text
stringlengths
0
9.8k
เฉิงไห่ ในภาษาจีนกลาง หรือ เถ่งไฮ่ ในภาษาแต้จิ๋ว (; ไปรษณีย์: Tenghai; แต้จิ๋ว: Thěng Hài) เป็นเขตหนึ่งของนครซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
เฉิงไห่ตั้งอยู่บนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำหาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลกวางตุ้ง โดยมีช่วงกว้างยาวตั้งแต่ลองจิจูด 116°41' ถึง 116°54' ตะวันออก และละติจูด 23°23' ถึง 23°38' เหนือ เฉิงไห่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งที่สำคัญของพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกของมณฑลกวางตุ้ง พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลฝูเจี้ยน และทางใต้ของมณฑลเจียงซี ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม "ประตูสู่กวางตุ้งตะวันออก" พื้นที่ทั้งหมดของเขตนี้คือ 345.23 ตารางกิโลเมตร
ประวัติศาสตร์.
เฉิงไห่เป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งใน "แปดอำเภอของแต้จิ๋ว" ในสมัยราชวงศ์ชิงและยุคสาธารณรัฐจีน เฉิงไห่ก่อตั้งขึ้นเป็นอำเภอเมื่อปี ค.ศ. 1563 โดยแยกออกมาจากพื้นที่ส่วนที่เป็นชายฝั่งทะเลของอำเภอไห่หยาง อำเภอเจียหยาง และอำเภอเหราผิง เป็นอำเภอใหม่ขึ้นกับจังหวัดแต้จิ๋ว (เฉาโจว) คำว่า เฉิงไห่ มีความหมายว่า "กำจัด["วอโข่ว"แห่ง]ท้องทะเล" มีที่มาจากเหตุการณ์การจู่โจมของวอโข่วในสมัยจักรพรรดิเจียจิ้ง ซึ่งก็เป็นเหตุให้มีการก่อตั้งเฉิงไห่ขึ้นด้วย เฉิงไห่ถูกยุบในปี 1666 เมื่อครั้งที่จักรพรรดิคังซีสั่งห้ามการค้าต่างประเทศ แต่ได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ในอีก 7 ปีต่อมา
ในปี 1860 ซัวเถา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเฉิงไห่ ได้เปิดให้ชาวต่างชาติเข้ามาค้าขายและกลายเป็นท่าเรือการค้าตามสนธิสัญญาเทียนสิน ต่อมาซัวเถาก็ได้แยกตัวออกจากเฉิงไห่และยกฐานะเป็นนครในปี 1921 แล้วให้อำเภอเฉิงไห่มาเป็นอำเภอขึ้นกับนครซัวเถา วันที่ 21 มิถุนายน 1939 กองทหารญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดเมืองเฉิงไห่ และได้ยึดครองเฉิงไห่จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 1945 กองทัพปลดปล่อยประชาชนคอมมิวนิสต์ได้ยึดเมืองเฉิงไห่เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1949 ภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพียง 23 วัน
ตั้งแต่ปี 1994 เป็นต้นมา อำเภอเฉิงไห่ได้รับการยกฐานะเป็นนครระดับอำเภอ และบริหารโดยมณฑลโดยตรง (ในความปกครองดูแลโดยซัวเถา) วันที่ 19 พฤษภาคม 2003 จากการที่เฉิงไห่ได้รับอิทธิพลจากการขยายตัวของเมืองซัวเถา ทำให้เฉิงไห่เปลี่ยนสถานะเป็นเขตหนึ่งของตัวเมืองซัวเถาจนถึงปัจจุบัน เฉิงไห่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจพิเศษซัวเถาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2011
บุคคลที่มีชื่อเสียง.
บรรพบุรุษของบุคคลต่อไปนี้เกิดในเฉิงไห่ (เถ่งไฮ่):
เฉิงไห่
เถ่งไฮ่
Chenghai District
เกรเกอร์ เมนเดล
โคฟุง
โคฟุง เป็นสุสานดินขนาดใหญ่ที่พบได้ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่บริเวณเกาะต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น โคฟุงส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 จนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7
คำว่า "โคฟุง" มีที่มาจากคำว่า "ยุคโคฟุง" ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 3 จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โคฟุงเป็นเนินดินที่มีรูปร่างหลากหลายและแตกต่างกันออกไปตามช่วงเวลาที่ถูกสร้างขึ้นมา
ภาพรวม.
