบรวมทั้งหมดของทฤษฎีเหล่านี้เข้าด้วยกันให้เป็น'ทฤษฎีของทุกสิ่ง'แบบบูรณาการเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งในทฤษฎีนี้ทั้งหมดของกฏอื่นที่รู้จักแล้วจะเป็นกรณีพิเศษ และจากกรณีพิเศษเหล่านี้พฤติกรรมของทุกสสารและพลังงานก็จะสามารถถูกค้นพบได้ (อย่างน้อยก็ในหลักการ)เนื้อหาของอนุภาค เนื้อหาของอนุภาค. แบบจำลองมาตรฐานจะรวมถึงสมาชิกทั้งหลายของชั้นต่าง ๆ ของอนุภาคมูลฐาน (เฟอร์มิออน, เกจโบซอน, และฮิกส์โบซอน) ซึ่งจะสามารถแยกแยะความแตกต่างตามลักษณะสมบัติอื่น ๆ เช่นประจุสีเฟอร์มิออน เฟอร์มิออน. แบบจำลองมาตรฐานประกอบด้วยอนุภาคมูลฐาน 61 ชนิด ดังนี้แรงพื้นฐาน แรงพื้นฐาน. บทความหลัก: อันตรกิริยาพื้นฐาน [icon] ส่วนนี้ต้องขยาย (ตุลาคม 2015) แบบจำลองมาตรฐานใช้จำแนกแรงพิ้นฐานในธรรมชาติทั้งสี่ ในแบบจำลองมาตรฐาน แรงไดัรับการอธิบายว่าเป็นการแลกเปลี่ยนอย่างหนึ่งของพวกโบซอนระหว่างวัตถุที่ได้รับผลกระทบ เช่นโฟตอนสำหรับแรงแม่เหล็กไฟฟ้าและกลูออนสำหรับปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง อนุภาคเหล่านั้นจะถูกเรียกว่าพาหะแรง ()
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,949 | 2 |
มหาวิทยาลัยโซกะ เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2512 ใช่หรือไม่
|
มหาวิทยาลัยโซกะ มหาวิทยาลัยโซกะ () เป็น มหาวิทยาลัยเอกชน มหาวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ. 2512 เปิดให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อพ.ศ. 2514 และเปิดปริญญาโทเมื่อพ.ศ. 2518 และยังมีอีกแห่งหนึ่ง คือ มหาวิทยาลัยโซกะ อเมริกา ปัจจุบันมีศูนย์ประสานงานอยู่ที่คณะศิลปศาตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ปรัชญาของมหาวิทยาลัยโซกะ ปรัชญาของมหาวิทยาลัยโซกะ. ปรัชญาการศึกษาของมหาวิทยาลัยโซกะ เริ่มขึ้นโดย สึเนะซะบุโระ มะกิงุชิ นายกสมาคมสร้างคุณค่า คนแรก ผู้ก่อตั้งสมาคมสร้างคุณค่า ผู้ปฏิบัติพุทธธรรมของพระนิชิเรนไดโชนิน แรกทีทำงานเป็นครูสอนระดับประถมศึกษา ได้ทำการเผยแพร่ระบบสร้างคุณค่า เพื่อความสุขของนักเรียน และเน้นสอนเรื่องมนุษยนิยม ปรัชญานี้ได้สืบต่อโดย โจะเซ โทะดะ นายกสมาคมโซกะ คนที่สอง โดยเป้าหมายคือสืบสานเจตนารมณ์ของอาจารย์มาคิงุจิ และมาถึงสมัยของนายกสมาคมคนที่สาม ดร.ไดซะกุ อิเกะดะ ได้ทำการก่อตั้งมหาวิทยาลัยโซกะขึ้น โดยมีหลักการการก่อตั้งดังนี้- 1.เป็นที่ให้ความรู้สูงสุดเพื่อการศึกษาแนวคิดมนุษยนิยม - 2.กำเนิดวัฒนธรรมใหม่ - 3.เป็นที่ให้ความสงบสุขของมนุษย์สาขา สาขา. ดร.ไดซะกุ อิเกะดะ ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยโซกะแห่งที่สองที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,950 | 2 |
เจมส์ ฮาร์ริส หรือที่รู้จักกันดีในสังเวียนมวยปล้ำ กามาลา เกิดวันที่ 28 กรกฏาคม ค.ศ. 1950 ใช่หรือไม่
|
กามาลา (นักมวยปล้ำ) เจมส์ ฮาร์ริส หรือที่รู้จักกันดีในสังเวียนมวยปล้ำ กามาลา เกิดวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1950 เป็นนักมวยปล้ำอาชีพที่เกษียณอายุชาวแอฟริกันอเมริกัน ปัจจุบันได้เลิกเลิกปล้ำไปแล้วเนื่องจากได้ตัดขาไปด้วยภาวะแทรกซ้อนของความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 และหมอบังคับให้เขาเลิกปล้ำผลงาน ผลงาน. Continental Wrestling Association- AWA Southern Heavyweight Championship (1 time) Great Lakes Wrestling Association- GLWA Heavyweight Championship (1 time) National Wrestling Alliance- NWA Mississippi Heavyweight Championship (1 time) International Wrestling Association- IWA United States Heavyweight Championship (1 time) - IWA Tag Team Championship (1 time) - with Buddy Wolfe NWA Tri-State- NWA United States Tag Team Championship (Tri-State version) (1 time) - with Oki Shikina Southeastern Championship Wrestling- NWA Southeastern Heavyweight Championship (Northern Division) (1 time) Pro Wrestling Illustrated- PWI ranked him # 14 of the 500 best singles wrestlers of the "PWI Years" in 2003. Southeastern Xtreme Wrestling- SXW Hardcore Championship (1 time) Texas Wrestling Hall of Fame- Class of 2012 United States Wrestling Association- USWA Unified World Heavyweight Championship (4 times)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,951 | 2 |
ทอดด์ ทองดี มีชื่อจริงว่า โทมัส เจมส์ ลาเวลล์ เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวแคนาดาที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานหลายปีใช่หรือไม่
|
ทอดด์ ลาเวลล์ ทอดด์ ทองดี มีชื่อจริงว่า โทมัส เจมส์ ลาเวลล์ (อังกฤษ: Thomas James Lavelle) เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2506 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกันที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานหลายปี ปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ คุณพระช่วย ร่วมกับภาณุพันธ์ ครุฑโต และพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ทอดด์ ทองดี เกิดที่สแครนตัน เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา มีเชื้อสายเยอรมันจากบิดา และไอริช-อเมริกันผิวสีจากมารดา ทอดด์เป็นบุตรคนที่ 3 จาก 6 คนของโทมัส ลาเวลล์ (เสียชีวิตแล้ว) และเชอร์ลีย์ ลาเวลล์ จบปริญญาตรีชีววิทยาและเอเชียศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแครนตัน ในปี พ.ศ. 2528 หลังจากเรียนจบ ทอดด์สมัครเป็นนักร้อง มีหน้าที่ให้ความบันเทิงกับผู้โดยสารเรือควีนแอลิซาเบธ 2 และเดินทางท่องโลกมากับเรือ จนได้รับทุนฟูลไบรต์เข้าเรียนต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพร ทอดด์มีโอกาสได้เล่นดนตรี และได้รับการชักชวนให้ร่วมเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตกับวงคาราวานที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นได้ร่วมแสดงกับวงซูซู และแสดงคอนเสิร์ตร่วมกับหงา คาราวาน และแอ๊ด คาราบาว เป็นครั้งคราว ทอดด์ทำงานในค่ายผู้อพยพ ที่อำเภอพนัสนิคมอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะศึกษาต่อด้านเอเชียศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ขณะเดียวกันก็ได้รับทุนฟูลไบรต์ ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และออกผลงานเพลงชุดแรกชื่อ "Thailand: Inside-Outside" เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2535 ในปี พ.ศ. 2539 ทอดด์มีผลงานร่วมกับวงตาวัน ในชุด "Promise" แนวโปรเกรสซีฟร็อก เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจของคนไข้จิตเภท (schizophrenia) ในโรงพยาบาลโรคจิต โดยทอดด์เป็นผู้เขียนคำร้องภาษาอังกฤษทั้งหมด ต่อมาทอดด์ได้เป็นผู้เขียนคำร้องภาษาอังกฤษให้กับ พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ในอัลบั้มเดี่ยว "ชัมบาลา" (Shambala) ปัจจุบัน ทอดด์หันมาเล่นดนตรีแนวเวิลด์มิวสิก ออกแสดงไปทั่วประเทศไทย และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ "คุณพระช่วย" คู่กับ ธงชัย ประสงค์สันติ และเท่ง เถิดเทิง นำเสนอเกี่ยวกับภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมไทย ทางช่อง 9ผลงานละครโทรทัศน์ผลงานเพลง ผลงาน. ผลงานเพลง. Thailand: Inside-Outside (2535)- Songs of the Earth "เพลงแผ่นดิน" (2538) - Rhythm of the Earth "จังหวะแผ่นดิน" - Colors of the Earth - Acoustic Life "ชีวิตโปร่ง" - Aq Kaq Zaq Ma - Akha Hilltribe Celebrations (vol. 1 and 2) - The PROmISE - You & me - The Legend of Toja "ตำนานโทจา" - Back to the Beach : an Island Opera - Sand'n Shells (mini CD) - และอัลบัมใหม่ล่าสุดที่จะวางแผงปลายปี 2008 นี้ "HIMMAPAN : 2nd World"
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,952 | 2 |
ทอดด์ ลาเวลล์ได้รับทุนฟูลไบรต์ ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และออกผลงานเพลงชุดแรกเป็นภาษาอังกฤษชื่อ "Thailand: Inside-Outside" เมื่อ พ.ศ. 2535 ใช่หรือไม่
|
ทอดด์ ลาเวลล์ ทอดด์ ทองดี มีชื่อจริงว่า โทมัส เจมส์ ลาเวลล์ (อังกฤษ: Thomas James Lavelle) เกิดเมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2506 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกันที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานหลายปี ปัจจุบันเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ คุณพระช่วย ร่วมกับภาณุพันธ์ ครุฑโต และพงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ทอดด์ ทองดี เกิดที่สแครนตัน เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา มีเชื้อสายเยอรมันจากบิดา และไอริช-อเมริกันผิวสีจากมารดา ทอดด์เป็นบุตรคนที่ 3 จาก 6 คนของโทมัส ลาเวลล์ (เสียชีวิตแล้ว) และเชอร์ลีย์ ลาเวลล์ จบปริญญาตรีชีววิทยาและเอเชียศึกษาจากมหาวิทยาลัยสแครนตัน ในปี พ.ศ. 2528 หลังจากเรียนจบ ทอดด์สมัครเป็นนักร้อง มีหน้าที่ให้ความบันเทิงกับผู้โดยสารเรือควีนแอลิซาเบธ 2 และเดินทางท่องโลกมากับเรือ จนได้รับทุนฟูลไบรต์เข้าเรียนต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพร ทอดด์มีโอกาสได้เล่นดนตรี และได้รับการชักชวนให้ร่วมเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตกับวงคาราวานที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นได้ร่วมแสดงกับวงซูซู และแสดงคอนเสิร์ตร่วมกับหงา คาราวาน และแอ๊ด คาราบาว เป็นครั้งคราว ทอดด์ทำงานในค่ายผู้อพยพ ที่อำเภอพนัสนิคมอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะศึกษาต่อด้านเอเชียศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาวาย ขณะเดียวกันก็ได้รับทุนฟูลไบรต์ ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และออกผลงานเพลงชุดแรกชื่อ "Thailand: Inside-Outside" เป็นภาษาอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2535 ในปี พ.ศ. 2539 ทอดด์มีผลงานร่วมกับวงตาวัน ในชุด "Promise" แนวโปรเกรสซีฟร็อก เป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพจิตใจของคนไข้จิตเภท (schizophrenia) ในโรงพยาบาลโรคจิต โดยทอดด์เป็นผู้เขียนคำร้องภาษาอังกฤษทั้งหมด ต่อมาทอดด์ได้เป็นผู้เขียนคำร้องภาษาอังกฤษให้กับ พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ในอัลบั้มเดี่ยว "ชัมบาลา" (Shambala) ปัจจุบัน ทอดด์หันมาเล่นดนตรีแนวเวิลด์มิวสิก ออกแสดงไปทั่วประเทศไทย และเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ "คุณพระช่วย" คู่กับ ธงชัย ประสงค์สันติ และเท่ง เถิดเทิง นำเสนอเกี่ยวกับภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมไทย ทางช่อง 9ผลงานละครโทรทัศน์ผลงานเพลง ผลงาน. ผลงานเพลง. Thailand: Inside-Outside (2535)- Songs of the Earth "เพลงแผ่นดิน" (2538) - Rhythm of the Earth "จังหวะแผ่นดิน" - Colors of the Earth - Acoustic Life "ชีวิตโปร่ง" - Aq Kaq Zaq Ma - Akha Hilltribe Celebrations (vol. 1 and 2) - The PROmISE - You & me - The Legend of Toja "ตำนานโทจา" - Back to the Beach : an Island Opera - Sand'n Shells (mini CD) - และอัลบัมใหม่ล่าสุดที่จะวางแผงปลายปี 2008 นี้ "HIMMAPAN : 2nd World"
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,953 | 2 |
นนทยักษ์ เป็นเสนายักษ์ 1 ใน 10 ตนของเสนายักษ์กรุงมไหศวรรย์ โดยมีลักษณะสีขาบ 1 หน้า 2 มือ หัวโล้น ใช่หรือไม่
|
นนทยักษ์ นนทยักษ์ เป็นเสนายักษ์ 1 ใน 10 ตนของเสนายักษ์กรุงลงกา มีลักษณะสีขาบ 1 หน้า 2 มือ หัวโล้น
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,954 | 2 |
สมาชิก 3 คนในกลุ่มถูกจับและตั้งข้อหาตั้งตัวเป็นอันธพาล ดูหมิ่นศาสนา เมื่อ 17 เมษายน ค.ศ. 2012 ใช่หรือไม่
|
พุสซีไรออต พุสซีไรออต () เป็นวงดนตรีแนวพังก์ร็อกหญิงล้วนจากมอสโก ประเทศรัสเซีย มีเอกลักษณ์ในการแสดงดนตรีเพื่อแสดงทัศนะการเมืองรัสเซีย ในที่สาธารณะแปลก ๆ โดยฉับพลัน อย่างเช่น บนรถบัส หรือนั่งร้าน ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 วงได้แสดงคอนเสิร์ตบนแท่นบูชาในอาสนวิหารพระคริสต์ผู้ช่วยให้รอด (Cathedral of Christ the Saviour) เพื่อต่อต้านประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีมีร์ ปูติน และศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย การแสดงครั้งนี้ถูกขัดขวางโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโบสถ์ ต่อมาในวันที่ 3 มีนาคม หลังจากที่วิดีโอถูกเผยแพร่ออนไลน์ สมาชิก 3 คนในกลุ่มถูกจับและตั้งข้อหาตั้งตัวเป็นอันธพาล ดูหมิ่นศาสนา ในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2012 สมาชิก 3 คนของวง ถูกตัดสินว่าผิดข้อหาตั้งตัวเป็นอันธพาล ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี.
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,955 | 2 |
แจ็กคัล เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกสัตว์กินพืชและเนื้อ ในวงศ์สุนัข (Canidae) ในสกุล Canis จำพวกหนึ่งใช่หรือไม่
|
แจ็กคัล แจ็กคัล () เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกสัตว์กินเนื้อ ในวงศ์สุนัข (Canidae) ในสกุล Canis จำพวกหนึ่ง แจ็กคัลจะมีขนาดเล็กกว่าหมาป่า แต่มีขนาดใหญ่กว่าหมาจิ้งจอก โดยที่คำว่า "jackal" นั้น แผลงมาจากคำว่า "ชะฆาล" () ในภาษาเปอร์เซีย หรือคำว่า "ชาคัล" () ในภาษาตุรกี หรือมาจากคำว่า "ศฤคาล" [สฺริ-คาน] () ในภาษาสันสกฤต แจ็กคัลมีทั้งหมด 3 ชนิด กระจายพันธุ์ไปทั้งทวีปเอเชีย, ยุโรปบางส่วน และแอฟริกา ได้แก่ หมาจิ้งจอกทอง (Canis aureus), หมาจิ้งจอกข้างลาย (C. adustus) และหมาจิ้งจอกหลังดำ (C. mesomelas) ซึ่งชนิดแรกนั้นพบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชีย (รวมถึงในประเทศไทย), แอฟริกาตอนเหนือและบางส่วนของยุโรป ส่วนสองชนิดหลังนั้นพบเฉพาะทวีปแอฟริกาเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว หมาป่าไคโยตี (C. latrans) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ บางครั้งที่ถูกเรียกว่า "อเมริกันแจ็กคัล" ด้วยเหมือนกัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,956 | 2 |
แจ็กคัลจะมีขนาดเล็กกว่าหมีป่า แต่มีขนาดใหญ่กว่าหมาจิ้งจอก โดยที่คำว่า "jackal" นั้น แผลงมาจากคำว่า "ชะฆาล" ใช่หรือไม่
|
แจ็กคัล แจ็กคัล () เป็นชื่อสามัญที่ใช้เรียกสัตว์กินเนื้อ ในวงศ์สุนัข (Canidae) ในสกุล Canis จำพวกหนึ่ง แจ็กคัลจะมีขนาดเล็กกว่าหมาป่า แต่มีขนาดใหญ่กว่าหมาจิ้งจอก โดยที่คำว่า "jackal" นั้น แผลงมาจากคำว่า "ชะฆาล" () ในภาษาเปอร์เซีย หรือคำว่า "ชาคัล" () ในภาษาตุรกี หรือมาจากคำว่า "ศฤคาล" [สฺริ-คาน] () ในภาษาสันสกฤต แจ็กคัลมีทั้งหมด 3 ชนิด กระจายพันธุ์ไปทั้งทวีปเอเชีย, ยุโรปบางส่วน และแอฟริกา ได้แก่ หมาจิ้งจอกทอง (Canis aureus), หมาจิ้งจอกข้างลาย (C. adustus) และหมาจิ้งจอกหลังดำ (C. mesomelas) ซึ่งชนิดแรกนั้นพบกระจายพันธุ์ทั่วไปในทวีปเอเชีย (รวมถึงในประเทศไทย), แอฟริกาตอนเหนือและบางส่วนของยุโรป ส่วนสองชนิดหลังนั้นพบเฉพาะทวีปแอฟริกาเท่านั้น นอกจากนี้แล้ว หมาป่าไคโยตี (C. latrans) ที่พบในทวีปอเมริกาเหนือ บางครั้งที่ถูกเรียกว่า "อเมริกันแจ็กคัล" ด้วยเหมือนกัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,957 | 2 |
กฎข้อที่หนึ่งของอุณหพลศาสตร์ กล่าวถึง กฎทรงพลังงาน ความว่า กล่าวคือ พลังงานในระบบอุณหพลศาสตร์หนึ่งๆ จะมีค่ารวมมากกว่าเดิมเสมอใช่หรือไม่
|
กฎข้อที่หนึ่งของอุณหพลศาสตร์ กฎข้อที่หนึ่งของอุณหพลศาสตร์ กล่าวถึง กฎทรงพลังงาน ความว่า กล่าวคือ พลังงานในระบบอุณหพลศาสตร์หนึ่งๆ จะมีค่ารวมเท่าเดิมเสมอ ความร้อนที่เกิดขึ้นคือกระบวนการนำพลังงานเข้าสู่ระบบจากแหล่งอุณหภูมิสูง หรือสูญเสียออกจากระบบโดยส่งออกไปยังแหล่งอุณหภูมิต่ำ พลังงานนี้อาจสูญเสียไปจากการเกิดงานทางกลต่อสิ่งแวดล้อมของระบบ หรืออาจกล่าวว่าการทำให้เกิดงานทางกลต่อสิ่งแวดล้อมทำให้เกิดพลังงานขึ้นก็ได้ กฎข้อที่หนึ่งกล่าวถึงพลังงานเหล่านี้ว่ามีผลรวมคงที่ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงของพลังงานภายใน ย่อมจะเท่ากับปริมาณความร้อนที่นำเข้าระบบ ลบด้วยปริมาณความร้อนที่สูญเสียออกจากระบบ (ซึ่งทำให้เกิดงานทางกลต่อสิ่งแวดล้อม) กฎข้อที่หนึ่งนี้สามารถเขียนเป็นสมการได้ดังนี้ โดยที่ dU หมายถึงปริมาณการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในระบบ δQ คือความร้อนที่เข้าสู่ระบบ และ δw คืองานที่เกิดจากระบบ หากจะเปรียบเทียบให้เข้าใจง่าย ถ้าความร้อนเปรียบเสมือน เงิน การเปลี่ยนแปลงของเงินเก็บส่วนตัวของเรา (dU) ย่อมเท่ากับเงินที่เราหามาได้ (δQ) ลบด้วยเงินที่เราจ่ายออกไป (δw) นั่นเอง
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,958 | 2 |
ซากราดาฟามีเลีย เป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนาในประเทศโบลันดาที่ออกแบบโดยอันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวกาตาลา ใช่หรือไม่
|
ซากราดาฟามีเลีย ซากราดาฟามีเลีย (; ) เป็นสถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนาในประเทศสเปนที่ออกแบบโดยอันตอนี เกาดี สถาปนิกชาวกาตาลา เป็นผลงานที่เรียกว่า โมเดิร์นนิสโม เป็นงานศิลปะเฉพาะถิ่นและเป็นอาร์ตนูโวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานชิ้นนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2425 มีกำหนดก่อสร้างหอคอยทั้งหมด 18 หอคอย นับตั้งแต่ปีเริ่มสร้างจนถึงปัจจุบันสร้างเสร็จไปแล้วแค่ 8 หอคอย งานคืบหน้าไปประมาณร้อยละ 50 สถาปนิกผู้ออกแบบถูกรถรางทับเสียชีวิตไปเมื่อ พ.ศ. 2469 โดยศพของเขาได้ถูกฝังไว้ในซากราดาฟามีเลียด้วย แม้เกาดีจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ผู้ร่วมงานของเขายังคงสานต่อโครงการโดยอาศัยรูปถ่าย ภาพร่าง และแบบจำลองที่เกาดีทำไว้ แต่แล้วในปี พ.ศ. 2479 โครงการก็ต้องหยุดชะงักเพราะสงครามกลางเมืองในสเปน ห้องใต้ดินและแบบจำลองอย่างละเอียดก็ถูกเผาทำลาย แต่เมื่อสิ้นสุดสงครามทีมงานก็กลับมาทำงานกันต่อ โดยอาศัยภาพร่าง ภาพถ่ายและแบบจำลองอื่น ๆ ที่รอดพ้นจากการถูกทำลาย ภายหลังได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ออกแบบ แต่ถึงจะใช้เทคโนโลยีมากมายมาช่วย กว่าโครงการนี้จะเสร็จก็อีกยาวไกลถึงปี พ.ศ. 2569 ลักษณะเด่นของอาคารแห่งนี้จะสังเกตได้ถึงสีที่ตัดกันของหินด้านหน้าและด้านหลังอย่างชัดเจน และพบรูปแบบการก่อสร้างที่แตกต่างกันระหว่างแบบเก่าและแบบที่สร้างต่อขึ้นไหม่ในปัจจุบัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,959 | 2 |
โยนิโสมนสิการ (yonisomanasikāra) หมายถึง การพยายามทำให้ใจละเอียดถี่ถ้วน แต่อาจไม่รอบคอบที่สุดใช่หรือไม่
|
โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ (บาลี: yonisomanasikāra, คำอ่าน: โยนิโสมะนะสิกาน) หมายถึง การทำในใจให้ดีละเอียดถี่ถ้วน กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒ การใช้ความคิดถูกวิธี คือ การกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยปัญญาที่คิดเป็นระเบียบและโดย อุบายวิธีให้เห็นสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย เช่น- คิดจากเหตุไปหาผล - คิดจากผลไปหาเหตุ - คิดแบบเห็น ความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นลูกโซ่ - คิดเน้นเฉพาะจุดที่ทำให้เกิด - คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ส่งเสริมให้เจริญ - คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ทำให้เสื่อม - คิดเห็นสิ่งที่มา ตัดขาดให้ดับ - คิดแบบ แยกแยะองค์ประกอบ - คิดแบบ มองเป็นองค์รวม - คิดแบบ อะไรเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ศัพทมูลและนิยาม ศัพทมูลและนิยาม. คำ "โยนิโสมนสิการ" นั้นประกอบด้วยคำสองคำ คือ- "โยนิโส" มาจาก "โยนิ" แปลว่า เหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง - "มนสิการ" หมายถึง การทำในใจ การคิด คำนึง นึกถึง ใส่ใจ พิจารณา ดังนั้น "โยนิโสมนสิการ" จึงหมายถึง การทำในใจให้แยบคาย หรือ การพิจารณาโดยแยบคาย กล่าวคือ ความเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตร่ตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือต้นตอของเรื่องที่กำลังคิด คือคิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แล้วประมวลความคิดรอบด้านจนกระทั่งสรุปออกมาได้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เป็นวิถีทางแห่งปัญญา เป็นธรรมสำหรับกลั่นกรองแยกแยะข้อมูลหรือแหล่งข่าวหรือที่เรียก "ปรโตโฆสะ" อีกชั้นหนึ่ง กับทั้งเป็นบ่อเกิดแห่งความคิดชอบหรือ "สัมมาทิฐิ" ทำให้มีเหตุผล และไม่งมงาย อนึ่ง คัมภีร์ในพระไตรปิฎก ชั้นอรรถกถาและฎีกาได้แสดงไวพจน์แจกแจงความหมายในแง่ต่าง ๆ ของโยนิโสมนสิการว่า- "อุบายมนสิการ" เป็น การคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกับแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย - "ปถมนสิการ" เป็น การคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู้แนวทางที่ถูกต้อง - "การณมนสิการ" เป็น การคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ - อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น ไขความทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นเพียงการแสดงลักษณะด้านต่างๆ ของความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งการเกิดในแต่ละครั้ง อาจมีลักษณะครบทั้ง 4 ข้อ หรือเกิดครบทั้งหมด หรือเขียนลักษณะทั้ง 4 ข้อนี้สั้นๆ ได้ว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศลคุณค่า คุณค่า. โยนิโสมนสิการนั้น ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒ นอกจากนี้ ยังมีคำพรรณนาคุณของโยนิโสมนสิการอีกมาก เช่น เป็นส่วนหนึ่งที่ให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง เป็นเครื่องขจัดความลังเลสงสัย เป็นองค์ประกอบของความเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกหรือ "โสตาปัตติยังคะ" อันแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาส่งเสริมโยนิโสมนสิการว่าจำเป็นสำหรับทุกคน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,960 | 2 |
โยนิโสมนสิการนั้น ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่สงบใจ หรือ "อัปมาท" ใช่หรือไม่
|
โยนิโสมนสิการ โยนิโสมนสิการ (บาลี: yonisomanasikāra, คำอ่าน: โยนิโสมะนะสิกาน) หมายถึง การทำในใจให้ดีละเอียดถี่ถ้วน กล่าวคือ การพิจารณาอย่างรอบคอบถี่ถ้วน ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒ การใช้ความคิดถูกวิธี คือ การกระทำในใจโดยแยบคาย มองสิ่งทั้งหลายด้วยความคิดพิจารณาสืบค้นถึงต้นเค้า สาวหาเหตุผลจนตลอดสายแยกแยะออกพิเคราะห์ดูด้วยปัญญาที่คิดเป็นระเบียบและโดย อุบายวิธีให้เห็นสิ่งนั้นๆ หรือปัญหานั้นๆ ตามสภาวะและตามความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย เช่น- คิดจากเหตุไปหาผล - คิดจากผลไปหาเหตุ - คิดแบบเห็น ความสัมพันธ์ต่อเนื่อง เป็นลูกโซ่ - คิดเน้นเฉพาะจุดที่ทำให้เกิด - คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ส่งเสริมให้เจริญ - คิดเห็น องค์ประกอบที่มา ทำให้เสื่อม - คิดเห็นสิ่งที่มา ตัดขาดให้ดับ - คิดแบบ แยกแยะองค์ประกอบ - คิดแบบ มองเป็นองค์รวม - คิดแบบ อะไรเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ศัพทมูลและนิยาม ศัพทมูลและนิยาม. คำ "โยนิโสมนสิการ" นั้นประกอบด้วยคำสองคำ คือ- "โยนิโส" มาจาก "โยนิ" แปลว่า เหตุ ต้นเค้า แหล่งเกิด ปัญญา อุบาย วิธี ทาง - "มนสิการ" หมายถึง การทำในใจ การคิด คำนึง นึกถึง ใส่ใจ พิจารณา ดังนั้น "โยนิโสมนสิการ" จึงหมายถึง การทำในใจให้แยบคาย หรือ การพิจารณาโดยแยบคาย กล่าวคือ ความเป็นผู้ฉลาดในการคิด คิดอย่างถูกวิธีถูกระบบ พิจารณา ไตร่ตรองสาวไปจนถึงสาเหตุหรือต้นตอของเรื่องที่กำลังคิด คือคิดถึงรากถึงโคนนั่นเอง แล้วประมวลความคิดรอบด้านจนกระทั่งสรุปออกมาได้ว่าสิ่งนั้นควรหรือไม่ควร ดีหรือไม่ดี เป็นวิถีทางแห่งปัญญา เป็นธรรมสำหรับกลั่นกรองแยกแยะข้อมูลหรือแหล่งข่าวหรือที่เรียก "ปรโตโฆสะ" อีกชั้นหนึ่ง กับทั้งเป็นบ่อเกิดแห่งความคิดชอบหรือ "สัมมาทิฐิ" ทำให้มีเหตุผล และไม่งมงาย อนึ่ง คัมภีร์ในพระไตรปิฎก ชั้นอรรถกถาและฎีกาได้แสดงไวพจน์แจกแจงความหมายในแง่ต่าง ๆ ของโยนิโสมนสิการว่า- "อุบายมนสิการ" เป็น การคิดหรือพิจารณาโดยอุบาย คือ การคิดอย่างมีวิธีหรือถูกวิธี ซึ่งหมายถึง การเข้าถึงความจริง สอดคล้องกับแนวสัจจะ ซึ่งทำให้รู้สภาวลักษณะและสามัญลักษณะของสิ่งทั้งหลาย - "ปถมนสิการ" เป็น การคิดถูกทาง ต่อเนื่องเป็นลำดับ หมายถึง ความคิดที่เป็นระเบียบตามหลักเหตุผล ไม่ยุ่งเหยิงสับสน จิตไม่แว๊บติดพันในเรื่องนี้ แต่เดี๋ยวกลับเตลิดไปคิดอีกเรื่องหนึ่ง จิตยุ่งเหยิงนี้กระโดดไปมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่รวมทั้งความสามารถในการชักความนึกคิดไปสู้แนวทางที่ถูกต้อง - "การณมนสิการ" เป็น การคิดอย่างมีเหตุผล เป็นการสืบค้นตามแนวความสัมพันธ์สืบทอดแห่งเหตุปัจจัย พิจารณาสืบสาวหาสาเหตุ ให้เข้าใจถึงต้นเค้า หรือแหล่งที่มาซึ่งส่งผลต่อเนื่องตามลำดับ - อุปปาทกมนสิการ การคิดการพิจารณาให้เกิดกุศลธรรม เช่น การพิจารณาที่ทำให้มีสติ หรือทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง เป็นต้น ไขความทั้ง 4 ข้อนี้ เป็นเพียงการแสดงลักษณะด้านต่างๆ ของความคิดแบบโยนิโสมนสิการ ซึ่งการเกิดในแต่ละครั้ง อาจมีลักษณะครบทั้ง 4 ข้อ หรือเกิดครบทั้งหมด หรือเขียนลักษณะทั้ง 4 ข้อนี้สั้นๆ ได้ว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศลคุณค่า คุณค่า. โยนิโสมนสิการนั้น ทางพุทธศาสนาถือว่ามีคุณค่าเท่ากับความไม่ประมาทหรือ "อัปมาท" ซึ่งเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมฝ่ายดีหรือ "กุศลธรรม" ทั้งปวง ดังปรากฏในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๙ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ข้อ ๔๖๔ หน้า ๑๒๙ นอกจากนั้น ยังจัดเป็นธรรมะข้อหนึ่งในกลุ่มธรรมที่เป็นไปเพื่อความเจริญด้วยปัญญา และเป็นธรรมะมีอุปการะมากแก่มนุษย์ดังพรรณาในพระไตรปิฎก เล่ม ๑๒ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต ข้อ ๒๖๘-๙ หน้า ๓๓๒ นอกจากนี้ ยังมีคำพรรณนาคุณของโยนิโสมนสิการอีกมาก เช่น เป็นส่วนหนึ่งที่ให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง เป็นเครื่องขจัดความลังเลสงสัย เป็นองค์ประกอบของความเป็นพระอริยบุคคลชั้นแรกหรือ "โสตาปัตติยังคะ" อันแสดงให้เห็นว่าพุทธศาสนาส่งเสริมโยนิโสมนสิการว่าจำเป็นสำหรับทุกคน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,961 | 2 |