โคฟุงแต่ละแห่งมีเนินดินรูปร่างแตกต่างกันออกไป แต่รูปร่างที่พบบ่อยที่สุดคือรูปกุญแจ กล่าวคือ เมื่อมองจากด้านบน จะเห็นเนินดินด้านหนึ่งเป็นรูปวงกลม ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นสี่เหลี่ยม นอกจากรูปกุญแจแล้ว โคฟุงหลาย ๆ แห่งยังมีรูปร่างเป็นวงกลม หรือสี่เหลี่ยมด้วย
โคฟุงบางแห่งอาจยาวเพียงไม่กี่เมตร ส่วนบางแห่งอาจยาวนับร้อยเมตรก็ได้ โคฟุงที่ใหญ่ที่สุดคือไดเซ็งโคฟุง มีความยาว 400 เมตร เป็นสุสานของจักรพรรดินินโตกุ ตั้งอยู่ที่นครซาไกในจังหวัดโอซากะ
ที่ตั้งและจำนวน.
มีการค้นพบโคฟุงนับแสนแห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น แม้แต่เกาะที่ห่างไกล เช่น เกาะนิชิโนะชิมะ ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลญี่ปุ่น ก็มีการค้นพบโคฟุงเช่นกัน
มีการค้นพบโคฟุงทั้งหมด 161,560 แห่ง (ข้อมูลจากปี ค.ศ. 2001) จังหวัดเฮียวโงะมีจำนวนโคฟุงมากที่สุด (16,577 แห่ง) ส่วนจังหวัดชิบะมีมากเป็นอันดับสอง (13,112 แห่ง)
ประวัติ.
ยุคยาโยอิ.
โคฟุงส่วนใหญ่ที่สร้างขึ้นในยุคยาโยอิจะมีลักษณะเป็นเนินดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ถูกล้อมรอบโดยลำเหมือง ตัวอย่างโคฟุงจากยุคยาโยอิที่เด่นชัดที่สุด คือ เนินสุสานทาเท็ตสุกิ ตั้งอยู่ที่เมืองคูราชิกิ จังหวัดโอกายามะ เป็นโคฟุงกว้าง 5 เมตร ยาว 45 เมตร และสูง 5 เมตร รอบๆ โคฟุงมีการค้นพบชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผา และภายใต้สุสานยังมีห้องอยู่ด้วย
ยุคโคฟุงตอนต้น.
โคฟุงรูปกุญแจแห่งแรกๆ ถูกสร้างขึ้นที่บริเวณ ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของที่ราบลุ่มนาระ ตัวอย่างโคฟุงที่สร้างขึ้นในยุคนี้ คือ ฮาชิฮากะโคฟุง มีความยาว 280 เมตร และสูงถึง 30 เมตร จะสังเกตได้ว่า ในยุคโคฟุงตอนต้นนั้น มีการสร้างโคฟุงที่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ยุคโคฟุงตอนปลาย.
ประเพณีการสร้างสุสานโคฟุงถูกล้มเลิกไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ตอนปลาย เนื่องจากมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ และมีการเผยแพร่ศาสนาพุทธเข้ามาในญี่ปุ่น
Kofun
Bad Buddy The Series แค่เพื่อนครับเพื่อน
บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)
โดจคอยน์
ไบแนนซ์
ไบแนนซ์ เป็นกระดานแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามปริมาณการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2560 โดยชาวแคนาดาเชื้อสายจีน ฉางเผิง เจ้า ปัจจุบันจดทะเบียนที่หมู่เกาะเคย์แมน ฉางเผิง เจ้า เป็นโปรแกรมเมอร์พัฒนากระดานซื้อขายหลักทรัพย์ และเขาได้พัฒนาไบแนนซ์ โดยเริ่มต้นจากการที่จดทะเบียนในประเทศจีน แต่ภายหลังได้ย้ายออกจากประเทศเนื่องจากการเข้มงวดของรัฐบาลจีน
บริษัทไบแนนซ์ได้มีการพัฒนาโทเคนคริปโทเตอร์เรนซีของตัวเอง 2 โทเคน คือ ไบแนนซ์ (Binance - BNB) เมื่อมิถุนายน 2560 ทำงานบนบล็อกเชนชื่อไบแนนซ์สมาร์ตเชน (Binance Smart Chain - BSC), และไบแนนซ์ยูเอสดี (BUSD) ที่เป็นสเตเบิลคอยน์ ที่ยึดราคาตามสกุลเงินดอลลาร์ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนภายในกระดานแลกเปลี่ยนของไบแนนซ์
ปัจจุบันไบแนนซ์ถูกตรวจสอบโดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐในข้อหาฟอกเงินและหนีภาษี
Binance
กาบริเอล บอริช
มาเคโดนียุม
อัลเฟรด นอยมันน์ (สถาปนิก)
เจ้าชายมิเชลแห่งบูร์บง-ปาร์มา
เกรทเรซิกเนชัน
ศูนย์วิทยาศาสตร์ไซเบอร์เนติกส์หุ่นยนต์และเทคนิคแห่งรัฐรัสเซีย
จัตตาแห่งเดนมาร์ก
จัตตาแห่งเดนมาร์ก หรือเป็นที่รู้จักในพระนามว่า "จูดิธ" ("Judith") (ค.ศ. 1246 - 1286/95) ทรงเป็นเจ้าหญิงเดนมาร์ก เป็นหนึ่งในพระราชธิดาของพระเจ้าอีริคที่ 4 แห่งเดนมาร์กกับจัตตาแห่งแซกโซนี เจ้าหญิงจัตตาเป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสวีเดนและสมเด็จพระราชินีอิงเงอบอร์กแห่งนอร์เวย์ และเป็นพระเชษฐภคินีในเจ้าหญิงอักเนสแห่งเดนมาร์ก เจ้าหญิงจัตตาได้กลายเป็นพระสนมในพระเชษฐภาดา (พี่เขย) คือ พระเจ้าวัลเดมาร์แห่งสวีเดน ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าหญิงจัตตาทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์แอสตริดเซน
พระชนม์ชีพ.
ในค.ศ. 1250 ขณะที่เจ้าหญิงจัตตาทรงมีพระชนมายุเพียง 4 พรรษา พระราชบิดาได้ถูกลอบปลงพระชนม์ พระราชมารดาของพระนางได้เสกสมรสใหม่กับบูร์ชาดที่ 8 เคานท์แห่งเคอร์ฟูร์ต-โรเซินบูร์ก พระเชษฐภคินีของเจ้าหญิงจัตตาทั้งสองพระองค์ได้แก่ เจ้าหญิงโซเฟียและเจ้าหญิงอิงเงอบอร์กได้อภิเษกสมรสออกจากราชสำนักไป ในขณะที่เจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนส พระขนิษฐา ประทับอยู่ในอารามนักบุญอักเนส, รอสคิลด์ ทั้งเจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนสไม่ทรงมีความสุขกับพระชนม์ชีพในฐานะนางชีที่ยากลำบากและโดดเดี่ยวได้