ลูปังฮีนีรัง คือชื่อของเพลงชาติปากีสถาน ซึ่งทำนองประพันธ์ขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1898 ใช่หรือไม่
|
ลูปังฮีนีรัง ลูปังฮีนีรัง () คือชื่อของเพลงชาติฟิลิปปินส์ ทำนองประพันธ์ขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1898 โดย จูเลียน เฟลิเป (Julián Felipe) เนื้อร้องฉบับปัจจุบันได้ปรับมาจากบทกวีภาษาสเปนชื่อ "ฟีลีปีนัส" ("Filipinas") ซึ่งประพันธ์โดยโฆเซ ปาลมา (José Palma) เมื่อ ค.ศ. 1899 เดิมทีแล้วเพลงลูปังฮีนีรังเป็นเพลงที่เกิดขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ เพราะเพลงนี้เมื่อใช้เป็นเพลงชาติในช่วงที่ฟิลิปปินส์เป็นอิสระจากสเปนในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ไม่ปรากฏว่ามีเนื้อร้องแต่อย่างใด และได้บรรเลงเฉพาะในพิธีประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1898 เท่านั้น เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าครอบครองฟิลิปปินส์ต่อจากสเปน รัฐบาลอาณานิคมของสหรัฐฯ ได้บัญญัติออกกฎหมายเรื่องธงชาติซึ่งได้สั่งห้ามมีการบรรเลงเพลงนี้ กระทั่งถึงปี ค.ศ. 1919 กฎหมายดังกล่าวจึงถูกยกเลิก เพลงนี้จึงได้รับการแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ และได้รับรองจากกฎหมายอย่างเป็นทางการในชื่อเพลง "Philippine Hymn" (เพลงสรรเสริญฟิลิปปิน) บทเพลงนี้ต่อมาได้มีการแปลออกเป็นภาษาตากาล็อกในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1940 หลายสำนวน ต่อมาในปี ค.ศ. 1956 จึงได้เริ่มใช้บทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนหรือภาษาตากาล็อกแบบมาตรฐาน (มีการปรับแก้ใน ค.ศ. 1960) เป็นบทร้องเพลงชาติสืบมาจนถึงปัจจุบัน คำว่า "ลูปัง ฮิรินัง" ในภาษาฟิลิปิโนหรือภาษาตากาล็อกมีความหมายว่า "แผ่นดินที่ได้เลือก" (Chosen Land) ในแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษบางแห่งได้แปลชื่อเพลงนี้ผิดพลาดเป็น "Beloved Land" หรือ "Beloved Country" ซึ่งอาจเป็นภาษาไทยได้ว่า "แผ่นดินอันเป็นที่รัก" อย่างไรก็ตาม คำแปล "แผ่นดินอันเป็นที่รัก" นั้น เป็นวลีที่แปลมาจากวรรคแรกของบทกวี "ฟีลีปีนัส" ซึ่งเริ่มด้วยวลี "Tiérra adorada" และเป็นคำแปลเดียวกับที่ใช้ในบทร้องภาษาฟิลิปิโนซึ่งขึ้นต้นว่า "Bayang Magiliw" ("บายัง มากีลิว") อันเป็นชื่อเพลงนี้อย่างไม่เป็นทางการอีกชื่อหนึ่งภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์. เพลงลูปังฮีนีรังเริ่มต้นขึ้นจากทำนองเพลงมาร์ชซึ่งประธานาธิบดีเอมีลีโอ อากีนัลโด ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาขึ้นเพื่อใช้ในพิธีการประกาศเอกราชจากสเปน ภารกิจการสรรหาเพลงดังกล่าวนี้ได้มอบหมายให้จูเลียน เฟลีเป (Julián Felipe) เป็นผู้ดำเนินการ และได้มีการนำไปใช้แทนเพลงมาร์ชซึ่งอากีนัลโดไม่สามารถหาทำนองอันเป็นที่พอใจได้ ชื่อของเพลงมาร์ชใหม่ที่เฟลิเปประพันธ์ขึ้นนี้มีชื่อว่า “มาร์ชาฟีลีปีนามักดาโล” ( "มาร์ชกลุ่มมักดาโลฟิลิปปินส์") ทั้งนี้ คำว่า "มักดาโล" เป็นชื่อกลุ่มการเมืองของเอมีลีโอ อากีนัลโด ซึ่งเคลื่อนไหวภายใต้การนำของขบวนการกาตีปูนันในพื้นที่จังหวัดคาวิเต้ ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญยิ่งกลุ่มหนึ่งในกระบวนการก่อตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเพลงนี้เป็น “มาร์ชานาเซียวนัลฟีลีปีนา” ( "มาร์ชประจำชาติฟิลิปปินส์") ตามการประกาศรับรองเพลงชาติอย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 ในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1898 อันเป็นเวลา 1 วันก่อนจะทำพิธีการประกาศเอกราชของฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ และได้บรรเลงครั้งแรกโดยวงโยธวาทิตซาน ฟรันซิสโก เด มาลาบอง ในพิธีประกาศเอกราช เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีเดียวกัน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1899 โฆเซ ปาลมา ได้นิพนธ์บทกวี “ฟีลีปีนัส” () เป็นภาษาสเปน และได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ “ลา อินดีเพนเดนเซีย” ("La Independencia") เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปีเดียวกัน บทกวีดังกล่าวได้ใช้เป็นบทร้องสำหรับทำนองเพลงชาติในเวลาต่อมา กฎหมายของฟิลิปปินส์ระบุไว้ว่าบทเพลงชาติต้องบรรเลงตามทำนองเพลงที่ประพันธ์และเรียบเรียงโดยจูเลียน เฟลีเปเสมอ แต่ต้นฉบับของทำนองเพลงที่เฟลีเปได้เรียบเรียงไว้นั้นหาได้มีการค้นพบไม่ ต่อมาในคริสต์ทศวรรษที่ 1920 จังหวะดนตรีของเพลงลูปังฮีนีรังได้เปลี่ยนเป็น 4/4 เพื่อให้เหมาะสมกับการขับร้อง และบันไดเสียงเพลงได้เปลี่ยนจากบันไดเสียง C major ในต้นฉบับ เป็น G majorแทน ระหว่างช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 เมื่อมีการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยธงชาติของฟิลิปปินส์ ซึ่งห้ามการใช้สัญลักษณ์แห่งชาติของชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมด รัฐบาลอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจดำเนินการแปลเพลงชาติฟิลิปปินส์จากภาษาสเปนออกเป็นภาษาอังกฤษ บทแปลฉบับแรกที่ดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นผลงานของปาซ มาร์เกซ เบนิเตซ (Paz Marquez Benitez) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งฟิลิปปินส์ ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นกวีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ทว่าบทแปลที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดนั้น คือบทประพันธ์อันมีชื่อว่า “ฟิลิปปินฮีม” ( "เพลงสรรเสริญฟิลิปปิน") อันเป็นผลงานร่วมของวุฒิสมาชิกชาวฟิลิปปินส์ กามีโล โอเซียส (Camilo Osías) และแมรี เอ. เลน (Mary A. Lane) สตรีชาวอเมริกัน บทแปลดังกล่าวเป็นที่รับรองด้วยรัฐบัญญัติซึ่งตราโดยรัฐสภาฟิลิปปินส์เมื่อ ค.ศ. 1938 สำหรับบทแปลภาคภาษาตากาล็อก ได้เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1940 จากผลงานแปลฉบับแรกอันมีชื่อว่า “ดิวา นัง บายัน” (ตากาล็อก: Diwa ng Bayan "จิตวิญญาณแห่งประเทศ") ซึ่งใช้ขับร้องในช่วงแห่งการยึดครองฟิลิปปินส์ของญี่ปุ่น ตามติดด้วยบทร้องซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดอันมีชื่อว่า “โอ ซินตัง ลูปา” (ตากาล็อก: O Sintang Lupa “โอ้แผ่นดินที่รัก”) ซึ่งเป็นผลงานของ จูเลียน ครูซ บัลมาเกดา (Julian Cruz Balmaceda), อิลเดฟองโซ ซันโตส (Ildefonso Santos) และฟรันซิโก กาบาโย (Francisco Caballo) บทร้อง “โอ ซินตัง ลูปา” ภายหลังได้รับรองเป็นบทร้องสำหรับเพลงชาติเมื่อ ค.ศ. 1948 ทั้งนี้ นอกเหนือจากการรับรองบทร้อง “ดิวา นัง บายัน” เพื่อใช้เป็นเพลงชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเพลงนี้ถูกแทนที่ด้วยบทเพลง “อาวิท ซา ปากลีคา นัง บากง ฟิลิปินัส” (ตากาล็อก: Awit sa Paglikha ng Bagong Pilipinas "เพลงสรรเสริญแห่งการกำเนิดฟิลิปปินส์ใหม่") และ เพลงชาติญี่ปุ่น “คิมิงะโยะ” ระหว่างสมัยแห่งการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีรามอน แมกไซไซนั้น เกรกอรีโอ เอร์นันเดซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนบทร้องฉบับภาษาตากาล็อก บทเพลงชาติอันมีชื่อว่า “ลูปังฮีนีรัง” ก็ได้ปรากฏบทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนในที่สุด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1956 มีการปรับแก้บทร้องอีกเล็กน้อยในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 จนปรากฏเป็นบทร้องเพลงชาติฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลงานการแปลของ เฟลิเป ปาดียา เด เลออน (Felipe Padilla de León) บทร้องฉบับภาษาฟิลิปีโนนี้ได้รับการยืนยันสถานะอย่างเป็นทางการด้วยรัฐบัญญัติแห่งสาธารณรัฐ เลขที่ 8491 หรือกฎหมายว่าด้วยธงชาติและสัญลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งบัญญัติขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1998 ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวหาได้รับรองบทร้องต้นฉบับภาษาสเปนและฉบับภาษาอังกฤษไว้ไม่ แอมเบธ โอแคมโป (Ambeth Ocampo) นักประวัติศาสตร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความหมายดั้งเดิมบางส่วนของบทกวี “ฟีลีปีนัส” ได้ตกหล่นไปจากการแปลข้ามภาษา ยกตัวอย่างเช่น ในวรรค “Hija del sol de oriente” จากต้นฉบับภาษาสเปนมีความหมายตามตัวว่า “บุตรีแห่งดวงตะวันบูรพา” วรรคดังกล่าวได้กลายเป็น "Child of the sun returning" ("ลูกแห่งตะวันที่หวนคืนมา" หรือ "ลูกแห่งพระอาทิตย์ขึ้น" โดยนัยย่อมแปลว่า "ลูกแห่งทิศตะวันออก") ในเพลง “ฟิลิปปินฮีม” และ “Perlas ng Silanganan” (“ไข่มุกแดนบูรพา”) ในบทร้องฉบับทางการในปัจจุบันบทร้อง บทร้อง. บทร้องของเพลงชาติฉบับภาษาสเปน ตากาล็อก/ฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษต่อไปนี้ ล้วนเป็นบทร้องที่มีสถานะอย่างเป็นทางการในแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม มีเพียงบทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนฉบับล่าสุดและเป็นฉบับที่ใช้ในปัจจุบันเท่านั้นที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย กฎหมายว่าด้วยธงชาติและสัญลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งตราไว้ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 ระบุไว้ชัดว่า "เพลงชาติต้องขับร้องด้วยภาษาฟิลิปิโนอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกประเทศ" และบัญญัติโทษปรับและจำคุกสำหรับผู้ที่ล่วงละเมิดกำกับไว้ด้วย
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,962 | 2 |
เนื้อร้องเพลงชาติฟิลิปปินส์ ฉบับปัจจุบันได้ปรับมาจากบทกวีภาษาบังคลาเทศชื่อ "ฟีลีปีนัส" ซึ่งประพันธ์โดยโฆเซ ปาลมาเมื่อค.ศ. 1899 ใช่หรือไม่
|
ลูปังฮีนีรัง ลูปังฮีนีรัง () คือชื่อของเพลงชาติฟิลิปปินส์ ทำนองประพันธ์ขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1898 โดย จูเลียน เฟลิเป (Julián Felipe) เนื้อร้องฉบับปัจจุบันได้ปรับมาจากบทกวีภาษาสเปนชื่อ "ฟีลีปีนัส" ("Filipinas") ซึ่งประพันธ์โดยโฆเซ ปาลมา (José Palma) เมื่อ ค.ศ. 1899 เดิมทีแล้วเพลงลูปังฮีนีรังเป็นเพลงที่เกิดขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ เพราะเพลงนี้เมื่อใช้เป็นเพลงชาติในช่วงที่ฟิลิปปินส์เป็นอิสระจากสเปนในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ไม่ปรากฏว่ามีเนื้อร้องแต่อย่างใด และได้บรรเลงเฉพาะในพิธีประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1898 เท่านั้น เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าครอบครองฟิลิปปินส์ต่อจากสเปน รัฐบาลอาณานิคมของสหรัฐฯ ได้บัญญัติออกกฎหมายเรื่องธงชาติซึ่งได้สั่งห้ามมีการบรรเลงเพลงนี้ กระทั่งถึงปี ค.ศ. 1919 กฎหมายดังกล่าวจึงถูกยกเลิก เพลงนี้จึงได้รับการแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ และได้รับรองจากกฎหมายอย่างเป็นทางการในชื่อเพลง "Philippine Hymn" (เพลงสรรเสริญฟิลิปปิน) บทเพลงนี้ต่อมาได้มีการแปลออกเป็นภาษาตากาล็อกในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1940 หลายสำนวน ต่อมาในปี ค.ศ. 1956 จึงได้เริ่มใช้บทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนหรือภาษาตากาล็อกแบบมาตรฐาน (มีการปรับแก้ใน ค.ศ. 1960) เป็นบทร้องเพลงชาติสืบมาจนถึงปัจจุบัน คำว่า "ลูปัง ฮิรินัง" ในภาษาฟิลิปิโนหรือภาษาตากาล็อกมีความหมายว่า "แผ่นดินที่ได้เลือก" (Chosen Land) ในแหล่งข้อมูลภาษาอังกฤษบางแห่งได้แปลชื่อเพลงนี้ผิดพลาดเป็น "Beloved Land" หรือ "Beloved Country" ซึ่งอาจเป็นภาษาไทยได้ว่า "แผ่นดินอันเป็นที่รัก" อย่างไรก็ตาม คำแปล "แผ่นดินอันเป็นที่รัก" นั้น เป็นวลีที่แปลมาจากวรรคแรกของบทกวี "ฟีลีปีนัส" ซึ่งเริ่มด้วยวลี "Tiérra adorada" และเป็นคำแปลเดียวกับที่ใช้ในบทร้องภาษาฟิลิปิโนซึ่งขึ้นต้นว่า "Bayang Magiliw" ("บายัง มากีลิว") อันเป็นชื่อเพลงนี้อย่างไม่เป็นทางการอีกชื่อหนึ่งภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์. เพลงลูปังฮีนีรังเริ่มต้นขึ้นจากทำนองเพลงมาร์ชซึ่งประธานาธิบดีเอมีลีโอ อากีนัลโด ได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาขึ้นเพื่อใช้ในพิธีการประกาศเอกราชจากสเปน ภารกิจการสรรหาเพลงดังกล่าวนี้ได้มอบหมายให้จูเลียน เฟลีเป (Julián Felipe) เป็นผู้ดำเนินการ และได้มีการนำไปใช้แทนเพลงมาร์ชซึ่งอากีนัลโดไม่สามารถหาทำนองอันเป็นที่พอใจได้ ชื่อของเพลงมาร์ชใหม่ที่เฟลิเปประพันธ์ขึ้นนี้มีชื่อว่า “มาร์ชาฟีลีปีนามักดาโล” ( "มาร์ชกลุ่มมักดาโลฟิลิปปินส์") ทั้งนี้ คำว่า "มักดาโล" เป็นชื่อกลุ่มการเมืองของเอมีลีโอ อากีนัลโด ซึ่งเคลื่อนไหวภายใต้การนำของขบวนการกาตีปูนันในพื้นที่จังหวัดคาวิเต้ ถือเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญยิ่งกลุ่มหนึ่งในกระบวนการก่อตั้งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเพลงนี้เป็น “มาร์ชานาเซียวนัลฟีลีปีนา” ( "มาร์ชประจำชาติฟิลิปปินส์") ตามการประกาศรับรองเพลงชาติอย่างเป็นทางการของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ที่ 1 ในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1898 อันเป็นเวลา 1 วันก่อนจะทำพิธีการประกาศเอกราชของฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ และได้บรรเลงครั้งแรกโดยวงโยธวาทิตซาน ฟรันซิสโก เด มาลาบอง ในพิธีประกาศเอกราช เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ปีเดียวกัน ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1899 โฆเซ ปาลมา ได้นิพนธ์บทกวี “ฟีลีปีนัส” () เป็นภาษาสเปน และได้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ “ลา อินดีเพนเดนเซีย” ("La Independencia") เมื่อวันที่ 3 กันยายน ปีเดียวกัน บทกวีดังกล่าวได้ใช้เป็นบทร้องสำหรับทำนองเพลงชาติในเวลาต่อมา กฎหมายของฟิลิปปินส์ระบุไว้ว่าบทเพลงชาติต้องบรรเลงตามทำนองเพลงที่ประพันธ์และเรียบเรียงโดยจูเลียน เฟลีเปเสมอ แต่ต้นฉบับของทำนองเพลงที่เฟลีเปได้เรียบเรียงไว้นั้นหาได้มีการค้นพบไม่ ต่อมาในคริสต์ทศวรรษที่ 1920 จังหวะดนตรีของเพลงลูปังฮีนีรังได้เปลี่ยนเป็น 4/4 เพื่อให้เหมาะสมกับการขับร้อง และบันไดเสียงเพลงได้เปลี่ยนจากบันไดเสียง C major ในต้นฉบับ เป็น G majorแทน ระหว่างช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1920 เมื่อมีการยกเลิกกฎหมายว่าด้วยธงชาติของฟิลิปปินส์ ซึ่งห้ามการใช้สัญลักษณ์แห่งชาติของชาวฟิลิปปินส์ทั้งหมด รัฐบาลอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจดำเนินการแปลเพลงชาติฟิลิปปินส์จากภาษาสเปนออกเป็นภาษาอังกฤษ บทแปลฉบับแรกที่ดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นผลงานของปาซ มาร์เกซ เบนิเตซ (Paz Marquez Benitez) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งฟิลิปปินส์ ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นกวีที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ทว่าบทแปลที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่สุดนั้น คือบทประพันธ์อันมีชื่อว่า “ฟิลิปปินฮีม” ( "เพลงสรรเสริญฟิลิปปิน") อันเป็นผลงานร่วมของวุฒิสมาชิกชาวฟิลิปปินส์ กามีโล โอเซียส (Camilo Osías) และแมรี เอ. เลน (Mary A. Lane) สตรีชาวอเมริกัน บทแปลดังกล่าวเป็นที่รับรองด้วยรัฐบัญญัติซึ่งตราโดยรัฐสภาฟิลิปปินส์เมื่อ ค.ศ. 1938 สำหรับบทแปลภาคภาษาตากาล็อก ได้เริ่มปรากฏขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1940 จากผลงานแปลฉบับแรกอันมีชื่อว่า “ดิวา นัง บายัน” (ตากาล็อก: Diwa ng Bayan "จิตวิญญาณแห่งประเทศ") ซึ่งใช้ขับร้องในช่วงแห่งการยึดครองฟิลิปปินส์ของญี่ปุ่น ตามติดด้วยบทร้องซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดอันมีชื่อว่า “โอ ซินตัง ลูปา” (ตากาล็อก: O Sintang Lupa “โอ้แผ่นดินที่รัก”) ซึ่งเป็นผลงานของ จูเลียน ครูซ บัลมาเกดา (Julian Cruz Balmaceda), อิลเดฟองโซ ซันโตส (Ildefonso Santos) และฟรันซิโก กาบาโย (Francisco Caballo) บทร้อง “โอ ซินตัง ลูปา” ภายหลังได้รับรองเป็นบทร้องสำหรับเพลงชาติเมื่อ ค.ศ. 1948 ทั้งนี้ นอกเหนือจากการรับรองบทร้อง “ดิวา นัง บายัน” เพื่อใช้เป็นเพลงชาติในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเพลงนี้ถูกแทนที่ด้วยบทเพลง “อาวิท ซา ปากลีคา นัง บากง ฟิลิปินัส” (ตากาล็อก: Awit sa Paglikha ng Bagong Pilipinas "เพลงสรรเสริญแห่งการกำเนิดฟิลิปปินส์ใหม่") และ เพลงชาติญี่ปุ่น “คิมิงะโยะ” ระหว่างสมัยแห่งการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีรามอน แมกไซไซนั้น เกรกอรีโอ เอร์นันเดซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อทบทวนบทร้องฉบับภาษาตากาล็อก บทเพลงชาติอันมีชื่อว่า “ลูปังฮีนีรัง” ก็ได้ปรากฏบทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนในที่สุด เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1956 มีการปรับแก้บทร้องอีกเล็กน้อยในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1960 จนปรากฏเป็นบทร้องเพลงชาติฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลงานการแปลของ เฟลิเป ปาดียา เด เลออน (Felipe Padilla de León) บทร้องฉบับภาษาฟิลิปีโนนี้ได้รับการยืนยันสถานะอย่างเป็นทางการด้วยรัฐบัญญัติแห่งสาธารณรัฐ เลขที่ 8491 หรือกฎหมายว่าด้วยธงชาติและสัญลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งบัญญัติขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1998 ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวหาได้รับรองบทร้องต้นฉบับภาษาสเปนและฉบับภาษาอังกฤษไว้ไม่ แอมเบธ โอแคมโป (Ambeth Ocampo) นักประวัติศาสตร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าความหมายดั้งเดิมบางส่วนของบทกวี “ฟีลีปีนัส” ได้ตกหล่นไปจากการแปลข้ามภาษา ยกตัวอย่างเช่น ในวรรค “Hija del sol de oriente” จากต้นฉบับภาษาสเปนมีความหมายตามตัวว่า “บุตรีแห่งดวงตะวันบูรพา” วรรคดังกล่าวได้กลายเป็น "Child of the sun returning" ("ลูกแห่งตะวันที่หวนคืนมา" หรือ "ลูกแห่งพระอาทิตย์ขึ้น" โดยนัยย่อมแปลว่า "ลูกแห่งทิศตะวันออก") ในเพลง “ฟิลิปปินฮีม” และ “Perlas ng Silanganan” (“ไข่มุกแดนบูรพา”) ในบทร้องฉบับทางการในปัจจุบันบทร้อง บทร้อง. บทร้องของเพลงชาติฉบับภาษาสเปน ตากาล็อก/ฟิลิปิโน และภาษาอังกฤษต่อไปนี้ ล้วนเป็นบทร้องที่มีสถานะอย่างเป็นทางการในแต่ละช่วงของประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม มีเพียงบทร้องฉบับภาษาฟิลิปิโนฉบับล่าสุดและเป็นฉบับที่ใช้ในปัจจุบันเท่านั้นที่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย กฎหมายว่าด้วยธงชาติและสัญลักษณ์ของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งตราไว้ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1998 ระบุไว้ชัดว่า "เพลงชาติต้องขับร้องด้วยภาษาฟิลิปิโนอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกประเทศ" และบัญญัติโทษปรับและจำคุกสำหรับผู้ที่ล่วงละเมิดกำกับไว้ด้วย
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,963 | 2 |
ถนนเรารักในหลวง หรือซอยสุขุมวิท 24 ตั้งอยู่ในช่วงปากซอยสุขุมวิท 40 ฝั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสใช่หรือไม่
|
ถนนเรารักในหลวง ถนนเรารักในหลวง () หรือซอยสุขุมวิท 24 (Thanon Sukhumvit 24) ตั้งอยู่ในช่วงปากซอยสุขุมวิท 24 ฝั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส มาถึงทางแยกไปซอยสุขุมวิท 22 โดยสงวนสิทธิ์ให้เป็นของแผ่นดิน ที่มาของชื่อถนนแห่งนี้ เริ่มต้นจากนายธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ประธานบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด ในฐานะเจ้าของซอยสุขุมวิท 24 และโรงแรมเพรสซิเดนท์ ปาร์ค ได้เปิดเผยว่าเดิมซอยสุขุมวิท 24 เป็นถนนส่วนบุคคล แต่ภายหลังที่ได้ดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนประสบความสำเร็จ แล้วเกิดความศรัทธาในใจ ที่ในหลวงทรงเหนื่อยกว่าใครในการรักษาแผ่นดินให้คนไทยได้อยู่อย่างสบาย "ผมจึงเล็งเห็นว่า เมื่อแผ่นดินไม่ใช่ของเรา ถนนนี้ก็ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของในหลวงพระองค์ท่าน จึงเปิดถนนและเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งนับเป็นถนนแรกในประเทศไทยที่ใช้ชื่อนี้ โดยคนในซอยสุขุมวิท 24 ต่างยินดีพร้อมใจให้เปลี่ยน และเห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นถนนเรารักในหลวง สิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ทุกคนรักษาความสะอาดในพื้นที่ตัวเองมากขึ้น หรือร่วมใจกันทำในสิ่งดีที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองและส่วนรวม"
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,964 | 2 |
เดิมซอยสุขุมวิท 24 เป็นถนนส่วนบุคคล แต่เปิดถนนและเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแต่พระสังฆราชใช่หรือไม่
|
ถนนเรารักในหลวง ถนนเรารักในหลวง () หรือซอยสุขุมวิท 24 (Thanon Sukhumvit 24) ตั้งอยู่ในช่วงปากซอยสุขุมวิท 24 ฝั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส มาถึงทางแยกไปซอยสุขุมวิท 22 โดยสงวนสิทธิ์ให้เป็นของแผ่นดิน ที่มาของชื่อถนนแห่งนี้ เริ่มต้นจากนายธานินทร์ พันธ์ประภากิจ ประธานบริษัท ทาสของแผ่นดิน จำกัด ในฐานะเจ้าของซอยสุขุมวิท 24 และโรงแรมเพรสซิเดนท์ ปาร์ค ได้เปิดเผยว่าเดิมซอยสุขุมวิท 24 เป็นถนนส่วนบุคคล แต่ภายหลังที่ได้ดำเนินชีวิตตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จนประสบความสำเร็จ แล้วเกิดความศรัทธาในใจ ที่ในหลวงทรงเหนื่อยกว่าใครในการรักษาแผ่นดินให้คนไทยได้อยู่อย่างสบาย "ผมจึงเล็งเห็นว่า เมื่อแผ่นดินไม่ใช่ของเรา ถนนนี้ก็ไม่ใช่ของเรา แต่เป็นของในหลวงพระองค์ท่าน จึงเปิดถนนและเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งนับเป็นถนนแรกในประเทศไทยที่ใช้ชื่อนี้ โดยคนในซอยสุขุมวิท 24 ต่างยินดีพร้อมใจให้เปลี่ยน และเห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็นถนนเรารักในหลวง สิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่ทุกคนรักษาความสะอาดในพื้นที่ตัวเองมากขึ้น หรือร่วมใจกันทำในสิ่งดีที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองและส่วนรวม"
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,965 | 2 |
ที่หยุดรถไฟถ้ำกระแซ ตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี และเป็นที่หยุดรถของทางรถไฟสายมรณะใช่หรือไม่
|
ที่หยุดรถไฟถ้ำกระแซ ที่หยุดรถไฟถ้ำกระแซ ตั้งอยู่ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่หยุดรถ ของทางรถไฟสายมรณะ บริเวณสะพานถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานไม้เลียบหน้าผาที่มีความยาวกว่า 450 เมตร โดยตัวสถานีนี้แบ่งออกเป็นสามส่วนคือ1. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 1 (สวนไทรโยค และตัวสถานีเก่า) 2. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 2 (สะพานถ้ำกระแซ) 3. ที่หยุดรถถ้ำกระแซ ส่วนที่ 3 (ย่านร้านค้า และตัวสถานีใหม่)ตารางเวลาการเดินรถเที่ยวขึ้นเที่ยวล่องข้อมูลจำเพาะข้อมูลจำเพาะ. - รหัส : 4072 - ชื่อภาษาไทย : สะพานถ้ำกระแซ - ชื่อภาษาอังกฤษ : Saphan Tham Krasae - ชื่อย่อภาษาไทย : ถก - ชื่อย่อภาษาอังกฤษ : - ชั้นสถานี : ระบบท่องเที่ยว - ระบบอาณัติสัญญาณ : สะพาน - พิกัดที่ตั้ง : กม. 173.87 - ที่อยู่ : ไทรโยค
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,966 | 2 |
กงหรา เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสงขลา ซึ่งห่างจากตัวเมืองพัทลุง 42 กิโลเมตรใช่หรือไม่
|