ใคนค.ศ. 1269 พระเชษฐภคินีองค์ใหญ่คือ สมเด็จพระราชินีโซเฟียแห่งสวีเดน ได้เสด็จเยี่ยมสถานฝังพระบรมศพของพระราชบิดาและเสด็จเยี่ยมเยือนพระขนิษฐาทั้งสองในรอสคิลด์ ในค.ศ. 1272 เจ้าหญิงจัตตาได้รับพระบรมราชานุญาตให้เสด็จไปประทับที่สวีเดน แต่ที่นั่นทรงกลายเป็นพระสนมในพระเจ้าวัลเดมาร์แห่งสวีเดน ผู้เป็นพระเชษฐภาดา เรื่องอื้อฉาวนี้ทำให้เจ้าหญิงจัตตาทรงพระครรภ์และมีบุตรนอกสมรสใน ค.ศ. 1273 บุตรชายได้รับการตั้งชื่อว่า อีริค แม้ว่าจะมีการถกเถียงในกรณีนี้อยู่ ในปีถัดมา เจ้าหญิงจัตตาทรงถูกส่งกลับไปยังอารามนักบุญอักเนทา และกษัตริย์วัลเดมาร์ทรงต้องจาริกแสวงบุญไปยังกรุงโรมเพื่อขอการอภัยโทษจากสมเด็จพระสันตะปาปา ตามพงศาวดารบันทึกว่า สมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงมีพระราชดำรัสว่า "ข้าฯ จะไม่มีวันหมดสิ้นซึ่งความเศร้าโศก ขอสาปแช่งในวันนั้น วันที่น้องสาวของข้าฯ ได้เดินทางมาเหยียบแผ่นดินสวีเดน" กษัตริย์วัลเดมาร์และสมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงแยกกันประทับ
เจ้าหญิงจัตตาทรงประทับในคอนแวนต์จวบจนสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระเจ้าอีริคที่ 5 แห่งเดนมาร์ก พระญาติของเจ้าหญิงจัตตา ทรงปฏิเสธสิทธิในมรดกของเจ้าหญิงจัตตาและเจ้าหญิงอักเนสที่ควรได้รับจากพระราชบิดาของเหล่าพระนาง อย่างไรก็ตามเรื่องอื้อฉาวนี้ก็ได้รับการปรองดองกันใน ค.ศ. 1284 เมื่อเหล่าภคินีทั้งสองได้รับมรดก เจ้าหญิงจัตตา หรือ จูดิธ น่าจะสิ้นพระชนม์ราวช่วงค.ศ. 1286 ถึง ค.ศ. 1295 ในช่วงเวลานั้น เจ้าหญิงอักเนสอาจจะได้เสกสมรสกับอีริค ลอร์ดแห่งลังก์เอลันด์ พระญาติ ส่วนพระนางโซเฟียสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 1286
สเตเบิลคอยน์
สเตเบิลคอยน์ คือ คริปโทเคอร์เรนซีที่มีราคาอ้างอิงกับราคาอื่น เช่นสกุลเงินใดสกุลหนึ่ง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าแลกเปลี่ยน อาทิ โลหะ หรือ น้ำมัน หรือแม้แต่คริปโทเคอร์เรนซีสกุลอื่นเอง สเตเบิลคอยน์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลักคือ ประเภทที่มีสินทรัพย์หนุน โดยความผันผวนของสเตเบิลคอยน์ประเภทนี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของราคาสินทรัพย์ที่หนุนอยู่ กับประเภทที่ไม่มีสินทรัพย์หนุน
Stablecoin
ลูนา
ลูนา ในภาษาละตินหมายถึง ดวงจันทร์ของโลก และอาจหมายถึง
ริทอูอาเลบีสซาซาเฆล
พระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาท
พระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาท สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะได้ประกาศให้เจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะเป็นรัชทายาทให้ทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่นได้รับทราบ
เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชอนุชาของสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ พระองค์จึงได้รับการสถาปนาเป็น โคชิ หรือ พระอนุชารัชทายาท
ภาพรวม.
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2019 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ได้สละราชบัลลังก์ตามกฎราชวงศ์ฉบับพิเศษเกี่ยวกับการสละราชบัลลังก์ของจักรพรรดิ (ฉบับที่ 63 ประกาศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2017) สมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะเสด็จขึ้นครองราชบัลลังก์ดอกเบญจมาศเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2019
ซึ่งพระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาทเดิมกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 2020 ครึ่งปีหลังจากพิธีบรมราชาภิเษก (22 ตุลาคม) อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 เมษายนของปีเดียวกัน โยชิฮิเดะ ซูงะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นเปิดเผยว่า ได้เลื่อนพระราชพิธีออกไปตามการประกาศภาวะฉุกเฉิน เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งกำลังระบาดไปทั่วโลก
พระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาทเป็นพระราชพิธีที่จัดขึ้นครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับพระราชพิธีสละราชบัลลังก์ของสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ
เพื่อให้พิธีการที่เกี่ยวข้องกับการสืบราชบัลลังก์ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น สำนักพระราชวังจึงได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2020 คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายโยชิฮิเดะ ซูงะ ได้จัดตั้งคณะกรรมการจัดพระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาท (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2018) การประชุมครั้งที่ 11 จัดขึ้นที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรี และการประชุมกำหนดให้พระราชพิธีจัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายนของปีเดียวกัน ภายในงานพระราชพิธียกเว้นสมเด็จพระจักรพรรดินารูฮิโตะ สมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ เจ้าชายฟูมิฮิโตะ และนายกรัฐมนตรี ผู้เข้าร่วมงานต้องสวมหน้ากาก ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ที่ประชุมจึงตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญคือลดจำนวนผู้เข้าร่วมจากเดิมที่วางแผนไว้ 300 คนเหลือประมาณ 50 คน นอกจากนี้ งานเลี้ยง "Kyūchū kyōen no gi" ซึ่งเจ้าชายและเจ้าหญิงรัชทายาทจะร่วมรับประทานอาหารกับแขกผู้มีเกียรติจะถูกยกเลิกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 (COVID-19)
วันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 2020 ("ปีเรวะที่ 2") ประมาณ 11 โมง 15 นาที พระราชพิธีประกาศแต่งตั้งรัชทายาทได้จัดขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าเจ้าชายฟูมิฮิโตะได้กลายเป็นรัชทายาทของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เวลา 12:30 น. พิธี 'Kashikodokoro Koreiden Shinden Niesshunogi' จะจัดขึ้นที่พระราชวังหลวงโตเกียวซึ่งเจ้าชายฟูมิฮิโตะ อากิชิโนะโนะมิยะ จะเสด็จเข้าสู่พระราชวังหลวงเป็นครั้งแรกหลังจากที่ได้เป็นรัชทายาทพร้อมด้วยเจ้าหญิงรัชทายาท
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีและงานต่าง ๆ ที่พระราชวังหลวง เจ้าชายฟูมิฮิโตะ และเจ้าหญิงคิโกะ พระชายาได้เสด็จไป พระราชวังหลวงเซนโต (แขวงมินาโตะ โตเกียว) เพื่อเข้าเฝ้าสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงและสมเด็จพระจักรพรรดินีพันปีหลวงและเสด็จกลับมายังพระตำหนักอากาซากะซึ่งเป็นที่ประทับ
24 พฤศจิกายน 2020 พิธี "Rei of Rikkoshi" จัดขึ้นที่หอจดหมายเหตุและสำนักพระราชวัง
โลรีญินดูมอนด์
มีโมเลต
เจ้าชายเลออปอล คลิเมนต์แห่งซัคเซิน-โคบูร์กและโกทา
เจ้าชายฟิลิปแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
เจ้าหญิงโดโรเทียแห่งซัคเซิน-โคบวร์คและโกทา
ปลายสมัยกลาง
ต้นสมัยกลาง
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 นัดชิงชนะเลิศ
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 นัดชิงชนะเลิศ เป็นการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศของ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2020 จัดขึ้นโดย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ). เป็นการลงเล่นระหว่าง อินโดนีเซีย และ ไทย ในสองเลก, ทั้งสองนัดเล่นที่ สนามกีฬาแห่งชาติ, กัลลัง, ประเทศสิงคโปร์. เลกแรกได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2564 และเลกที่สองได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565. ไทยคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ด้วยสกอร์รวม 6–2. นี่เป็นการทำสกอร์ที่สูงที่สุดในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน, ซึ่งยังสร้างขอบเขตของชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่ารอบชิงชนะเลิศครั้งก่อนๆ.