อำเภอกงหรา กงหรา เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพัทลุง ห่างจากตัวเมืองพัทลุง 42 กิโลเมตร การเดินทางใช้ ถนนเพชรเกษมจากสี่แยกเอเชียมาทางทิศตะวันตกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4122 ที่บ้านคลองหมวย อำเภอศรีนครินทร์ที่ตั้งและอาณาเขต ที่ตั้งและอาณาเขต. อำเภอกงหราตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอศรีนครินทร์และอำเภอเมืองพัทลุง - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเมืองพัทลุงและอำเภอเขาชัยสน - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอตะโหมด และอำเภอปะเหลียน (จังหวัดตรัง) - ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอปะเหลียนและอำเภอย่านตาขาว (จังหวัดตรัง)ประชากร ประชากร. ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยถิ่นใต้ ใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ในการสื่อสาร ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 55 และนับถือศาสนาพุทธร้อยละ 45 ประเพณีของชาวกงหราก็มีความแตกต่างกันตามศาสนาเช่น การแต่งงานแบบอิสลาม การสุหนัต การฝังศพ ส่วนชาวพุทธก็มีการบวช งานชิงเปรต เป็นต้น แต่ชาวกงหราแม้จะต่างศาสนากันแต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขการแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. อำเภอกงหราแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 5 ตำบล 45 หมู่บ้าน ได้แก่การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. ท้องที่อำเภอกงหราประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่- เทศบาลตำบลชะรัด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลชะรัดทั้งตำบล - เทศบาลตำบลกงหรา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกงหราทั้งตำบล - เทศบาลตำบลคลองทรายขาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองทรายขาวทั้งตำบล - เทศบาลตำบลสมหวัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสมหวังทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลคลองเฉลิม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคลองเฉลิมทั้งตำบล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,967 | 2 |
พระเจ้าฟรองซัวที่ 1 ทรงเริ่มนโยบายกดขี่โรมันคาทอลิกใน ค.ศ. 1534 เมื่อกลุ่มต่อต้านติดโปสเตอร์ขัดขวางจึงทรงกริ้วมากใช่หรือไม่
|
สงครามศาสนาของฝรั่งเศส สงครามศาสนาของฝรั่งเศส (French Wars of Religion) เป็นสงครามกลางเมืองฝรั่งเศส ระหว่างค.ศ. 1562 ถึง ค.ศ. 1598 ระหว่างฝ่ายคาทอลิก นำโดยตระกูลกีส (Guise) กับกลุ่มอูเกอโนต์ (Huguenots) หรือโปรเตสแตนต์ในฝรั่งเศส นำโดยตระกูลบูร์บง ผลคือฝรั่งเศสเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่จากราชวงศ์วาลัวส์ เป็นราชวงศ์บูร์บง และเสรีภาพทางศาสนาของผู้นับถือโปรเตสแตนต์ในฝรั่งเศสตามพระราชกฤษฎีกาแห่งนองซ์ออกโดยพระเจ้าอองรีที่ 4เหตุสงคราม เหตุสงคราม. พระเจ้าฟรองซัวที่ 1 ทรงเริ่มนโยบายกดขี่โปรเตสแตนต์ใน ค.ศ. 1534 เมื่อกลุ่มโปรเตสแตนต์ติดโปสเตอร์ต่อต้านโรมันคาทอลิกในห้องพระบรรทมของพระองค์ ซึ่งทำให้พระเจ้าฟรองซัวกริ้วมาก ทำให้ฌ็อง กาลแว็ง (Jean Calvin) นักปฏิรูปศาสนาชาวฝรั่งเศส ผู้ก่อตั้งนิกายคัลแวง ต้องหลบหนีไปสวิตเซอร์แลนด์ แต่นิกายคัลแวงเริ่มเป็นที่นับถือในบรรดาขุนนางชั้นสูงและปัญญาชน แม้จำนวนจะไม่มากแต่ด้วยอำนาจของกลุ่มคนเหล่านี้ทำให้โปรเตสแตนต์หรือที่ฝ่ายโรมันคาทอลิกตั้งฉายาให้ว่าอูเกอโนต์ เริ่มจะมีปากมีเสียงในสังคมและการเมือง พระเจ้าอองรีที่ 2 สิ้นพระชนม์ระหว่างการประลองดาบในการทำสนธิสัญญากาโต-กังเบรซี พระเจ้าฟรองซัวที่ 2 พระราชโอรสขึ้นครองราชย์ต่อมา พระเจ้าฟรองซัวทรงอภิเษกกับราชินีมารีที่เพิ่งหลบหนีมาจากสกอตแลนด์เพราะถูกอังกฤษโจมตีพระปิตุจฉาฟรองซัวดยุคแห่งกีส เข้ามามีอำนาจปกครองบ้านเมือง ตระกูลกีสเป็นตระกูลที่โรมันคาทอลิกที่เคร่งครัดและต่อต้านโปรเตสแตนต์อย่างรุนแรง ในปี ค.ศ. 1560 บรรดาขุนนางต้องการขับตระกูลกีสจากอำนาจ โดยการวางแผนล้มล้างที่เรียกว่า การคบคิดที่อังบัวส์ (The Conspiracy of Amboise) แต่ถูกจับได้ บรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดจึงถูกกลาดล้าง โดยเฉพาะเจ้าชายแห่งกงเด (Prince of Condé) ตระกูลบูร์บงแต่ถูกปล่อยตัว ปีเดียวกันพระเจ้าฟรองซัวส์สิ้นพระชนม์ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 9 ขึ้นครองราชย์แต่ยังพระเยาว์ พระราชินีแคทเธอรีน เดอ เมดีชีพระมารดาจึงทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทน พระนางทรงพยายามทุกวิถีทางที่จะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ระหว่างตระกูลกีสผู้ฝ่ายโรมันคาทอลิกและตระกูลบูร์บงฝ่ายอูเกอโนต์ พระราชินีแคทเธอรินทรงให้เสรีภาพทางศาสนาแก่กลุ่มอูเกอโนต์โดยผ่านพระราชกฤษฎีกาแซงต์-เยอร์แมง ในค.ศ. 1562 เพื่อคานอำนาจตระกูลกีส ตระกูสกีสไม่พอใจและพยายามกดดันให้พระองค์ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาสงคราม สงคราม. สงครามศาสนาฝรั่งเศสจึงปะทุ เจ้าชายแห่งกงเดถูกฝ่ายกีสจับ ฝ่ายบูร์บงจับดยุคแห่งมองต์โมแรงซี ในค.ศ. 1563 ดยุคฟรองซัวส์แห่งกีสถูกลอบสังหาร จนพระราชินีแคทเธอรีนต้องเจรจาสงบศึกและผ่านพระราชกฤษฎีกาอ็องบวซในปีเดียวกัน แต่พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งสเปนเริ่มสะสมกำลังทหารตามชายแดน ทั้งทางสเปนและแคว้นเบอร์กันดี ซึ่งขณะนั้นเป็นของสเปน ทำให้ฝ่ายอูเกอโนต์ไม่พอใจและทำให้เกิดสงครามอีกครั้ง แต่ไม่มีการแพ้ชนะกันอย่างเด็ดขาดจนเกิดการเจรจาสันติภาพที่ลองจูโมในค.ศ. 1568 แต่สงครามก็ยังเกิดขึ้นอีกครั้ง ครั้งประเทศต่างๆในยุโรปเข้าร่วมด้วย ฝ่ายโรมันคาทอลิกนำโดยตระกูลกีสและดยุคแห่งอองชูได้รับการสนับสนุนโดยพระราชินีแคทเธอรินเพราะทรงเห็นว่าตระกูลกีสมีอำนาจเกินต้านทาน รวมทั้งพระเจ้าฟิลิปแห่งสเปนและพระสันตปาปา ฝ่ายโปรเตสแตนต์นำโดยเจ้าชายแห่งกงเดได้พระนางเอลิซาเบทที่ 1 แห่งอังกฤษและเจ้าครองแคว้นที่ถือนิกายคัลแวงในเยอรมนี ในค.ศ. 1569 เป็นฝ่ายสนับสนุน กงเดสิ้นชีวิตในสนามรบ นายพลกาสปาร์ด เดอ โคลิญญีนำแทน จนค.ศ. 1570 ทั้งสองฝ่ายสงบศึกกันในสันติภาพแซงต์-เยอร์แมง-เอิง-ลาย นายพลกาสปาร์ด เดอ โคลิญญีเป็นทหารที่มีอำนาจแต่เป็นอูเกอโนต์ พระราชินีแคทเธอรินทรงเกรงในอำนาจของโคลิญญี ในค.ศ. 1572 เจ้าหญิงมาร์เกอรีตแห่งวาลัวส์ พระธิดาของพระราชินีแคทเธอรีนก็อภิเษกกับพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ตระกูลบูร์บงที่เป็นอูเกอโนต์ กลุ่มอูเกอโนต์จำนวนมากมาร่วมงานอภิเษก อองรีดยุคแห่งกีสบุกเข้าพยายามสังหารโคลิญญี และออกไล่สังหารกลุ่มอูเกอโนต์ในปารีสทั้งหมดอย่างโหดร้าย ทำให้ปารีสเกิดกลียุค เรียกว่า การสังหารหมู่วันเซนต์บาร์โธโลมิว และเมืองอื่นๆในฝรั่งเศสก็เอาอย่างปารีสโดยการไล่สังหารฝ่ายอูเกอโนต์เช่นกัน เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดสงครามอีกครั้ง ฝ่ายอูเกอโนต์คราวนี้เสียเปรียบ แต่ในค.ศ. 1573 ดยุคแห่งอองชูทรงได้รับเลือกให้เป็นกษัตริย์แห่งโปแลนด์ ฝ่ายคาทอลิกในฝรั่งเศสจึงขาดผู้นำ จนกฤษฎีกาแห่งบูโลญ ลิดรอนสิทธิของฝ่ายอูเกอโนต์ไปมาก ที่ระบุอนุญาตให้ประกอบพิธีกรรมเฉพาะในบางเมืองและในที่อยู่อาศัยเท่านั้น และห้ามการประชุมกันที่เกินสิบคน หลังจากพระเชษฐาพระเจ้าชาร์ลที่ 9 เสด็จสวรรคต ดยุคแห่งอองชูก็ทรงสละบัลลังก์โปแลนด์และกลับมาขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอองรีที่ 3 ในค.ศ. 1575 พระองค์ทรงผ่านพระราชกฤษฎีกาแห่งโบลิเออกอบกู้สถานะของพวกอูเกอโนต์ ที่ทำให้ดยุคอองรีแห่งกีสไม่พอใจ ตั้งสันนิบาตโรมันคาทอลิกภายใต้การสนับสนุนของสเปน กดดันให้พระเจ้าอองรีเลิกสิทธิของฝ่ายอูเกอโนต์ในสนธิสัญญาแบร์เยอรัค ในค.ศ. 1584 ฟรองซัวดยุคแห่งอังชู พระอนุชาของพระเจ้าอองรีและรัชทายาทพระองค์เดียว สิ้นพระชนม์ ทำให้บัลลังก์ตกเป็นของพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ที่เป็นอูเกอโนต์ ในค.ศ. 1584 ดยุคแห่งกีสทำสนธิสัญญาชวงวิลล์ กับพระเจ้าฟิลิปแห่งสเปน ว่าสเปนจะช่วยสันนิบาตโรมันคาทอลิกอย่างจริงจัง ในค.ศ. 1588 ชาวปารีสที่เป็นโรมันคาทอลิกรวมขบวนประท้วงขับไล่พระเจ้าอองรีที่ 3 ออกจากเมือง เพราะทรงผ่อนปรนฝ่ายอูเกอโนต์ ทำให้ตระกูลกีสเข้ามามีอำนาจในปารีส พระเจ้าอองรีที่ 3 จึงทรงหลอกล่อให้ดยุคอองรีแห่งกีสมาเฝ้าและทรงสั่งให้รุมสังหาร ชาวฝรั่งเศสที่เป็นโรมันคาทอลิกโกรธแค้นพระเจ้าอองรี พระองค์จึงทรงหลบหนีไปหาพระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ มอบบัลลังก์ให้ ทั้งฝ่ายคาทอลิก ที่มีฐานทางเหนือและตะวันออกของประเทศ และฝ่ายโปรเตสแตนต์ ที่มีฐานทางตะวันตกและใต้ ทำสงครามสามเฮนรี ในค.ศ. 1589 พระเจ้าอองรีที่ 3 ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าอองรีแห่งนาวาร์ทรงได้รับชัยชนะและบุกขึ้นไปถึงทางเหนือ แต่ไม่อาจยึดปารีสได้จนพระองค์ทรงอุทานว่า Paris vaut bien une masse. (ปารีสช่างมีค่าเหลือเกิน) ทรงเข้ารีตเป็นโรมันคาทอลิกใน ค.ศ. 1593 ชาวปารีสจึงยอมให้เข้าเมืองแต่โดยดี อองรีแห่งนาวาร์ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอองรีที่ 4 เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์บูร์บง ในค.ศ. 1598 พระเจ้าอองรีที่ 4 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาแห่งนองซ์ ให้เสรีภาพทางศาสนาแก่พวกอูเกอโนต์ทุกประการ และเจรจาสงบศึกกับสเปนในสนธิสัญญาแวร์แวงส์ สงครามศาสนาฝรั่งเศสเป็นอันสิ้นสุดข้อมูลเพิ่มเติมข้อมูลเพิ่มเติม. - ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส - การสังหารหมู่วันเซนต์บาโทโลมิว
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,968 | 2 |
ทัชสโตนพิกเจอส์ ซึ่งก่อตั้งในปี ค.ศ. 1988 เป็น 1 ในค่ายหนังของเดอะวอลต์ดิสนีย์ใช่หรือไม่
|
ทัชสโตนพิกเจอส์ ทัชสโตนพิกเจอส์ () ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1984 เป็น 1 ในค่ายหนังของเดอะวอลต์ดิสนีย์ ออกภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาโตกว่าที่ออกภายใต้วอลต์ดิสนีย์พิกเจอส์ พวกเขายังทำงานร่วมกับสตูดิโอ อาทิเช่น คาราวานพิกเจอส์, ซัมมิตเอนเตอร์เทนเมนต์, เจอร์รีบรัคไฮเมอร์ฟิล์มส, ไอค่อนโพรดักชันส์, อิแมจินเอนเตอร์เทนเมนต์, แมนเดวิลล์ฟิล์มส และ สปายกลาสเอนเตอร์, โฟกัสฟีตเจอส์
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,969 | 2 |
เจ้าหญิงเลอาแห่งเบลเยียม ประสูติเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2494 มีพระนามเดิม เลอา อิงกา ดอรา โพลีมัน ใช่หรือไม่
|
เจ้าหญิงเลอาแห่งเบลเยียม เจ้าหญิงเลอาแห่งเบลเยียม พระนามเดิม เลอา อิงกา ดอรา โวลมัน (; ประสูติ 6 กุมภาพันธ์ 2494) พระชายาในเจ้าชายอาแล็กซ็องดร์แห่งเบลเยียม พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 3 กับเจ้าหญิงลิเลียงแห่งเรธีพระประวัติ พระประวัติ. เจ้าหญิงเลอาประสูติเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2494 เป็นธิดาของซีกิสมุนด์ โวลมัน (Sigismund Wolman) กับลิซา บอร์นชไตน์ (Lisa Bornstein) พระชนนีเป็นชาวเมืองเนือร์นแบร์ก รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน พระองค์สมรสครั้งแรกกับเซอร์เก วิกโตโรวิช สเปตชินสกี (Serge Victorovich Spetschinsky) ในปี 2518 และมีบุตรหนึ่งคนคือ เลติเชีย สเปตชินสกี (Laetitia Spetschinsky; เกิด 2519) และหย่าในปี 2523 ต่อมาในปี 2525 เลอาได้สมรสใหม่กับรอแบร์ บิชารา (Robert Bichara) และมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน คือ เรอโนด บิชารา (Renaud Bichara; เกิด 2526) หลังจากการหย่ากับรอแบร์ บิชารา เธอได้เสกสมรสอย่างลับกับเจ้าชายอาแล็กซ็องดร์แห่งเบลเยียม เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2534 ที่มณฑลซัฟฟอล์ก สหราชอาณาจักร แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ถูกเปิดเผยตั้งแต่ปี 2529 โดยเลออน มันเดอเลียร์ (Léon Mundeleer) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเบลเยียม ว่าเจ้าชายอาแล็กซ็องดร์ถามถึงการเสด็จไปโรงภาพยนตร์กับเลอา และออกเดทอย่างรื่นรมย์ด้วยการเสวยพระกระยาหาร ซึ่งถือเป็นการออกเดทกับพระชายาในอนาคต ทั้งสองพระองค์ไม่มีพระโอรสร่วมกัน รวมไปถึงความสัมพันธ์ก็ถูกเก็บเป็นความลับจนถึงหลังปี 2541 ซึ่งดูเหมือนว่าเจ้าชายทรงเกรงว่าเจ้าหญิงลิเลียงแห่งเรธี พระชนนีจะทรงปฏิเสธความสัมพันธ์ของทั้งสอง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเสกสมรสของเจ้าชายอาแล็กซ็องดร์ถือว่าเป็นการละเมิดกฎมนเทียรบาลของราชวงศ์เบลเยียมข้อที่ 85 ว่าด้วยการเสกสมรสของผู้สืบสันดานจากสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 1 ที่มิได้รับการอนุญาตจากองค์อธิปัตย์แห่งรัฐ ในปี 2551 พระองค์ได้ทำการตีพิมพ์หนังสือพระประวัติส่วนพระองค์ของครอบครัวของพระองค์และสวามี ที่มีชื่อว่า Le Prince Alexandre de Belgique เพราะพระสวามีมิไคร่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายในเบลเยียม
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,970 | 2 |
กีฬาเขตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 เป็นการแข่งขันกีฬาชนิดเดียวระดับประเทศของประเทศไทยใช่หรือไม่
|
กีฬาเขตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 กีฬาเขตแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 3 หรือ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 3 เป็นการแข่งขันกีฬาหลายชนิดระดับประเทศของประเทศไทย การแข่งขันครั้งนี้จัดที่จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 24 – 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2516 มีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากเขตต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วมการแข่งขันประมาณ 1,800 คน มีการแข่งขันกีฬา 11 ชนิดกีฬา คือ กรีฑา แบดมินตัน บาสเกตบอล มวยสากลสมัครเล่น จักรยาน ฟุตบอล ลอนเทนนิส เซปักตะกร้อ ยิงปืน เทเบิลเทนนิส วอลเลย์บอล การจัดการแข่งขันกีฬาครั้งนี้ทำให้ประชาชนทางภาคใต้สนใจกีฬา และเข้าร่วมการแข่งขันมากเป็นประวัติการณ์ จนที่นั่งบนอัฒจันทร์ที่จัดสร้างไว้โดยรอบไม่พอเพียงกับจำนวนผู้เข้าชม นับว่าการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้ผลในการส่งเสริมกีฬา โดยเฉพาะในภาคใต้เป็นอย่างยิ่งจังหวัดที่ร่วมแข่งขันชนิดกีฬาที่ใช้ในการแข่งขันชนิดกีฬาที่ใช้ในการแข่งขัน. - กรีฑา - แบดมินตัน - บาสเกตบอล - มวยสากลสมัครเล่น - จักรยาน - ฟุตบอล- เทนนิส - เซปักตะกร้อ - ยิงปืน - เทเบิลเทนนิส - วอลเลย์บอลสรุปเหรียญรางวัล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,971 | 2 |
วิลเลี่ยม เฮนรี่ เมเรดิธ หรือชื่อในวงการคือ บิลลี่ เมเรดิธเป็นนักฟุตบอลซุปเปอร์สตาร์ ที่ได้รับฉายารองเท้าพ่อมดคนแรกใช่หรือไม่
|
บิลลี เมเรดิท วิลเลี่ยม เฮนรี่ เมเรดิธหรือชื่อในวงการคือบิลลี่ เมเรดิธ เป็นนักฟุตบอลระดับซุปเปอร์สตาร์ในยุคแรกๆ ได้รับรางวัลอย่างมากมายจากอาชีพนักฟุตบอลและเป็นผู้ได้รับฉายาปีกพ่อมดคนแรก โดยเขาเล่นให้ทีมชาติเวลส์ 48นัด ยิงได้11ประตู รวมถึงเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นที่มีอายุมากที่สุดในการลงเล่นให้ทีมชาติเวลส์ (45 ปี 229 วัน) เมเรดิธจัดเป็นนักเตะระดับตำนานของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในตำแหน่งปีกขวาและเป็นนักฟุตบอลยุคแรกๆที่ย้ายข้ามฟากไปเล่นให้ทีมร่วมเมืองของสโมสรต้นสังกัดประวัติ ประวัติ. บิลลี่ เมเรดิธ เกิดเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ค.ศ.1874 ที่ย่านแบล็ค ปาร์กในเมืองเชิร์คซึ่งเป็นเมืองเล็กๆในเวลส์อาชีพแรกของเขาเริ่มที่เหมืองถ่านหินแบล็ค ปาร์ค โดยเขาทำงานเป็นคนขี่ม้าสำหรับใช้ในเหมืองช่วงเริ่มต้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงเริ่มต้นกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้. บิลลี่เข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในเดือนตุลาคม ปีค.ศ.1894 โดยไม่ทราบค่าตัวแน่ชัดและลงสนามนัดแรกพบทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดในเดือนเดียวกันนั่นเอง แม้ทีมจะแพ้ 5-4 แต่อีกสัปดาห์ต่อมาเขาก็เริ่มฉายแววตำนานแห่งเมืองแมนเชสเตอร์ด้วยการยิง2ประตูใส่ทีมนิวตัน ฮีธ(ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)ในดาร์บี้แมตช์ครั้งแรกของเขา และเพียงไม่นานเขาก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลฝั่งซิตี้ด้วยลีลาการเล่นที่เน้นการใช้ความเร็วสูง และการล่อหลอกกองหลังฝั่งตรงข้าม และติดทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 1895 ฤดูกาล1898-1899 เขายิงได้29ประตู โดยเป็นแฮตทริกถึง4ครั้ง และพาสโมสรเลื่อนชั้นในฐานะแชมป์ดิวิชั่น2 (ปัจจุบันคือลีกแชมเปี้ยน ชิพ)ได้สำเร็จ ปีแรกในลีกสูงสุดของเขาและสโมสรไม่ง่ายนักเมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้จบฤดูกาลด้วยอันดับ8 และตกไปอยู่ที่11ในฤดูกาล1900-1901 เมื่อจบฤดูกาลแซม โอเมร็อดผู้จัดการทีมก็ตัดสินใจขาย โจ แคสซิดี้ ดาวซัลโว14ประตู ของทีมให้มิดเดิลสโบรช์ไปในราคา 75ปอนด์ ฤดูกาล 1901-1902 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็ถึงคราวตกชั้นจากลีกสูงสุด แซม โอเมร็อดลาออกจากตำแหน่งและถูกแทนที่ด้วย ทอม มาลี่ย์อดีตผู้เล่นของเปรสตันซึ่งกลายมาเป็นกุนซือคนใหม่ ช่วงปรีซีซั่น มาลี่ย์ตัดสินใจสร้างทีมขึ้นใหม่โดยใช้ดาวเด่นของทีม คือบิลลี่ กิลเลสพีและบิลลี่ เมเรดิธและฤดูกาลนั้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์ดิวิชั่น 2ได้อีกครั้งหลังจบฤดูกาล1902-1903 โดยทีมยิงประตูได้มากถึง95ประตูใน34นัด และบิลลี่ กิลเลสพีเป็นดาวซัลโวของทีมโดยยิง30ประตู ส่วนเมเรดิธยิงประตูในฤดูกาลนั้นจากตำแหน่งกองกลางถึง23ประตู ฤดูกาล 1903-1904 หลังเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาแมนเชสเตอร์ ซิตี้สร้างผลงานอันน่าตื่นตะลึงเมื่อคว้าตำแหน่งรองแชมป์ลีกสูงสุด และคว้าแชมป์เอฟเอคัพหลังจากชนะโบลตัน วันเดอเรอร์สในนัดชิงชนะเลิศ 1-0 โดยบิลลี่ เมเรดิธคือผู้ยิงประตูเดียวของเกมส์และเขายังเป็นกัปตันทีมในนัดดังกล่าวอีกด้วย ฤดูกาล 1904-1905แมนเชสเตอร์ ซิตี้จัดเป็นหนึ่งในทีมตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ นัดสุดท้ายของฤดูกาลทีมต้องการชัยชนะเหนือแอสตัน วิลล่า แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อทีมแพ้ไป3-1 และได้เพียงอันดับ3 ตามหลังนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดทีมที่ได้แชมป์แค่2แต้ม หลังจบเกมส์นัดดังกล่าวอเล็กซ์ ลีคผู้เล่นทีมชาติอังกฤษซึ่งเป็นกัปตันทีมของแอสตัน วิลล่ากล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า บิลลี่ เมเรดิธจ้างวานเขาเป็นเงิน 10ปอนด์ในสมัยนั้นเพื่อล้มบอล และแม้บิลลี่จะต่อสู้ข้อกล่าวหาแต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษก็สั่งปรับเงินและแบนตัวเขาและสโมสรถึง18เดือนย้ายสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ย้ายสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด. เมื่อพ้นข้อกล่าวหาบิลลี่ย้ายทีมอย่างช็อควงการฟุตบอลอังกฤษด้วยการย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคู่ปรับร่วมเมืองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ด้วยค่าตัว 500ปอนด์ภายใต้การคุมทีมของ เออร์เนสต์ มังก์นัลล์ ผู้จัดการทีมกิตติมศักดิ์คนแรกของสโมสร โดยลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนัดแรกในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1907ซึ่งทีมชนะแอสตันวิลล่า 1-0 จากประตูของแซนดี้ เทิร์นบูลล์ซึ่งมาจากลูกเปิดของบิลลี่ เมเรดิธ โดยทั้งฤดูกาลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้ไปเพียงแค่4นัดเท่านั้นและจบฤดูกาล 1906-1907ด้วยอันดับ8 โดยเมเรดิธลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดฤดูกาลแรก16นัดและยิง5ประตู ฤดูกาล1907-1908แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต้นอย่างยอดเยี่ยมด้วยการชนะ3นัดรวด ก่อนจะมาแพ้มิดเดิลสโบรช์ 2-1อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้ในนัดนั้นตามมาด้วยชัยชนะอีก10นัด และถึงจะแพ้ลิเวอร์พูลในวันที่ 25มีนาคม 1908 ถึง7-4 แต่เมื่อจบฤดูกาลทีมก็คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกของสโมสร บิลลี่ยิงไป10ประตูในฤดูกาลนั้น และเขาสามารถสร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้เพื่อนร่วมทีมมากมายเช่นแซนดี้ เทิร์นบูลล์ยิงได้ถึง25ประตูและจอร์จ วอลล์ยิงไป19ประตู ปี 1908 เมเรดิธต้องประสบปัญหาทางการเงิน เมื่อเกิดเพลิงใหม้ที่ร้านขายอุปกรณ์กีฬาของเขาซึ่งเขาไม่ได้รับเงินประกัน และต้องต่อสู้กับการล้มละลายอยู่นาน ฤดูกาล1910-1911 เออร์เนสต์ มังก์นัลล์ ผู้จัดการทีมคว้าตัว อีนอค เวสต์มาจากน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งเวสต์เป็นนักเตะที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับแซนดี้ เทิร์นบูลล์เพื่อนสนิทของบิลลี่ เมเรดิธ และเมเรดิธก็สนับสนุนทั้ง2เป็นอย่างดี เมื่อเขาสร้างสรรค์การทำประตูให้เพื่อนร่วมทีมอย่างมากมายโดยฤดูกาลนั้นเวสต์ยิงไป20ประตูและเทิร์นบูลยิงไป19ประตู ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องแย่งแชมป์กับแอสตัน วิลล่า ซึ่งทั้ง2ทีมมีแต้มห่างกันแค่แต้มเดียว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องเปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดพบกับทีมอันดับ3อย่างซันเดอร์แลนด์ ขณะที่แอสตัน วิลล่าต้องพบกับลิเวอร์พูล หลังจบเกมส์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชนะไป5-1 และกองเชียร์ก็พากันลงมาในสนามเพื่อรอลุ้นผลที่แอนด์ฟิลด์ และในที่สุดกองเชียร์ปีศาจแดงก็ได้ดีใจกันจนตัวลอยเมื่อรู้ว่าทีมได้แชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้ง เพราะวิลล่าออกไปแพ้ 3-1 ทำให้สโมสรเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่2ในรอบ4ปี และเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งที่2ของบิลลี่ เมเรดิธ ปีค.ศ.1915 ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1ได้ส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลทำให้การแข่งขันฟุตบอลในประเทศต้องหยุดลง และบิลลี่ต้องหยุดเล่นฟุตบอลเนื่องจากภัยสงคราม เมื่อสงครามสงบลงบิลลี่ เมเรดิธในวัยล่วงเลย40ปีก็กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้งในปี 1919 แต่ด้วยอายุที่มากขึ้นทำให้ฟอร์มของเขาไม่สุดยอดเหมือนเมื่อก่อนกลับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับแมนเชสเตอร์ ซิตี้. ปีค.ศ. 1921 บิลลี่ เมเรดิธในวัย47ปี ย้ายกลับมาแมนเชสเตอร์ ซิตี้อีกครั้งเพื่อที่จะยุติการค้าแข้งของเขาที่นั่น โดยก่อนหน้านั้นเขาได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้เล่นทีมชาติเวลส์ที่มีอายุมากที่สุดที่ 45 ปีและเป็นเจ้าของสถิติผู้เล่นอายุมากที่สุดตลอดกาลของเอฟเอ คัพเมื่อลงเล่นในรอบรองชนะเลิศขณะมีอายุถึง49ปี 245วัน ในแมตช์ที่พบกับนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดและถือเป็นแมตช์สุดท้ายของเขา โดยเขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการเมื่อจบฤดูกาล 1923-1924 ทีมของเขาจบด้วยอันดับที่11ของตาราง และเขาทำสถิติลงสนามให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้เกินกว่า390นัด ยิงได้เกือบ150ประตู เอกลักษณ์เฉพาะตัวของบิลลี่ที่คนพูดถึงมากก็คือการที่เขาชอบคาบไม้จิ้มฟันลงไปในสนามอยู่เสมอเสียชีวิต เสียชีวิต. บิลลี่ เมเรดิธเสียชีวิตที่บ้านของตัวเองในเมืองแมนเชสเตอร์ในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1958ที่ ขณะมีอายุ 83ปีผลงานผลงาน. - แชมป์ ดิวิชั่น2เดิม ฤดูกาล 1898-1899,1902-1903 (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - รองแชมป์ ลีกสูงสุด 1903-1904 (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - แชมป์ เอฟเอ คัพ ปี1904(แมนเชสเตอร์ ซิตี้) - แชมป์ ลีกสูงสุด ฤดูกาล 1907-1908 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - แชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ ปี 1908(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - แชมป์ เอฟเอ คัพ ปี1909 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - แชมป์ ลีกสูงสุด ฤดูกาล 1910-1911 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) - แชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ ปี 1911(แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,972 | 2 |
บอดี้สแลม เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติไทยจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 ใช่หรือไม่
|
บอดี้สแลม บอดี้สแลม () เป็นวงดนตรีร็อกสัญชาติไทยจากกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2545 เป็นวงดนตรีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย สมาชิกวงที่เป็นที่รู้จักกันดีจากวงนี้คือ นักร้องนำของวง อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) โดยเพลงส่วนใหญ่ได้อิทธิพลมาจากดนตรีร็อกจากฝั่งสหรัฐอเมริกาในยุคต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ผสมผสานกับดนตรีแนวโปรเกรสซีฟร็อก บอดี้สแลมประสบความสำเร็จกับอัลบั้มชุดแรกของวง ซึ่งมีชื่ออัลบั้มเป็นชื่อเดียวกันกับวง หลังจากนั้นก็ได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดต่อมา ไดรฟ์ ในปี พ.ศ. 2546 และตามด้วยการออกงานแสดงคอนเสิร์ต หลังจากที่ได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส บอดี้สแลมก็ได้ออกอัลบั้ม บีลีฟ เซฟมายไลฟ์ และอัลบั้ม คราม ตามลำดับ โดยจากผลสำรวจของเอแบคโพล บอดี้สแลมเป็นวงดนตรีที่เป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดอันดับ 1 ทั้งในปี พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2555 และอัลบั้มชุดล่าสุดมีชื่อว่า ดัม-มะ-ชา-ติ ออกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2557 จากนั้นก็ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่ทั่วประเทศไทยชื่อว่า ปรากฏการณ์ดัมมะชาติประวัติช่วงแรกของวง (2539–2541) ประวัติ. ช่วงแรกของวง (2539–2541). บอดี้สแลมเริ่มต้นด้วยวง ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2539 วงได้ชนะการประกวดวงดนตรี Hot Wave Music Award และได้ออกจำหน่ายอัลบั้มกับค่ายมิวสิก บั๊กส์ ในชื่อ ละอ่อน ในปี พ.ศ. 2540 ด้วยแนวเพลงป็อปร็อก เพลงหนึ่งในอัลบั้ม "ได้หรือเปล่า" เป็นเพลงที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของวง ต่อมา ตูน กับ เภา ออกจากวงไป และได้ปั้น(Basher) มาร้องนำ ได้ออกอัลบั้มชุดที่สอง เทพนิยายนายเสนาะ ในปี พ.ศ. 2541 แต่หลังจากนั้นวงก็ได้แยกย้ายกันไปเรียนต่ออัลบั้ม บอดี้สแลม และ ไดรฟ์ (2545–2547) อัลบั้ม บอดี้สแลม และ ไดรฟ์ (2545–2547). วงกลับมาอีกครั้งประมาณปี พ.ศ. 2545 ด้วยชื่อใหม่ บอดี้สแลม ซึ่งมีเปลี่ยนแนวเพลงไปเป็นร็อกที่หนักหน่วงมากขึ้น ด้วยสมาชิกเพียงสามคนที่เหลืออยู่ ได้แก่ นักร้องนำ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย มือเบส ปิ๊ด ธนดล ช้างเสวก และมือกีตาร์ เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ วงอธิบายว่า ที่มาของชื่อนี้มาจากชื่อท่าหนึ่งของมวยปล้ำ แต่ถ้าแปลความหมายตรงตัว บอดี้ แปลว่าร่างกาย สแลม คือการทุ่ม เมื่อมารวมกันเป็น บอดี้สแลม ก็จะหมายถึง การทุ่มสุดตัว คือการทำงานเพลงกันเต็มที่แบบทุ่มสุดตัว วงได้ออกจำหน่ายอัลบั้มชุดแรกของวงชื่อว่า บอดี้สแลม ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2545 และได้ประสบความสำเร็จ โดยมีเพลงฮิตอย่าง "งมงาย" "ย้ำ" และ "สักวันฉันจะดีพอ" ต่อมาได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มชุดที่สอง ไดร์ฟ (Drive) ในปี พ.ศ. 2546 เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเท่ากันกับอัลบั้มชุดแรก โดยมีเพลงฮิตอย่าง "ปลายทาง" "ความซื่อสัตย์" "ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่" และ "หวั่นไหว" และได้ชนะรางวัลมิวสิกวิดีโอในสาขา "กลุ่มศิลปินที่เป็นที่ชื่นชอบ" ในมิวสิกวิดีโอของเพลง "ปลายทาง" ในวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2547 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ต HOTWAVE LIVE: BODYSLAM MAXIMUM LIVE จัด ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ทาง 91.5 Hot Wave จัดให้โดยเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกของวง โดยมีศิลปินรับเชิญคือ ปู แบล็คเฮด, อ๊อฟ บิ๊กแอส, และป๊อด โมเดิร์นด็อกอัลบั้ม บีลีฟ (2548–2549) อัลบั้ม บีลีฟ (2548–2549). หลังจากอัลบั้มที่สอง บอดี้สแลมได้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย วงได้ออกจากค่ายมิวสิก บั๊กส์และได้เซ็นสัญญากับจีนี่เรคคอร์ดส ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ค่ายเพลงใหญ่ของประเทศไทย ต่อมามือกีตาร์ของวง เภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ ได้ออกจากวงบอดี้สแลม และออกอัลบั้มเดี่ยวในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ในอัลบั้มชื่อ Present Perfect สังกัดค่ายสนามหลวง ทำให้บอดี้สแลมเหลือสมาชิกวงอยู่ 4 คน และได้คว้าตัวมือกีตาร์คนใหม่ คือ ยอด ธนชัย ตันตระกูล และออกสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของวง บีลีฟ (Believe) ในปี พ.ศ. 2548 โดยทางวงประสบความสำเร็จอย่างสูง มีเพลงฮิตอย่าง "ขอบฟ้า" "ห้ามใจ" "ความรักทำให้คนตาบอด" "พูดในใจ" "รักก็เป็นอย่างนี้" "ชีวิตเป็นของเรา" "คนที่ถูกรัก" และ "ความเชื่อ" ซึ่งเพลงนี้ต่อมาได้กลายเป็นเพลงสัญลักษณ์ประจำวงบอดี้แสลมในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตวันคุ้มครองโลกในชื่อ บอดี้สแลมบิลีฟคอนเสิร์ต ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี โดยมีแขกรับเชิญ 2 คน คือ บอย พีซเมกเกอร์ และเภา รัฐพล พรรณเชษฐ์ อดีตมือกีตาร์ของวง ในวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ได้ออกคอนเสิร์ตบิ๊กบอดี้ (Big Body) ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยจัดร่วมกับวงบิ๊กแอส และได้แสดงร่วมกับวงบิ๊กแอสอีกครั้งในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2549 ในคอนเสิร์ตเอ็มร้อยห้าสิบ สุดชีวิตคนไทย ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และยังได้แสดงร่วมกับ โปเตโต้, เสก โลโซ, ลานนา คัมมินส์, และ ไมค์ ภิรมย์พรอัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ (2550–2551) อัลบั้ม เซฟมายไลฟ์ (2550–2551). ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มชุดที่สี่ เซฟมายไลฟ์ (Save My life) มีเพลงฮิตอย่าง "แค่หลับตา" "นาฬิกาตาย" "อกหัก" "เสี้ยววินาที" "คนมีตังค์" และ "ยาพิษ" ทางวงเองได้ออกคอนเสิร์ตใหญ่ในกรุงเทพในต้นเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ในวันที่ 20 – 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 บอดี้สแลมได้ออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลมเซฟมายไลฟ์ ที่อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก โดยมีแขกรับเชิญ ได้แก่ โก้ มิสเตอร์ แซกแมน (Koh Mr.Saxman) ร่วมแสดงในเพลง "นาฬิกาตาย", ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ร่วมแสดงในเพลง "ความเชื่อ" "แม่", ปนัดดา เรืองวุฒิ ร่วมแสดงในเพลง "แค่หลับตา", แอ๊ด คาราบาว ร่วมแสดงในเพลง "ความเชื่อ" "รักต้องสู้", และทีมเชียร์ลีดเดอร์จากมหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมแสดงในเพลง "ท่านผู้ชม" ความสำเร็จจากอัลบั้มใหม่ทำให้วงมีแฟนคลับขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย อัลบั้มเซฟมายไลฟ์ ได้ชนะในสีสันอะวอร์ด ครั้งที่ 20 ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 สาขาศิลปินกลุ่มร็อกยอดเยี่ยม อัลบั้มร็อกยอดเยี่ยม และเพลงร็อกยอดเยี่ยม สำหรับเพลง "ยาพิษ" และได้ออกคอนเสิร์ตในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ในชื่อคอนเสิร์ต EVERY BODYSLAM CONCERT ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ฟักแฟง โน มอร์ เทียร์-ไปรยา มลาศรี ในเพลง "แค่หลับตา" และบุดด้าเบลสอัลบั้ม คราม (2552–2555) อัลบั้ม คราม (2552–2555). ซิงเกิล "คราม" ออกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2552 พร้อมกับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้าของวง คราม ออกจำหน่ายในกลางปี พ.ศ. 2553 (หลังจากเลื่อนไปเป็นมิถุนายน พ.ศ. 2553 จากการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พ.ศ. 2553) อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตอย่าง "คราม" "คิดฮอด" "โทน" "แสงสุดท้าย" "ทางกลับบ้าน" "ความรัก" "สติ๊กเกอร์" "เงา" "ปล่อย" และ "เปราะบาง" วงได้ออกแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ที่เรียกว่า บอดี้สแลมไลฟ์อินคราม ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ด้วยผู้ชมมากกว่า 65,000 คน โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ ศิริพร อำไพพงษ์ ในเพลง "คิดฮอด", อุ๋ย บุดด้าเบลส และฟักกลิ้ง ฮีโร่ ในเพลง "สติ๊กเกอร์", และวงบิ๊กแอส และได้สำเร็จทัวร์ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554 ด้วยคอนเสิร์ต บอดี้สแลมไลฟ์อินลาว : เวิลด์ทัวร์ ที่สนามกีฬาแห่งชาติลาว และในปี พ.ศ. 2555 ได้จัดคอนเสิร์ต บอดี้สแลมนั่งเล่น ที่อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 1 (Impact Exhibition Hall 1) ในวันที่ 10 – 12 กุมภาพันธ์อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ (2556–2560) อัลบั้ม ดัม-มะ-ชา-ติ (2556–2560). สตูดิโออัลบั้มชุดที่หกของวง ดัม-มะ-ชา-ติ (dharmajāti) ในภาษาสันสกฤตหมายถึง "ธรรมชาติ" โดยอัลบั้มนี้จะเน้นไปทางเกี่ยวกับชีวิตและมีแนวเพลงไปทางโพรเกรสซิฟร็อก ออกจำหน่ายในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557 มีเพลงดังอย่าง "เรือเล็กควรออกจากฝั่ง" "ปลิดปลิว" "ดัม-มะ-ชา-ติ" "รักอยู่ข้างเธอ" "ชีวิตยังคงสวยงาม" "ความฝันกับจักรวาล" และ "คิดถึง" และมีกำหนดการออกคอนเสิร์ตบอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ โดยเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกของวง เพื่อสนับสนุนอัลบั้ม โดยเริ่มแสดงตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 – 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 และเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ยุทธนา บุญอ้อม ได้ประกาศยกเลิกทัวร์ บอดี้สแลม ปรากฏการณ์ ดัม-มะ-ชา-ติ ที่เหลือทั้งหมด โดยจัดที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดสุดท้าย ในการจบการแสดงคอนเสิร์ต ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 วงบอดี้แสลมจัดคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตบอดี้สแลมสิบสาม เพื่อครบรอบ 13 ปีของทางวง ที่ริมทะเลสาบเมืองทองธานี โดยมีศิลปินรับเชิญ ได้แก่ อัญชลี จงคดีกิจ ร่วมแสดงในเพลง "รักอยู่ข้างเธอ" และ "แค่หลับตา", วงโมเดิร์นด็อก ร่วมแสดงในเพลง "ปล่อย" "คนที่ถูกรัก" และ "ตาสว่าง", วงลาบานูน ร่วมแสดงในเพลง "ตาสว่าง" "ยาม" และ "ปลิดปลิว", อ๊อฟ-กบ-หมู จากวงบิ๊กแอส ร่วมแสดงในเพลง "งมงาย" "ความรักทำให้คนตาบอด" "ย้ำ" และ "อย่างน้อย", ศิริพร อำไพพงษ์ ร่วมแสดงในเพลง "คิดฮอด", รัฐพล พรรณเชษฐ์ ร่วมแสดงในเพลง "สักวันฉันจะดีพอ" และเพลง "บอดี้สแลม", กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และอุ๋ย บุดด้า เบลส ร่วมแสดงในเพลง "สติ๊กเตอร์" วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ทางวงได้เผยแพร่เพลงใหม่ "เวลาเท่านั้น"อัลบั้ม วิชาตัวเบา (2561–ปัจจุบัน) อัลบั้ม วิชาตัวเบา (2561–ปัจจุบัน). วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 บอดี้สแลมได้เผยแพร่เพลง "ใครคือเรา" เพลงแรกจากอัลบั้มชุดที่ 7 วิชาตัวเบา โดยแสดงสดครั้งแรกที่ลานอัฒจันทร์สยามสแควร์วัน กรุงเทพมหานคร เวลา 18 นาฬิกา พร้อมเผยแพร่มิวสิควิดีโอในเวลาเดียวกันสมาชิกของวงสมาชิกของวง. - สมาชิกปัจจุบัน - อาทิวราห์ คงมาลัย (ตูน) – ร้องนำ, กีตาร์ (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน) - ธนดล ช้างเสวก (ปิ๊ด) – กีตาร์เบส, ร้องประสาน (พ.ศ. 2545–ปัจจุบัน) - ธนชัย ตันตระกูล (ยอด) – กีตาร์ (พ.ศ. 2548–ปัจจุบัน) - สุชัฒติ จั่นอี๊ด (ชัช) – กลอง (พ.ศ. 2548–ปัจจุบัน) (แบกอัพ : พ.ศ. 2546–2547) - โอม เปล่งขำ (โอม) – คีย์บอร์ด, ร้องประสาน (พ.ศ. 2553–ปัจจุบัน) (แบกอัพ : พ.ศ. 2550–2553)- อดีตสมาชิก - รัฐพล พรรณเชษฐ์ (เภา) – กีตาร์, ร้องประสาน (พ.ศ. 2545–2548)- หมายเหตุ - อัลบั้มที่ 2 ชัชเป็นมือกลองแบกอัพ และตั้งแต่อัลบั้มที่ 3 จนถึงปัจจุบัน ได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง - ในอัลบั้ม 4, 5 โอมร่วมงานเป็นแบกอัพเป็นมือคีย์บอร์ด จนปลายอัลบั้มที่ 5 ได้ร่วมเป็นสมาชิกของวง- เส้นเวลาผลงานสตูดิโออัลบั้ม ผลงาน. สตูดิโออัลบั้ม. หมายเหตุ: สมาชิกของวงที่มีชื่อเล่นเป็น ตัวเอน คือ สมาชิกแบกอัปในอัลบั้มนั้น ๆ ของวงเกียรติประวัติรางวัลเกียรติประวัติ. รางวัล. - ตัวหนังสือสี น้ำเงิน เป็นรางวัลที่ได้รับเกี่ยวกับศิลปิน - ตัวหนังสือสี เขียว เป็นรางวัลที่ได้รับเกี่ยวกับผลงานผลสำรวจคอนเสิร์ต
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,973 | 2 |
รถไฟใต้ดินมิลาน เป็นระบบขนส่งมวลชนในเมืองมิลาน ประเทศเบลเยียม ดำเนินการโดย Azienda Trasporti Milanesi ใช่หรือไม่
|
รถไฟใต้ดินมิลาน รถไฟใต้ดินมิลาน () เป็นระบบขนส่งมวลชนในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ดำเนินการโดย Azienda Trasporti Milanesi เป็นระบบรถไฟฟ้าที่ยาวที่สุดในอิตาลี ประกอบไปด้วย 4 เส้นทาง ระยะทางทั้งสิ้น 101 สถานี It has a daily ridership of 1.15 million. โดยเส้นทางแรก เปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1964 ทำให้เป็นเมืองที่มีระบบรถไฟฟ้าเป็นแห่งที่สอง ต่อจากกรุงโรมโครงข่าย
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,974 | 2 |
รูลา ซาอ์เด ฆานี มีชื่อเดิมว่า รูลา เอฟ. ซาอ์ดาฮ์ หรีอ รูลา ซาอ์เด หรือชื่ออัฟกันว่า รีรี กูล ใช่หรือไม่
|
รูลา ฆานี รูลา ซาอ์เด ฆานี (; เกิด: ค.ศ. 1948) มีชื่อเดิมว่า รูลา เอฟ. ซาอ์ดาฮ์ () หรีอ รูลา ซาอ์เด () หรือชื่ออัฟกันว่า บีบี กูล () เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอัฟกานิสถาน ด้วยเป็นภริยาของอัชราฟ ฆานี ประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2015 เธอถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในร้อยของหญิงผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกโดยนิตยสารไทม์ประวัติ ประวัติ. รูลาเกิดและเติบโตที่ประเทศเลบานอน ครอบครัวเป็นคริสตชนมาโรไนต์ สำเร็จการศึกษาอนุปริญญาจากสถาบันรัฐศาสตร์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1969 และสำเร็จการศึกษาปริญญาโทรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอเมริกัน เบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อปี ค.ศ. 1974 ซึ่งที่นั่นเธอได้คบหากับอัชราฟ ฆานี เธอสมรสกับอัชราฟ ฆานีเมื่อปี 1975 มีบุตร-ธิดาด้วยกันสองคนคือมัรยัมและฏอริก ซึ่งทั้งสองเกิดในสหรัฐอเมริกาและถือสัญชาติอเมริกัน โดยมัรยัมบุตรสาวเป็นศิลปินอยู่บรุกลิน รูลาสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเมื่อปี ค.ศ. 1983 ส่วนสามีกลับไปอัฟกานิสถานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ปัจจุบันเธอถือสามสัญชาติ คือ เลบานอน อเมริกัน และอัฟกันการเลือกตั้งปี 2014 การเลือกตั้งปี 2014. หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของอัชราฟเมื่อปี ค.ศ. 2014 เขาได้กล่าวขอบคุณภริยาของเขาต่อหน้าสาธารณชน ความว่า "ผมอยากจะขอบคุณบีบี กูลคู่ชีวิตของผม ที่คอยสนับสนุนผมและอัฟกานิสถาน" และกล่าวต่อว่า "เธอให้การสนับสนุนสตรีอัฟกานิสถาน และผมหวังใจว่าเธอจะทำเช่นนั้น" ซึ่งกรณีนี้อะลี เอ อุลูมี (Ali A. Olomi) นักประวัติศาสตร์ ว่า น่าจะทำตามแบบอย่างพระราชินีโซรยาที่เคยกระทำมาก่อนหน้านี้ รูลาอาจเป็นผู้เปลี่ยนแปลงสิทธิสตรีอัฟกานิสถานไปในทางที่ดีอย่างแท้จริง
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,975 | 2 |
รูลาเกิดและเติบโตที่ประเทศแอฟริกา และครอบครัวเป็นคริสตชนมาโรไนต์ใช่หรือไม่
|
รูลา ฆานี รูลา ซาอ์เด ฆานี (; เกิด: ค.ศ. 1948) มีชื่อเดิมว่า รูลา เอฟ. ซาอ์ดาฮ์ () หรีอ รูลา ซาอ์เด () หรือชื่ออัฟกันว่า บีบี กูล () เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอัฟกานิสถาน ด้วยเป็นภริยาของอัชราฟ ฆานี ประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2015 เธอถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในร้อยของหญิงผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกโดยนิตยสารไทม์ประวัติ ประวัติ. รูลาเกิดและเติบโตที่ประเทศเลบานอน ครอบครัวเป็นคริสตชนมาโรไนต์ สำเร็จการศึกษาอนุปริญญาจากสถาบันรัฐศาสตร์ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1969 และสำเร็จการศึกษาปริญญาโทรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอเมริกัน เบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อปี ค.ศ. 1974 ซึ่งที่นั่นเธอได้คบหากับอัชราฟ ฆานี เธอสมรสกับอัชราฟ ฆานีเมื่อปี 1975 มีบุตร-ธิดาด้วยกันสองคนคือมัรยัมและฏอริก ซึ่งทั้งสองเกิดในสหรัฐอเมริกาและถือสัญชาติอเมริกัน โดยมัรยัมบุตรสาวเป็นศิลปินอยู่บรุกลิน รูลาสำเร็จการศึกษาปริญญาโทด้านสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเมื่อปี ค.ศ. 1983 ส่วนสามีกลับไปอัฟกานิสถานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ปัจจุบันเธอถือสามสัญชาติ คือ เลบานอน อเมริกัน และอัฟกันการเลือกตั้งปี 2014 การเลือกตั้งปี 2014. หลังการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของอัชราฟเมื่อปี ค.ศ. 2014 เขาได้กล่าวขอบคุณภริยาของเขาต่อหน้าสาธารณชน ความว่า "ผมอยากจะขอบคุณบีบี กูลคู่ชีวิตของผม ที่คอยสนับสนุนผมและอัฟกานิสถาน" และกล่าวต่อว่า "เธอให้การสนับสนุนสตรีอัฟกานิสถาน และผมหวังใจว่าเธอจะทำเช่นนั้น" ซึ่งกรณีนี้อะลี เอ อุลูมี (Ali A. Olomi) นักประวัติศาสตร์ ว่า น่าจะทำตามแบบอย่างพระราชินีโซรยาที่เคยกระทำมาก่อนหน้านี้ รูลาอาจเป็นผู้เปลี่ยนแปลงสิทธิสตรีอัฟกานิสถานไปในทางที่ดีอย่างแท้จริง
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,976 | 2 |
ซ็อทท์ เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์นม เริ่มตั้งที่ แมร์ทิงเง่น สวิสเซอร์แลนด์ ในปี 1906 ใช่หรือไม่
|
ซอทท์ ซ็อทท์ เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์นม เริ่มตั้งที่ แมร์ทิงเง่น เยอรมนี ในปี 1926 ซ็อทท์มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนม รวมถึงนม เนยแข็ง ครีม และโยเกิร์ท ที่ตั้งโรงงานใหญ่ อยู่ที่ แมร์ทิงเง่น (บาวาเรีย) โรงงานผลิตอื่นๆ ตั้งอยู่ ที่ กึนส์บูร์ก เยอรมนี โปแลนด์: โอโพล โกลโกโว ใกล้ ทอร์รุน และ ราซีบอร์ส โรงงานผลิตที่ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา (กราเดเซก) ตั้งเมื่อปี 2013 มียอดขายทั้งหมดประมาณ 894 ล้านยูโร ผลิตอาหารนม 951 ล้านกิโล มีพนักงาน 2,120 คน ในปี 2013 ซ็อทท์ เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งในยุโรปที่ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆจากนม และเป็นบริษัทผู้นำด้าน ผลิตภัณฑ์นมบริษัทหนึ่งในโปแลนด์ซ็อทท์ นานาชาติ ซ็อทท์ นานาชาติ. ซ็อทท์มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 75 ประเทศและมีสำนักงานขายด้วยในสาธารณรัฐเช็ค สโลวาเกีย ฮังการี และ สิงคโปร์ และมีสำนักงานใหญ่ที่รัสเซียซ็อทท์ที่เยอรมนี ซ็อทท์ที่เยอรมนี. โรงงานแม่ของกรุ๊ปซ็อทท์ตั้งอยู่ที่ แมร์ทิงเง่น (บาวาเรีย) เป็นโรงงานผลิต โยเกิร์ท ขนมหวานและเนยม็อทซาเร็ลล่า โรงงานผลิตอื่นๆในเยอรมนีอยู่ที่ กึนส์บูร์ก (บาวาเรีย) เน้นหนักไปด้านเนยแข็งประเภทแข็งและค่อนข้างแข็ง เนยแข็งพร้อมส่วนประกอบอื่นๆ และผลิตภัณฑ์ประเภทผงต่างๆซ็อทท์ในโปแลนด์ ซ็อทท์ในโปแลนด์. ที่โปแลนด์โรงงานผลิตของซ็อทท์ตั้งอยู่ที่ โอโพล โกลโกโว และ ราซิบอร์ส ซ็อทท์โปแลนด์ผลิตโยเกิร์ทผลไม้ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ของหวาน เครื่องดื่มและครีมเนยทวาร็อกซ็อทท์ในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ซ็อทท์ในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา. ที่บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา กราเดเซก เน้นการผลิตนมยูเอชที ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และเครื่องดื่มการพัฒนายั่งยืนและการกุศลเครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้ การพัฒนายั่งยืนและการกุศล. เครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้. เครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้ให้พลังงานแก่โรงงานที่ แมร์ทิงเง่น(เยอรมนี)ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2012 ซ็อทท์ ได้มีกิจกรรมร่วมกับนักศึกษาที่ริเริ่มโครงการ ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา (ก่อตั้งปี 2007) โดยจัดงาน” ซ็อทท์ อบรมศึกษา ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา” เป็นระยะๆสม่ำเสมอ เป็นการแนะนำ สอนสนุกๆให้เด็กๆเพื่อให้เรียนรู้การทำตัวที่ไม่ทำลายสภาพอากาศและป้องกันสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก เด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก. ตั้งแต่ภาคเรียนปี 2009/2010 ซ็อทท์ เป็นผู้สปอนเซอร์ กิจกรรม “เด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก” (คำขวัญ: เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์) โดยทำเพื่อ หมู่บ้านฉุกเฉินช่วยเหลือเด็ก ของเยอรมนีและและทั่วโลก ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ด้วยใจรักและพัฒนายั่งยืน ทำให้สาธารณชนสนใจเรื่องการศึกษาด้านอาหาร การออกกำลังกาย และกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้นปลอดการเปลี่ยนยีนส์ ปลอดการเปลี่ยนยีนส์. จุดสนใจใหญ่สองจุดของผู้บริโภคชาวเยอรมัน คือ “ทราบว่ามาจากไหน และมีอะไรอยู่ข้างใน” ซ็อทท์ ได้ มอบหมายให้ สถาบัน ฟอร์ซ่า ทำการค้นคว้า ได้ผลว่า ผู้บริโภคชาวเยอรมัน 85% ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่ อาหารต้องปลอดการเปลี่ยนยีนส์ ข้อนี้สำคัญมากสำหรับซ็อทท์ ที่ แมร์ทิงเง่น เพราะฉะนั้น “ซ็อททาเร็ลล่า” และ “ไบเอิร์นทาเลอร์” จึงเปลี่ยนการผลิต โดย”รับประกันปลอดการเปลี่ยนยีนส์ และ ปลอดส่วนผสมที่มาจาก ต่างประเทศ”นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์ นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์. โปรแกรม “นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์” ในขั้นแรกหมายถึงผลิตภัณฑ์ประเภทนมทั้งหมดของซ็อทท์ใน เยอรมนี โดยโปรแกรมนี้ ซ็อทท์ได้วิวัฒนาการหลักการที่จะเปลี่ยนแปลงใช้ได้นานาชาติ ในโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ค และ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาในปีหน้า พร้อมกับผู้ผลิตนมต่างๆ ซ็อทท์ ตระหนักถึงมาตรการทั้งเล็กและใหญ่ในการทำกสิกรรมที่อยู่รอดได้และพัฒนายั่งยืนในอนาคต โดยพิจารณาองค์ประกอบต่างๆของโปรแกรมนี้รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส. ตั้งแต่ปี 2010 พนักงานของซ็อทท์ ได้ร่วมงานกับ”รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส” นำความรู้สึกสุขสันต์ วันคริสต์มาส (ห่อของขวัญให้แปลกใจ เช่น ของเล่นเด็ก ฯลฯ) แก่ครอบครัวที่ยากไร้ในยุโรปตะวันออก ตั้งแต่ปี 2012 เด็กๆในโรงเรียนอนุบาล ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวันและในโรงเรียนที่แมร์ทิงเง่น ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมที่ซ็อทท์ จัดขึ้น ทุกๆปี ซ็อทท์จะอุดหนุนกิจกรรมนี้โดยจัดหารถบรรทุกและคนขับเข้าร่วมยี่ห้อมอนเท ยี่ห้อ. มอนเท. มอนเท เป็นยี่ห้อของซ็อทท์ยี่ห้อหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงมากทั่วโลก มีขายในประเทศต่างๆมากกว่า 40 ประเทศ มอนเท เป็นของหวานประกอบด้วยครีมนม เฮเซลนัทและช็อกโกแล็ต ผลิตภัณฑ์ มอนเท มีดังนี้:ซาห์นเน่ โยเกิร์ท ซาห์นเน่ โยเกิร์ท. ซาห์นเน่โยเกิร์ทของซ็อทท์ เป็นโยเกิร์ทครีมชื่อดังในเยอรมนีและออสเตรีย โยเกิร์ทครีมมีหลายชนิดและหลายรสซ็อททาเร็ลล่า ซ็อททาเร็ลล่า. ซ็อททาเร็ลล่า เป็นยี่ห้อเนยแข็งม็อทซาเร็ลล่าของซ็อทท์ ผลิตจากนมที่ปลอดการเปลี่ยนยีนส์ และปลอดส่วนผสม ที่มาจากต่างประเทศ ซ็อททาเร็ลล่า มีขายน้ำหนักต่างๆกันและหลายรสโยโกเบลล่า โยโกเบลล่า. โยโกเบลล่าเป็นยี่ห้อชื่อดังของซ็อทท์และเป็นผู้นำในตลาดโยเกิร์ทในโปแลนด์การโฆษณา การโฆษณา. ในการโฆษณาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ มีผู้มีชื่อเสียงมาร่วมฉลองด้วย เช่น มักซ์ กราฟ และ โรแบร์โท บลังโก ในปี 2010 ทางบริษัทได้ให้ผู้รักษาประตูฟุตบอลล์เยอรมัน เรเน อาดเลอร์ และ ริโค น้องชายให้ช่วยเผยแพร่ยี่ห้อ มอนเท ในปี 2013 ซ็อทท์ ได้เปลี่ยนยี่ห้อแอมบาสซาเดอร์ เป็น “มอนเท” ตั้งแต่นั้นมา ฟิลิพ เคอสเทอร์ แชมพ์โลกวินด์เซิร์ฟ และน้องสาว คีร่า เป็นผู้โฆษณาเผยแพร่ “มอนเท” ในปี 2013 ที่โปแลนด์ มีการแนะนำให้รู้จัก มอนเท เชอร์รี่ และ มอนเท ครันชี่ ผู้เผยแพร่ คือดาววอลเลย์บอลล์ ของโปแลนด์ บาร์ทอสส์ คูเรค นับเป็นครั้งที่สองที่ บาร์ทอสส์ รับหน้าที่ โฆษณา ซ็อทท์ มอนเท ซาบา วัสทาค นักดนตรีฮังกาเรียน เป็นตัวแทนยี่ห้อซ็อทท์ในฮังการีตั้งแต่ปี 2013รางวัล รางวัล. ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของซ็อทท์ ได้รับรางวัลจากสถาบันอิสระต่างๆเป็นประจำ เช่น รางวัลเกียรตินิยมสหพันธรัฐ และ พรายแมกซ์ รวมทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และ เหรียญทองแดงของ สมาคมกสิกรรมเยอรมัน (DLG).- 1986: ซ็อทท์ ได้รับรางวัล “ยอดน้ำตาลทอง” สำหรับครีมโยเกิร์ท - 2010: ผู้จักการสูงอายุของซ็อทท์ ฟรีดา ไรเทอร์ (เกิดปี 1930) ได้รับรางวัลเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของ แมร์ทิงเง่นในวันที่ 18 กันยายน 2010 ตั้งชื่อที่ผลิตนมว่า เกออร์จ ซ็อทท์ ซึ่งเป็นพ่อตาของเธอ - 2012: รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของสหพันธรัฐ อิลเซ ไอก์เนอร์ ได้มอบใบอนุญาตให้ซ็อทท์ ติดป้าย ”ปลอดการเปลี่ยนยีนส์” สำหรับยี่ห้อ ซ็อททาเร็ลล่า และไบเอิร์นทาเลอร์ - 2013: ซ็อทท์ ได้รับรางวัล 11 ครั้งสำหรับพรายแมกซ์ จาก สมาคมกสิกรรมเยอรมัน (DLG) - 2014: ซ็อทท์ ได้รับรางวัลห้าครั้ง เป็นรางวัลประจำชาติเยอรมัน จากกระทรวงโภชนาการและกสิกรรมของสหพันธ์ (BmEL).
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,977 | 2 |
ในปี 2013 ซ็อทท์ เป็นบริษัทขนาดกลางบริษัทหนึ่งในยุโรปที่ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆจากนม และเป็นบริษัทชั้นกลางด้านผลิตภัณฑ์นมบริษัทหนึ่งในโปแลนด์ใช่หรือไม่
|
ซอทท์ ซ็อทท์ เป็นบริษัทผลิตภัณฑ์นม เริ่มตั้งที่ แมร์ทิงเง่น เยอรมนี ในปี 1926 ซ็อทท์มีผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนม รวมถึงนม เนยแข็ง ครีม และโยเกิร์ท ที่ตั้งโรงงานใหญ่ อยู่ที่ แมร์ทิงเง่น (บาวาเรีย) โรงงานผลิตอื่นๆ ตั้งอยู่ ที่ กึนส์บูร์ก เยอรมนี โปแลนด์: โอโพล โกลโกโว ใกล้ ทอร์รุน และ ราซีบอร์ส โรงงานผลิตที่ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา (กราเดเซก) ตั้งเมื่อปี 2013 มียอดขายทั้งหมดประมาณ 894 ล้านยูโร ผลิตอาหารนม 951 ล้านกิโล มีพนักงาน 2,120 คน ในปี 2013 ซ็อทท์ เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดบริษัทหนึ่งในยุโรปที่ผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆจากนม และเป็นบริษัทผู้นำด้าน ผลิตภัณฑ์นมบริษัทหนึ่งในโปแลนด์ซ็อทท์ นานาชาติ ซ็อทท์ นานาชาติ. ซ็อทท์มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 75 ประเทศและมีสำนักงานขายด้วยในสาธารณรัฐเช็ค สโลวาเกีย ฮังการี และ สิงคโปร์ และมีสำนักงานใหญ่ที่รัสเซียซ็อทท์ที่เยอรมนี ซ็อทท์ที่เยอรมนี. โรงงานแม่ของกรุ๊ปซ็อทท์ตั้งอยู่ที่ แมร์ทิงเง่น (บาวาเรีย) เป็นโรงงานผลิต โยเกิร์ท ขนมหวานและเนยม็อทซาเร็ลล่า โรงงานผลิตอื่นๆในเยอรมนีอยู่ที่ กึนส์บูร์ก (บาวาเรีย) เน้นหนักไปด้านเนยแข็งประเภทแข็งและค่อนข้างแข็ง เนยแข็งพร้อมส่วนประกอบอื่นๆ และผลิตภัณฑ์ประเภทผงต่างๆซ็อทท์ในโปแลนด์ ซ็อทท์ในโปแลนด์. ที่โปแลนด์โรงงานผลิตของซ็อทท์ตั้งอยู่ที่ โอโพล โกลโกโว และ ราซิบอร์ส ซ็อทท์โปแลนด์ผลิตโยเกิร์ทผลไม้ ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ของหวาน เครื่องดื่มและครีมเนยทวาร็อกซ็อทท์ในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ซ็อทท์ในบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา. ที่บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา กราเดเซก เน้นการผลิตนมยูเอชที ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ และเครื่องดื่มการพัฒนายั่งยืนและการกุศลเครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้ การพัฒนายั่งยืนและการกุศล. เครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้. เครื่องให้ความร้อนด้วยเศษไม้ให้พลังงานแก่โรงงานที่ แมร์ทิงเง่น(เยอรมนี)ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา. ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2012 ซ็อทท์ ได้มีกิจกรรมร่วมกับนักศึกษาที่ริเริ่มโครงการ ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา (ก่อตั้งปี 2007) โดยจัดงาน” ซ็อทท์ อบรมศึกษา ปลูก –ต้นไม้ –เพื่อ-โลกเรา” เป็นระยะๆสม่ำเสมอ เป็นการแนะนำ สอนสนุกๆให้เด็กๆเพื่อให้เรียนรู้การทำตัวที่ไม่ทำลายสภาพอากาศและป้องกันสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก เด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก. ตั้งแต่ภาคเรียนปี 2009/2010 ซ็อทท์ เป็นผู้สปอนเซอร์ กิจกรรม “เด็กๆวิ่งเพื่อเด็ก” (คำขวัญ: เคลื่อนไหวเพื่อประโยชน์) โดยทำเพื่อ หมู่บ้านฉุกเฉินช่วยเหลือเด็ก ของเยอรมนีและและทั่วโลก ได้ร่วมจัดกิจกรรมนี้ด้วยใจรักและพัฒนายั่งยืน ทำให้สาธารณชนสนใจเรื่องการศึกษาด้านอาหาร การออกกำลังกาย และกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้นปลอดการเปลี่ยนยีนส์ ปลอดการเปลี่ยนยีนส์. จุดสนใจใหญ่สองจุดของผู้บริโภคชาวเยอรมัน คือ “ทราบว่ามาจากไหน และมีอะไรอยู่ข้างใน” ซ็อทท์ ได้ มอบหมายให้ สถาบัน ฟอร์ซ่า ทำการค้นคว้า ได้ผลว่า ผู้บริโภคชาวเยอรมัน 85% ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่ อาหารต้องปลอดการเปลี่ยนยีนส์ ข้อนี้สำคัญมากสำหรับซ็อทท์ ที่ แมร์ทิงเง่น เพราะฉะนั้น “ซ็อททาเร็ลล่า” และ “ไบเอิร์นทาเลอร์” จึงเปลี่ยนการผลิต โดย”รับประกันปลอดการเปลี่ยนยีนส์ และ ปลอดส่วนผสมที่มาจาก ต่างประเทศ”นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์ นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์. โปรแกรม “นมคุณภาพเยี่ยมด้วยใจรักของซ็อทท์” ในขั้นแรกหมายถึงผลิตภัณฑ์ประเภทนมทั้งหมดของซ็อทท์ใน เยอรมนี โดยโปรแกรมนี้ ซ็อทท์ได้วิวัฒนาการหลักการที่จะเปลี่ยนแปลงใช้ได้นานาชาติ ในโปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ค และ บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาในปีหน้า พร้อมกับผู้ผลิตนมต่างๆ ซ็อทท์ ตระหนักถึงมาตรการทั้งเล็กและใหญ่ในการทำกสิกรรมที่อยู่รอดได้และพัฒนายั่งยืนในอนาคต โดยพิจารณาองค์ประกอบต่างๆของโปรแกรมนี้รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส. ตั้งแต่ปี 2010 พนักงานของซ็อทท์ ได้ร่วมงานกับ”รถโยฮันนิเทอร์แจกของคริสต์มาส” นำความรู้สึกสุขสันต์ วันคริสต์มาส (ห่อของขวัญให้แปลกใจ เช่น ของเล่นเด็ก ฯลฯ) แก่ครอบครัวที่ยากไร้ในยุโรปตะวันออก ตั้งแต่ปี 2012 เด็กๆในโรงเรียนอนุบาล ในสถานเลี้ยงเด็กกลางวันและในโรงเรียนที่แมร์ทิงเง่น ได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมที่ซ็อทท์ จัดขึ้น ทุกๆปี ซ็อทท์จะอุดหนุนกิจกรรมนี้โดยจัดหารถบรรทุกและคนขับเข้าร่วมยี่ห้อมอนเท ยี่ห้อ. มอนเท. มอนเท เป็นยี่ห้อของซ็อทท์ยี่ห้อหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงมากทั่วโลก มีขายในประเทศต่างๆมากกว่า 40 ประเทศ มอนเท เป็นของหวานประกอบด้วยครีมนม เฮเซลนัทและช็อกโกแล็ต ผลิตภัณฑ์ มอนเท มีดังนี้:ซาห์นเน่ โยเกิร์ท ซาห์นเน่ โยเกิร์ท. ซาห์นเน่โยเกิร์ทของซ็อทท์ เป็นโยเกิร์ทครีมชื่อดังในเยอรมนีและออสเตรีย โยเกิร์ทครีมมีหลายชนิดและหลายรสซ็อททาเร็ลล่า ซ็อททาเร็ลล่า. ซ็อททาเร็ลล่า เป็นยี่ห้อเนยแข็งม็อทซาเร็ลล่าของซ็อทท์ ผลิตจากนมที่ปลอดการเปลี่ยนยีนส์ และปลอดส่วนผสม ที่มาจากต่างประเทศ ซ็อททาเร็ลล่า มีขายน้ำหนักต่างๆกันและหลายรสโยโกเบลล่า โยโกเบลล่า. โยโกเบลล่าเป็นยี่ห้อชื่อดังของซ็อทท์และเป็นผู้นำในตลาดโยเกิร์ทในโปแลนด์การโฆษณา การโฆษณา. ในการโฆษณาเผยแพร่ทางโทรทัศน์ มีผู้มีชื่อเสียงมาร่วมฉลองด้วย เช่น มักซ์ กราฟ และ โรแบร์โท บลังโก ในปี 2010 ทางบริษัทได้ให้ผู้รักษาประตูฟุตบอลล์เยอรมัน เรเน อาดเลอร์ และ ริโค น้องชายให้ช่วยเผยแพร่ยี่ห้อ มอนเท ในปี 2013 ซ็อทท์ ได้เปลี่ยนยี่ห้อแอมบาสซาเดอร์ เป็น “มอนเท” ตั้งแต่นั้นมา ฟิลิพ เคอสเทอร์ แชมพ์โลกวินด์เซิร์ฟ และน้องสาว คีร่า เป็นผู้โฆษณาเผยแพร่ “มอนเท” ในปี 2013 ที่โปแลนด์ มีการแนะนำให้รู้จัก มอนเท เชอร์รี่ และ มอนเท ครันชี่ ผู้เผยแพร่ คือดาววอลเลย์บอลล์ ของโปแลนด์ บาร์ทอสส์ คูเรค นับเป็นครั้งที่สองที่ บาร์ทอสส์ รับหน้าที่ โฆษณา ซ็อทท์ มอนเท ซาบา วัสทาค นักดนตรีฮังกาเรียน เป็นตัวแทนยี่ห้อซ็อทท์ในฮังการีตั้งแต่ปี 2013รางวัล รางวัล. ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงของซ็อทท์ ได้รับรางวัลจากสถาบันอิสระต่างๆเป็นประจำ เช่น รางวัลเกียรตินิยมสหพันธรัฐ และ พรายแมกซ์ รวมทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และ เหรียญทองแดงของ สมาคมกสิกรรมเยอรมัน (DLG).- 1986: ซ็อทท์ ได้รับรางวัล “ยอดน้ำตาลทอง” สำหรับครีมโยเกิร์ท - 2010: ผู้จักการสูงอายุของซ็อทท์ ฟรีดา ไรเทอร์ (เกิดปี 1930) ได้รับรางวัลเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของ แมร์ทิงเง่นในวันที่ 18 กันยายน 2010 ตั้งชื่อที่ผลิตนมว่า เกออร์จ ซ็อทท์ ซึ่งเป็นพ่อตาของเธอ - 2012: รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของสหพันธรัฐ อิลเซ ไอก์เนอร์ ได้มอบใบอนุญาตให้ซ็อทท์ ติดป้าย ”ปลอดการเปลี่ยนยีนส์” สำหรับยี่ห้อ ซ็อททาเร็ลล่า และไบเอิร์นทาเลอร์ - 2013: ซ็อทท์ ได้รับรางวัล 11 ครั้งสำหรับพรายแมกซ์ จาก สมาคมกสิกรรมเยอรมัน (DLG) - 2014: ซ็อทท์ ได้รับรางวัลห้าครั้ง เป็นรางวัลประจำชาติเยอรมัน จากกระทรวงโภชนาการและกสิกรรมของสหพันธ์ (BmEL).
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,978 | 2 |
ชื่อเต็มของอาสนวิหารดีคือ อาสนวิหารแม่พระแห่งดี ใช่หรือไม่
|
อาสนวิหารดี อาสนวิหารดี () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งดี () ปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริช นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำอดีตมุขมณฑลดี ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบรวมเป็นส่วนหนึ่งของมุขมณฑลวาล็องส์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ตั้งอยู่ที่เมืองดี จังหวัดโดรม แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ประเทศฝรั่งเศส อาสนวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศแด่พระนางมารีย์พรหมจารี ต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1840ประวัติ ประวัติ. อาสนวิหารแห่งนี้ยังเก็บอยู่ในสภาพที่ดีอย่างดั้งเดิม สร้างราวปี ค.ศ. 1130–1250 ประกอบด้วยหอนาฬิกาอันสวยงามและสมบูรณ์ มุขทางเข้าแบบโรมาเนสก์ และกำแพงแบบภาคใต้ ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดในรูปแบบเดิมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงของการปฏิรูปศาสนา
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,979 | 2 |
อาสนวิหารแม่พระแห่งดีสร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 1 เพื่ออุทิศแด่พระนางมารีย์พรหมจารี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อ ค.ศ. 1840 ใช่หรือไม่
|
อาสนวิหารดี อาสนวิหารดี () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งดี () ปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริช นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำอดีตมุขมณฑลดี ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบรวมเป็นส่วนหนึ่งของมุขมณฑลวาล็องส์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ตั้งอยู่ที่เมืองดี จังหวัดโดรม แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ประเทศฝรั่งเศส อาสนวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 12 เพื่ออุทิศแด่พระนางมารีย์พรหมจารี ต่อมาได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1840ประวัติ ประวัติ. อาสนวิหารแห่งนี้ยังเก็บอยู่ในสภาพที่ดีอย่างดั้งเดิม สร้างราวปี ค.ศ. 1130–1250 ประกอบด้วยหอนาฬิกาอันสวยงามและสมบูรณ์ มุขทางเข้าแบบโรมาเนสก์ และกำแพงแบบภาคใต้ ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมดในรูปแบบเดิมในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบในช่วงของการปฏิรูปศาสนา
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,980 | 2 |
ปลานวลจันทร์เทศ เป็นปลาน้ำเค็มชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cirrhinus cirrhosus อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) ใช่หรือไม่
|
ปลานวลจันทร์เทศ ปลานวลจันทร์เทศ ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cirrhinus cirrhosus อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีรูปร่างเรียวยาว ลำตัวกลม หัวสั้น ปากเล็ก ริมฝีปากบางมีชายครุยเล็กน้อย ครีบหลังและครีบก้นสั้น ครีบหางเว้าลึก เกล็ดมีขนาดใหญ่ หัวและลำตัวด้านบนมีสีเงินหรือสีเงิมอมน้ำตาลอ่อน ด้านท้องสีจาง ครีบมีสีส้มหรือชมพู ขอบครีบมีสีคล้ำเล็กน้อย ตามีสีทอง มีขนาดเต็มที่โดยเฉลี่ย 50-60 เซนติเมตร ขนาดใหญ่สุดที่พบ คือ 1 เมตร มีพฤติกรรมชอบหากินในระดับพื้นท้องน้ำ โดยสามารถปรับตัวได้ดีในแหล่งน้ำนิ่ง และกินอาหารด้วยวิธีการแทะเล็มพืชน้ำขนาดเล็กและอินทรีย์สาร รูปร่างโดยทั่วไปคล้ายปลานวลจันทร์ (C. microlepis) ที่พบได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในสกุลเดียวกัน แต่ปลานวลจันทร์เทศเป็นปลาพื้นเมืองของทางเหนือของภูมิภาคเอเชียใต้ พบกระจายพันธุ์ในแม่น้ำคงคา, แม่น้ำสินธุจรดถึงแม่น้ำอิรวดีของพม่า นำเข้ามาสู่ประเทศไทยครั้งใน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 จำนวน 100 ตัว โดยอธิบดีกรมประมงในขณะนั้น เพื่อทำการขยายพันธุ์เพาะเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจ โดยทำการเลี้ยงอยู่ที่สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดเชียงใหม่ และอีกครั้งเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 โดยผ่านมาจากประเทศลาว ซึ่งประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงจนขยายไปสู่ฟาร์มของเอกชนต่าง ๆ ในภาคอีสานจนกระจายมาสู่ภาคกลาง เช่นเดียวกับปลายี่สกเทศ (Labeo rohita) หรือปลากระโห้เทศ (Catla catla) ปลานวลจันทร์เทศที่อาศัยในแม่น้ำโขงสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดีจนสามารถแพร่ขยายพันธุ์เองได้
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,981 | 2 |
ตามพระราชพงศาวดาร บันทึกว่า พันท้ายนรสิงห์ มีชื่อเดิมว่า "สิน" เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองจำปาศักดิ์ใช่หรือไม่
|
พันท้ายนรสิงห์ พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือในรัชสมัยพระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ตอนปลายอาณาจักรอยุธยา โดยพันท้ายนรสิงห์เป็นผู้มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ประวัติพระราชพงศาวดาร ประวัติ. พระราชพงศาวดาร. ตามพระราชพงศาวดาร บันทึกว่า พันท้ายนรสิงห์ มีชื่อเดิมว่า "สิน" เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ (ปัจจุบัน คือ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง) มีภรรยาชื่อ "นวล" หรือ "ศรีนวล" ได้รู้จักกับพระเจ้าเสือด้วยการแข่งขันชกมวยไทยกัน เมื่อพระองค์แปลงองค์มาเป็นชาวบ้านธรรมดาและทรงโปรดในอุปนิสัยใจคอ ต่อมาได้กลายมาเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ ในบรรดาศักดิ์ พัน เมื่อครั้งที่พระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย ประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญาตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก พระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ ในเวลาเช้าตรู่ ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2241 แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา พร้อมกับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์และโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งไว้บูชาพร้อมกัน ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้พระยาราชสงคราม คุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ทำการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น้ำท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ว่าคลองสนามไชย ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้านเรียกว่าคลองถ่าน ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า คลองด่านมรดกสืบทอด มรดกสืบทอด. ปัจจุบันมีสถานที่รำลึกหรือเกี่ยวเนื่องกับพันท้ายนรสิงห์หลายแห่ง ได้แก่ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศาลพันท้ายนรสิงห์. ศาลพันท้ายนรสิงห์ แห่งแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) เชื่อว่าเป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นจุดที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต ตัวศาลเดิมนั้นได้ผุพังไปตามกาลเวลาและถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง จึงได้มีการสร้างใหม่ และมีศาลในลักษณะศาลเพียงตาที่มีขา 6 ขา ที่ตั้งอยู่หน้าตัวศาลใหญ่ สร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เมื่อปี พ.ศ. 2493 จากการที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ในปีเดียวกัน รูปเคารพพันท้ายนรสิงห์ในศาลแห่งนี้ สร้างขึ้นจากไม้จันทร์หอมวัดโคกขาม วัดโคกขาม. วัดโคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตด้วยเช่นกันอุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์. เป็นอีกหนึ่งสถาณที่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ที่บ้านพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) เป็นอีกจุดหนึ่งที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต เนื่องจากกรมศิลปากรร่วมด้วยคณาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้งมพบท่อนไม้ท่อนหนึ่ง พร้อมกับไม้ที่ยาวราว 80 เซนติเมตร ที่เชื่อว่าเป็นโขนเรือเอกไชย ซึ่งมีร่องรอยความเสียหาย และเมื่อได้ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ตรงกับสมัยที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต จึงเชื่อว่าท่อนไม้นั้นเป็นหลักประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ และยังมีศาลเจ้าแม่ศรีนวล ผู้ที่เชื่อว่าเป็นภรรยาของพันท้ายนรสิงห์ และมีรูปเหมือนของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์ที่ทูลขอพระราชทานอาญาโทษประหารชีวิต ศาลพันท้ายนรสิงห์แห่งนี้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้นอยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบ ๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น "อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์" ภายในศาลมีรูปเคารพของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าของจริงในท่าถือท้ายคัดเรือ ที่สร้างขึ้นและนำมาประดิษฐานไว้เมื่อปี พ.ศ. 2519 ผู้ที่ศรัทธากราบไหว้พันท้ายนรสิงห์จะเรียกพันท้ายนรสิงห์ด้วยความเคารพว่า "พ่อพันท้าย" และเชื่อว่าสามารถบนบานสักการะขอได้ในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่บนบานขอแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์. จากบันทึกประวัติศาสตร์อ้างถึงถิ่นฐานเดิมว่าเป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของบรรพบุรุษชาวอ่างทอง จึงได้มีการร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ขึ้นที่วัดนรสิงห์ ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532การแข่งขันมวยไทย การแข่งขันมวยไทย. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้มีการจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ ชิงแชมป์เข็มขัดพันท้ายนรสิงห์ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสมุทรสาครในวัฒนธรรมร่วมสมัย ในวัฒนธรรมร่วมสมัย. จากเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ได้มีการจัดนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ละครเวที, ภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, หุ่นกระบอกไทย และหนังสือการ์ตูนละครเวทีละครเวที. - ละครเวทีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนิพนธ์เป็นบทละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ โดยเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นจากเรื่องเกร็ดในพงศาวดารและประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลพระเจ้าเสือ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แสดงโดยคณะศิวารมณ์ นำโดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็น พันท้ายนรสิงห์, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ เป็น นวล, จอก ดอกจันทร์ เป็น พระเจ้าเสือ มีเพลงประกอบคือเพลง น้ำตาแสงไต้ เป็นเพลงประกอบในฉากพันท้ายนรสิงห์และนวลร่ำลากัน ละครเวทีได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 - ปี พ.ศ. 2508 ได้นำมาสร้างเป็นละครเวทีพิเศษเพื่อการกุศลของสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งประเทศไทย แสดงที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล ฉลอง สิมะเสถียร แสดงเป็นพระเจ้าเสือ- ปี พ.ศ. 2532 จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ขึ้น ณ ศาลาเฉลิมไทย เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการอำลา ศาลาเฉลิมไทย นำแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ นาถยา แดงบุหงา รับบทเป็น นวล และ พิศาล อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ - ละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ มีการนำมาสร้างอีกหลายต่อหลายครั้ง โดยสร้างจากบทละครเวทีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลภาพยนตร์ภาพยนตร์. - ปี พ.ศ. 2493 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ในชื่อเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ โดยสร้างจากบทละครเวทีเดิม นำแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งเป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียง มารับบทเป็นพันท้ายนรสิงห์ สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบทเป็น นวล และ ถนอม อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย ทัต เอกทัต, ชั้น แสงเพ็ญ, อบ บุญติด และ สมพงษ์ พงษ์มิตร กำกับการแสดงโดย มารุต - ปี พ.ศ. 2525 บริษัทไชโยภาพยนตร์ ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ 35 มม. ในชื่อ พระเจ้าเสือ พันท้ายนรสิงห์ กำกับการแสดงโดย เนรมิต นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็น พันท้ายนรสิงห์, สมบัติ เมทะนี เป็น พระเจ้าเสือ, อาภาพร กรทิพย์ เป็น นวล ร่วมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์, มานพ อัศวเทพ, ส.อาสนจินดา, สีเทา, สุพรรณ บูรณะพิมพ์, จิรศักดิ์ อิศรางกูร ภาพยนตร์เน้นเรื่องราวและความผูกพันของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์ - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์อีกครั้ง นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล กำหนดฉายวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - ประมาณปี พ.ศ. 2515 ละครโทรทัศน์ครั้งแรก ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล - ปี พ.ศ. 2521 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางช่อง 5 นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ ดวงใจ หทัยกาญจน์ รับบทเป็น นวล และ ตรัยเทพ เทวะผลิน รับบทเป็น พระเจ้าเสือ - ปี พ.ศ. 2543 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พิยดา อัครเศรณี รับบทเป็น นวล และ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย กมลชนก โกมลฐิติ, ธนายง ว่องตระกูล, สุวัจนี ไชยมุสิก, ชุติมา นัยนา, วิทิต แลต กำกับการแสดงโดย พิศาล อัครเศรณี - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ได้นำฉบับเต็มของภาพยนตร์ที่ฉายในปี พ.ศ. 2558 มาออกอากาศเป็นละครโทรทัศน์ความยาว 20 ตอนทางช่องเวิร์คพอยท์ นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล โดยเริ่มออกอากาศในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 และอวสานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ในตอนแรกละครเรื่องนี้จะออกอากาศทางช่อง 3 เนื่องจาก พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท พันท้ายนรสิงห์ เป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 แต่ด้วยปัญหาเรื่องช่วงเวลาออกอากาศทำให้ท่านมุ้ยทรงนำพันท้ายนรสิงห์ไปตัดต่อและฉายเป็นภาพยนตร์ ต่อมา หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม โอรสของท่านมุ้ยได้ตัดสินใจซื้อละครพันท้ายนรสิงห์กลับมาจากช่อง 3 และนำไปออกอากาศทางช่องโมโน 29 แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ละครเรื่องนี้ไม่สามารถออกอากาศทางช่องโมโน 29 ได้ ทำให้ท่านมุ้ยตัดสินใจนำละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์มาออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์แทน มีจำนวน 19 ตอน ตอนสุดท้ายออกอากาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,982 | 2 |
ศาลพันท้ายนรสิงห์ แห่งแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสงครามใช่หรือไม่
|
พันท้ายนรสิงห์ พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือในรัชสมัยพระเจ้าเสือ หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 2 แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง ตอนปลายอาณาจักรอยุธยา โดยพันท้ายนรสิงห์เป็นผู้มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ประวัติพระราชพงศาวดาร ประวัติ. พระราชพงศาวดาร. ตามพระราชพงศาวดาร บันทึกว่า พันท้ายนรสิงห์ มีชื่อเดิมว่า "สิน" เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ (ปัจจุบัน คือ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง) มีภรรยาชื่อ "นวล" หรือ "ศรีนวล" ได้รู้จักกับพระเจ้าเสือด้วยการแข่งขันชกมวยไทยกัน เมื่อพระองค์แปลงองค์มาเป็นชาวบ้านธรรมดาและทรงโปรดในอุปนิสัยใจคอ ต่อมาได้กลายมาเป็นนายท้ายเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือ ในบรรดาศักดิ์ พัน เมื่อครั้งที่พระเจ้าเสือ เสด็จโดยเรือพระที่นั่งเอกไชย ประพาสเพื่อทรงเบ็ด ณ ปากน้ำเมืองสาครบุรี เมื่อเรือพระที่นั่งถึงตำบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยวและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซึ่งถือท้ายเรือพระที่นั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระที่นั่งกระทบกับกิ่งไม้หักตกลงไปในน้ำ พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดขึ้นฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญาตามพระกำหนดถึงสามครั้งด้วยกัน เนื่องจากในครั้งแรก พระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุสุดวิสัย ครั้งที่สองก็รับสั่งให้สร้างรูปปั้นปลอมแล้วตัดหัวรูปปั้นนั้นแทน แต่ท้ายสุดก็ได้ตรัสสั่งให้ประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะพันท้ายนรสิงห์ตามคำขอ ในเวลาเช้าตรู่ ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 3 พ.ศ. 2241 แล้วสร้างศาลไม้ขนาดเล็ก ลักษณะเป็นศาลไม้ในสมัยปัจจุบัน หลังคามุงกระเบื้องดินเผาหางมน พื้นศาลเป็นไม้ยกชั้น 2 ชั้น มีเสารองรับ 6 เสา พร้อมกับศีรษะของพันท้ายนรสิงห์และโขนเรือเอกไชยขึ้นตั้งไว้บูชาพร้อมกัน ภายหลังพระเจ้าเสือได้ทรงให้พระยาราชสงคราม คุมไพร่พลจำนวน 3,000 คน ทำการขุดคลองลัดคลองโคกขามที่คดเคี้ยว ไปออกที่บริเวณแม่น้ำท่าจีน กว้าง 5 วา ลึก 6 ศอก สร้างเสร็จในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ พ.ศ. 2252 ได้พระราชทานนามคลองนี้ว่าคลองสนามไชย ต่อมาเรียกเป็นคลองมหาชัย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมืองมหาชัย แต่ชาวบ้านเรียกว่าคลองถ่าน ปัจจุบันชาวบ้านฝั่งธนบุรี เรียกชื่อว่า คลองด่านมรดกสืบทอด มรดกสืบทอด. ปัจจุบันมีสถานที่รำลึกหรือเกี่ยวเนื่องกับพันท้ายนรสิงห์หลายแห่ง ได้แก่ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศาลพันท้ายนรสิงห์. ศาลพันท้ายนรสิงห์ แห่งแรกตั้งอยู่บริเวณปากคลองโคกขาม ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) เชื่อว่าเป็นศาลพันท้ายนรสิงห์ที่เก่าแก่ที่สุดและเป็นจุดที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต ตัวศาลเดิมนั้นได้ผุพังไปตามกาลเวลาและถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง จึงได้มีการสร้างใหม่ และมีศาลในลักษณะศาลเพียงตาที่มีขา 6 ขา ที่ตั้งอยู่หน้าตัวศาลใหญ่ สร้างโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เมื่อปี พ.ศ. 2493 จากการที่ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ในปีเดียวกัน รูปเคารพพันท้ายนรสิงห์ในศาลแห่งนี้ สร้างขึ้นจากไม้จันทร์หอมวัดโคกขาม วัดโคกขาม. วัดโคกขาม ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) ก็เป็นอีกแห่งหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นจุดที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิตด้วยเช่นกันอุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์ อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์. เป็นอีกหนึ่งสถาณที่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพันท้ายนรสิงห์ ตั้งอยู่ที่บ้านพันท้ายนรสิงห์ ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร (พิกัดภูมิศาสตร์) เป็นอีกจุดหนึ่งที่เชื่อว่าพันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต เนื่องจากกรมศิลปากรร่วมด้วยคณาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยได้งมพบท่อนไม้ท่อนหนึ่ง พร้อมกับไม้ที่ยาวราว 80 เซนติเมตร ที่เชื่อว่าเป็นโขนเรือเอกไชย ซึ่งมีร่องรอยความเสียหาย และเมื่อได้ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า ตรงกับสมัยที่พันท้ายนรสิงห์ถูกประหารชีวิต จึงเชื่อว่าท่อนไม้นั้นเป็นหลักประหารชีวิตพันท้ายนรสิงห์ และยังมีศาลเจ้าแม่ศรีนวล ผู้ที่เชื่อว่าเป็นภรรยาของพันท้ายนรสิงห์ และมีรูปเหมือนของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์ที่ทูลขอพระราชทานอาญาโทษประหารชีวิต ศาลพันท้ายนรสิงห์แห่งนี้ถูกประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 72 ตอนที่ 2 เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2498 กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดสร้างศาลพันท้ายนรสิงห์ขึ้นอยู่ถัดจากศาลเก่าที่พังลงมาไม่มากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบ ๆ ศาลไว้ประมาณ 100 ไร่ เพื่อจัดตั้งเป็น "อุทยานประวัติศาสตร์พันท้ายนรสิงห์" ภายในศาลมีรูปเคารพของพันท้ายนรสิงห์ขนาดเท่าของจริงในท่าถือท้ายคัดเรือ ที่สร้างขึ้นและนำมาประดิษฐานไว้เมื่อปี พ.ศ. 2519 ผู้ที่ศรัทธากราบไหว้พันท้ายนรสิงห์จะเรียกพันท้ายนรสิงห์ด้วยความเคารพว่า "พ่อพันท้าย" และเชื่อว่าสามารถบนบานสักการะขอได้ในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องการเกณฑ์ทหาร ที่บนบานขอแล้วจะไม่ประสบความสำเร็จอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ อนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์. จากบันทึกประวัติศาสตร์อ้างถึงถิ่นฐานเดิมว่าเป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความสำคัญของบรรพบุรุษชาวอ่างทอง จึงได้มีการร่วมกันจัดสร้างอนุสาวรีย์พันท้ายนรสิงห์ ขึ้นที่วัดนรสิงห์ ตำบลนรสิงห์ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง และทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532การแข่งขันมวยไทย การแข่งขันมวยไทย. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ได้มีการจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติ ชิงแชมป์เข็มขัดพันท้ายนรสิงห์ขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดสมุทรสาครในวัฒนธรรมร่วมสมัย ในวัฒนธรรมร่วมสมัย. จากเรื่องราวของพันท้ายนรสิงห์ ได้มีการจัดนำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ละครเวที, ภาพยนตร์, ละครโทรทัศน์, หุ่นกระบอกไทย และหนังสือการ์ตูนละครเวทีละครเวที. - ละครเวทีครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงนิพนธ์เป็นบทละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ โดยเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นจากเรื่องเกร็ดในพงศาวดารและประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลพระเจ้าเสือ กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แสดงโดยคณะศิวารมณ์ นำโดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ เป็น พันท้ายนรสิงห์, สุพรรณ บูรณะพิมพ์ เป็น นวล, จอก ดอกจันทร์ เป็น พระเจ้าเสือ มีเพลงประกอบคือเพลง น้ำตาแสงไต้ เป็นเพลงประกอบในฉากพันท้ายนรสิงห์และนวลร่ำลากัน ละครเวทีได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงสงครามและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 - ปี พ.ศ. 2508 ได้นำมาสร้างเป็นละครเวทีพิเศษเพื่อการกุศลของสมาคมต่อต้านยาเสพติดแห่งประเทศไทย แสดงที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล ฉลอง สิมะเสถียร แสดงเป็นพระเจ้าเสือ- ปี พ.ศ. 2532 จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ขึ้น ณ ศาลาเฉลิมไทย เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการอำลา ศาลาเฉลิมไทย นำแสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ นาถยา แดงบุหงา รับบทเป็น นวล และ พิศาล อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ - ละครเวทีพันท้ายนรสิงห์ มีการนำมาสร้างอีกหลายต่อหลายครั้ง โดยสร้างจากบทละครเวทีของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคลภาพยนตร์ภาพยนตร์. - ปี พ.ศ. 2493 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์ครั้งแรก ในชื่อเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ โดยสร้างจากบทละครเวทีเดิม นำแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย ซึ่งเป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียง มารับบทเป็นพันท้ายนรสิงห์ สุพรรณ บูรณะพิมพ์ รับบทเป็น นวล และ ถนอม อัครเศรณี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย ทัต เอกทัต, ชั้น แสงเพ็ญ, อบ บุญติด และ สมพงษ์ พงษ์มิตร กำกับการแสดงโดย มารุต - ปี พ.ศ. 2525 บริษัทไชโยภาพยนตร์ ได้สร้างเป็นภาพยนตร์ 35 มม. ในชื่อ พระเจ้าเสือ พันท้ายนรสิงห์ กำกับการแสดงโดย เนรมิต นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี เป็น พันท้ายนรสิงห์, สมบัติ เมทะนี เป็น พระเจ้าเสือ, อาภาพร กรทิพย์ เป็น นวล ร่วมด้วย พิศมัย วิไลศักดิ์, มานพ อัศวเทพ, ส.อาสนจินดา, สีเทา, สุพรรณ บูรณะพิมพ์, จิรศักดิ์ อิศรางกูร ภาพยนตร์เน้นเรื่องราวและความผูกพันของพระเจ้าเสือและพันท้ายนรสิงห์ - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ได้นำมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์อีกครั้ง นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล กำหนดฉายวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558ละครโทรทัศน์ละครโทรทัศน์. - ประมาณปี พ.ศ. 2515 ละครโทรทัศน์ครั้งแรก ออกอากาศทางช่อง 4 บางขุนพรหม นำแสดงโดย กำธร สุวรรณปิยะศิริ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ และ นงลักษณ์ โรจนพรรณ รับบทเป็น นวล - ปี พ.ศ. 2521 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางช่อง 5 นำแสดงโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ ดวงใจ หทัยกาญจน์ รับบทเป็น นวล และ ตรัยเทพ เทวะผลิน รับบทเป็น พระเจ้าเสือ - ปี พ.ศ. 2543 ละครโทรทัศน์ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดย ธีรภัทร์ สัจจกุล รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พิยดา อัครเศรณี รับบทเป็น นวล และ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง รับบทเป็น พระเจ้าเสือ ร่วมด้วย กมลชนก โกมลฐิติ, ธนายง ว่องตระกูล, สุวัจนี ไชยมุสิก, ชุติมา นัยนา, วิทิต แลต กำกับการแสดงโดย พิศาล อัครเศรณี - ปี พ.ศ. 2558 หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หรือ ท่านมุ้ย ได้นำฉบับเต็มของภาพยนตร์ที่ฉายในปี พ.ศ. 2558 มาออกอากาศเป็นละครโทรทัศน์ความยาว 20 ตอนทางช่องเวิร์คพอยท์ นำแสดงโดย พงศกร เมตตาริกานนท์ รับบทเป็น พันท้ายนรสิงห์ พันโทวันชนะ สวัสดี รับบทเป็น พระเจ้าเสือ และ พิมดาว พานิชสมัย รับบทเป็น นวล โดยเริ่มออกอากาศในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2559 และอวสานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ในตอนแรกละครเรื่องนี้จะออกอากาศทางช่อง 3 เนื่องจาก พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท พันท้ายนรสิงห์ เป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 3 แต่ด้วยปัญหาเรื่องช่วงเวลาออกอากาศทำให้ท่านมุ้ยทรงนำพันท้ายนรสิงห์ไปตัดต่อและฉายเป็นภาพยนตร์ ต่อมา หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล หรือ คุณชายอดัม โอรสของท่านมุ้ยได้ตัดสินใจซื้อละครพันท้ายนรสิงห์กลับมาจากช่อง 3 และนำไปออกอากาศทางช่องโมโน 29 แต่ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ละครเรื่องนี้ไม่สามารถออกอากาศทางช่องโมโน 29 ได้ ทำให้ท่านมุ้ยตัดสินใจนำละครเรื่องพันท้ายนรสิงห์มาออกอากาศทางช่องเวิร์คพอยท์แทน มีจำนวน 19 ตอน ตอนสุดท้ายออกอากาศเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2559
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,983 | 2 |
โครงสร้างทรงโค้งมีสัน เป็นโครงสร้างทรงโค้งซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณจุดที่ตัดกันระหว่างโครงสร้างทรงกลมประทุน จำนวนสองหรือสามส่วนเข้าด้วยกันใช่หรือไม่
|
โครงสร้างทรงโค้งมีสัน โครงสร้างทรงโค้งมีสัน (; ) เป็นโครงสร้างทรงโค้งแบบหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในบริเวณจุดที่ตัดกันระหว่างโครงสร้างทรงโค้งประทุน (barrel vault) จำนวนสองหรือสามส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้เกิดสันซึ่งมักจะตกแต่งด้วยบริเวณโค้งสันด้วยหินแกะสลักเป็นลายต่าง ๆ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับโครงสร้างทรงโค้งสันทแยงมุม (groin vault) ซึ่งเป็นโครงสร้างของเพดานโค้งในยุคที่เก่ากว่า โดยกลไกคือการถ่ายเทน้ำหนักของบริเวณเพดานลงออกด้านข้างไปยังบริเวณเสาโดยรอบ ซึ่งเหมือนกันกับแบบโค้งสัน เพียงแต่แบบใหม่นี้สามารถทำให้สถาปนิกสามารถสร้างสรรค์ความอลังการได้มากกว่าโดยเฉพาะในสมัยสถาปัตยกรรมกอทิกในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 11 ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นเทคโนโลยีแบบใหม่ ซึ่งมักจะคู่กันกับครีบยันลอย ซึ่งต่างกับสมัยโรมาเนสก์ที่ใช้เพียงครีบยันธรรมดาและกำแพงอันหนาเพื่อรับแรงโดยตรงจากโครงสร้างทรงโค้งแบบครึ่งวงกลม ในสถาปัตยกรรมกอทิก โครงสร้างทรงโค้งมีสันนี้เป็นวิธีที่กระจายน้ำหนักรวมลงที่ปลายเสาโดยตรงโดยไม่ผ่านผนังหรือกำแพง ซึ่งทำให้สามารถสร้างกำแพงที่บาง สูง และยังเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่เพื่อใส่งานกระจกสีได้อย่างง่ายดาย และจากบริเวณปลายเสาก็ถ่ายเทน้ำหนักลงที่ครีบยันลอย โครงสร้างทรงโค้งมีสันในสมัยแรกซึ่งฝังอยู่ในโครงสร้างของสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์จะพบตัวอย่างได้ที่บริเวณทางเดินข้างของบริเวณร้องเพลงสวดของมหาวิหารเดอรัม และที่โบสถ์แซ็ง-เอเตียนแห่งก็อง ซึ่งทั้งสองที่นี้เป็นวิหารในยุคแรก ๆ ที่มีการใช้โครงสร้างทรงโค้งมีสันเข้ากับสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์โครงสร้างทรงโค้งมีสันแบบอื่น ๆ โครงสร้างทรงโค้งมีสันแบบอื่น ๆ. โครงสร้างทรงโค้งมีสันยังสามารถพบได้ถึงหกแฉก ซึ่งเรียกกันว่า "โครงสร้างทรงโค้งมีสันหกแฉก" (sexpartite vault) ซึ่งเกิดบริเวณจุดที่ตัดกันของโครงสร้างทรงโค้งประทุนจำนวนสามส่วน โดยจะมีทั้งหมดหกสัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,984 | 2 |
พระสันตะปาปา เป็นมุขนายกแห่งคริสตจักรกรุงโรม (Bishop of the Church of Rome) และผู้นำคริสตจักรออธอด็อกซ์ทั่วโลกใช่หรือไม่
|
พระสันตะปาปา พระสันตะปาปา (; ) หมายถึง มุขนายกแห่งคริสตจักรกรุงโรม (Bishop of the Church of Rome) และผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก คริสตจักรนี้ถือว่าพระสันตะปาปาเป็นผู้สืบตำแหน่งจากนักบุญซีโมนเปโตรอัครทูตของพระเยซู สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ปัจจุบันตามการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013 ตำแหน่งของพระสันตะปาปา ในภาษาอังกฤษเรียก ปาปาซี (Papacy) และรัฐบาลคริสตจักรในพระสันตะปาปาเรียก "สันตะสำนัก" ตั้งอยู่ที่กรุงโรม โดยถือตามความเชื่อสืบมาว่า นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครทูตได้พลีชีพเป็นมรณสักขีในศาสนาคริสต์ที่นี่ พระสันตะปาปายังทรงดำรงตำแหน่งประมุขนครรัฐวาติกันด้วย ซึ่งเป็นรัฐอธิปไตยที่ตั้งอยู่ภายในกรุงโรม ตำแหน่งพระสันตะปาปาถือเป็นตำแหน่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตำแหน่งหนึ่ง และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ในสมัยโบราณพระสันตะปาปามีหน้าที่หลักในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์และตัดสินข้อขัดแย้งด้านความเชื่อภายในคริสตจักร ในสมัยกลางพระสันตะปาปามีบทบาทสำคัญมากในทางโลกในยุโรปตะวันตกด้วย เช่น เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างประมุขของรัฐ รวมถึงสงครามหลายครั้ง ปัจจุบันนี้นอกจากจะทำหน้าที่ด้านเผยแผ่ศาสนาคริสต์แล้ว พระสันตะปาปายังปฏิบัติพระกรณียกิจด้านคริสต์ศาสนสัมพันธ์และศาสนสัมพันธ์ งานการกุศล และการปกป้องสิทธิมนุษยชนด้วย ตั้งแต่สมัยใหม่เป็นต้นมา พระสันตะปาปาได้สูญเสียอำนาจทางฝ่ายโลก ปัจจุบันจึงเน้นแต่ด้านศาสนา ในปี ค.ศ. 1870 คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีประกาศคำสอนต้องเชื่อว่าพระสันตะปาปาไม่เคยผิดพลาดในการกำหนดหลักความเชื่อและศีลธรรม แต่ก็ไม่ค่อยประกาศใช้บ่อยครั้งนัก การประกาศครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1950 เรื่องยืนยันว่าเรื่องแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์เป็นคำสอนต้องเชื่อประวัติ ประวัติ. คำว่า Papa ในภาษาละติน หรือ Pappas ในภาษากรีก แปลว่า บิดา ศาสนาคริสต์ตะวันออกได้ใช้คำนี้เพื่อหมายถึงมุขนายกและบาทหลวงระดับสูงในคริสตจักร ต่อมาคำนี้ถูกใช้เป็นคำนำหน้านามของอัครบิดรแห่งอะเล็กซานเดรียมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 และต่อมาจึงใช้กับบรรดามุขนายกในศาสนาคริสต์ตะวันตกด้วย มาร์เซลลินุสเป็นมุขนายกองค์แรกของคริสตจักรกรุงโรมที่ใช้คำนำหน้านามว่าพระสันตะปาปา แต่ก็เป็นการใช้อย่างไม่เป็นทางการ จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 6 เป็นต้นมา คริสตจักรโรมันคาทอลิกจึงใช้คำว่าพระสันตะปาปากับมุขนายกแห่งกรุงโรมโดยเฉพาะ และในคริสต์ศตวรรษที่ 11 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 ได้ประกาศให้คำว่า "พระสันตะปาปา" สงวนไว้ใช้กับมุขนายกแห่งกรุงโรมเท่านั้นตำแหน่งอื่น ๆ ตำแหน่งอื่น ๆ. ผู้นำสูงสุดของนิกายโรมันคาทอลิกยังดำรงตำแหน่งอื่น ๆ อีก เช่น บิชอปแห่งโรม (Bishop of Rome) ผู้แทนองค์พระเยซูคริสต์ (Vicar of Jesus Christ) ผู้สืบตำแหน่งเจ้าชายแห่งอัครทูต (Successor of the Prince of the Apostles) ปอนทิฟสูงสุดแห่งคริสตจักรสากล (Supreme Pontiff of the Universal Church) อัครบิดรแห่งคริสตจักรตะวันตก (Patriarch of the West) ไพรเมตแห่งอิตาลี (Primate of Italy) อัครบิดรและมุขนายกมหานครแห่งภาคโรม (Archbishop and Metropolitan of the Roman Province) และผู้รับใช้ของบรรดาผู้รับใช้พระเป็นเจ้า (Servant of the Servants of God)รายพระนามสมเด็จพระสันตะปาปาผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา. ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา หรือ พระสันตะปาปาซ้อน (antipope) หมายถึง ผู้ที่เป็นพระสันตะปาปาโดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่อ้างตัวเอง เกิดจากความสับสน หรือได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาแล้ว แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ หรือได้รับตำแหน่งโดยถูกต้องแล้ว แต่ถือกันว่าเป็นพระสันตะปาปาอย่างไม่ถูกต้อง และเป็นปรปักษ์ต่อพระสันตะปาปาที่ได้รับเลือกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายศาสนจักร พระสันตะปาปาซ้อนมักเกิดจากความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองฝ่ายอาณาจักรกับฝ่ายคริสตจักรในขณะนั้น โดยเฉพาะกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ผู้ปกครองในหลายสมัยพยายามจะเข้ามาแทรกแซงศาสนจักร ส่วนศาสนจักรเองนั้น ตามประวัติศาสตร์ก็ปรากฏว่ามีการพยายามแทรกแซงทางโลกเช่นเดียวกัน เช่นการสนับสนุน antiking ในประเทศเยอรมนีสมัยก่อน นอกจากความขัดแย้งกับทางโลกแล้ว ความสับสนและไม่ลงรอยภายในศาสนจักรเอง ก็ทำให้มีผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาขึ้นในระหว่างการเลือกพระสันตะปาปาเช่นเดียวกัน กล่าวได้อีกอย่างก็คือ พระสันตะปาปาที่ถูกต้องนั้นก็มีโอกาสเป็นปรปักษ์พระสันตะปาปาได้เช่นเดียวกัน ถ้าการณ์กลับว่าพระสันตะปาปาเท็จได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาที่ถูกต้อง ความไม่ลงรอยกันในการเลือกพระสันตะปาปาในศาสนจักรโรมันคาทอลิกนั้น ภายหลังนำไปสู่การปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ในที่สุด รายนามพระสันตะปาปาซ้อนมาจากมุมมองของนิกายโรมันคาทอลิก ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาบางพระองค์อาจจะถือเป็นพระสันตะปาปาที่ถูกต้องในมุมมองของนิกายอื่นพระสันตะปาปาพระองค์สุดท้าย พระสันตะปาปาพระองค์สุดท้าย. มีการพยากรณ์กันว่า พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายจะใช้พระนามว่า "เปโตร" (สมเด็จพระสันตะปาปาเปโตรที่ 2)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,985 | 2 |
คำว่า Papa ในภาษาละติน หรือ Pappas ในภาษากรีก แปลว่า ผ้าอ้อม ใช่หรือไม่
|
พระสันตะปาปา พระสันตะปาปา (; ) หมายถึง มุขนายกแห่งคริสตจักรกรุงโรม (Bishop of the Church of Rome) และผู้นำคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วโลก คริสตจักรนี้ถือว่าพระสันตะปาปาเป็นผู้สืบตำแหน่งจากนักบุญซีโมนเปโตรอัครทูตของพระเยซู สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นพระสันตะปาปาพระองค์ปัจจุบันตามการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาในวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013 ตำแหน่งของพระสันตะปาปา ในภาษาอังกฤษเรียก ปาปาซี (Papacy) และรัฐบาลคริสตจักรในพระสันตะปาปาเรียก "สันตะสำนัก" ตั้งอยู่ที่กรุงโรม โดยถือตามความเชื่อสืบมาว่า นักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครทูตได้พลีชีพเป็นมรณสักขีในศาสนาคริสต์ที่นี่ พระสันตะปาปายังทรงดำรงตำแหน่งประมุขนครรัฐวาติกันด้วย ซึ่งเป็นรัฐอธิปไตยที่ตั้งอยู่ภายในกรุงโรม ตำแหน่งพระสันตะปาปาถือเป็นตำแหน่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลกตำแหน่งหนึ่ง และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ในสมัยโบราณพระสันตะปาปามีหน้าที่หลักในการเผยแผ่ศาสนาคริสต์และตัดสินข้อขัดแย้งด้านความเชื่อภายในคริสตจักร ในสมัยกลางพระสันตะปาปามีบทบาทสำคัญมากในทางโลกในยุโรปตะวันตกด้วย เช่น เป็นผู้ตัดสินความขัดแย้งระหว่างประมุขของรัฐ รวมถึงสงครามหลายครั้ง ปัจจุบันนี้นอกจากจะทำหน้าที่ด้านเผยแผ่ศาสนาคริสต์แล้ว พระสันตะปาปายังปฏิบัติพระกรณียกิจด้านคริสต์ศาสนสัมพันธ์และศาสนสัมพันธ์ งานการกุศล และการปกป้องสิทธิมนุษยชนด้วย ตั้งแต่สมัยใหม่เป็นต้นมา พระสันตะปาปาได้สูญเสียอำนาจทางฝ่ายโลก ปัจจุบันจึงเน้นแต่ด้านศาสนา ในปี ค.ศ. 1870 คริสตจักรโรมันคาทอลิกมีประกาศคำสอนต้องเชื่อว่าพระสันตะปาปาไม่เคยผิดพลาดในการกำหนดหลักความเชื่อและศีลธรรม แต่ก็ไม่ค่อยประกาศใช้บ่อยครั้งนัก การประกาศครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1950 เรื่องยืนยันว่าเรื่องแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์เป็นคำสอนต้องเชื่อประวัติ ประวัติ. คำว่า Papa ในภาษาละติน หรือ Pappas ในภาษากรีก แปลว่า บิดา ศาสนาคริสต์ตะวันออกได้ใช้คำนี้เพื่อหมายถึงมุขนายกและบาทหลวงระดับสูงในคริสตจักร ต่อมาคำนี้ถูกใช้เป็นคำนำหน้านามของอัครบิดรแห่งอะเล็กซานเดรียมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 และต่อมาจึงใช้กับบรรดามุขนายกในศาสนาคริสต์ตะวันตกด้วย มาร์เซลลินุสเป็นมุขนายกองค์แรกของคริสตจักรกรุงโรมที่ใช้คำนำหน้านามว่าพระสันตะปาปา แต่ก็เป็นการใช้อย่างไม่เป็นทางการ จนกระทั่งคริสต์ศตวรรษที่ 6 เป็นต้นมา คริสตจักรโรมันคาทอลิกจึงใช้คำว่าพระสันตะปาปากับมุขนายกแห่งกรุงโรมโดยเฉพาะ และในคริสต์ศตวรรษที่ 11 สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 ได้ประกาศให้คำว่า "พระสันตะปาปา" สงวนไว้ใช้กับมุขนายกแห่งกรุงโรมเท่านั้นตำแหน่งอื่น ๆ ตำแหน่งอื่น ๆ. ผู้นำสูงสุดของนิกายโรมันคาทอลิกยังดำรงตำแหน่งอื่น ๆ อีก เช่น บิชอปแห่งโรม (Bishop of Rome) ผู้แทนองค์พระเยซูคริสต์ (Vicar of Jesus Christ) ผู้สืบตำแหน่งเจ้าชายแห่งอัครทูต (Successor of the Prince of the Apostles) ปอนทิฟสูงสุดแห่งคริสตจักรสากล (Supreme Pontiff of the Universal Church) อัครบิดรแห่งคริสตจักรตะวันตก (Patriarch of the West) ไพรเมตแห่งอิตาลี (Primate of Italy) อัครบิดรและมุขนายกมหานครแห่งภาคโรม (Archbishop and Metropolitan of the Roman Province) และผู้รับใช้ของบรรดาผู้รับใช้พระเป็นเจ้า (Servant of the Servants of God)รายพระนามสมเด็จพระสันตะปาปาผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา. ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปา หรือ พระสันตะปาปาซ้อน (antipope) หมายถึง ผู้ที่เป็นพระสันตะปาปาโดยไม่ถูกต้อง ทั้งที่อ้างตัวเอง เกิดจากความสับสน หรือได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาแล้ว แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ หรือได้รับตำแหน่งโดยถูกต้องแล้ว แต่ถือกันว่าเป็นพระสันตะปาปาอย่างไม่ถูกต้อง และเป็นปรปักษ์ต่อพระสันตะปาปาที่ได้รับเลือกมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายศาสนจักร พระสันตะปาปาซ้อนมักเกิดจากความขัดแย้งระหว่างผู้ปกครองฝ่ายอาณาจักรกับฝ่ายคริสตจักรในขณะนั้น โดยเฉพาะกับจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งนี้ผู้ปกครองในหลายสมัยพยายามจะเข้ามาแทรกแซงศาสนจักร ส่วนศาสนจักรเองนั้น ตามประวัติศาสตร์ก็ปรากฏว่ามีการพยายามแทรกแซงทางโลกเช่นเดียวกัน เช่นการสนับสนุน antiking ในประเทศเยอรมนีสมัยก่อน นอกจากความขัดแย้งกับทางโลกแล้ว ความสับสนและไม่ลงรอยภายในศาสนจักรเอง ก็ทำให้มีผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาขึ้นในระหว่างการเลือกพระสันตะปาปาเช่นเดียวกัน กล่าวได้อีกอย่างก็คือ พระสันตะปาปาที่ถูกต้องนั้นก็มีโอกาสเป็นปรปักษ์พระสันตะปาปาได้เช่นเดียวกัน ถ้าการณ์กลับว่าพระสันตะปาปาเท็จได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาที่ถูกต้อง ความไม่ลงรอยกันในการเลือกพระสันตะปาปาในศาสนจักรโรมันคาทอลิกนั้น ภายหลังนำไปสู่การปฏิรูปศาสนาฝ่ายโปรเตสแตนต์ในที่สุด รายนามพระสันตะปาปาซ้อนมาจากมุมมองของนิกายโรมันคาทอลิก ผู้อ้างตนเป็นพระสันตะปาปาบางพระองค์อาจจะถือเป็นพระสันตะปาปาที่ถูกต้องในมุมมองของนิกายอื่นพระสันตะปาปาพระองค์สุดท้าย พระสันตะปาปาพระองค์สุดท้าย. มีการพยากรณ์กันว่า พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายจะใช้พระนามว่า "เปโตร" (สมเด็จพระสันตะปาปาเปโตรที่ 2)
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,986 | 2 |
ฟาโรห์กาอา เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์แรกของโรมัน โดยทรงครองราชย์เป็นเวลา 33 ปีในตอนท้ายของศตวรรษที่ 30 ก่อนคริสต์ศักราชใช่หรือไม่
|
ฟาโรห์กาอา ฟาโรห์กาอา เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์แรกของอียิปต์ พระองค์ทรงครองราชย์เป็นเวลา 33 ปีในตอนท้ายของศตวรรษที่ 30 ก่อนคริสต์ศักราชการครองราชย์ การครองราชย์. มีข้อมูลไม่มากเกี่ยวกับรัชกาลของฟาโรห์กาอา แต่ดูเหมือนว่าเขาครองราชย์เป็นเวลานาน (ประมาณ 33 ปี) จารึกเรือหินจำนวนมากกล่าวถึงเทศกาลเซด ที่สองสำหรับฟาโรห์กาอา ซึ่งชี้ให้เห็นอย่างน้อย 33 ปีในรัชกาล ที่จริงเทศกาลแรกมักไม่ได้รับการเฉลิมฉลองก่อน 30 ปีในรัชกาลและงานเทศกาลที่ตามมาอาจมีการทำซ้ำทุกๆปีที่สาม ปาแลร์โมสโตนกล่าวถึงปีแห่งการสวมมงกุฎและเหตุการณ์ทางศาสนาบางอย่างที่ได้รับการเฉลิมฉลองภายใต้พระมหากษัตริย์ทุกประการ แท็กงาช้างจำนวนมากสืบมาจนถึงรัชสมัยของพระองค์ยังกล่าวถึงการจัดเตรียมเฉพาะเช่นการวาดภาพและการนับถวายบูชาและทรัพย์สินส่วนบุคคลของกษัตริย์ สุสานของขุนนางชั้นสูงหลายแห่งในรัชสมัยของฟาโรห์กาอา มีชื่อว่า เมอร์กา (S3505), เฮนูกา (ฝังศพที่ไม่รู้จัก), เนเฟอร์เรฟ (ศพยังไม่ทราบ) และ ซาเบฟ (ฝังอยู่ในสุสานของฟาโรห์กาอา)สุสาน สุสาน. ฟาโรห์กาอา มีสุสานขนาดใหญ่ในอบีดอส ซึ่งวัด 98.5 X 75.5 ฟุตหรือ 30 X 23 เมตร รัชกาลยาวได้รับการสนับสนุนโดยขนาดใหญ่ของสถานที่ฝังศพของผู้ปกครองนี้ที่อบีดอส หลุมฝังศพนี้ถูกขุดขึ้นโดยนักโบราณคดีชาวเยอรมันในปี พ.ศ. 2536 หลายปีที่ผ่านมาฉลากยังถูกค้นพบเวลากับรัชสมัยของพระองค์ในสถานที่ฝังศพราชวงศ์แรกของ Umm el-Qa'ab ในอบีดอส ฟาโรห์กาอา เชื่อกันว่าจะปกครองอียิปต์ประมาณ พ.ศ. 2916 ก่อนคริสต์ศักราช จานที่จารึกชื่อและชื่อของฟาโรห์กาอา ถูกค้นพบในสุสาน P
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,987 | 2 |
ศาลาเฉลิมไทย เป็นโรงภาพยนตร์ ที่ตั้งอยู่ที่มุม ถนนราชดำเนินกลาง กับ ถนนมหาไชย โดยสร้างขึ้นตามความประสงค์ของจอมพลถนอม กิตติขจรใช่หรือไม่
|
ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมไทย เป็นโรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่ที่มุม ถนนราชดำเนินกลาง กับ ถนนมหาไชย ได้รับการสร้างขึ้นตามความประสงค์ของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ศาลาเฉลิมไทยได้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2483 แต่ก็ได้หยุดไปช่วงหนึ่งเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 อาคารก่อสร้างขึ้นด้วยรูปทรงโมเดิร์นตามแบบตะวันตกไม่มีหลังคา คล้ายคลังกับศาลาเฉลิมกรุง อาคารได้รับการออกแบบโดยจิตรเสน อภัยวงศ์ ที่จบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศส และตกแต่งภายในโดยศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา ศาลาเฉลิมไทยเมื่อเปิดใหม่ ได้กลายเป็นหนึ่งในโรงมโหรสพร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในขณะนั้น ด้วยที่นั่งราว 1,200 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งชั้นบน เวทีเป็นแบบมีกรอบหน้า มีเวทีแบบเลื่อนบนราง (Wagon Stage) เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนฉาก ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโรงภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2496 เนื่องจากศาลาเฉลิมไทยตั้งอยู่ด้านหน้าวัดราชนัดดารามวรวิหาร และ โลหะปราสาท ทำให้เกิดการบดบังทัศนียภาพเบื้องหลัง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีมติให้รื้อศาลาเฉลิมไทย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายก็ตาม โดยศาลาเฉลิมไทยได้ฉายเรื่อง "เพราะฉันรักเธอ" เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายประวัติ ประวัติ. ก่อสร้างในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี มีความประสงค์ให้เป็นโรงละครแห่งชาติในเวลานั้น และมีรูปแบบของอาคารกลมกลืนกับอาคารอื่นที่สร้างขึ้นริมถนนราชดำเนินกลาง เดิมเป็นอาคารว่างเปล่าแล้วเป็นโกดังเก็บผ้าของทางราชการ ต่อมาบริษัทศิลป์ไทย (ซึ่งมีนายพิสิฐ ตันสัจจา เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นด้วย) ได้ขอเช่าพื้นที่ ริเริ่มปรับปรุงต่อเติมเป็นสถานบันเทิง ออกแบบและควบคุมโดย อาจารย์ศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา สถาปนิกชั้นนำของเมืองไทย ใช้งบประมาณถึง 1 ล้านบาท เปิดดำเนินการเป็นสถานที่แสดงละครเวทีอาชีพ ระหว่าง พ.ศ. 2492 - 2496 ก่อนเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ทางโรงภาพยนตร์ได้จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ เป็นการอำลาอาลัยการก่อนปิดตัวถาวร หลังจากนั้นได้ขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ เครื่องฉาย รถขายไอศกรีม ลำโพง ตัวอักษรชื่อโรง พร้อมกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เหลือออกเพื่อสร้างเป็น ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเผยให้เห็นทัศนยภาพสง่างามของ โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร เบื้องหลังได้อย่างเต็มที่ความรุ่งโรจน์และนวัตกรรมโรงละครเวที ความรุ่งโรจน์และนวัตกรรม. โรงละครเวที. ในอดีตได้ชื่อว่าเป็นโรงมหรสพ ซึ่งผสมผสานความสง่างามแบบโรงละครในยุโรปกับความหรูหราของศิลปะลวดลายไทยอันวิจิตร ทันสมัยยิ่งใหญ่ด้วยเวทีเลื่อนขึ้นลงได้ระบบไฮดรอลิค เพียงแห่งเดียวของเมืองไทย สามารถจุผู้ชม 1,500 ที่นั่ง (ศาลาเฉลิมนคร 800 ที่นั่ง ,ศาลาเฉลิมกรุง 600 ที่นั่ง) ตั้งแต่ยุคละครเวที หลายเรื่องของคณะอัศวินการละครเป็นตำนานที่มีชื่อเสียง เช่น พันท้ายนรสิงห์ ,นันทาเทวี ,บ้านทรายทอง ฯลฯโรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์. เมื่อเข้าสู่ยุคปรับเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ได้ริเริ่มจัดพื้นที่ซึ่งเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมร้านข้าวโพดคั่ว (Pop Corn) อย่างโรงหนังต่างประเทศ และร้านไอศกรีม (ป๊อบ "ตราเป็ด" ที่ดังมากในขณะนั้น พร้อมป้ายโลโก้ รูปหน้าโดนัลดั๊ค มองเห็นแต่ไกล) ต้นเดือนเมษายน ปีนั้น เป็นแห่งแรกในเมืองไทยที่ฉายหนังสามมิติ ใต้อุ้งมือโจร (Man in the Dark) และหนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของโลก อภินิหารเสื้อคลุม (The Robe) เข้าฉายในวันสิ้นปี พ.ศ. 2498 เป็นสถานที่ฉายเฉพาะกิจสำหรับหนังการ์ตูนไทยเรื่องแรก (16 มม./พากย์) เหตุมหัศจรรย์ ของ ปยุต เงากระจ่าง (ซึ่งเพิ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติปี พ.ศ. 2555)และหนังทุนสูง (16 มม./พากย์) นเรศวรมหาราช ของอัศวินภาพยนตร์ ในช่วงต้นทศวรรษ 2500 หลังจากนั้นเป็นผู้นำความแปลกใหม่มาเสนออย่างต่อเนื่อง ได้แก่ หนังเพลงระบบทอดด์-เอโอ เสียงสเตอริโอโฟนิคสมบูรณ์แบบครั้งแรกของฮอลลีวู้ด มนต์รักทะเลใต้ (South Pacific) ,หนังการ์ตูน ระบบซูเปอร์เทคนิรามา 70 มม.เรื่องแรกของโลก เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) ,หนังมหากาพย์สงครามโลก 34 ดาราสากล วันผด็จศึก (The Longest Day) ,หนังซีเนราม่า 3 เครื่องฉาย พิชิตตะวันตก (How the West Was Won) ,หนังมหากาพย์ทุนมโหฬารตลอดกาล คลีโอพัตรา (Cleopatra) ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นครั้งแรกของโรงหนังเมืองไทยที่ติดตั้งลิฟท์บริการผู้ชมชั้นบนด้วย และหนังเด่นอีกหลายเรื่อง เช่น บุษบาริมทาง (My Fair Lady) ,ดร.ชิวาโก (Dr.Zhivago) รวมทั้งหนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของอัศวินภาพยนตร์ -ชอว์บราเดอร์ส รางวัลตุ๊กตาทอง (มรดกชาติปี พ.ศ. 2555) เรือนแพ ที่ยังกลับมาฉายซ้ำอีก 2-3 ครั้ง เป็นต้นวันมหาวิปโยค 14 ตุลา วันมหาวิปโยค 14 ตุลา. มีบทบาทสำคัญในช่วงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นทั้งที่หลบภัยและโรงพยาบาลของคนเจ็บจากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,988 | 2 |
ศาลาเฉลิมไทยมีบทบาทสำคัญในช่วงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นทั้งป้อมค่ายต่อสู้ของผู้เรียกร้องประชาธิปไตยใช่หรือไม่
|
ศาลาเฉลิมไทย ศาลาเฉลิมไทย เป็นโรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ ตั้งอยู่ที่มุม ถนนราชดำเนินกลาง กับ ถนนมหาไชย ได้รับการสร้างขึ้นตามความประสงค์ของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ศาลาเฉลิมไทยได้สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2483 แต่ก็ได้หยุดไปช่วงหนึ่งเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 อาคารก่อสร้างขึ้นด้วยรูปทรงโมเดิร์นตามแบบตะวันตกไม่มีหลังคา คล้ายคลังกับศาลาเฉลิมกรุง อาคารได้รับการออกแบบโดยจิตรเสน อภัยวงศ์ ที่จบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมจากประเทศฝรั่งเศส และตกแต่งภายในโดยศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา ศาลาเฉลิมไทยเมื่อเปิดใหม่ ได้กลายเป็นหนึ่งในโรงมโหรสพร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในขณะนั้น ด้วยที่นั่งราว 1,200 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งชั้นบน เวทีเป็นแบบมีกรอบหน้า มีเวทีแบบเลื่อนบนราง (Wagon Stage) เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนฉาก ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นโรงภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2496 เนื่องจากศาลาเฉลิมไทยตั้งอยู่ด้านหน้าวัดราชนัดดารามวรวิหาร และ โลหะปราสาท ทำให้เกิดการบดบังทัศนียภาพเบื้องหลัง จนในที่สุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2532 คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ มีมติให้รื้อศาลาเฉลิมไทย แม้จะมีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายก็ตาม โดยศาลาเฉลิมไทยได้ฉายเรื่อง "เพราะฉันรักเธอ" เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายประวัติ ประวัติ. ก่อสร้างในสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี มีความประสงค์ให้เป็นโรงละครแห่งชาติในเวลานั้น และมีรูปแบบของอาคารกลมกลืนกับอาคารอื่นที่สร้างขึ้นริมถนนราชดำเนินกลาง เดิมเป็นอาคารว่างเปล่าแล้วเป็นโกดังเก็บผ้าของทางราชการ ต่อมาบริษัทศิลป์ไทย (ซึ่งมีนายพิสิฐ ตันสัจจา เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นด้วย) ได้ขอเช่าพื้นที่ ริเริ่มปรับปรุงต่อเติมเป็นสถานบันเทิง ออกแบบและควบคุมโดย อาจารย์ศิววงศ์ กุญชร ณ อยุธยา สถาปนิกชั้นนำของเมืองไทย ใช้งบประมาณถึง 1 ล้านบาท เปิดดำเนินการเป็นสถานที่แสดงละครเวทีอาชีพ ระหว่าง พ.ศ. 2492 - 2496 ก่อนเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ทางโรงภาพยนตร์ได้จัดแสดงละครเวที พันท้ายนรสิงห์ เป็นการอำลาอาลัยการก่อนปิดตัวถาวร หลังจากนั้นได้ขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ เครื่องฉาย รถขายไอศกรีม ลำโพง ตัวอักษรชื่อโรง พร้อมกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เหลือออกเพื่อสร้างเป็น ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งเผยให้เห็นทัศนยภาพสง่างามของ โลหะปราสาท วัดราชนัดดารามวรวิหาร เบื้องหลังได้อย่างเต็มที่ความรุ่งโรจน์และนวัตกรรมโรงละครเวที ความรุ่งโรจน์และนวัตกรรม. โรงละครเวที. ในอดีตได้ชื่อว่าเป็นโรงมหรสพ ซึ่งผสมผสานความสง่างามแบบโรงละครในยุโรปกับความหรูหราของศิลปะลวดลายไทยอันวิจิตร ทันสมัยยิ่งใหญ่ด้วยเวทีเลื่อนขึ้นลงได้ระบบไฮดรอลิค เพียงแห่งเดียวของเมืองไทย สามารถจุผู้ชม 1,500 ที่นั่ง (ศาลาเฉลิมนคร 800 ที่นั่ง ,ศาลาเฉลิมกรุง 600 ที่นั่ง) ตั้งแต่ยุคละครเวที หลายเรื่องของคณะอัศวินการละครเป็นตำนานที่มีชื่อเสียง เช่น พันท้ายนรสิงห์ ,นันทาเทวี ,บ้านทรายทอง ฯลฯโรงภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์. เมื่อเข้าสู่ยุคปรับเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 ได้ริเริ่มจัดพื้นที่ซึ่งเป็นต้นแบบของวัฒนธรรมร้านข้าวโพดคั่ว (Pop Corn) อย่างโรงหนังต่างประเทศ และร้านไอศกรีม (ป๊อบ "ตราเป็ด" ที่ดังมากในขณะนั้น พร้อมป้ายโลโก้ รูปหน้าโดนัลดั๊ค มองเห็นแต่ไกล) ต้นเดือนเมษายน ปีนั้น เป็นแห่งแรกในเมืองไทยที่ฉายหนังสามมิติ ใต้อุ้งมือโจร (Man in the Dark) และหนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของโลก อภินิหารเสื้อคลุม (The Robe) เข้าฉายในวันสิ้นปี พ.ศ. 2498 เป็นสถานที่ฉายเฉพาะกิจสำหรับหนังการ์ตูนไทยเรื่องแรก (16 มม./พากย์) เหตุมหัศจรรย์ ของ ปยุต เงากระจ่าง (ซึ่งเพิ่งขึ้นทะเบียนเป็นมรดกชาติปี พ.ศ. 2555)และหนังทุนสูง (16 มม./พากย์) นเรศวรมหาราช ของอัศวินภาพยนตร์ ในช่วงต้นทศวรรษ 2500 หลังจากนั้นเป็นผู้นำความแปลกใหม่มาเสนออย่างต่อเนื่อง ได้แก่ หนังเพลงระบบทอดด์-เอโอ เสียงสเตอริโอโฟนิคสมบูรณ์แบบครั้งแรกของฮอลลีวู้ด มนต์รักทะเลใต้ (South Pacific) ,หนังการ์ตูน ระบบซูเปอร์เทคนิรามา 70 มม.เรื่องแรกของโลก เจ้าหญิงนิทรา (Sleeping Beauty) ,หนังมหากาพย์สงครามโลก 34 ดาราสากล วันผด็จศึก (The Longest Day) ,หนังซีเนราม่า 3 เครื่องฉาย พิชิตตะวันตก (How the West Was Won) ,หนังมหากาพย์ทุนมโหฬารตลอดกาล คลีโอพัตรา (Cleopatra) ซึ่งโปรแกรมนี้เป็นครั้งแรกของโรงหนังเมืองไทยที่ติดตั้งลิฟท์บริการผู้ชมชั้นบนด้วย และหนังเด่นอีกหลายเรื่อง เช่น บุษบาริมทาง (My Fair Lady) ,ดร.ชิวาโก (Dr.Zhivago) รวมทั้งหนังซีเนมาสโคปเรื่องแรกของอัศวินภาพยนตร์ -ชอว์บราเดอร์ส รางวัลตุ๊กตาทอง (มรดกชาติปี พ.ศ. 2555) เรือนแพ ที่ยังกลับมาฉายซ้ำอีก 2-3 ครั้ง เป็นต้นวันมหาวิปโยค 14 ตุลา วันมหาวิปโยค 14 ตุลา. มีบทบาทสำคัญในช่วงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 เป็นทั้งที่หลบภัยและโรงพยาบาลของคนเจ็บจากการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,989 | 2 |
เศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นเครื่องมือวิเคราะห์สำหรับผู้ที่มีความรู้ในทางบริหารธุรกิจในระดับสูงตามทฤษฏีเศรษฐศาสตร์มหภาค
|
เศรษฐศาสตร์มหภาค เศรษฐศาสตร์มหภาค () เป็นการศึกษาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนรวม เช่น ผลผลิตรวมของประเทศ การจ้างงาน การเงินและการธนาคาร การพัฒนาประเทศ การค้าระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นปัญหาที่กว้างขวางกว่าเศรษฐศาสตร์จุลภาค เพราะว่าไม่ได้กระทบเพียงหน่วยธุรกิจเท่านั้น แต่จะกระทบถึงบุคคล หน่วยการผลิต อุตสาหกรรมทั้งหมด และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เศรษฐศาสตร์มหภาคนั้นจะมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติเบี้องต้น(GNP) และการว่าจ้างงาน จะหาว่าอะไรเป็นสาเหตุให้ผลิตผลรวมและระดับการว่าจ้างงานมีการเคลื่อนไหวขึ้นลง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาต่างๆได้ตรงจุด เช่น ภาวะเงินเฟ้อเงินฝืด และ ปัญหาการว่างงาน เป็นต้นจุดมุ่งหมายของเศรษฐศาสตร์มหภาค จุดมุ่งหมายของเศรษฐศาสตร์มหภาค. การศึกษาเศรษฐศาสตร์มหภาคจะเน้นหน่วยเศรษฐกิจโดยส่วนรวมโดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับชาติ ให้ระบบเศรษฐกิจดำเนินต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ ดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ โดยมีจุดมุ่งหมายดังต่อไปนี้- ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (Economic Progress) เป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของส่วนรวม เมื่อเศรษฐกิจมีความเจริญเติบโต คือ มีการลงทุน การผลิต และการบริโภคสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น ย่อมแสดงว่ามีความสามารถในการจัดสรรทรัพยากรของประเทศที่มีจำกัด ให้ประชากรมีความกินดีอยู่ดีขึ้น มีสินค้าและบริการสนองความต้องการเพิ่มสูงขึ้นนั้นเอง ซึ่งเราสามารถวัดได้จาก ตัวเลขรายได้ประชาชาติที่แท้จริง(real national income) และรายได้ที่แท้จริงต่อหัวของประชากรในประเทศ (per capita real income)- ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ(Economic Stability) เศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ จะมีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาค่อนข้างคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ความมีเสถียรภาพภายในดูได้จากดัชนีราคาสินค้า(Price Index)หรือดัชนีราคาผู้บริโภค(Consumer Price Index) และมีระดับการจ้างงานที่สูงพอสมควร ส่วนเสถียรภาพภายนอกดูจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลของประเทศกับต่างประเทศ ซึ่งรัฐบาลสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ถ้าเศรษฐกิจขาดเสถียรภาพ โดยใช้นโยบายการเงิน(Monetary Policy) และ นโยบายการคลัง(Fiscal policy) เข้าช่วย- ความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ (Economic justice) เพราะว่าทรัพยากรธรรมชาติมีอยู่อย่างจำกัด แต่ ประชากรมีความต้องการไม่จำกัด รัฐบาลในแต่ละประเทศเข้ามาจัดการการจัดสรรทรัพยากรทีมีจำกัดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชากรส่วนใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน โดยการกระจายรายได้ การให้สิทธิ์ในทรัพย์สิน การบริการสาธารณูประโภคขั้นพื้นฐานในราคาที่ทุกคนสามารถใช้บริการได้เท่าเทียมกัน และมีการจัดเก็บภาษีอากรในอัตราก้าวหน้าเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ ให้มีความเท่าเทียมกันมากที่สุด- เสรีภาพทางเศรษฐกิจ (Economic Freedom) คือ การที่ประชาชนมีสิทธิ์ในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีเสรีในการเลือกการบริโภคและการประกอบการอื่นในเศรษฐกิจซึ่งขอบเขตก็มีความแตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับการปกครองของประเทศนั้นๆ ในประเทศที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมย่อมมีเสรีภาพมากกว่า ประเทศที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจแบบสังคมความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์มหภาค. เนื่องจากเศรษฐศาสตร์มหภาคเป็นความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ ของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคน ดังนั้นเศรษฐศาสตร์มหภาคจึงมีความสำคัญดังนี้- ประชาชนทั่วไป(Public) ประชาชนเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ ถ้ามีความเข้าใจในภาวะเศรษฐกิจก็จะสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที และจะช่วยให้ประชาชนเข้าใจและสามารถที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลได้อย่างดียิ่งขึ้น- ผู้ประกอบการ(Entrepreneur) ไม่ว่าผู้ประกอบการอาชีพใดก็ต้องอาศัยความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ในการประกอบการตัดสินใจบริหารงานต่างๆ ซึ่งจะสามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ และเป็นการลดความเสียงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย- เครื่องมือวิเคราะห์(Analytical tools) สำหรับผู้ที่มีความรู้ในทางเศรษฐศาสตร์ในระดับสูงในทฤษฏีเศรษฐศาสตร์มหภาค เกี่ยวกับรายได้ประชาชาติ วัฎจักรเศรษฐกิจ การเงินและการธนาคาร การคลังรัฐบาล การค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนาเศรษฐกิจ จะเป็นเครื่องมือขึ้นต้นประกอบการวิเคราะห์เศรษฐกิจในขั้นต่อไป
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,990 | 2 |
อัลลาห์ รักขา ระห์มาน เป็นนักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์เพลง นักดนตรีและนักร้องชาวซาอุดิอาระเบียใช่หรือไม่
|
เอ. อาร์. ระห์มาน อัลลาห์ รักขา ระห์มาน (, , เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1966 เป็นนักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์เพลง นักดนตรีและนักร้องชาวอินเดีย เขาเริ่มทำงานเพลงประกอบภาพยนตร์ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 เขาได้รับ 13 รางวัลฟิล์มแฟร์ ,4 รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติอินเดีย ,1 รางวัลบาฟต้า ,1 รางวัลลูกโลกทองคำ และ 2 รางวัลออสการ์ เขาทำงานหลากหลายอย่างในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียและละครเพลง โดยในปี 2003 ราห์แมนมียอดขายผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านชุด และยอดขาย 200 ล้านคาสเซ็ตต์ ในปี 2009 นิตยสารไทม์จัดอันดับให้เขาอยู่ใน 100 รายชื่อของ บุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,991 | 2 |
ราห์แมนมียอดขายผลงานเพลงทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านชุดในปี 2009 และนิตยสารฟอร์บจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 100 คนที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกใช่หรือไม่
|
เอ. อาร์. ระห์มาน อัลลาห์ รักขา ระห์มาน (, , เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1966 เป็นนักประพันธ์เพลงภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์เพลง นักดนตรีและนักร้องชาวอินเดีย เขาเริ่มทำงานเพลงประกอบภาพยนตร์ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 เขาได้รับ 13 รางวัลฟิล์มแฟร์ ,4 รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติอินเดีย ,1 รางวัลบาฟต้า ,1 รางวัลลูกโลกทองคำ และ 2 รางวัลออสการ์ เขาทำงานหลากหลายอย่างในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียและละครเพลง โดยในปี 2003 ราห์แมนมียอดขายผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านชุด และยอดขาย 200 ล้านคาสเซ็ตต์ ในปี 2009 นิตยสารไทม์จัดอันดับให้เขาอยู่ใน 100 รายชื่อของ บุคคลที่มีอิทธิพลที่สุดในโลก
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,992 | 2 |
พันธุศาสตร์คือ วิชาที่ว่าด้วยพันธุกรรม (ยีน) และการทำงานของพันธุกรรม ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตเพียงบางชนิดสามารถถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นสู่รุ่นได้ใช่หรือไม่
|
บทนำพันธุศาสตร์ พันธุศาสตร์คือวิชาที่ว่าด้วยพันธุกรรม (ยีน) และการทำงานของพันธุกรรม ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตสามารถถ่ายทอดลักษณะต่างๆ จากรุ่นสู่รุ่นได้ เช่น เด็กมักมีหน้าตาเหมือนพ่อแม่ เนื่องจากได้รับพันธุกรรมมาจากพ่อแม่ วิชาพันธุศาสตร์จะพยายามค้นหาว่าลักษณะใดบ้างที่มีการถ่ายทอด และการถ่ายทอดลักษณะนั้นๆ เกิดขึ้นได้อย่างไร ลักษณะต่างๆ ของสิ่งมีชีวิตจะถูกเรียกว่า "trait" ลักษณะบางอย่างแสดงออกเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ เช่น สีตา ความสูง น้ำหนัก ลักษณะบางอย่างมองเห็นไม่ได้หรือเห็นได้อย่างเช่นหมู่เลือดหรือความต้านทานโรค ลักษณะบางอย่างอาจเป็นผลจากการมีปฏิสัมพันธ์อย่างซับซ้อนระหว่างยีนและสิ่งแวดล้อม เช่น การเกิดมะเร็งหรือโรคหัวใจมีผลจากทั้งยีนและการปฏิบัติตัว เป็นต้น ยีนประกอบด้วยโมเลกุลขนาดยาวที่เรียกว่าดีเอ็นเอ ซึ่งมีการคัดลอกและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น โมเลกุลดีเอ็นเอประกอบด้วยหน่วยย่อยมาต่อกันเป็นสายยาว ลำดับของหน่วยย่อยนี้เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมเอาไว้ คล้ายกับที่ตัวอักษรแต่ละตัวมาเรียงกันและเก็บข้อมูลเอาไว้ในรูปของประโยค "ภาษา" ที่ดีเอ็นเอใช้เรียกว่ารหัสพันธุกรรม รหัสนี้จะถูกถอดรหัสโดยกลไกทางพันธุกรรมเพื่อ "อ่าน" ข้อมูลที่เก็บเอาไว้ในยีนในรูปของโคดอนที่แต่ละโคดอนประกอบด้วยรหัส 3 ตัว ข้อมูลเหล่านี้จะถูกทำไปใช้สร้างเป็นสิ่งมีชีวิต ข้อมูลในยีนยีนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตหนึ่งๆ อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกันในสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ แต่ละตัว ยีนที่แตกต่างกันอาจให้ข้อมูลออกมาแตกต่างกันได้ โดยเรียกยีนหนึ่งๆ ในรูปแบบหนึ่งๆ ว่าอัลลีล ตัวอย่างเช่น อัลลีลหนึ่งของยีนที่ควบคุมสีผมสามารถสั่งให้ร่างกายสร้างเม็ดสีมากๆ ทำให้ผมมีสีดำ ในขณะที่อัลลีลอีกแบบหนึ่งของยีนเดียวกันอาจให้ข้อมูลที่แตกต่างออกไป ทำให้ไม่สามารถสร้างเม็ดสีได้ดีเท่า ผมจึงมีสีเทา เป็นต้น การเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มที่เกิดขึ้นในยีนเรียกว่าการกลายพันธุ์ และอาจทำให้เกิดอัลลีลใหม่ได้ การกลายพันธุ์อาจทำให้เกิดลักษณะใหม่ๆ ขึ้นมา เช่นอัลลีลผมสีดำอาจกลายพันธุ์ทำให้เกิดเป็นอัลลีลผมสีเทาได้ การเกิดลักษณะใหม่ขึ้นได้เช่นนี้เป็นส่วนสำคัญในการเกิดวิวัฒนาการการถ่ายทอดลักษณะของสิ่งมีชีวิตยีนและการถ่ายทอดโรคทางพันธุกรรมยีนทำงานอย่างไรยีนสร้างโปรตีน ยีนทำงานอย่างไร. ยีนสร้างโปรตีน. หน้าที่ของยีนคือเป็นหน่วยเก็บข้อมูลที่ใช้สำหรับสร้างโปรตีนซึ่งเป็นโมเลกุลขนาดใหญ่มาทำหน้าที่ต่างๆ ในเซลล์ เซลล์คือหน่วยเล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิต ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์ประมาณหนึ่งร้อยล้านล้านเซลล์ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตที่เรียบง่ายกว่าเช่นแบคทีเรียอาจประกอบด้วยเซลล์เพียงเซลล์เดียว เซลล์หนึ่งๆ เปรียบเสมือนโรงงานที่มีกลไกซับซ้อน สามารถสร้างส่วนประกอบจำเป็นต่างๆ เพื่อประกอบเป็นสำเนาของตัวเองขึ้นมาได้ กระบวนการสร้างตัวเองขึ้นมาอีกนี้เรียกว่าการแบ่งเซลล์ การแบ่งหน้าที่ภายในเซลล์นี้มีลำดับขั้นตอนคือยีนให้วิธีการทำงาน และโปรตีนมีหน้าที่ทำงานนั้น งานเหล่านี้เช่นการสร้างเซลล์ขึ้นใหม่หรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เป็นต้น โปรตีนแต่ละชนิดจะมีความสามารถเฉพาะสามารถทำงานได้อย่างเดียว เพราะฉะนั้นหากเซลล์ต้องการทำงานใดๆ เพิ่มขึ้นใหม่ ก็จะต้องสร้างโปรตีนชนิดใหม่ขึ้นมาทำงานนั้น เช่นเดียวกันหากเซลล์ต้องการทำงานใดๆ ให้เร็วขึ้นหรือช้าลง ก็ทำได้โดยสร้างโปรตีนที่ทำงานนั้นๆ ออกมามากขึ้นหรือน้อยลงตามความต้องการ ยีนจะเป็นตัวคอยบอกให้เซลล์ทราบว่าจะต้องสร้างโปรตีนชนิดใด ปริมาณเท่าใดยีนมีการทำสำเนาตัวเองยีนและวิวัฒนาการ ยีนและวิวัฒนาการ. กลุ่มของสิ่งมีชีวิตจะเกิดการวิวัฒนาการขึ้นเมื่อลักษณะที่ได้รับการถ่ายทอดอย่างใดอย่างหนึ่งพบได้มากขึ้นหรือน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป เช่น หากนับหนูทุกตัวบนเกาะเกาะหนึ่งเป็นประชากรหนูกลุ่มเดียวกันกลุ่มหนึ่ง เมื่อพบว่าเวลาผ่านไปจำนวนหนูสีขาวที่เคยหายากมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นจนพบได้ทั่วไป จะถือว่าประชากรหนูกลุ่มนี้มีการวิวัฒนาการของสีขน ทางพันธุศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่าการเปลี่ยนแปลงในความถี่ของอัลลีล ในที่นี้คืออัลลีลที่ทำให้หนูมีขนสีขาวมีความถี่เพิ่มมากขึ้นพันธุวิศวกรรม
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,993 | 2 |
บทนิยามเวียนเกิด หรือบทนิยามแบบนิรนัย เป็นคณิตตรรกศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ใช้นิยามสมาชิกในเซตหนึ่งในพจน์สมาชิกเดียวกันในเซตใช่หรือไม่
|
บทนิยามเวียนเกิด บทนิยามเวียนเกิด () หรือบทนิยามแบบอุปนัย () เป็นคณิตตรรกศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ใช้นิยามสมาชิกในเซตหนึ่งในพจน์สมาชิกอื่นในเซต บทนิยามเวียนเกิดของฟังก์ชันนิยามค่าของฟังก์ชันสำหรับค่าป้อนเข้าบางค่าในพจน์ค่าของฟังก์ชันเดิมสำหรับค่าป้อนเข้าอื่น ตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันแฟกทอเรียล n! นิยามด้วยกฎดังนี้ บทนิยามนี้สมเหตุสมผลสำหรับทุก n เพราะการเวียนกลับสุด้ายจะถึงกรณีฐาน 0 บทนิยามนี้อาจยังคิดได้เป็นการให้กระบวนงานอธิบายการสร้างฟังก์ชัน n! โดยเริ่มจาก n = 0 แล้วต่อไปเป็น n = 1, n = 2, n = 3 เป็นต้น ทฤษฎีบทเวียนเกิดระบุว่า บทนิยามดังนี้นิยามฟังก์ชันหนึ่ง ข้อพิสูจน์ใช้การอุปนัยทางคณิตศาสตร์ บทนิยามแบบอุปนัยของเซตอธิบายสมาชิกในเซตในพจน์สมาชิกอื่นในเซต ตัวอย่างเช่น บทนิยามหนึ่งของเซต N ของจำนวนธรรมชาติเป็นดังนี้1. 1 อยู่ใน N. 2. หากสมาชิก n อยู่ใน N แล้ว n+1 อยู่ใน N 3. N เป็นส่วนร่วมของทุกเซตที่เป็นไปตามข้อ (1) และ (2) มีเซตจำนวนมากที่เป็นไปตามข้อ (1) และ (2) ตัวอย่างเช่นเซต {1, 1.649, 2, 2.649, 3, 3.649, ...} เข้าได้กับบนิยาม ทว่า เงื่อนไข (3) เจาะจงเซตจำนวนธรมชาติโดยตัดสมาชิกภายนอก คุณสมบัติของฟังก์ชันและเซตที่นิยามเวียนเกิดสามารถพิสูจน์ได้โดยหลักการอุปนัยซึ่งเป็นไปตามบทนิยามเวียนเกิด ตัวอย่างเช่น บทนิยามของจำนวนธรรมชาติที่แสดงในที่นี้ส่อความหลักการอุปนัยทางคณิตศาสตร์สำหรับจำนวนธรรมชาติ คือ หากคุณสมบัติเข้าได้กับจำนวนธรรมชาติ 0 และคุณสมบัติเข้าได้กับ n+1 ต่อเมื่อเข้าได้กับ n แล้วคุณสมบัติจะเข้าได้กับทุกจำนวนธรรมชาติ
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,994 | 2 |
เลขอารบิก เป็นสัญลักษณ์ตัวเลขที่ใช้เพียงบางส่วนของโลกที่พัฒนาแล้ว และนับว่าเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในชีวิตประจำวันใช่หรือไม่
|
ตัวเลขอารบิก เลขอารบิก เป็นสัญลักษณ์ตัวเลขที่นิยมใช้กันมากที่สุดในโลก และนับว่าเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน มีหลักฐานพอที่จะสืบประวัติไปได้ ว่า เกิดริเริ่มเป็นกำหนดนับแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน จากนักปราชญ์แห่งอาหรับ ชาวแบกแดด (อิรัก) ชื่อ มุฮัมมัด อิบน์ มูซา อัลคอวาริซมีย์ ซึ่งมีช่วงชีวิตในประวัติศาสตร์ราว ปี ค.ศ. 780 ถึง 840 (เฉพาะเลข 0 ว่าดั้งเดิมเกิดจาก นักปราชญ์อารยธรรมอินเดีย) เขาเป็นนักปราชญ์วิทยาการที่ชอบแปลหนังสือภาษากรีก และสนใจด้านคณิตศาสตร์ สิ่งที่เขาทำคือ การอธิบายคณิตศาสตร์และตัวเลขให้เข้าใจง่าย เพื่อประโยชน์และความจำเป็นทั่วไป สำหรับคนทั่วไปในงานช่างและการคำนวณ การแบ่งทรัพย์สิน การจัดการมรดกและมอบทรัพย์สินให้ตามพินัยกรรม การฟ้องร้อง การค้าขาย การวัดที่ดิน และตลอดถึงการทำบัญชี. เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อัลควาราซมีย์ เสนอสมการที่แก้ไขได้ ด้วยมาตรการและมาตรฐานทางตัวเลข เขากำหนดให้มีเลข 0 และตัวเลขอารบิก ตัวเลขอารบิกประกอบไปด้วย 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9ตารางแบ่งตามอักษร
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,995 | 2 |
ดนตรียุคโรแมนติกมีลักษณะของแนวทำนองที่เต็มไปด้วยการบรรยายเหตุผลร่วมกับอารมณ์ความรู้สึก มีแนวทำนองเด่นชัดและแบ่งวรรคตอนเพลงที่ตายตัวใช่หรือไม่
|
ดนตรียุคโรแมนติก ยุคโรแมนติก (ค.ศ.1810-1910) เป็นยุคของดนตรีคลาสสิกในช่วงศตวรรษที่19 ซึ่งเน้นอารมณ์ของดนตรีมากกว่าความสมดุลของบทตอน และเน้นความเป็นตัวตนของคีตกวีมากกว่ากฎเกณฑ์ทางดนตรีที่มีมาแต่เดิม คำว่า "โรแมนติก" ถูกประยุกต์ใช้ในวงการดนตรีปี ค.ศ. 1810 ซึ่งเอามาจากวงการวรรณกรรม มีความหมายว่า อารมณ์ที่รุนแรงของมนุษย์ โดยลักษณะดนตรีแบบโรแมนติกนี้เริ่มขึ้นในงานของนักประพันธ์เพลงและนักดนตรีชื่อ ลุดวิจ ฟาน เบโทเฟน (Ludwig van Beethoven) ดนตรียุคโรแมนติกนั้นเริ่มต้นด้วยเพลงขับร้องและเพลงเปียโนสั้นๆ ต่อมาเป็นเพลงสำหรับวงออร์เคสตราลักษณะดนตรีของยุคโรแมนติก ลักษณะดนตรีของยุคโรแมนติก. ดนตรียุคโรแมนติกมีลักษณะของแนวทำนองที่เต็มไปด้วยการบรรยายความรู้สึก มีแนวทำนองเด่นชัด ลักษณะการแบ่งวรรคตอนเพลงไม่ตายตัว การประสานเสียงได้พัฒนาต่อจากยุคคลาสสิกทำให้เกิดการคิดคอร์ดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อใช้แสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึก มีการนำคอร์ดที่เสียงไม่กลมกลืนมาใช้มากขึ้น มีการใช้โน้ตนอกคอร์ด บันไดเสียงที่มีโน้ตครึ่งเสียง (Chromatic Scale) การเปลี่ยนบันไดเสียงหนึ่งไปอีกบันไดเสียงหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง การประสานเสียงแบบโฮโมโฟนี (Homophony) ยังคงเป็นลักษณะเด่นสืบเนื่องมาจากยุคคลาสสิก การใช้เสียงดัง-เบา มีตั้งแต่ ppp ไปจนถึง fff คีตลักษณ์ของเพลง (form) ยังคงเป็นแบบโซนาต้าฟอร์มแบบยุคคลาสสิก แต่มีความยืดหยุ่นของโครงสร้าง ในยุคนี้ดนตรีบรรเลง และบทเพลงสำหรับเปียโน เป็นที่นิยมประพันธ์กันมากขึ้น ลักษณะของวงออร์เคสตราจะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามแต่ผู้ประพันธ์เพลงจะกำหนด เพลงคฤหัสถ์หรือเพลงสำหรับชาวบ้านเป็นที่นิยมประพันธ์กัน แต่เพลงโบสถ์ก็ยังคงมีการประพันธ์อยู่เช่นกัน ในลักษณะของเพลงแมส ที่ใช้เพื่อประกอบศาสนพิธี และเพลงเรเควียม ที่ใช้ในพิธีศพ สำหรับบทเพลงอุปรากร และเพลงร้องก็มีพัฒนาการควบคู่ไป เนื้อร้องมีตั้งแต่การล้อการเมือง ความรักกระจุ๋มกระจิ๋ม ไปจนถึงเรื่องโศกนาฏกรรมนักดนตรีในยุคโรแมนติกนักดนตรีในยุคโรแมนติก. - จิโออัคคิโน รอสซินี (Gioacchino Rossini) - ฟรานซ์ ปีเตอร์ ชูเบิร์ต (Franz Peter Schubert) - เอกเตอร์ แบร์ลิออส (Hector Berlioz) - เอ็ดเวิด ฮาร์กรัป กริก (Edvard Hagerup Grieg) - เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น-บาร์โธลดี (Felix Mendelssohn-Batholdy) - เฟรเดริก ฟรองซัวส์ โชแปง (Frédéric François Chopin) - โรเบิร์ต อเล็กซานเดอร์ ชูมันน์ - ฟรานซ์ ลิซท์ (Franz Liszt) - ริชาร์ด วากเนอร์ (Richard Wagner) - จูเซปเป แวร์ดี (Giuseppe Verdi) - แบดริช สเมตานา (Bedrich Smetana) - โยฮันเนส บราห์มส์ (Johannes Brahms) - จอร์จ บิเซต์ (Georges Bizet) - ปีเตอร์ อิลยิช ไชคอฟสกี (Peter Ilyich Tchaikovsky) - แอนโทนิน ดโวชาค (Antonín Dvořák) - จิอาโคโม ปุชชีนี (Giacomo Puccini) - กุสตาฟ มาห์เลอร์ (Gustav Mahler) - ริชาร์ด สเตราส์ (Richard Strauss) - จีน ซิเบลิอุส (Jean Sibelius) - เซียร์เกย์ รัคมานีนอฟ (Sergej Rakhmaninov)บทประพันธ์ที่สำคัญในยุคโรแมนติกบทประพันธ์ที่สำคัญในยุคโรแมนติก. - 1.ประเภทซิมโฟนี (Symphony) Symphony No. 3 (Eroica) - เบโธเฟน- 2.ประเภทคอนแชร์โต (Concerto) Piano Concerto No.5 (Emperor) - เบโธเฟน- 3.ประเภทโอเปร่า (Opera)- 3.1 Serious Opera Carmen - บิเซต์- 3.2 Comic Opera The Barber of Seville - รอสชินี- 4.ประเภทดนตรีบรรยายเรื่องราว (Program Music) แบ่งย่อยได้ 4 ชนิดคือ- 4.1 Concert Overture Habrides Overture - เมนเดลโซห์น- 4.2 Incidental Music A Midsummer Night's Dream - เมนเดลโซห์น- 4.3 Program Symphony Dante - ลิซท์- 4.4 Tone Poem (Symphonic Poem) Don Juan - สเตราส์- 5.ประเภทบัลเลต์ (Ballet) Borelo - ราเวล- 6.ประเภทแชมเบอร์มิวสิค (Chamber Misic) Piano Quintet in A Major, Op.114 - ชูเบิร์ต- 7.ประเภทโซนาตา (Sonata) Piano Sonata in C minor (Pathetique) - เบโธเฟน- 8.ประเภทอื่นๆ- 8.1 บทเพลงร้องและเพลงสำหรับเปียโน Erikonig - ชูเบิร์ต- 8.2 บทเพลงแมส Missa Solemnis - เบโธเฟน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,996 | 2 |
ซังกริอา เป็นเครื่องดื่มประเภทหนึ่งจากสเปนและอิตาลีใช่หรือไม่
|
ซังกริอา ซังกริอา (; ) เป็นเครื่องดื่มประเภทหนึ่งจากสเปนและโปรตุเกส ปกติจะประกอบด้วยไวน์ ผลไม้หั่น สารให้ความหวาน และเติมด้วยบรั่นดีปริมาณเล็กน้อย ผลไม้หั่นอาจเป็นส้ม เลมอน มะนาว แอปเปิล ท้อ เมลอน เบอร์รีชนิดต่าง ๆ องุ่น กีวี หรือมะม่วง สารให้ความหวานเช่น น้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำเชื่อม หรือน้ำส้ม เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ใช้ผสมแทนบรั่นดีเช่น โซดา สไปรท์ เซเว่นอัพ การแช่ผลไม้หั่นเพื่อเพิ่มรสชาติจะทำในขณะที่ซังกริอามีความเย็น โดยอาจแช่เย็นไว้ไม่กี่นาทีหรือนานถึงสองสามวัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,997 | 2 |
ซังกริอา ประกอบด้วยไวน์ ผลไม้หั่น สารให้ความหวาน และเติมด้วยน้ำผึ้งปริมาณเล็กน้อยใช่หรือไม่
|
ซังกริอา ซังกริอา (; ) เป็นเครื่องดื่มประเภทหนึ่งจากสเปนและโปรตุเกส ปกติจะประกอบด้วยไวน์ ผลไม้หั่น สารให้ความหวาน และเติมด้วยบรั่นดีปริมาณเล็กน้อย ผลไม้หั่นอาจเป็นส้ม เลมอน มะนาว แอปเปิล ท้อ เมลอน เบอร์รีชนิดต่าง ๆ องุ่น กีวี หรือมะม่วง สารให้ความหวานเช่น น้ำผึ้ง น้ำตาล น้ำเชื่อม หรือน้ำส้ม เครื่องดื่มอื่น ๆ ที่ใช้ผสมแทนบรั่นดีเช่น โซดา สไปรท์ เซเว่นอัพ การแช่ผลไม้หั่นเพื่อเพิ่มรสชาติจะทำในขณะที่ซังกริอามีความเย็น โดยอาจแช่เย็นไว้ไม่กี่นาทีหรือนานถึงสองสามวัน
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,998 | 2 |
หมู่เกาะกระเป็นหมู่เกาะเดียวของจังหวัดชุมพร ซึ่งอยู่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 3 กิโลเมตรใช่หรือไม่
|
เกาะกระ เกาะกระ หรือ หมู่เกาะกระ อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 53 กิโลเมตร เมื่อวัดในแนวตรงจากอำเภอปากพนัง มีเนื้อที่ทั้งหมด 390,106 ตารางเมตร ประกอบด้วย เกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกระ เกาะกลาง และเกาะเล็ก และมีกองหินขนาดเล็กอีก 1 กอง เรียกว่า"หินเรือ" พื้นที่เกาะกระเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เหมาะสมสำหรับการพัฒนาและควรค่าแก่การอนุรักษ์ เป็นเกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเกาะเช่นเดียวกับเกาะโลซิน ชื่อของเกาะกระเป็นชื่อเรียกของเกาะหลายเกาะในประเทศ เช่น เกาะกระในจังหวัดชุมพร, หมู่เกาะกระ เป็นกลุ่มของเกาะอยู่ทางตะวันตกของเกาะหมากในจังหวัดตราด หมู่เกาะกระ มีแนวปะการังที่สวยงาม และสภาพสมบูรณ์ มีแนวปะการังทั้งสิ้น 412 ไร่ โดยพบปะการัง เช่น ปะการังแปรงล้างขวด (Acropora longicyathus), ปะการังเขากวาง (A. aculeus) ซึ่งเป็นปะการังที่พบเฉพาะทางฝั่งทะเลอันดามัน ไม่เคยพบทางฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากต้องการพื้นที่ที่มีน้ำใสและแสงสว่างมาก จึงเป็นการพบครั้งแรกที่เกาะกระ และเป็นการบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ บนเกาะกระมีหาดทรายขาวสะอาด ความยาวประมาณ 150 เมตร เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุ และเต่ากระ โดยมีเต่าทะเลขึ้นวางไข่ที่เกาะกระไม่น้อยกว่าปีละ 30 รัง (ประมาณ 3,000 ฟอง) ด้วยเหตุนี้ เกาะกระจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่แรมซาร์ในปี พ.ศ. 2556ภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. หมู่เกาะกระเป็นหมู่เกาะเดียวของจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 53 กิโลเมตร เมื่อวัดในแนวตรงจากบริเวณอำเภอปากพนัง มีเนื้อที่ทั้งหมด 390,106 ตารางเมตร ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็ก 3 เกาะได้แก่ เกาะกระใหญ่ เกาะกลาง (เกาะหลาม) เกาะเล็ก (เกาะบก) และกองหินขนาดเล็กอีก 1 กอง เรียกว่า หินเรือ ซึ่งมมีส่วนยอดโผล่น้ำไม่มากนัก เนื่องจากหมู่เกาะกระเป็นกลุ่มเกาะที่อยู่ไกลมาก จึงเป็นการยากในการเดินทางไปหมู่เกาะกระ การเดินทางไปยังหมู่เกาะกระสามารถลงเรือได้ 3 จุด จากภายในจังหวัดนครศรีธรรรมราช คือ จุดแรกจากปากน้ำขนอม อำเภอขนอม ระยะทางประมาณ 79 ไมล์ทะเล จุดที่สองจากแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง ระยะทางประมาณ 29 ไมล์ทะเล และจุดที่สามจากอำเภอหัวไทร ระยะทางประมาณ 33 ไมล์ทะเล
|
ไม่ใช่
| null | null |
16,999 | 2 |
เกาะกระ หรือ หมู่เกาะกระ ประกอบด้วย เกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกระ เกาะกลาง และเกาะไผ่เล็กใช่หรือไม่
|
เกาะกระ เกาะกระ หรือ หมู่เกาะกระ อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 53 กิโลเมตร เมื่อวัดในแนวตรงจากอำเภอปากพนัง มีเนื้อที่ทั้งหมด 390,106 ตารางเมตร ประกอบด้วย เกาะขนาดเล็ก 3 เกาะ ได้แก่ เกาะกระ เกาะกลาง และเกาะเล็ก และมีกองหินขนาดเล็กอีก 1 กอง เรียกว่า"หินเรือ" พื้นที่เกาะกระเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เหมาะสมสำหรับการพัฒนาและควรค่าแก่การอนุรักษ์ เป็นเกาะที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่บนเกาะเช่นเดียวกับเกาะโลซิน ชื่อของเกาะกระเป็นชื่อเรียกของเกาะหลายเกาะในประเทศ เช่น เกาะกระในจังหวัดชุมพร, หมู่เกาะกระ เป็นกลุ่มของเกาะอยู่ทางตะวันตกของเกาะหมากในจังหวัดตราด หมู่เกาะกระ มีแนวปะการังที่สวยงาม และสภาพสมบูรณ์ มีแนวปะการังทั้งสิ้น 412 ไร่ โดยพบปะการัง เช่น ปะการังแปรงล้างขวด (Acropora longicyathus), ปะการังเขากวาง (A. aculeus) ซึ่งเป็นปะการังที่พบเฉพาะทางฝั่งทะเลอันดามัน ไม่เคยพบทางฝั่งอ่าวไทย เนื่องจากต้องการพื้นที่ที่มีน้ำใสและแสงสว่างมาก จึงเป็นการพบครั้งแรกที่เกาะกระ และเป็นการบ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่ยังสมบูรณ์ บนเกาะกระมีหาดทรายขาวสะอาด ความยาวประมาณ 150 เมตร เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าตนุ และเต่ากระ โดยมีเต่าทะเลขึ้นวางไข่ที่เกาะกระไม่น้อยกว่าปีละ 30 รัง (ประมาณ 3,000 ฟอง) ด้วยเหตุนี้ เกาะกระจึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่แรมซาร์ในปี พ.ศ. 2556ภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. หมู่เกาะกระเป็นหมู่เกาะเดียวของจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่ห่างจากแผ่นดินประมาณ 53 กิโลเมตร เมื่อวัดในแนวตรงจากบริเวณอำเภอปากพนัง มีเนื้อที่ทั้งหมด 390,106 ตารางเมตร ประกอบด้วยเกาะขนาดเล็ก 3 เกาะได้แก่ เกาะกระใหญ่ เกาะกลาง (เกาะหลาม) เกาะเล็ก (เกาะบก) และกองหินขนาดเล็กอีก 1 กอง เรียกว่า หินเรือ ซึ่งมมีส่วนยอดโผล่น้ำไม่มากนัก เนื่องจากหมู่เกาะกระเป็นกลุ่มเกาะที่อยู่ไกลมาก จึงเป็นการยากในการเดินทางไปหมู่เกาะกระ การเดินทางไปยังหมู่เกาะกระสามารถลงเรือได้ 3 จุด จากภายในจังหวัดนครศรีธรรรมราช คือ จุดแรกจากปากน้ำขนอม อำเภอขนอม ระยะทางประมาณ 79 ไมล์ทะเล จุดที่สองจากแหลมตะลุมพุก อำเภอปากพนัง ระยะทางประมาณ 29 ไมล์ทะเล และจุดที่สามจากอำเภอหัวไทร ระยะทางประมาณ 33 ไมล์ทะเล
|
ไม่ใช่
| null | null |
17,000 | 2 |
กาแฟขี้ช้างเป็นหนึ่งในกาแฟที่ถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับสภาพภูมิศาสตร์โดยอาจมีราคาขายประมาณ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโลหรือไม่ก็ได้ใช่หรือไม่
|
แบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่การวางขาย การวางขาย. กาแฟขี้ช้างเป็นหนึ่งในกาแฟที่แพงที่สุดในโลกมีราคาขายประมาณ 1,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อกิโล รสชาติกาแฟถูกอธิบายไว้ว่ามีความนุ่มนวลไม่มีความขม ต่างจากกาแฟทั่วไป ปริมาณที่ผลิตได้มีจำนวนน้อยมีวางขายเพียวโรงแรมหรูไม่กี่ที่ ราคาอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อแก้ว ปริมาณของกาแฟที่ได้นั้นจะถึงอยู่กับปริมาณผลกาแฟ ความอยากอาหารของช้าง จำนวนเมล็ดที่เสียหาญจากการเขี้ยว ความสามารถของควาญช้างและภรรยาที่จะเก็บเมล็ดกาแฟ ราคาของกาแฟขี้ช้างสูงเนื่องจากต้องใช้หปริมาณผลกาแฟมากเพื่อผลิต ผลกาแฟ 33 กิโลกรัมจะสามารถผลิตกาแฟชี้ช้างได้เพียง 2 กิโลกรัมเท่านั้น กาแฟส่วนใหญ่สูญหายจากการเคี้ยวหรือถ่ายในพุ่มไม้มูลนิธิช้างเอเชียสามเหลี่ยมทองคำ (Golden Triangle Asian Elephant Foundation: GTAEF) มูลนิธิช้างเอเชียสามเหลี่ยมทองคำ (Golden Triangle Asian Elephant Foundation: GTAEF). กาแฟขี้ช้างผลิตโดยบริษัทแบล็ค ไอวอรี่ คอฟฟี่ที่มูลนิธิช้างเอเชียสามเหลี่ยมทองคำในเชียงแสน มูลนิธิช่วยเหลือและดูแลช้าง มีช้างประมาณ 20 เชือก 8%ของยอดขายถูกบริจาคเข้ามูลนิธิเพื่อเพื่อเงินทุนช่วยดูแลสุขภาพช้าง การบริโภคผลกาแฟไม่มีผลเสียต่อช้างและคาเฟอีนไม่ได้ถูกดูดซึ่มจาผลกาแฟที่ช้างกิน
|
ไม่ใช่
| null | null |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.