ไทยชนะเลกแรก 4–0, ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของทั้งสองทีมในนัดนี้นับตั้งแต่การพบกันที่ ซีเกมส์ 1985, เมื่อไทยชนะอินโดนีเซีย 7–0. ด้วยความพ่ายแพ้ถึงสี่ประตู, นี่เป็นการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สถดในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน, ไม่ว่าจะเป็นเลกเดียวหรือสองเลก. ความพ่ายแพ้ที่ใหญ่ที่สุดร่วมกันครั้งก่อนอยู่ที่ระยะห่างสามประตู (4–1 ใน นัดชิงชนะเลิศเลกเดียว 2000 และ 3–0 ในเลกแรกของ นัดชิงชนะเลิศ ปี ค.ศ. 2010) และเป็นที่น่าบังเอิญ, ทั้งสองเกมนั้นทำให้อินโดนีเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้. ในเลกที่สอง, อินโดนีเซียเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อนแต่มาเสียสองประตูในสามนาทีก่อนที่จะตีเสมอในอีกไม่กี่นาทีถัดมาเพราะพวกเขาหลีกเลี่ยงในการที่จะเป็นทีมแรกที่จะแพ้ทั้งสองเลกของรอบชิงชนะเลิศนับตั้งแต่ตัวเองถึง สิงคโปร์ ใน ค.ศ. 2004.
เส้นทางสู่นัดชิงชนะเลิศ.
"หมายเหตุ: ในผลการแข่งขันทั้งหมดด้านล่างนี้, สกอร์ของผู้เข้าชิงชนะเลิศจะเป็นตัวเลขแรกขึ้นมาก่อน (H: เหย้า; A: เยือน; N: สนามกลาง)."
นัดการแข่งขัน.
เลกแรก.
<section begin=f-1stleg/><section end=f-1stleg />
เลกที่สอง.
<section begin=f-2ndleg/><section end=f-2ndleg />
ซีนางาก
ชาวเขิน
Jutta of Denmark
สมเด็จพระราชาธิบดีจอร์จที่ 2 แห่งกรีซ
สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ
Imperial Russia
ยุคกลางตอนปลาย
อะละวี
อะละวี ( "อะละวียะฮ์") หรือ นุซัยรี ( "นุศ็อยรียะฮ์") เป็นสาขาของศาสนาอิสลามนิกายชีอะฮ์ กลุ่มอะละวียกย่องอะลี (อะลี อิบน์ อะบีฏอลิบ) เป็นอิหม่ามคนแรกของสำนักสิบสองอิมาม เชื่อว่ากลุ่มนี้ก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยอิบน์ นุศ็อยร์
รายงานจากงานวิจัยของเมฮร์ดาด อิซาดีย์ (Mehrdad Izady) มีอะละวีอยู่ในประชากรซีเรียร้อยละ 17.2 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11.8 ใน ค.ศ. 2010 และเป็นชนกลุ่มน้อยสำคัญในจังหวัดฮาทัย ประเทศตุรกี และภาคเหนือของประเทศเลบานอน สาขานี้มักสับสนกับลัทธิแอเลวี ซึ่งเป็นลัทธิศาสนาต่างหากในประเทศตุรกี
เทววิทยาและพิธีกรรมของอะละวีมีความแตกต่างจากชีอะฮ์สายหลักหลายแบบ เช่น ในช่วงทำพิธี กลุ่มอะละวีดื่มไวน์ในฐานะการเปลี่ยนสภาพของอะลี ในขณะที่มุสลิมกลุ่มอื่น ๆ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อะละวีส่งเสริมให้ดื่มมันได้แค่พอเหมาะ และพวกเขาเชื่อในเรื่องการกลับชาติมาเกิด
Alawites
จักรวาลนฤมิต
รายชื่อรางวัลและการเสนอชื่อที่อุรัสยา เสปอร์บันด์ได้รับ
อุรัสยา เสปอร์บันด์ เป็นนักแสดงชาวไทยที่ได้รับรางวัลและถูกเสนอเข้าชิงรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ รางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ รางวัลสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และท็อปอวอร์ดอย่างละหนึ่งครั้ง เธอยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราชห้าครั้ง คมชัดลึก อวอร์ดเก้าครั้ง และสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์อีกแปดครั้ง
บทนำครั้งแรกของอุรัสยาเมื่อ พ.ศ. 2553 ในละครเรื่อง "ดวงใจอัคนี" ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม จากงานประกาศรางวัลท็อปอวอร์ดและสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ การแสดงจากละครโลดโผนอย่าง "ตะวันเดือด" ทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม กลายเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดที่ถูกเสนอชื่อ ในปีเดียวกันนั้น เธอยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ และรางวัลเมขลา สาขานักแสดงนำหญิงดีเด่น ตลอดจนสยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม