question_id
int64
1
17k
question_type
int64
1
2
question
stringlengths
11
207
context
stringlengths
56
98.9k
answer
stringlengths
1
135
answer_begin_position
float64
79
65.4k
answer_end_position
float64
82
65.4k
101
1
เครื่องราชอิศริยาภรณ์สหไมตรี มีลำดับเกียรติทั้งหมดกี่ชั้น
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สหไมตรี เครื่องราชอิศริยาภรณ์สหไมตรี ( "เครื่องอิสริยยศลำดับสหเมตรี") เป็นชื่อของตระกูลเครื่องราชอิสริยาภรณ์ซึ่งมอบโดยรัฐบาลแห่งพระราชอาณาจักรกัมพูชา สถาปนาขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1948 โดยแบ่งลำดับเกียรติเป็น 3 ชั้น ต่อมาได้ขยายลำดับเกียรติขึ้นเป็น 5 ชั้น เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1956 การมอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้ได้ระงับไปในสมัยการปกครองของเขมรแดง ก่อนจะมีการฟื้นฟูการมอบอีกครั้ง ตามพระราชกฤษฎีกา เลขที่ 1095/01 ลงวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1995 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้มอบเป็นเครื่องหมายแห่งมิตรภาพแก่ชาวต่างชาติผู้มีความชอบดีเด่นต่อพระมหากษัตริย์และประชาชนแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือด้านการทูตลำดับเกียรติ ลำดับเกียรติ. เครื่องราชอิศริยาภรณ์สหไมตรีมีลำดับเกียรติทั้งหมด 5 ชั้น ดังนี้1. มหาสิริวัฒน์ (មហាសេរីវឌ្ឍន៍ - เทียบเท่าชั้นประถมาภรณ์) ประกอบด้วยสายสะพายสำหรับสะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้ายและดาราประดับอกเสื้อทางเบื้องขวา 2. มหาเสนา (មហាសេនា - เทียบเท่าชั้นทุติยาภรณ์) 3. ธิบดินทร์ (ធិបឌិន្ទ - เทียบเท่าชั้นตติยาภรณ์) 4. เสนา (សេនា - เทียบเท่าชั้นจตุรถาภรณ์) 5. อัสสฤทธิ์ (អស្សឫទ្ធិ - เทียบเท่าขั้นเบญจมาภรณ์)หมายเหตุ
5 ชั้น
880
886
102
1
เมืองที่มีความแห้งแล้งที่สุดในจังหวัดฮกไกโด ประเทศญี่ปุ่น คือเมืองอะไร
อาบาชิริ อาบาชิริ () เป็นศูนย์กลางของกิ่งจังหวัดโอค็อตสค์ ในจังหวัดฮกไกโด จัดว่าเป็นเมืองที่มีแห้งแล้งที่สุดในญี่ปุ่น สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของอาบาชิริคือ เรือนจำอาบาชิริ ซึ่งใช้กักขังนักโทษการเมืองในยุคเมจิ ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีเรือนจำความปลอดภัยขั้นสูงสุดแห่งใหม่ในเมืองใช้กักขังนักโทษแทน เมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญและเป็นปลายทางของรถไฟ ใน พ.ศ. 2551 อาบาชิริมีประชากร 40,333 คน ความหนาแน่นของประชากร 85.6 คนต่อตารางกิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 470.94 ตารางกิโลเมตร อาบาชิริตั้งอยู่ในด้านตะวันออกของมณฑลอาบาชิริ ห่างจากเมืองคิตะมิไปทางตะวันออก 50 กิโลเมตร พื้นที่เต็มไปด้วยเนินเขาจำนวนมาก แต่ไม่มีภูเขาสูง เมืองพี่น้องของอาบาชิริคือ พอร์ท อัลเบอร์นี ในรัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา แต่ละปีมีนักเรียนจำนวนมากเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างสองเมืองนี้ ท่าอากาศยานที่อยู่ใกล้กับอาบาชิริคือ ท่าอากาศยานเมะมังเบะสึ ตั้งอยู่ในเมืองโอโซะระประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์. - มีนาคม พ.ศ. 2415 หมู่บ้านอาบาชิริ (アバシリ村) ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยตั้งชื่อตาม Abashiri District ใน Kitami Province - พ.ศ. 2418 ตัวอักษรคันจิ 網走村 ถูกนำมาใช้เป็นชื่อหมู่บ้านอาบาชิริ - พ.ศ. 2445 หมู่บ้านอาบาชิริ เมืองคิตะมิ หมู่บ้านอิซะนิ และหมู่บ้านนิคุริบะเกะ ถูกผนวกรวมกันเป็นเมืองอาบาชิริ - พ.ศ. 2458 เมืองอาบาชิริได้ผนวกเอาหมู่บ้านโนะโตะโระและหมู่บ้านโมะโคะโตะเข้าไว้ด้วย - พ.ศ. 2464 หมู่บ้านเมะมัมเบ็ทสึ (ต่อมาคือเมืองเมะมัมเบ็ทสึ ซึ่งถูกผนวกเข้ากับเมืองโอโสะระเมื่อ พ.ศ. 2549) ได้แยกตัวออกจากเมืองอาบาชิริ - พ.ศ. 2474 ขอบเขตระหว่างเมืองอาบาชิริกับหมู่บ้านเมะมัมเบ็ทสึถูกตีขึ้นใหม่ - 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 หมู่บ้านฮิงะชิโมะโคะโตะ (ถูกผนวกเข้ากับเมืองโอโสะระเมื่อ พ.ศ. 2549) ได้แยกตัวออก พื้นที่ทั้งหมดของเมืองโอโสะระในปัจจุบันเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาบาชิริข้อมูลเพิ่มเติมข้อมูลเพิ่มเติม. - Official website
อาบาชิริ
93
101
103
1
เรือนจำอาบาชิริ ของประเทศญี่ปุ่นใช้กักขังนักโทษการเมืองในยุคใด
อาบาชิริ อาบาชิริ () เป็นศูนย์กลางของกิ่งจังหวัดโอค็อตสค์ ในจังหวัดฮกไกโด จัดว่าเป็นเมืองที่มีแห้งแล้งที่สุดในญี่ปุ่น สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของอาบาชิริคือ เรือนจำอาบาชิริ ซึ่งใช้กักขังนักโทษการเมืองในยุคเมจิ ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ โดยมีเรือนจำความปลอดภัยขั้นสูงสุดแห่งใหม่ในเมืองใช้กักขังนักโทษแทน เมืองนี้เป็นเมืองท่าสำคัญและเป็นปลายทางของรถไฟ ใน พ.ศ. 2551 อาบาชิริมีประชากร 40,333 คน ความหนาแน่นของประชากร 85.6 คนต่อตารางกิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 470.94 ตารางกิโลเมตร อาบาชิริตั้งอยู่ในด้านตะวันออกของมณฑลอาบาชิริ ห่างจากเมืองคิตะมิไปทางตะวันออก 50 กิโลเมตร พื้นที่เต็มไปด้วยเนินเขาจำนวนมาก แต่ไม่มีภูเขาสูง เมืองพี่น้องของอาบาชิริคือ พอร์ท อัลเบอร์นี ในรัฐบริติชโคลัมเบีย แคนาดา แต่ละปีมีนักเรียนจำนวนมากเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างสองเมืองนี้ ท่าอากาศยานที่อยู่ใกล้กับอาบาชิริคือ ท่าอากาศยานเมะมังเบะสึ ตั้งอยู่ในเมืองโอโซะระประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์. - มีนาคม พ.ศ. 2415 หมู่บ้านอาบาชิริ (アバシリ村) ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยตั้งชื่อตาม Abashiri District ใน Kitami Province - พ.ศ. 2418 ตัวอักษรคันจิ 網走村 ถูกนำมาใช้เป็นชื่อหมู่บ้านอาบาชิริ - พ.ศ. 2445 หมู่บ้านอาบาชิริ เมืองคิตะมิ หมู่บ้านอิซะนิ และหมู่บ้านนิคุริบะเกะ ถูกผนวกรวมกันเป็นเมืองอาบาชิริ - พ.ศ. 2458 เมืองอาบาชิริได้ผนวกเอาหมู่บ้านโนะโตะโระและหมู่บ้านโมะโคะโตะเข้าไว้ด้วย - พ.ศ. 2464 หมู่บ้านเมะมัมเบ็ทสึ (ต่อมาคือเมืองเมะมัมเบ็ทสึ ซึ่งถูกผนวกเข้ากับเมืองโอโสะระเมื่อ พ.ศ. 2549) ได้แยกตัวออกจากเมืองอาบาชิริ - พ.ศ. 2474 ขอบเขตระหว่างเมืองอาบาชิริกับหมู่บ้านเมะมัมเบ็ทสึถูกตีขึ้นใหม่ - 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 หมู่บ้านฮิงะชิโมะโคะโตะ (ถูกผนวกเข้ากับเมืองโอโสะระเมื่อ พ.ศ. 2549) ได้แยกตัวออก พื้นที่ทั้งหมดของเมืองโอโสะระในปัจจุบันเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาบาชิริข้อมูลเพิ่มเติมข้อมูลเพิ่มเติม. - Official website
ยุคเมจิ
286
293
104
1
ผู้ถวายพระนมและการอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คือใคร
พระนมปริก พระนมปริก (พ.ศ. 2373 - 30 ตุลาคม พ.ศ. 2454) เป็นพระนมเอก ผู้ถวายพระนมและการอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระราชชนนีทุกพระองค์ พระนมปริกเกิดที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ของตระกูลกัลยาณมิตร ใกล้วัดอรุณราชวรารามกับกุฏีเจ้าเซน เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล โทศก จุลศักราช 1192 ตรงกับ พ.ศ. 2373 เป็นธิดาคนเล็กในจำนวน 18 คนของ พระยาอิศรานุภาพ (ขุนเณรน้อย) เกิดแต่คุณขำ ภรรยาคนที่ 10 ได้เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังตั้งแต่อายุ 2 ปี ไปอาศัยอยู่กับ เจ้าจอมพึ่ง เจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพี่สาวคนโต เมื่ออายุได้ 20 ปี พระนมปริกได้แต่งงานกับ นายเสถียรรักษา (เที่ยง) ปลัดวังซ้าย คหบดีเชื้อสายรามัญ ให้กำเนิดธิดาคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2396 ใกล้เคียงกับเวลาที่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี่ มีพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาอิศรานุภาพผู้เป็นบิดา ซึ่งขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ได้ถวายตัวพระนมปริกให้เป็นพระนมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี มีพระประสูติกาล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ ในปี พ.ศ. 2398 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ในปี พ.ศ. 2399 และ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในปี พ.ศ. 2402 เป็นเวลาใกล้เคียงกับที่เจ้าจอมปริกให้กำเนิดบุตรและธิดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมปริกเป็นผู้ถวายพระนม และการอภิบาลแก่ทุกพระองค์ พระนมปริกมีบุตรธิดากับนายเสถียรรักษา (เที่ยง) ทั้งสิ้น 9 คน คนโตชื่อ เขียน เป็นพระสนมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังไม่ทรงครองราชย์ ต่อมาได้กราบบังคมทูลลาไปบวชเป็นชีจนถึงแก่กรรม ธิดาคนที่สามชื่อ วาด ได้ถวายตัวรับใช้ทูลกระหม่อมแก้ว (หรือ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร) ต่อมาได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอม เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ให้ประสูติพระราชโอรส คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระนมปริกถึงแก่อนิจกรรมที่วังพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2454 อายุ 84 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศราชินิกุล เสมอพระศพหม่อมเจ้า และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พิธีพระราชทานเพลิงศพจัดที่วัดเทพศิรินทราวาสลำดับสาแหรก
พระนมปริก
95
104
105
1
พระนมปริกได้แต่งงานกับใคร
พระนมปริก พระนมปริก (พ.ศ. 2373 - 30 ตุลาคม พ.ศ. 2454) เป็นพระนมเอก ผู้ถวายพระนมและการอภิบาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมทั้งพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระราชชนนีทุกพระองค์ พระนมปริกเกิดที่บ้านริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ของตระกูลกัลยาณมิตร ใกล้วัดอรุณราชวรารามกับกุฏีเจ้าเซน เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล โทศก จุลศักราช 1192 ตรงกับ พ.ศ. 2373 เป็นธิดาคนเล็กในจำนวน 18 คนของ พระยาอิศรานุภาพ (ขุนเณรน้อย) เกิดแต่คุณขำ ภรรยาคนที่ 10 ได้เข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวังตั้งแต่อายุ 2 ปี ไปอาศัยอยู่กับ เจ้าจอมพึ่ง เจ้าจอมในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพี่สาวคนโต เมื่ออายุได้ 20 ปี พระนมปริกได้แต่งงานกับ นายเสถียรรักษา (เที่ยง) ปลัดวังซ้าย คหบดีเชื้อสายรามัญ ให้กำเนิดธิดาคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2396 ใกล้เคียงกับเวลาที่สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี่ มีพระประสูติกาล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาอิศรานุภาพผู้เป็นบิดา ซึ่งขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น พระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร ได้ถวายตัวพระนมปริกให้เป็นพระนมของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี มีพระประสูติกาล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ ในปี พ.ศ. 2398 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ในปี พ.ศ. 2399 และ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ในปี พ.ศ. 2402 เป็นเวลาใกล้เคียงกับที่เจ้าจอมปริกให้กำเนิดบุตรและธิดา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าจอมปริกเป็นผู้ถวายพระนม และการอภิบาลแก่ทุกพระองค์ พระนมปริกมีบุตรธิดากับนายเสถียรรักษา (เที่ยง) ทั้งสิ้น 9 คน คนโตชื่อ เขียน เป็นพระสนมในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังไม่ทรงครองราชย์ ต่อมาได้กราบบังคมทูลลาไปบวชเป็นชีจนถึงแก่กรรม ธิดาคนที่สามชื่อ วาด ได้ถวายตัวรับใช้ทูลกระหม่อมแก้ว (หรือ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร) ต่อมาได้ถวายตัวเป็นเจ้าจอม เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้ให้ประสูติพระราชโอรส คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระนมปริกถึงแก่อนิจกรรมที่วังพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2454 อายุ 84 ปี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานโกศราชินิกุล เสมอพระศพหม่อมเจ้า และพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พิธีพระราชทานเพลิงศพจัดที่วัดเทพศิรินทราวาสลำดับสาแหรก
นายเสถียรรักษา (เที่ยง)
719
742
106
1
ไมตรี ลิมปิชาติ เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่ปีพ.ศ. อะไร
ไมตรี ลิมปิชาติ ไมตรี ลิมปิชาติ เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยการเริ่มต้นเขียนเรื่องสั้น ผลงานการเขียนของไมตรี ลิมปิชาติ ได้รับการกล่าวถึงทั้งจากผู้อ่านและนักวิจารณ์วรรณกรรมอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๑๖ เมื่อ ไมตรี ลิมปิชาติ ได้มีผลงานรวมเล่มเรื่องสั้น เล่มแรก “ทางออกที่ถูกปิด” นักวิจารณ์วรรณกรรมได้พูดถึง เรื่องสั้น ของ ไมตรี ลิมปิชาติ ว่าเป็นงานเขียนที่มีการจบแบบ “หักมุม” ที่ผู้อ่านนึกไม่ถึง ทำให้ได้อารมณ์ในการอ่านอีกรูปแบบหนึ่ง และมีคุณค่าแทรกอยู่ทุกเรื่อง ไมตรี ลิมปิชาติ มีผลงานการเขียนเรื่องสั้นกว่า ๓๐๐ เรื่อง โดยบุคลิกที่แท้จริง ไมตรี ลิมปิชาติ เป็นคนอารมณ์ดี การเขียนหนังสือของเขาจึงมีสำนวนที่อ่านง่าย ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน ผู้อ่านที่นิยมงานเขียนของเขา มักจะพูดว่าอ่านงานเขียนของ ไมตรี ลิมปิชาติ แล้วไม่เครียด ได้สาระ และมักจะได้ยิ้มในตอนจบเสมอ โดยเฉพาะการเขียนบทความในคอลัมน์ต่างๆ จนนักวิจารณ์ วรรณกรรมบางท่านกล่าวว่า ไมตรี ลิมปิชาติ เป็นนักเขียนอารมณ์ดี ไมตรี ลิมปิชาติ ใช้ภาษาในการเขียนบทความที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย การเดินเรื่องคล้ายเรื่องสั้น ซึ่งอาจเรียกผลงานเขียนบทความเชิงหรรษาลักษณะนี้ว่าเป็นหัสคดีก็ได้ สำหรับการเขียนเรื่องท่องเที่ยว ไมตรี ลิมปิชาติ ใช้วิธีเขียนแบบบันทึก เล่าประสบการณ์ในการเที่ยวไปเรื่อยๆ ใช้ภาษาง่ายๆ เห็นอะไร คิดอย่างไร ก็เขียนอย่างนั้น ทำให้ผู้อ่านได้จินตนาการตามไปด้วย เหมือนได้ไปร่วมเที่ยวกับ ไมตรี ลิมปิชาติ ด้วยความสนุก ซึ่งมีผลให้ไมตรี ลิมปิชาติ กลายเป็นคอลัมนิสต์ด้านการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิญให้ ไมตรี ลิมปิชาติร่วมท่องเที่ยวในเส้นทางใหม่ๆ โดยคาดหวังว่า ไมตรี ลิมปิชาติ จะได้นำข้อมูลมาเขียนเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ไปท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งก็จะประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ ไมตรี ลิมปิชาติ มีผลงานการเขียนนวนิยายกว่ายี่สิบเรื่อง ที่เป็นที่รู้จักและเคยได้รับรางวัล เช่น ความรักของคุณฉุย ดอกเตอร์ครก กว่าจะเป็นแชมป์ ยอดหญิงนักตบ ฯลฯ การดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร หรือสถานที่ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จึงทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกและยอมรับได้กับเรื่องราวของตัวละครและสาระของนวนิยายเรื่องนั้นๆ ที่ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะแก่เยาวชน นอกจากนี้ ไมตรี ลิมปิชาติ ยังได้เขียนหนังสือประกอบภาพสำหรับเด็ก ไว้อีกหลายเรื่อง ทุกเรื่องได้ให้แนวคิดด้านจริยธรรม ที่เด็กไทยควรได้รับการปลูกฝัง เช่น ความเชื่อถือ จากเรื่อง ฉันคือต้นไม้ การสอนให้เด็กรักความสะอาด มีวินัย ในเรื่องรับไม่อั้น การไม่รังแกสัตว์ในเรื่องคุณปู่กับแมงมุม ความซื่อสัตย์ จากเรื่องหินศักดิ์สิทธิ์ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากเรื่องพลายงามเข้ากรุง
ปีพ.ศ. ๒๕๑๓
147
158
107
1
ผลงานรวมเล่มเรื่องสั้นเล่มแรก ของนักเขียนไมตรี ลิมปิชาติ มีชื่อว่าอะไร
ไมตรี ลิมปิชาติ ไมตรี ลิมปิชาติ เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๑๓ ด้วยการเริ่มต้นเขียนเรื่องสั้น ผลงานการเขียนของไมตรี ลิมปิชาติ ได้รับการกล่าวถึงทั้งจากผู้อ่านและนักวิจารณ์วรรณกรรมอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๕๑๖ เมื่อ ไมตรี ลิมปิชาติ ได้มีผลงานรวมเล่มเรื่องสั้น เล่มแรก “ทางออกที่ถูกปิด” นักวิจารณ์วรรณกรรมได้พูดถึง เรื่องสั้น ของ ไมตรี ลิมปิชาติ ว่าเป็นงานเขียนที่มีการจบแบบ “หักมุม” ที่ผู้อ่านนึกไม่ถึง ทำให้ได้อารมณ์ในการอ่านอีกรูปแบบหนึ่ง และมีคุณค่าแทรกอยู่ทุกเรื่อง ไมตรี ลิมปิชาติ มีผลงานการเขียนเรื่องสั้นกว่า ๓๐๐ เรื่อง โดยบุคลิกที่แท้จริง ไมตรี ลิมปิชาติ เป็นคนอารมณ์ดี การเขียนหนังสือของเขาจึงมีสำนวนที่อ่านง่าย ตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน ผู้อ่านที่นิยมงานเขียนของเขา มักจะพูดว่าอ่านงานเขียนของ ไมตรี ลิมปิชาติ แล้วไม่เครียด ได้สาระ และมักจะได้ยิ้มในตอนจบเสมอ โดยเฉพาะการเขียนบทความในคอลัมน์ต่างๆ จนนักวิจารณ์ วรรณกรรมบางท่านกล่าวว่า ไมตรี ลิมปิชาติ เป็นนักเขียนอารมณ์ดี ไมตรี ลิมปิชาติ ใช้ภาษาในการเขียนบทความที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย การเดินเรื่องคล้ายเรื่องสั้น ซึ่งอาจเรียกผลงานเขียนบทความเชิงหรรษาลักษณะนี้ว่าเป็นหัสคดีก็ได้ สำหรับการเขียนเรื่องท่องเที่ยว ไมตรี ลิมปิชาติ ใช้วิธีเขียนแบบบันทึก เล่าประสบการณ์ในการเที่ยวไปเรื่อยๆ ใช้ภาษาง่ายๆ เห็นอะไร คิดอย่างไร ก็เขียนอย่างนั้น ทำให้ผู้อ่านได้จินตนาการตามไปด้วย เหมือนได้ไปร่วมเที่ยวกับ ไมตรี ลิมปิชาติ ด้วยความสนุก ซึ่งมีผลให้ไมตรี ลิมปิชาติ กลายเป็นคอลัมนิสต์ด้านการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเชิญให้ ไมตรี ลิมปิชาติร่วมท่องเที่ยวในเส้นทางใหม่ๆ โดยคาดหวังว่า ไมตรี ลิมปิชาติ จะได้นำข้อมูลมาเขียนเชิญชวนให้ผู้อ่านได้ไปท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งก็จะประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ ไมตรี ลิมปิชาติ มีผลงานการเขียนนวนิยายกว่ายี่สิบเรื่อง ที่เป็นที่รู้จักและเคยได้รับรางวัล เช่น ความรักของคุณฉุย ดอกเตอร์ครก กว่าจะเป็นแชมป์ ยอดหญิงนักตบ ฯลฯ การดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร หรือสถานที่ เป็นสิ่งที่สัมผัสได้จึงทำให้ผู้อ่านรู้สึกสนุกและยอมรับได้กับเรื่องราวของตัวละครและสาระของนวนิยายเรื่องนั้นๆ ที่ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะแก่เยาวชน นอกจากนี้ ไมตรี ลิมปิชาติ ยังได้เขียนหนังสือประกอบภาพสำหรับเด็ก ไว้อีกหลายเรื่อง ทุกเรื่องได้ให้แนวคิดด้านจริยธรรม ที่เด็กไทยควรได้รับการปลูกฝัง เช่น ความเชื่อถือ จากเรื่อง ฉันคือต้นไม้ การสอนให้เด็กรักความสะอาด มีวินัย ในเรื่องรับไม่อั้น การไม่รังแกสัตว์ในเรื่องคุณปู่กับแมงมุม ความซื่อสัตย์ จากเรื่องหินศักดิ์สิทธิ์ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากเรื่องพลายงามเข้ากรุง
ทางออกที่ถูกปิด
367
382
108
1
สะเออะ เป็นอาหารของภาคใดในประเทศไทย
สะเออะ สะเออะ เป็นอาหารอีสานชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายหมก แต่เพิ่มไข่ลงในส่วนผสม ส่วนผสมของน้ำพริกแกงไม่โขลกแต่ซอยละเอียดแทน ใส่ถ้วยแล้วนำไปนึ่ง ในจังหวัดนครราชสีมา อาหารที่เรียกว่าสะเออะเป็นอาหารที่ปรุงสุกโดยนำอาหารใส่ถ้วย แล้วนำไปต้มหรือตุ๋นจนสุก เช่น สะเออะปลาร้า สะเออะไข่
อีสาน
105
110
109
1
เรวิญานันท์ ทาเกิด หรือ เบญ เป็นจังหวัดอะไร
เรวิญานันท์ ทาเกิด เรวิญานันท์ ทาเกิด หรือ เบญ เป็นนักแสดงและนางงาม มีชื่อเสียงจากการรับบทเป็นทิพอาภา (ปัจจุบัน) / ทิพย์ (อดีต) จากละครเรื่อง พิษสวาท (2559) และบทลูกโซ่ในละครเรื่อง สงครามนางงาม (2557- 2558)ประวัติ ประวัติ. เรวิญานันท์ ทาเกิด หรือ เบญ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดลำพูน ศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน โดยกำเนิด เคยเข้าประกวด เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9 และ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 10 แต่เธอก็ไม่เข้ารอบ เคยได้ประกวด นางสาวลำพูน ในปี 2554 และยังเคยประกวด นางสาวเชียงใหม่ ในปี 2556 ได้รับตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1การศึกษาการศึกษา. - จบการศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการโรงแรม มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ผลงานละครโทรทัศน์ซิทคอมมิวสิกวิดีโอพิธีกร
จังหวัดลำพูน
399
411
110
1
เรวิญานันท์ ทาเกิด จบการศึกษาจากคณะอะไร
เรวิญานันท์ ทาเกิด เรวิญานันท์ ทาเกิด หรือ เบญ เป็นนักแสดงและนางงาม มีชื่อเสียงจากการรับบทเป็นทิพอาภา (ปัจจุบัน) / ทิพย์ (อดีต) จากละครเรื่อง พิษสวาท (2559) และบทลูกโซ่ในละครเรื่อง สงครามนางงาม (2557- 2558)ประวัติ ประวัติ. เรวิญานันท์ ทาเกิด หรือ เบญ เกิดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดลำพูน ศึกษาระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน โดยกำเนิด เคยเข้าประกวด เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9 และ เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 10 แต่เธอก็ไม่เข้ารอบ เคยได้ประกวด นางสาวลำพูน ในปี 2554 และยังเคยประกวด นางสาวเชียงใหม่ ในปี 2556 ได้รับตำแหน่ง รองชนะเลิศอันดับ 1การศึกษาการศึกษา. - จบการศึกษาจาก คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการโรงแรม มหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ผลงานละครโทรทัศน์ซิทคอมมิวสิกวิดีโอพิธีกร
คณะบริหารธุรกิจ
727
742
111
1
ซานลุยส์โปโตซีเป็นรัฐในประเทศอะไร
รัฐซันลุยส์โปโตซี ซานลุยส์โปโตซี () เป็นรัฐในประเทศเม็กซิโก มีพื้นที่ 24,266 ตร.ไมล์ (62,849 ตร.กม.) อยู่ในส่วนกลางของประเทศ ติดกับรัฐโกอาวีลา ทางทิศเหนือ, ติดกับรัฐนวยโวเลอองทางทิศเหนือ-ตะวันออก, ติดกับรัฐตาเมาลีปัสทางทิศตะวันออก, ติดกับรัฐเวรากรูซทางทิศตะวันออก ติดกับรัฐอีดัลโก รัฐเกเรตาโร รัฐกวานาวาโตทางทิศใต้ และติดกับรัฐซากาเตกัสทางทิศเหนือ-ตะวันตก รัฐซานลุยส์โปโตซีมีประชากร 2,410,414 คน (ข้อมูลปี 2005) เมืองหลวงของรัฐคือเมืองซานลุยส์โปโตซี เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐรวมถึงเมืองซิวดัดบาเยส, มาเตอัวลา, และรีโอเบร์เด
ประเทศเม็กซิโก
138
152
112
1
ทางทิศเหนือของรัฐซานลุยส์โปโตซี ประเทศแม็กซิโก มีอาณาเขตติดต่อกับรัฐใด
รัฐซันลุยส์โปโตซี ซานลุยส์โปโตซี () เป็นรัฐในประเทศเม็กซิโก มีพื้นที่ 24,266 ตร.ไมล์ (62,849 ตร.กม.) อยู่ในส่วนกลางของประเทศ ติดกับรัฐโกอาวีลา ทางทิศเหนือ, ติดกับรัฐนวยโวเลอองทางทิศเหนือ-ตะวันออก, ติดกับรัฐตาเมาลีปัสทางทิศตะวันออก, ติดกับรัฐเวรากรูซทางทิศตะวันออก ติดกับรัฐอีดัลโก รัฐเกเรตาโร รัฐกวานาวาโตทางทิศใต้ และติดกับรัฐซากาเตกัสทางทิศเหนือ-ตะวันตก รัฐซานลุยส์โปโตซีมีประชากร 2,410,414 คน (ข้อมูลปี 2005) เมืองหลวงของรัฐคือเมืองซานลุยส์โปโตซี เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐรวมถึงเมืองซิวดัดบาเยส, มาเตอัวลา, และรีโอเบร์เด
รัฐโกอาวีลา
224
235
113
1
สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์ ก่อตั้งโดยใคร
สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์ สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์ (, CNRT) เป็นพรรคการเมืองในประเทศติมอร์-เลสเตก่อตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีชานานา กุฌเมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ในการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งรัฐสภา พ.ศ. 2550ผลการเลือกตั้ง
อดีตประธานาธิบดีชานานา กุฌเมา
226
255
114
1
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ได้มีการก่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศติมอร์-เลสเต มีชื่อพรรคว่าอะไร
สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์ สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์ (, CNRT) เป็นพรรคการเมืองในประเทศติมอร์-เลสเตก่อตั้งโดยอดีตประธานาธิบดีชานานา กุฌเมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2550 ในการเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งรัฐสภา พ.ศ. 2550ผลการเลือกตั้ง
สภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูติมอร์
139
170
115
1
นายคำแหง พันธุ์มี นักมวยชาวจังหวัดอะไร
นำชัย ทักษิณอีสาน นำชัย ทักษิณอีสาน หรือนายคำแหง พันธุ์มี เป็นชาวจังหวัดอุดรธานี เกิดเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2526 สถิติการชก 39 ครั้ง ชนะ 10 (น็อค 2) แพ้ 29เกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นมินิฟลายเวท (2547)- ชิง, 1 พฤษภาคม 2547 ชนะคะแนน วีระศักดิ์ ชูวัฒนะ - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์ PABA รุ่นมินิมัมเวทเมื่อ 6 ก.ย. 2547 แพ้น็อค เพชรตาปี ปิ่นสินชัย ยก 5 ที่ เวทีราชดำเนิน - ชิงแชมป์ ABC รุ่นไลท์ฟลายเวทเมื่อ 21 มีนาคม 2551 แพ้น็อค เซียง เซาซง (จีน) ยก 1 ที่ จีน - ชิงแชมป์ PABA รุ่นมินิมัมเวทเมื่อ 9 สิงหาคม 2551 แพ้น็อค ซอฟยาน เอเฟนด์ (อินโด) ยก 1 ที่ อินโดนีเซีย
จังหวัดอุดรธานี
156
171
116
1
สถิติการชกของนายคำแหง พันธุ์มี ชนะน๊อคกี่ครั้ง
นำชัย ทักษิณอีสาน นำชัย ทักษิณอีสาน หรือนายคำแหง พันธุ์มี เป็นชาวจังหวัดอุดรธานี เกิดเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2526 สถิติการชก 39 ครั้ง ชนะ 10 (น็อค 2) แพ้ 29เกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ประเทศไทยรุ่นมินิฟลายเวท (2547)- ชิง, 1 พฤษภาคม 2547 ชนะคะแนน วีระศักดิ์ ชูวัฒนะ - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์ PABA รุ่นมินิมัมเวทเมื่อ 6 ก.ย. 2547 แพ้น็อค เพชรตาปี ปิ่นสินชัย ยก 5 ที่ เวทีราชดำเนิน - ชิงแชมป์ ABC รุ่นไลท์ฟลายเวทเมื่อ 21 มีนาคม 2551 แพ้น็อค เซียง เซาซง (จีน) ยก 1 ที่ จีน - ชิงแชมป์ PABA รุ่นมินิมัมเวทเมื่อ 9 สิงหาคม 2551 แพ้น็อค ซอฟยาน เอเฟนด์ (อินโด) ยก 1 ที่ อินโดนีเซีย
น็อค 2
231
237
117
1
เมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา มีชื่อว่าอะไร
แวนคูเวอร์ แวนคูเวอร์ () เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ และในภูมิภาคแปแซิฟิก มีประชากรราว 611,869 คน แต่เมื่อรวมเขตเมืองทั้งหมดจะมีประชากร 2,249,725 คน ชื่อของเมืองมาจากชื่อของนักสำรวจชาวอังกฤษนามว่า จอร์จ แวนคูเวอร์ บางครั้งอาจจะสับสนระหว่างเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา กับเมืองแวนคูเวอร์ที่อยู่ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้แก่เมืองในอดีต ได้แก่ การป่าไม้ การทำเหมืองแร่ การตกปลา และ เกษตรกรรม ส่วนปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการ อันมีผลมาจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวขึ้น ปัจจุบันแวนคูเวอร์เป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือรองมาจาก ลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก จนมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า "Hollywood North" และแวนคูเวอร์ยังเป็นสถานที่จัดแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2010อีกด้วยเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. แวนคูเวอร์เป็นเมืองแรกของแคนาดาที่ทำความตกลงร่วมมือในระดับนานาชาติ เมืองพี่น้องได้แก่- โอเดสซา, ยูเครน (พ.ศ. 2487) - โยโกฮามา, ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2508) - เอดินเบอระ, สกอตแลนด์, สหราชอาณาจักร (พ.ศ. 2521) - กวางโจว, สาธารณรัฐประชาชนจีน (พ.ศ. 2528) - ลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2529) - โซล, เกาหลีใต้ (พ.ศ. 2550)
แวนคูเวอร์
97
107
118
1
ศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือคือเมืองอะไร
แวนคูเวอร์ แวนคูเวอร์ () เป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ และในภูมิภาคแปแซิฟิก มีประชากรราว 611,869 คน แต่เมื่อรวมเขตเมืองทั้งหมดจะมีประชากร 2,249,725 คน ชื่อของเมืองมาจากชื่อของนักสำรวจชาวอังกฤษนามว่า จอร์จ แวนคูเวอร์ บางครั้งอาจจะสับสนระหว่างเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา กับเมืองแวนคูเวอร์ที่อยู่ในรัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้แก่เมืองในอดีต ได้แก่ การป่าไม้ การทำเหมืองแร่ การตกปลา และ เกษตรกรรม ส่วนปัจจุบัน ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการ อันมีผลมาจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวขึ้น ปัจจุบันแวนคูเวอร์เป็นศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์เป็นอันดับสามของอเมริกาเหนือรองมาจาก ลอสแอนเจลิส และนิวยอร์ก จนมีชื่อเล่นอีกชื่อว่า "Hollywood North" และแวนคูเวอร์ยังเป็นสถานที่จัดแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2010 และพาราลิมปิกฤดูหนาว 2010อีกด้วยเมืองพี่น้อง เมืองพี่น้อง. แวนคูเวอร์เป็นเมืองแรกของแคนาดาที่ทำความตกลงร่วมมือในระดับนานาชาติ เมืองพี่น้องได้แก่- โอเดสซา, ยูเครน (พ.ศ. 2487) - โยโกฮามา, ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2508) - เอดินเบอระ, สกอตแลนด์, สหราชอาณาจักร (พ.ศ. 2521) - กวางโจว, สาธารณรัฐประชาชนจีน (พ.ศ. 2528) - ลอสแอนเจลิส, รัฐแคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2529) - โซล, เกาหลีใต้ (พ.ศ. 2550)
แวนคูเวอร์
97
107
119
1
ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ใครเป็นเจ้าภาพ
ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เป็นการแข่งขันระหว่างสองมหาวิทยาลัยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 72 โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับหน้าสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในครั้งนี้ พบกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะแข่งขันกันที่ สนามศุภชลาศัย ใน กรุงเทพมหานครการแข่งขันการถ่ายทอดสดการถ่ายทอดสด. - ไทยรัฐทีวี (ตั้งแต่เวลา 15:00 - 18:00 น.)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
273
294
120
1
สนามที่ใช้แข่งฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 คือสนามอะไร
ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 การแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 เป็นการแข่งขันระหว่างสองมหาวิทยาลัยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 72 โดย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับหน้าสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในครั้งนี้ พบกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยจะแข่งขันกันที่ สนามศุภชลาศัย ใน กรุงเทพมหานครการแข่งขันการถ่ายทอดสดการถ่ายทอดสด. - ไทยรัฐทีวี (ตั้งแต่เวลา 15:00 - 18:00 น.)
สนามศุภชลาศัย
394
407
121
1
คุณหญิงนอกทำเนียบ เป็นบทประพันธ์ของใคร
คุณหญิงนอกทำเนียบ คุณหญิงนอกทำเนียบ เป็นบทประพันธ์ของ ทมยันตี ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แล้วอีก 4 ครั้ง ครั้งโดยครั้งแรกในรูปแบบภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2517 สร้างโดย สหมงคลฟิล์ม และจิรายุโปรดักชั่น นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, อรัญญา นามวงษ์, สุทิศา พัฒนุช ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ที่โรงภาพยนตร์โคลีเซี่ยม และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีก 4 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2523 (ช่อง 5) ในปี พ.ศ. 2527 (ช่อง 3) ในปี พ.ศ. 2535 (ช่อง 7) และในปี พ.ศ. 2558 (ช่อง 8)รายชื่อนักแสดง
ทมยันตี
147
154
122
1
สหมงคลฟิล์ม สร้างภาพยนตร์เรื่อง คุณหญิงนอกทำเนียบ ขึ้นในปีใด
คุณหญิงนอกทำเนียบ คุณหญิงนอกทำเนียบ เป็นบทประพันธ์ของ ทมยันตี ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แล้วอีก 4 ครั้ง ครั้งโดยครั้งแรกในรูปแบบภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2517 สร้างโดย สหมงคลฟิล์ม และจิรายุโปรดักชั่น นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, อรัญญา นามวงษ์, สุทิศา พัฒนุช ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ที่โรงภาพยนตร์โคลีเซี่ยม และต่อมาถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์อีก 4 ครั้ง ในปี พ.ศ. 2523 (ช่อง 5) ในปี พ.ศ. 2527 (ช่อง 3) ในปี พ.ศ. 2535 (ช่อง 7) และในปี พ.ศ. 2558 (ช่อง 8)รายชื่อนักแสดง
ปี พ.ศ. 2517
244
256
123
1
มหาดเล็กคนสำคัญในประวัติศาสตร์เกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอนคือใคร
คิม ชอ-ซ็อน คิม ชอ-ซ็อน (김처선, ? - พ.ศ. 2048) เป็นมหาดเล็กคนสำคัญในประวัติศาสตร์เกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอนประวัติ ประวัติ. ประวัติของคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์นั้นมีอยู่น้อยมาก แต่ก็พออนุมานได้ว่ากำเนิดขึ้นในสมัย พระเจ้าเซจงมหาราช และเข้าวังในสมัย พระเจ้าดันจง เมื่อมีอายุประมาณสิบสามปี ก่อนจะเสียชีวิตในสมัยพระเจ้ายอนซันเมื่อ พ.ศ. 2048 เป็นขันทีที่ถวายงานพระราชาถึงห้าพระองค์ และชั่วชีวิตก็ได้เห็นพระราชามาถึงเจ็ดพระองค์ โดยอาจจะเป็นขันทีที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงแต่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นลูกบุญธรรมของจอนคยอนซึ่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์มาก ทำให้มีสถานะเป็นพี่บุญธรรมของพระมเหสีแจฮยอน(ยุนโซฮวา)ทำให้มีฐานะเป็นพระมาตุลาของพระเจ้ายอนซัน ในสมัยพระเจ้ายอนซันนี่เองคิม ชอ-ซ็อนที่ถูกเนรเทศได้กลับมาทำงานในวังอีกเนื่องจากความช่วยเหลือของ คิมจาวอน และภายหลังได้ร่วมกับคิมจาวอนที่เป็นหัวหน้าขันที(เจ้ากรมมหาดเล็ก)ในเวลานั้นนำคณะแสดงละครตลกของกองกิลเข้ามาเพื่อลดความตรึงเครียดในวัง แต่ทว่ากลับทำให้พระเจ้ายอนซันเอาแต่หาความสำราญส่วนพระองค์มากขึ้นจนไม่สนพระทัยบ้านเมืองอีก อย่างไรก็ดีคิม ชอ-ซ็อนก็ไม่อาจจะทนเห็นการเป็นทรราชย์ของพระเจ้ายอนซัน(องค์ชายยอนซันกุน)ได้ จนในที่สุด ปี พ.ศ. 2048 ในกลางดึกคิม ชอ-ซ็อนก็ได้ตัดสินใจทูลเตือนพระเจ้ายอนซันที่กำลังทรงสำราญกับการแสดงของกองกิล-ตลกหลวงคนโปรด ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนไม่กลัวเกรงจนพระเจ้ายอนซันบันดาลโทสะและยิงธนูใส่ทำให้คิมซูซอนเสียชีวิต ขณะนั้นมีอายุประมาณ 63-65 ปีโดยประมาณบทบาทในละคร บทบาทในละคร. ในเรื่อง The King and I (บันทึกรัก คิม ชอ-ซ็อน สุภาพบุรุษมหาขันที) ปี 2007 คิม ชอ-ซ็อนเป็นพระสหายสนิทกับ พระเจ้าซองจง และ พระมเหสีแจฮยอน (ยุนโซฮวา) และได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในรัชสมัย องค์ชายยอนซันกุน ท่านเป็นบุตรชายคนเดียวของ คิมจามยอง หัวหน้าองครักษ์ในรัชสมัย พระเจ้าดันจง หัวหน้าผู้ก่อการกบฏต่อ พระเจ้าเซโจ กับโอซังกุง แม่นมใน องค์ชายชาซาน เมื่อบิดาของเขาก่อการไม่สำเร็จและถูกฆ่าตาย มารดาจึงอุ้มท้องเขาเข้าป่าและคลอดที่นั่น ต่อมาได้เข้ามาเป็นมหาดเล็ก เพราะความช้ำใจในความรักที่มีต่อพระมเหสีแจฮอน (ยุนโซฮวา) และได้เป็นมหาดเล็กคนสนิทของพระเจ้าซองจง และได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในรัชกาลองค์ชายยอนซันกุน เนื่องจากเป็นบุตรบุญธรรมของโช-ชิคยอม(ประวัติศาสตร์บันทึกชื่อไว้ว่า จอนคยอน) เจ้ากรมมหาดเล็กคนก่อนหน้า ต่อมาคิม ชอ-ซ็อนได้พบกับ โอซังกุง มารดาผู้ให้กำเนิดอีกครั้ง เมื่อได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กแล้ว คิม ชอ-ซ็อนถูกองค์ชายยอนซันฆ่าตายในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1505 (พ.ศ. 2048)- โทกึมพยอ-คิม ชอ-ซ็อนในอีกภาพลักษณ์หนึ่ง ในละครเรื่อง The king and I ได้มีตัวละครตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างที่ผิดไปจากประวัติศาสตร์ นั่นคือ "โทกึมพยอ" ตัวละครตัวนี้มีบทบาทเหมือนกับคิม ชอ-ซ็อนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ มากกว่าคิม ชอ-ซ็อนที่แสดงโดยโอแมนซุก โดยเขาเป็นเด็กที่เข้ามาเป็นขันทีในวังในสมัยพระเจ้าดันจง ทำให้ขณะที่มีการขบถนั้น เขามีอายุเท่ากับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือ ประมาณ 15-18 ปี เขาเป็นคนที่สังหารเจ้ากรมชอง(ดู ชองฮันซู)เมื่อเจ้ากรมชองพยายามจะสังหารโชชิคยอม เป็นหัวแรงสำคัญของโชชิคยอม(จอนคยอน)ในการปฏิรูปกรมมหาดเล็ก เป็นคนที่เคียงข้างโชชิคยอมในตอนที่ประท้วงพระเจ้าเยจง และ หลังจากนั้น เขายังตายด้วยธนูเช่นเดียวกับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ ในเรื่องThe king and I กึมพยอคือคนๆ เดียวที่เสียชีวิตด้วยธนู กึมพยอไม่ใช่ขันทียศสูง เพราะเขาเป็นขันทีฝ่ายนอก ตั้งแต่เขาได้พบโชชิคยอมเขาก็ไม่ห่างจากโชชิคยอมเลย เช่นกับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ที่นับแต่ได้เป็นลูกบุญธรรมของจอนคยอนเขาก็แทบไม่ห่างจากจอนคยอน และหลังจากจอนคยอนเสียชีวิต คิม ชอ-ซ็อนก็ถึงกับหมอดอาลัยตายอยาก รับใช้ราชสำนักไปวันๆ อย่างไม่กระตือรือล้น และแทบไม่มีบทบาทอะไรเลย จนกระทั่งวันที่เขาทนพระเจ้ายอนซันไม่ไหว ชื่อของเขาจึงถูกจารึกอีกครั้งหนึ่ง ภาพของกึมพยอใน The king and I ที่ติดตามโชชิคยอมไปแทบทุกหนทุกแห่งและเคียงข้างโชชิคยอมในวันโชชิคยอมที่มีผมสีขาวทั้งศีรษะก็เหมือนจะเป็นการบอกใบ้ตัวตนของกึมพยออยู่ในที ว่าเขาก็คือคิม ชอ-ซ็อนตัวจริงนั่นเอง
คิม ชอ-ซ็อน
99
110
124
1
ขันทีสมัยราชวงศ์โชซอนในเกาหลีคนใดที่มีโอกาสถวายงานพระราชาถึงห้าพระองค์
คิม ชอ-ซ็อน คิม ชอ-ซ็อน (김처선, ? - พ.ศ. 2048) เป็นมหาดเล็กคนสำคัญในประวัติศาสตร์เกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอนประวัติ ประวัติ. ประวัติของคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์นั้นมีอยู่น้อยมาก แต่ก็พออนุมานได้ว่ากำเนิดขึ้นในสมัย พระเจ้าเซจงมหาราช และเข้าวังในสมัย พระเจ้าดันจง เมื่อมีอายุประมาณสิบสามปี ก่อนจะเสียชีวิตในสมัยพระเจ้ายอนซันเมื่อ พ.ศ. 2048 เป็นขันทีที่ถวายงานพระราชาถึงห้าพระองค์ และชั่วชีวิตก็ได้เห็นพระราชามาถึงเจ็ดพระองค์ โดยอาจจะเป็นขันทีที่ไม่ได้มีตำแหน่งสูงแต่มีความสำคัญเนื่องจากเป็นลูกบุญธรรมของจอนคยอนซึ่งมีความสำคัญในประวัติศาสตร์มาก ทำให้มีสถานะเป็นพี่บุญธรรมของพระมเหสีแจฮยอน(ยุนโซฮวา)ทำให้มีฐานะเป็นพระมาตุลาของพระเจ้ายอนซัน ในสมัยพระเจ้ายอนซันนี่เองคิม ชอ-ซ็อนที่ถูกเนรเทศได้กลับมาทำงานในวังอีกเนื่องจากความช่วยเหลือของ คิมจาวอน และภายหลังได้ร่วมกับคิมจาวอนที่เป็นหัวหน้าขันที(เจ้ากรมมหาดเล็ก)ในเวลานั้นนำคณะแสดงละครตลกของกองกิลเข้ามาเพื่อลดความตรึงเครียดในวัง แต่ทว่ากลับทำให้พระเจ้ายอนซันเอาแต่หาความสำราญส่วนพระองค์มากขึ้นจนไม่สนพระทัยบ้านเมืองอีก อย่างไรก็ดีคิม ชอ-ซ็อนก็ไม่อาจจะทนเห็นการเป็นทรราชย์ของพระเจ้ายอนซัน(องค์ชายยอนซันกุน)ได้ จนในที่สุด ปี พ.ศ. 2048 ในกลางดึกคิม ชอ-ซ็อนก็ได้ตัดสินใจทูลเตือนพระเจ้ายอนซันที่กำลังทรงสำราญกับการแสดงของกองกิล-ตลกหลวงคนโปรด ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนไม่กลัวเกรงจนพระเจ้ายอนซันบันดาลโทสะและยิงธนูใส่ทำให้คิมซูซอนเสียชีวิต ขณะนั้นมีอายุประมาณ 63-65 ปีโดยประมาณบทบาทในละคร บทบาทในละคร. ในเรื่อง The King and I (บันทึกรัก คิม ชอ-ซ็อน สุภาพบุรุษมหาขันที) ปี 2007 คิม ชอ-ซ็อนเป็นพระสหายสนิทกับ พระเจ้าซองจง และ พระมเหสีแจฮยอน (ยุนโซฮวา) และได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในรัชสมัย องค์ชายยอนซันกุน ท่านเป็นบุตรชายคนเดียวของ คิมจามยอง หัวหน้าองครักษ์ในรัชสมัย พระเจ้าดันจง หัวหน้าผู้ก่อการกบฏต่อ พระเจ้าเซโจ กับโอซังกุง แม่นมใน องค์ชายชาซาน เมื่อบิดาของเขาก่อการไม่สำเร็จและถูกฆ่าตาย มารดาจึงอุ้มท้องเขาเข้าป่าและคลอดที่นั่น ต่อมาได้เข้ามาเป็นมหาดเล็ก เพราะความช้ำใจในความรักที่มีต่อพระมเหสีแจฮอน (ยุนโซฮวา) และได้เป็นมหาดเล็กคนสนิทของพระเจ้าซองจง และได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กในรัชกาลองค์ชายยอนซันกุน เนื่องจากเป็นบุตรบุญธรรมของโช-ชิคยอม(ประวัติศาสตร์บันทึกชื่อไว้ว่า จอนคยอน) เจ้ากรมมหาดเล็กคนก่อนหน้า ต่อมาคิม ชอ-ซ็อนได้พบกับ โอซังกุง มารดาผู้ให้กำเนิดอีกครั้ง เมื่อได้เป็นเจ้ากรมมหาดเล็กแล้ว คิม ชอ-ซ็อนถูกองค์ชายยอนซันฆ่าตายในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งในปี ค.ศ. 1505 (พ.ศ. 2048)- โทกึมพยอ-คิม ชอ-ซ็อนในอีกภาพลักษณ์หนึ่ง ในละครเรื่อง The king and I ได้มีตัวละครตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างที่ผิดไปจากประวัติศาสตร์ นั่นคือ "โทกึมพยอ" ตัวละครตัวนี้มีบทบาทเหมือนกับคิม ชอ-ซ็อนจริงๆ ในประวัติศาสตร์ มากกว่าคิม ชอ-ซ็อนที่แสดงโดยโอแมนซุก โดยเขาเป็นเด็กที่เข้ามาเป็นขันทีในวังในสมัยพระเจ้าดันจง ทำให้ขณะที่มีการขบถนั้น เขามีอายุเท่ากับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือ ประมาณ 15-18 ปี เขาเป็นคนที่สังหารเจ้ากรมชอง(ดู ชองฮันซู)เมื่อเจ้ากรมชองพยายามจะสังหารโชชิคยอม เป็นหัวแรงสำคัญของโชชิคยอม(จอนคยอน)ในการปฏิรูปกรมมหาดเล็ก เป็นคนที่เคียงข้างโชชิคยอมในตอนที่ประท้วงพระเจ้าเยจง และ หลังจากนั้น เขายังตายด้วยธนูเช่นเดียวกับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ ในเรื่องThe king and I กึมพยอคือคนๆ เดียวที่เสียชีวิตด้วยธนู กึมพยอไม่ใช่ขันทียศสูง เพราะเขาเป็นขันทีฝ่ายนอก ตั้งแต่เขาได้พบโชชิคยอมเขาก็ไม่ห่างจากโชชิคยอมเลย เช่นกับคิม ชอ-ซ็อนในประวัติศาสตร์ที่นับแต่ได้เป็นลูกบุญธรรมของจอนคยอนเขาก็แทบไม่ห่างจากจอนคยอน และหลังจากจอนคยอนเสียชีวิต คิม ชอ-ซ็อนก็ถึงกับหมอดอาลัยตายอยาก รับใช้ราชสำนักไปวันๆ อย่างไม่กระตือรือล้น และแทบไม่มีบทบาทอะไรเลย จนกระทั่งวันที่เขาทนพระเจ้ายอนซันไม่ไหว ชื่อของเขาจึงถูกจารึกอีกครั้งหนึ่ง ภาพของกึมพยอใน The king and I ที่ติดตามโชชิคยอมไปแทบทุกหนทุกแห่งและเคียงข้างโชชิคยอมในวันโชชิคยอมที่มีผมสีขาวทั้งศีรษะก็เหมือนจะเป็นการบอกใบ้ตัวตนของกึมพยออยู่ในที ว่าเขาก็คือคิม ชอ-ซ็อนตัวจริงนั่นเอง
คิม ชอ-ซ็อน
215
226
125
1
สินค้ากีฬาจากเยอรมนี ที่มีคำขวัญว่า Impossible is Nothing เป็นสินค้ายี่ห้ออะไร
อาดิดาส อาดิดาส () เป็นยี่ห้อสินค้ากีฬาจากเยอรมนี คำขวัญของอาดิดาสคือ "Impossible is Nothing" ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004ประวัติ ประวัติ. Adolf หรือ Adi Dassler เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาของเขาเองหลังจากกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และพี่ของเขา Rudolf (Rudi) Dassler ร่วมทำธุรกิจในนาม Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory) ซึ่งสามารถขายรองเท้าได้ 200,000 คู่ ต่อปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่แล้วพี่น้องทั้งคู่ได้แยกจากกันในปี ค.ศ. 1948 โดย Rudolf ก็หันไปสร้างแบรนด์ Puma ส่วน Adolf ทำแบรนด์ Adidas แต่เมื่อ Adolf เสียชีวิต ธุรกิจตกอยู่ในมือของลูกชายซึ่งย่ำแย่ลง Bernard Tapie ก็ซื้อกิจการไป แต่เมื่อ Tapie ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยจากการกู้เงินมาซื้อ อาดิดาส จึงคืนให้กับธนาคารเครดิตลีอองส์ ธนาคารแปลงหนี้เป็นหุ้น แล้วขายหุ้นให้กับ Robert Louis- Dreyfus เมื่อปี ค.ศ. 1993 ในราคา 4.485 พันล้านฟรังก์ ซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ Tapie กู้จากแบงค์มา 2.85 พันล้านฟรังก์ Tapie จึงฟ้องธนาคารในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ. 1997 อาดิดาส เริ่มขยายกิจการ โดยการรวมบริษัท โซโลมอน กรุ๊ป ซึ่งเชี่ยวชาญในการผลิตชุดสกี และเปลี่ยนชื่อเป็น อาดิดาส โซโลมอน เอจี ต่อมารวมกิจการกับ Taylermade Golf Group และ Maxfli เพื่อแข่งขันทางการค้ากับ ไนกี้ กอล์ฟ อาดิดาสขายหุ้น โซโลมอน แล้วประกาศซื้อ รีบอค คู่แข่งจากอังกฤษ ในราคา 3.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการเจรจาเสร็จสิ้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 ส่งผลให้ อาดิดาส มียอดขายใกล้เคียงกับ ไนกี้ นอกจากนี้แล้ว อาดิดาสยังเป็นผู้ผลิตลูกฟุตบอลให้กับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทุกนัดด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1970 ที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ จากเดิมที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ภายในประเทศของเจ้าภาพสัญลักษณ์ สัญลักษณ์. สัญลักษณ์ของอาดิดาสที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นรูปแถบ 3 แถบ ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าว อาดิดาสก็ไม่ได้ออกแบบเอง แต่ไปขอซื้อมาจากบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาสัญชาติฟินแลนด์ชื่อ คารฮู สปอร์ทส (Karhu Sports)สปอนเซอร์ว่าจ้างทีมฟุตบอลสปอนเซอร์ว่าจ้าง. ทีมฟุตบอล. - อาร์เจนตินา - เยอรมนี - สเปน - ญี่ปุ่น - รัสเซีย - ไนจีเรีย - เม็กซิโก - โคลอมเบีย - เวลส์ - สกอตแลนด์ - ไอร์แลนด์เหนือ - เบลเยียม (ตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2016) - ฮังการี (ตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2016) - เฟแนร์บาห์เช - เบซิคตัส - บาเยิร์นมิวนิค - ชาลเก 04 (จนถึงปี2018) - ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน (จนถึงปี2016) - ฮัมบูร์เกอร์เอสเฟา - รีลมาดริด - บาเลนเซีย - โอซาซูนา- โอลิมปิกลียง - โอลิมปิกมาร์แซย์ (จนถึงปี2018) - เอซีมิลาน (จนถึงปี 2018) - ยูเวนตุส (ตั้งแต่ปี 2015) - ฮัลล์ซิตี (จนถึงฤดูกาล 2013–14 - เวสต์แฮมยูไนเต็ด (จนถึงฤดูกาล 2014–15 - เวสต์บรอมวิชอัลเบียน (จนถึงฤดูกาล 2017–18 - ซันเดอร์แลนด์ - ฟูแลม - มิดเดิลสโบรห์ - เชลซี (จนถึงฤดูกาล 2017–18) - เลสเตอร์ซิตี (ตั้งแต่ปี 2018) - นอตทิงแฮมฟอเรสต์ - แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ตั้งแต่ปี 2015) - เซาแทมป์ตัน (เฉพาะฤดูกาล 2015–16) - สวอนซีซิตี (ฤดูกาล 2011–16) - เบนฟิกา - พานาธิไนกอส - เฟเยนูร์ดร็อตเตอร์ดัม - อายักซ์อัมสเตอร์ดัม - เมลเบิร์นวิกตอรี - ริเวอร์เพลตนักกีฬานักกีฬา. - เมซุท เออซิล - มัทส์ ฮุมเมิลส์ - มานูเอล นอยเออร์ - บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์ - เลียวเนล เมสซี - ปอล ปอกบา - มิก้า ชูนวลศรี - ฮาเมส โรดรีเกซ - นาซีม ฮาเหม็ด - อาเมียร์ ข่านอื่น ๆอื่น ๆ. - โชเซ มูรีนโย - ยูทู - หลี่ เหลียนเจี๋ย - เอ็กไซล์ - ทูเอนีวัน - เรน - คริสตัล ช็อง - เขมนิจ จามิกรณ์
อาดิดาส
91
98
126
1
Rudolf สร้างแบรนด์รองเท้าของตัวเองที่มีชื่อว่าอะไร
อาดิดาส อาดิดาส () เป็นยี่ห้อสินค้ากีฬาจากเยอรมนี คำขวัญของอาดิดาสคือ "Impossible is Nothing" ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004ประวัติ ประวัติ. Adolf หรือ Adi Dassler เริ่มผลิตรองเท้ากีฬาของเขาเองหลังจากกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และพี่ของเขา Rudolf (Rudi) Dassler ร่วมทำธุรกิจในนาม Dassler Schuhfabrik (Dassler Brothers Shoe Factory) ซึ่งสามารถขายรองเท้าได้ 200,000 คู่ ต่อปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่แล้วพี่น้องทั้งคู่ได้แยกจากกันในปี ค.ศ. 1948 โดย Rudolf ก็หันไปสร้างแบรนด์ Puma ส่วน Adolf ทำแบรนด์ Adidas แต่เมื่อ Adolf เสียชีวิต ธุรกิจตกอยู่ในมือของลูกชายซึ่งย่ำแย่ลง Bernard Tapie ก็ซื้อกิจการไป แต่เมื่อ Tapie ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยจากการกู้เงินมาซื้อ อาดิดาส จึงคืนให้กับธนาคารเครดิตลีอองส์ ธนาคารแปลงหนี้เป็นหุ้น แล้วขายหุ้นให้กับ Robert Louis- Dreyfus เมื่อปี ค.ศ. 1993 ในราคา 4.485 พันล้านฟรังก์ ซึ่งสูงกว่าหนี้ที่ Tapie กู้จากแบงค์มา 2.85 พันล้านฟรังก์ Tapie จึงฟ้องธนาคารในเวลาต่อมา ในปี ค.ศ. 1997 อาดิดาส เริ่มขยายกิจการ โดยการรวมบริษัท โซโลมอน กรุ๊ป ซึ่งเชี่ยวชาญในการผลิตชุดสกี และเปลี่ยนชื่อเป็น อาดิดาส โซโลมอน เอจี ต่อมารวมกิจการกับ Taylermade Golf Group และ Maxfli เพื่อแข่งขันทางการค้ากับ ไนกี้ กอล์ฟ อาดิดาสขายหุ้น โซโลมอน แล้วประกาศซื้อ รีบอค คู่แข่งจากอังกฤษ ในราคา 3.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งการเจรจาเสร็จสิ้นในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 ส่งผลให้ อาดิดาส มียอดขายใกล้เคียงกับ ไนกี้ นอกจากนี้แล้ว อาดิดาสยังเป็นผู้ผลิตลูกฟุตบอลให้กับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายทุกนัดด้วย โดยเริ่มตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1970 ที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพ จากเดิมที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ภายในประเทศของเจ้าภาพสัญลักษณ์ สัญลักษณ์. สัญลักษณ์ของอาดิดาสที่ใช้ในปัจจุบัน เป็นรูปแถบ 3 แถบ ซึ่งสัญลักษณ์ดังกล่าว อาดิดาสก็ไม่ได้ออกแบบเอง แต่ไปขอซื้อมาจากบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาสัญชาติฟินแลนด์ชื่อ คารฮู สปอร์ทส (Karhu Sports)สปอนเซอร์ว่าจ้างทีมฟุตบอลสปอนเซอร์ว่าจ้าง. ทีมฟุตบอล. - อาร์เจนตินา - เยอรมนี - สเปน - ญี่ปุ่น - รัสเซีย - ไนจีเรีย - เม็กซิโก - โคลอมเบีย - เวลส์ - สกอตแลนด์ - ไอร์แลนด์เหนือ - เบลเยียม (ตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2016) - ฮังการี (ตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2016) - เฟแนร์บาห์เช - เบซิคตัส - บาเยิร์นมิวนิค - ชาลเก 04 (จนถึงปี2018) - ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน (จนถึงปี2016) - ฮัมบูร์เกอร์เอสเฟา - รีลมาดริด - บาเลนเซีย - โอซาซูนา- โอลิมปิกลียง - โอลิมปิกมาร์แซย์ (จนถึงปี2018) - เอซีมิลาน (จนถึงปี 2018) - ยูเวนตุส (ตั้งแต่ปี 2015) - ฮัลล์ซิตี (จนถึงฤดูกาล 2013–14 - เวสต์แฮมยูไนเต็ด (จนถึงฤดูกาล 2014–15 - เวสต์บรอมวิชอัลเบียน (จนถึงฤดูกาล 2017–18 - ซันเดอร์แลนด์ - ฟูแลม - มิดเดิลสโบรห์ - เชลซี (จนถึงฤดูกาล 2017–18) - เลสเตอร์ซิตี (ตั้งแต่ปี 2018) - นอตทิงแฮมฟอเรสต์ - แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (ตั้งแต่ปี 2015) - เซาแทมป์ตัน (เฉพาะฤดูกาล 2015–16) - สวอนซีซิตี (ฤดูกาล 2011–16) - เบนฟิกา - พานาธิไนกอส - เฟเยนูร์ดร็อตเตอร์ดัม - อายักซ์อัมสเตอร์ดัม - เมลเบิร์นวิกตอรี - ริเวอร์เพลตนักกีฬานักกีฬา. - เมซุท เออซิล - มัทส์ ฮุมเมิลส์ - มานูเอล นอยเออร์ - บัสเตียน ชไวน์ชไตเกอร์ - เลียวเนล เมสซี - ปอล ปอกบา - มิก้า ชูนวลศรี - ฮาเมส โรดรีเกซ - นาซีม ฮาเหม็ด - อาเมียร์ ข่านอื่น ๆอื่น ๆ. - โชเซ มูรีนโย - ยูทู - หลี่ เหลียนเจี๋ย - เอ็กไซล์ - ทูเอนีวัน - เรน - คริสตัล ช็อง - เขมนิจ จามิกรณ์
Puma
561
565
127
1
ชาวอาหรับมักเรียกแอฟริกาว่าอะไร
แอฟริกา (มณฑลของโรมัน) แอฟริกา หรือ อาฟรีกา (อังกฤษ, ) เป็นจังหวัดหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ก่อตั้งขึ้นหลังจากที่ชาวโรมันสามารถเอาชนะคาร์เทจได้ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 3 จังหวัดแอฟริกาประกอบด้วยดินแดนที่ในปัจจุบันคือทางตอนเหนือของตูนิเซีย ตะวันออกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย และริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตกของลิเบีย ในเวลาต่อมา ชาวอาหรับก็เรียกบริเวณที่เคยเป็นจังหวัดนี้ว่า "อิฟริกียะห์" ซึ่งมาจากคำว่าแอฟริกานั่นเอง
อิฟริกียะห์
472
483
128
1
แอฟริกาเป็นจังหวัดหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน มีอีกชื่อเรียกว่าอะไร
แอฟริกา (มณฑลของโรมัน) แอฟริกา หรือ อาฟรีกา (อังกฤษ, ) เป็นจังหวัดหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ก่อตั้งขึ้นหลังจากที่ชาวโรมันสามารถเอาชนะคาร์เทจได้ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 3 จังหวัดแอฟริกาประกอบด้วยดินแดนที่ในปัจจุบันคือทางตอนเหนือของตูนิเซีย ตะวันออกเฉียงเหนือของแอลจีเรีย และริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันตกของลิเบีย ในเวลาต่อมา ชาวอาหรับก็เรียกบริเวณที่เคยเป็นจังหวัดนี้ว่า "อิฟริกียะห์" ซึ่งมาจากคำว่าแอฟริกานั่นเอง
อาฟรีกา
134
141
129
1
จังหวัดฮีลากังซามาร์ ตั้งอยู่ในประเทศอะไร
จังหวัดฮีลากังซามาร์ จังหวัดฮีลากังซามาร์ (วาไร: Norte san Samar; ) เป็นจังหวัดในเขตซีลางังคาบีซายาอัน ประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซามาร์ เมืองศูนย์กลางคือคาตาร์มัน (จังหวัดฮีลากังซามาร์)‎ มีอาณาเขตติดกับจังหวัดซามาร์และซีลางังซามาร์ทางทิศใต้ ติดกับช่องแคบซันเบร์นาร์ดิโนและจังหวัดซอร์โซโกนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับทะเลฟิลิปปินทางทิศตะวันออก และติดกับทะเลซามาร์ทางทิศตะวันตก
ประเทศฟิลิปปินส์
199
215
130
1
ทางตอนเหนือของจังหวัดฮีลากังซามาร์มีพื้นที่ติดต่อกับเกาะอะไร
จังหวัดฮีลากังซามาร์ จังหวัดฮีลากังซามาร์ (วาไร: Norte san Samar; ) เป็นจังหวัดในเขตซีลางังคาบีซายาอัน ประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซามาร์ เมืองศูนย์กลางคือคาตาร์มัน (จังหวัดฮีลากังซามาร์)‎ มีอาณาเขตติดกับจังหวัดซามาร์และซีลางังซามาร์ทางทิศใต้ ติดกับช่องแคบซันเบร์นาร์ดิโนและจังหวัดซอร์โซโกนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับทะเลฟิลิปปินทางทิศตะวันออก และติดกับทะเลซามาร์ทางทิศตะวันตก
เกาะซามาร์
238
248
131
1
พระมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 แห่งสเปนมีพระนามว่าอะไร
สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 แห่งสเปน สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 แห่งสเปน () (10 ตุลาคม 1830 - 10 เมษายน 1904) เป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์เดียวของสเปน พระนางเป็นพระราชธิดาในพระเจ้าเฟร์นันโด และสมเด็จพระราชินีมาเรีย คริสตีน่า พระนางปกครองสเปนต่อจากพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 7 พระราชบิดา หลังจากนั้นพระนางก็ทรงถูกถอดจากราชสมบัติในการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์เมื่อปี ค.ศ. 1868 และทรงสละราชบัลลังก์ให้พระเจ้าอามาเดโอที่ 1 จากราชวงศ์ซาวอย อย่างเป็นทางการในปี 1870พระราชสมภพและผู้สำเร็จราชการ พระราชสมภพและผู้สำเร็จราชการ. สมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 เสด็จพระราชสมภพ ณ กรุงมาดริด ในปี 1830 เป็นพระราชธิดาพระองค์โตในพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 7 แห่งสเปน กับสมเด็จพระราชินีมาเรีย คริสตีนา พระมเหสีพระองค์ที่สี สมเด็จพระราชินีมาเรีย คริสตีนาทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินเมื่อวันที่ 29 กันยายน 1833 เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 พระราชธิดาของพระองค์ที่มีพระชนมายุเพียง 3 พรรษา ถูกประกาศให้เป็นสมเด็จพระราชินีนาถภายหลังการสวรรคตของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 7 สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 2 ได้ครองราชบัลลังก์เพราะพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 7 เป็นผ้ชักนำให้เกิดคาร์เทส เจเนเรส ซึ่งจะช่วยปกป้องพระองค์จากกฎหมายแซลิก และทำให้บูร์บงเป็นที่รู้จักในช่วงศตวรรษที่ 18 และยังมีการแก้ไขกฎหมายเก่าของสเปนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดผู้อ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ครั้งแรกซึ่งก็คือพระอนุชาของพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 7 เจ้าชายการ์โลส เคานต์แห่งโมลีนา เจ็ดปีระหว่างการต่อสู้ของชนกลุ่มน้อย สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลลาที่ 2 แห่งสเปน กับ เจ้าชายการ์โลส เคานต์แห่งโมลีนาและเหล่าผู้สนับสนุนในชื่อการ์ลิสต์ พยายามทำสงครามกันอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นสงครามการ์ลิตส์ ในศตวรรษที่ 19
สมเด็จพระราชินีมาเรีย คริสตีน่า
316
347
132
1
หลิว อาจารียา เกิดเมื่อไร
อาจารียา พรหมพฤกษ์ อาราดา (อาจารียา) พรหมพฤกษ์ หรือ หลิว อาจารียา นักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย ซึ่งโด่งดังจากเพลง "สะใภ้นายก"ประวัติ ประวัติ. อาราดา พรหมพฤกษ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของ นายณัฐพล พรหมพฤกษ์ และนางอัจฉรา พรหมพฤกษ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จบการศึกษาชั้นอนุบาลและประถมศึกษาจาก โรงเรียนเลาหจิตรวิทยา จังหวัดลำพูน มัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 ที่โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม จังหวัดลำพูน มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ปัจจุบันจบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาพัฒนสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เริ่มเข้าประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดร้องเพลงของเอเวอร์เซ็นต์ ขณะกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อมาได้เป็นนักร้องนำของวง "No name" เป็นวงที่อยู่ทางภาคเหนือ ซึ่งมี อาจารย์สุรกิต กิติศักดิ์ (อ.ป๋ง) เป็นหัวหน้าวง และเป็นผู้ชักชวนเธอเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่ง และได้เข้าเป็นนักร้องในสังกัดค่ายเพลง "บริษัท ยู ทู เรคคอร์ด จำกัด" ของ นายพนม ทันสมัย หรือ "ปอนด์" โดยออกอัลบั้มชุดแรก ชื่ออัลบั้ม "บุษบาแดนเซอร์" และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2553 ได้เป็นนักร้องสังกัดค่ายเพลง "บริษัท มิวสิก ดี เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด" โดยอัลบั้มล่าสุด ชื่ออัลบั้ม "แมงมุม" ปัจจุบันได้ประกอบธุรกิจมินิมาร์ท ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ สาขา รามอินทรา กม. 6 เป็นธุรกิจเสริมผลงานผลงาน. - บุษบา...แดนซ์เซอร์ (ปี 2546) มีเพลงโปรโมทเป็นชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม ซึ่งมีประโยคที่ติดปากคนฟังคือ "โยกซ้าย โยกขวา เด้งหน้า เด้งหลัง กระเดึ๊บ กระเดึ๊บ" - 1479 รหัสรัก รหัสใจ (10 มีนาคม 2547) มีเพลงที่โด่งดังคือเพลง "สะใภ้นายก" ซึ่งในช่วงนั้นกระแสของลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ชื่อ "คุณโอ๊ก" (พานทองแท้ ชินวัตร) กำลังเป็นที่สนใจ - คาถาขอใจ (13 กันยายน 2548) ประสบความสำเร็จเนื่องจากในช่วงนั้นมีภาพยนตร์โฆษณาของชาเขียวยี่ห้อหนึ่ง ที่มีหนอนชาเขียวเป็นตัวชูโรง - จบข่าว (16 พฤศจิกายน 2549) - หัวใจ...มีงานเข้า (5 ตุลาคม 2551) - แกรมมี่ ดวงจันทร์กลางดวงใจ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ชุดที่ 1 (พฤษภาคม 2552) ร่วมกับ คัฑลียา มารศรี, ต่าย อรทัย และ ฝน ธนสุนธร - สับปะรด (ปี 2553) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - แมงมุม (9 มิ.ย. 2554) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - อัลบั้มพิเศษ ธิดาแดนซ์ (อัลบั้มรวมฮิตทุกเพลงจากหลิว อาจารียาและเพลงใหม่เพลงพิเศษ) (25 ธ.ค. 2555) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - เซอร์ไพรส์ (ปี 2557) ร่วมกับ ฝน ธนสุนธร, ดวงตา คงทอง : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - ซิงเกิ้ล : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพลงประกอบเพลงประกอบ. - เพลงประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง หนุ่มผมยาว สาวโปงลาง ชื่อเพลง "ฮั่นแน่ะ" และเพลง "สุขใจ" - เพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง ยังบาว ชื่อเพลง "เหมือนรักในตำนาน" - เพลงประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง สัญญาเมื่อสายัณห์ ชื่อเพลง "สัญญารักปากช่อง"การแสดงการแสดง. - ละคร บ้านนาคาเฟ่ (3 ม.ค. 2553) ช่อง 7 รับบทเป็น (รับเชิญ) - ภาพยนตร์ ยังบาว (30 พ.ค. 2556) รับบทเป็น ศิรินทรา นิยากร - ละคร สัญญาเมื่อสายัณห์ (2559) ช่อง พีพีทีวี รับบทเป็น ข้าวหอม คู่กับ ไชยา มิตรชัย - ละคร นางฟ้าเปื้อนฝุ่น (2559) ช่อง 7 รับบทเป็น วิไล คู่กับ วัชรบูล ลี้สุวรรณรายการทีวีรายการทีวี. - รายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ฤดูกาลที่ 2 หน้ากากลำไย
วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529
258
295
133
1
แม่ของ หลิว อาจารียา มีชื่อว่าอะไร
อาจารียา พรหมพฤกษ์ อาราดา (อาจารียา) พรหมพฤกษ์ หรือ หลิว อาจารียา นักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย ซึ่งโด่งดังจากเพลง "สะใภ้นายก"ประวัติ ประวัติ. อาราดา พรหมพฤกษ์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของ นายณัฐพล พรหมพฤกษ์ และนางอัจฉรา พรหมพฤกษ์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน จบการศึกษาชั้นอนุบาลและประถมศึกษาจาก โรงเรียนเลาหจิตรวิทยา จังหวัดลำพูน มัธยมศึกษาปีที่ 1 – 5 ที่โรงเรียนบ้านแป้นพิทยาคม จังหวัดลำพูน มัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ปัจจุบันจบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาพัฒนสังคมศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เริ่มเข้าประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดร้องเพลงของเอเวอร์เซ็นต์ ขณะกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อมาได้เป็นนักร้องนำของวง "No name" เป็นวงที่อยู่ทางภาคเหนือ ซึ่งมี อาจารย์สุรกิต กิติศักดิ์ (อ.ป๋ง) เป็นหัวหน้าวง และเป็นผู้ชักชวนเธอเข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่ง และได้เข้าเป็นนักร้องในสังกัดค่ายเพลง "บริษัท ยู ทู เรคคอร์ด จำกัด" ของ นายพนม ทันสมัย หรือ "ปอนด์" โดยออกอัลบั้มชุดแรก ชื่ออัลบั้ม "บุษบาแดนเซอร์" และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2553 ได้เป็นนักร้องสังกัดค่ายเพลง "บริษัท มิวสิก ดี เอนเตอร์เทนเมนต์ จำกัด" โดยอัลบั้มล่าสุด ชื่ออัลบั้ม "แมงมุม" ปัจจุบันได้ประกอบธุรกิจมินิมาร์ท ในสถานีบริการน้ำมันคาลเท็กซ์ สาขา รามอินทรา กม. 6 เป็นธุรกิจเสริมผลงานผลงาน. - บุษบา...แดนซ์เซอร์ (ปี 2546) มีเพลงโปรโมทเป็นชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม ซึ่งมีประโยคที่ติดปากคนฟังคือ "โยกซ้าย โยกขวา เด้งหน้า เด้งหลัง กระเดึ๊บ กระเดึ๊บ" - 1479 รหัสรัก รหัสใจ (10 มีนาคม 2547) มีเพลงที่โด่งดังคือเพลง "สะใภ้นายก" ซึ่งในช่วงนั้นกระแสของลูกชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ชื่อ "คุณโอ๊ก" (พานทองแท้ ชินวัตร) กำลังเป็นที่สนใจ - คาถาขอใจ (13 กันยายน 2548) ประสบความสำเร็จเนื่องจากในช่วงนั้นมีภาพยนตร์โฆษณาของชาเขียวยี่ห้อหนึ่ง ที่มีหนอนชาเขียวเป็นตัวชูโรง - จบข่าว (16 พฤศจิกายน 2549) - หัวใจ...มีงานเข้า (5 ตุลาคม 2551) - แกรมมี่ ดวงจันทร์กลางดวงใจ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ชุดที่ 1 (พฤษภาคม 2552) ร่วมกับ คัฑลียา มารศรี, ต่าย อรทัย และ ฝน ธนสุนธร - สับปะรด (ปี 2553) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - แมงมุม (9 มิ.ย. 2554) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - อัลบั้มพิเศษ ธิดาแดนซ์ (อัลบั้มรวมฮิตทุกเพลงจากหลิว อาจารียาและเพลงใหม่เพลงพิเศษ) (25 ธ.ค. 2555) : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - เซอร์ไพรส์ (ปี 2557) ร่วมกับ ฝน ธนสุนธร, ดวงตา คงทอง : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ - ซิงเกิ้ล : ค่ายมิวสิค ดี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพลงประกอบเพลงประกอบ. - เพลงประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง หนุ่มผมยาว สาวโปงลาง ชื่อเพลง "ฮั่นแน่ะ" และเพลง "สุขใจ" - เพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง ยังบาว ชื่อเพลง "เหมือนรักในตำนาน" - เพลงประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง สัญญาเมื่อสายัณห์ ชื่อเพลง "สัญญารักปากช่อง"การแสดงการแสดง. - ละคร บ้านนาคาเฟ่ (3 ม.ค. 2553) ช่อง 7 รับบทเป็น (รับเชิญ) - ภาพยนตร์ ยังบาว (30 พ.ค. 2556) รับบทเป็น ศิรินทรา นิยากร - ละคร สัญญาเมื่อสายัณห์ (2559) ช่อง พีพีทีวี รับบทเป็น ข้าวหอม คู่กับ ไชยา มิตรชัย - ละคร นางฟ้าเปื้อนฝุ่น (2559) ช่อง 7 รับบทเป็น วิไล คู่กับ วัชรบูล ลี้สุวรรณรายการทีวีรายการทีวี. - รายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ฤดูกาลที่ 2 หน้ากากลำไย
นางอัจฉรา พรหมพฤกษ์
345
364
134
1
ปนัดดา โกมารทัต เล่นบทนางเอกครั้งแรกในเรื่องอะไร
ปนัดดา โกมารทัต ปนัดดา โกมารทัต (เกิด: 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2500) เป็นนักแสดงชาวไทยประวัติ ประวัติ. ปนัดดา โกมารทัต หรือ ปนัดดา จงศิริ, ปนัดดา พิพัฒน์พล เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 เข้าสู่วงการเพราะน้องสาวปนัดดาเป็นนางงามแล้วปนัดดาก็ได้มีโอกาสได้เป็นพี่เลี้ยงนางงาม และด้วยความก๋ากั่นของเธอก็เลยไปเข้าตา วิทยา สุขดำรง ที่เป็นนักข่าวและนักจัดรายการในสมัยนั้น แล้วเขาก็ชวนไปเล่นหนัง เพราะพี่เขาเห็นว่าเราหน่วยก้านดี ตั้งแต่นั้นมาก็เลยทำให้ได้เล่นเป็นนางเอกเรื่องแรก เรื่องหยาดพิรุณ คู่กับคุณ สรพงษ์ ชาตรี และได้เป็นนางเอกของเรื่องอีกด้วย จากนั้นก็เริ่มมีงานละคร ในปี 2523 ปนัดดาได้เป็นที่รู้จักกันอย่างมากจากการแสดงละครเรื่อง จำเลยรัก รับบท โศรยา ทางช่อง 5 และ กุหลาบไร้หนาม รับบท นุชรี ทางช่อง 9 จากนั้นก็มีผลงานละครตามมาถึงปัจจุบัน มากกว่า 40 เรื่อง จากการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงถึง 30 ปี ปัจจุบันก็ยังแสดงละครอยู่เรื่อยๆ ผลงานละคร เช่น บางระจัน (2523), เคหาสน์สีแดง (2524), นางแมวป่า (2527), บ้านของพรุ่งนี้ (2531), ขมิ้นกับปูน (2533), ผยอง (2536), หักลิ้นช้าง (2539) เป็นต้น ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับ ศุภวัฒน์ จงศิริ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อนามปากกา ศุภักษร เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และนักเขียนบทชาวไทย มีบุตรชายชื่อ ศุภักษร จงศิริ (ชื่อเล่น: ไอซ์)ผลงานละครโทรทัศน์ละครสั้น / ละครชุด / ซิทคอมละครโทรทัศน์. ละครสั้น / ละครชุด / ซิทคอม. - ละครคอมเมดี้ จบในตอน เรื่อง พ่อบ้านเมียเผลอ ช่อง 5 (2535 - 2537) - ละครสั้น ปากกาทอง แฝดพี่ฝาดน้อง ช่อง 7 (2537) - ละครสั้น ปากกาทอง มะเมียะ ช่อง 7 (2537) - ละครซีรีส์เรื่อง เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ ตอน ช่วย รับบทเป็น แม่ของแจ็ค รับเชิญ ทางช่อง 5 (2551) - ละครสั้นเรื่อง "ความหวังสุดท้าย" รับบทเป็น ยาย ทางช่อง 9 (2555) - ซิทคอมเรื่อง "ออฟฟิศพิชิตใจ" ตอน วันผู้สูงอายุ รับเชิญ ทางช่อง 9 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน หน่องศรี...มณีเด้ง รับบทเป็น สมจิตร ทางช่อง 7 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน ปีศาจ รับบทเป็น ขวัญ ทางช่อง 7 (2556) - ละครเทิดพระเกียรติวันพ่อเรื่อง "สายใย" รับบทเป็น ยายตุ๊ก ทางช่อง ช่อง 7 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน ปอบตัวสุดท้าย รับบทเป็น ยายปริก ทางช่อง 7 (2557) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน แม่ค้าปลาร้า รับบทเป็น จำนง ทางช่อง 7 (2558) - ละครชุด "แสงจากพ่อ " ตอน แสงหลังฝน รับบทเป็น แม่ ทางช่องไทยพีบีเอส (2560)ละครจักรๆ วงศ์ภาพยนตร์ผลงานอื่นๆผลงานอื่นๆ. - ผลงานถ่ายแบบในยุค 80 - 90 - ผลงานถ่ายโฆษณา
เรื่องหยาดพิรุณ
559
574
135
1
พระเอกที่เล่นคู่กับปนัดดา โกมารทัต ในเรื่องหยาดพิรุณ คือใคร
ปนัดดา โกมารทัต ปนัดดา โกมารทัต (เกิด: 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2500) เป็นนักแสดงชาวไทยประวัติ ประวัติ. ปนัดดา โกมารทัต หรือ ปนัดดา จงศิริ, ปนัดดา พิพัฒน์พล เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 เข้าสู่วงการเพราะน้องสาวปนัดดาเป็นนางงามแล้วปนัดดาก็ได้มีโอกาสได้เป็นพี่เลี้ยงนางงาม และด้วยความก๋ากั่นของเธอก็เลยไปเข้าตา วิทยา สุขดำรง ที่เป็นนักข่าวและนักจัดรายการในสมัยนั้น แล้วเขาก็ชวนไปเล่นหนัง เพราะพี่เขาเห็นว่าเราหน่วยก้านดี ตั้งแต่นั้นมาก็เลยทำให้ได้เล่นเป็นนางเอกเรื่องแรก เรื่องหยาดพิรุณ คู่กับคุณ สรพงษ์ ชาตรี และได้เป็นนางเอกของเรื่องอีกด้วย จากนั้นก็เริ่มมีงานละคร ในปี 2523 ปนัดดาได้เป็นที่รู้จักกันอย่างมากจากการแสดงละครเรื่อง จำเลยรัก รับบท โศรยา ทางช่อง 5 และ กุหลาบไร้หนาม รับบท นุชรี ทางช่อง 9 จากนั้นก็มีผลงานละครตามมาถึงปัจจุบัน มากกว่า 40 เรื่อง จากการโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงถึง 30 ปี ปัจจุบันก็ยังแสดงละครอยู่เรื่อยๆ ผลงานละคร เช่น บางระจัน (2523), เคหาสน์สีแดง (2524), นางแมวป่า (2527), บ้านของพรุ่งนี้ (2531), ขมิ้นกับปูน (2533), ผยอง (2536), หักลิ้นช้าง (2539) เป็นต้น ด้านชีวิตส่วนตัว สมรสกับ ศุภวัฒน์ จงศิริ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อนามปากกา ศุภักษร เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และนักเขียนบทชาวไทย มีบุตรชายชื่อ ศุภักษร จงศิริ (ชื่อเล่น: ไอซ์)ผลงานละครโทรทัศน์ละครสั้น / ละครชุด / ซิทคอมละครโทรทัศน์. ละครสั้น / ละครชุด / ซิทคอม. - ละครคอมเมดี้ จบในตอน เรื่อง พ่อบ้านเมียเผลอ ช่อง 5 (2535 - 2537) - ละครสั้น ปากกาทอง แฝดพี่ฝาดน้อง ช่อง 7 (2537) - ละครสั้น ปากกาทอง มะเมียะ ช่อง 7 (2537) - ละครซีรีส์เรื่อง เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ ตอน ช่วย รับบทเป็น แม่ของแจ็ค รับเชิญ ทางช่อง 5 (2551) - ละครสั้นเรื่อง "ความหวังสุดท้าย" รับบทเป็น ยาย ทางช่อง 9 (2555) - ซิทคอมเรื่อง "ออฟฟิศพิชิตใจ" ตอน วันผู้สูงอายุ รับเชิญ ทางช่อง 9 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน หน่องศรี...มณีเด้ง รับบทเป็น สมจิตร ทางช่อง 7 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน ปีศาจ รับบทเป็น ขวัญ ทางช่อง 7 (2556) - ละครเทิดพระเกียรติวันพ่อเรื่อง "สายใย" รับบทเป็น ยายตุ๊ก ทางช่อง ช่อง 7 (2556) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน ปอบตัวสุดท้าย รับบทเป็น ยายปริก ทางช่อง 7 (2557) - ละครสั้นเรื่อง "ฟ้ามีตา" ตอน แม่ค้าปลาร้า รับบทเป็น จำนง ทางช่อง 7 (2558) - ละครชุด "แสงจากพ่อ " ตอน แสงหลังฝน รับบทเป็น แม่ ทางช่องไทยพีบีเอส (2560)ละครจักรๆ วงศ์ภาพยนตร์ผลงานอื่นๆผลงานอื่นๆ. - ผลงานถ่ายแบบในยุค 80 - 90 - ผลงานถ่ายโฆษณา
คุณ สรพงษ์ ชาตรี
581
597
136
1
วัดราษฎร์บูรณะ จังหวัดสมุทรปราการ สร้างขึ้นในปีใด
วัดราษฎร์บูรณะ (จังหวัดสมุทรปราการ) วัดราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่เลขที่ 43 บ้านบางปลา หมู่ที่ 2 ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกายประวัติ ประวัติ. วัดราษฎร์บูรณะ สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2425 โดยมีนายจันทร์ จันทร เป็นผู้ดำเนินการสร้างวัด วัดนี้เดิมชื่อ “วัดบางลาว” ตามชื่อของตำบล ต่อมาประชาชนได้ร่วมกันบูรณะ จึงเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดราษฎร์บูรณะ” ในปี พ.ศ. 2483 วัดราษฎร์บูรณะ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ครั้งแรกเมื่อวันแรม 3 ค่ำ เดือนอ้าย ปีชวด พ.ศ. 2431 ได้รับพระราชทานครั้งหลังเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 ในด้านการศึกษา ทางวัดได้เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ. 2499 และได้ให้ความอนุเคราะห์โรงเรียนประชาบาลที่อยู่ในวัดอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ให้ทางราชการสร้างสถานีอนามัย และโรงเรียนสอนเด็กก่อนเกณฑ์ เปิดสอนตั้งแต่ พ.ศ. 2521
พ.ศ. 2425
313
322
137
1
พระราชวังวินด์เซอร์ ตั้งอยู่ในมณฑลที่ชื่อว่าอะไร
บาร์กเชอร์ บาร์กเชอร์ (, ) บางทีก็เรียกว่า “ราชมณฑลบาร์กเชอร์” เพราะเป็นที่ตั้งของ พระราชวังวินด์เซอร์ การเรียกนี้ทำกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 และเป็นที่ยอมรับโดยสมเด็จพระราชินีในปี ค.ศ. 1958 เมื่อพระราชทานพระราชเอกสารสิทธิ (letters patent) ในการใช้ชื่อนั้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1974 บาร์กเชอร์เป็นหนึ่งในมณฑลรอบนครลอนดอน (Home County)ในอังกฤษที่มีฐานะเป็นมณฑลภูมิศาสตร์ และมณฑลนอกเมโทรโพลิตัน บาร์กเชอร์ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษที่มีเขตแดนติดกับมณฑลอ๊อกซฟอร์ดเชอร์, มณฑลบัคคิงแฮมเชอร์, มณฑลเซอร์รีย์, มณฑลวิลท์เชอร์ และมณฑลแฮมป์เชอร์ และหลังจากการเปลี่ยนแปลงเขตแดนในปี ค.ศ. 1995 ก็มีเขตแดนติดกับนครหลวงลอนดอนด้วย บาร์กเชอร์แบ่งการปกครองเป็นหกแขวง: เวสต์บาร์กเชอร์, เรดดิง, โวคคิงแฮม, แบร็คเนลล์ฟอเรสต์, วินด์เซอร์และเมดเด็นเฮด, สโลห์ โดยมีเรดดิงเป็นเมืองหลวงของมณฑล บาร์กเชอร์มีเนื้อที่ 1,262 ตารางกิโลเมตร และมีประชาชนรวมทั้งสิ้นประมาณ 812,200 คน ถัวเฉลี่ย 643 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร
ราชมณฑลบาร์กเชอร์
130
147
138
1
สมเด็จพระราชินีพระราชทานพระราชเอกสารสิทธิ ในการใช้ชื่อบาร์กเชอร์อย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. ใด
บาร์กเชอร์ บาร์กเชอร์ (, ) บางทีก็เรียกว่า “ราชมณฑลบาร์กเชอร์” เพราะเป็นที่ตั้งของ พระราชวังวินด์เซอร์ การเรียกนี้ทำกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 และเป็นที่ยอมรับโดยสมเด็จพระราชินีในปี ค.ศ. 1958 เมื่อพระราชทานพระราชเอกสารสิทธิ (letters patent) ในการใช้ชื่อนั้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1974 บาร์กเชอร์เป็นหนึ่งในมณฑลรอบนครลอนดอน (Home County)ในอังกฤษที่มีฐานะเป็นมณฑลภูมิศาสตร์ และมณฑลนอกเมโทรโพลิตัน บาร์กเชอร์ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษที่มีเขตแดนติดกับมณฑลอ๊อกซฟอร์ดเชอร์, มณฑลบัคคิงแฮมเชอร์, มณฑลเซอร์รีย์, มณฑลวิลท์เชอร์ และมณฑลแฮมป์เชอร์ และหลังจากการเปลี่ยนแปลงเขตแดนในปี ค.ศ. 1995 ก็มีเขตแดนติดกับนครหลวงลอนดอนด้วย บาร์กเชอร์แบ่งการปกครองเป็นหกแขวง: เวสต์บาร์กเชอร์, เรดดิง, โวคคิงแฮม, แบร็คเนลล์ฟอเรสต์, วินด์เซอร์และเมดเด็นเฮด, สโลห์ โดยมีเรดดิงเป็นเมืองหลวงของมณฑล บาร์กเชอร์มีเนื้อที่ 1,262 ตารางกิโลเมตร และมีประชาชนรวมทั้งสิ้นประมาณ 812,200 คน ถัวเฉลี่ย 643 คนต่อหนึ่งตารางกิโลเมตร
ปี ค.ศ. 1974
364
376
139
1
ผู้ประพันธ์ทำนองเพลง "โสมส่องใจ" มีชื่อว่าอะไร
ปิ่นศิริ ศิริปิ่น ปิ่นศิริ ศิริปิ่น หรือ ครูปิ่น (เกิดปี พ.ศ. 2502) ครูสอนดนตรี นักแต่งเพลง ผู้ประพันธ์เพลง "โสมส่องใจ"ประวัติ ประวัติ. ครูปิ่นเกิดในปี 2502 ศึกษาชั้นมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงบันเทิง ดนตรี เสียงเพลง ด้วยอาชีพครูเมื่อวัย 17 ปี ครั้งเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งานหลักคือ เป็นครูสอนร้องเพลง และดนตรี หลังจบการศึกษาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ก่อตั้งโรงเรียนดนตรีและลีลา ศิริปิ่น เมื่อปีพ.ศ. 2530 ผลงานที่นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดคือ ได้รับเชิญให้เป็นผู้ประพันธ์ทำนองเพลง "โสมส่องใจ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในวโรกาสเจริญพระชันษาครบ 48 ชันษา ในปีพ.ศ. 2548 จัดทำโดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และคณะกรรมการจัดงานเทียนส่องใจ ได้นำเพลง"โสมส่องใจ" มาใช้เป็นเพลงประจำงาน"เทียนส่องใจ" เนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกปี จนถึงครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมานี้ โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ เสด็จมาเป็นองค์ประธานทุกปีผลงานด้านบันเทิง/ดนตรี ผลงาน. ด้านบันเทิง/ดนตรี. เป็นครูสอนร้องเพลงและดนตรีอยู่ที่โรงเรียนดนตรีและลีลาศิริปิ่น เป็นผู้ออกแบบควบคุมการแสดงและร้องเพลง ( Voice & Stage Performance ) ในกิจกรรมการแสดงต่างๆ เช่นการแสดงในงานมอบรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นกรรมการในงานประกวดทั้งภายในและต่างประเทศ เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระราชทานพระสุรัสวดี รางวัลเมขลา การประกวดนักร้องแห่งเอเซีย (เอเซียบากุส) เป็นนักแสดงรับเชิญทางละครจากสถานีโทรทัศน์ช่อง7 เป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ นักเขียน พ็อคเก็ตบุคเรื่อง"ร้องให้เป็นเพลง...กับครูปิ่น" และ "วินทุกเว Ways to Win" ครูปิ่น มีลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอาทิ พรชิตา ณ สงขลา ,พิมรา เจริญภักดี,ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ,นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล , สราวุฒิ มาตรทอง,บิ๊ก ศรุต วิจิตรานนท์, ครูบิ๊ก (AF) ธานัท ธัญหาญ , ลานนา คัมมินส์ , เจนสุดา ปานโต ,รัฐศาสตร์ รุ่งศิริทิพย์ Domonman 2010 ,ไต้ฝุ่น กนกฉัตร มรรยาทอ่อน ,เพชร ฐกฤต เหมอรรณพจิตร สังกัดช่อง 3,ตรี ภรภัทร สังกัดช่องวัน 31 (ละครเธอคือพรหมลิขิต),บอส อติรุธ Mister Manhunt Thailand 2017 ฯลฯ ปัจจุบัน ครูปิ่นได้เปิดสถาบันพัฒนาศิลปิน "SMD Artist Training Centre" สร้างสรรค์ และพัฒนาศิลปินด้านเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษเพื่อป้อนสู่วงการบันเทิง งานแสดง - "ลูกเขยมะไฟ แม่ยายมะดัน" ช่อง 7 สี(น้ำ รพีภัทร/เพลง กวิตา) 2558 - “ช่าชะช่า...ท้ารัก” สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 2547ด้านสังคม ด้านสังคม. ครูปิ่น เป็นกรรมการฝ่ายหารายได้มูลนิธิ"ร่วมน้ำใจต้านภัยเอดส์", กรรมการมูลนิธิเอดส์ กรุงเทพมหานคร, อาสากาชาด สภากาชาดไทย, เป็นวิทยากรด้านดนตรี เพลงให้องค์กรต่างๆ อาทิ สโมสรโรตารี่ปทุมวัน สโมสรโรตารี่ท่าเรือ กรุงเทพ, มหาวิทยาลัย,ผู้บริหารระดับสูง กรุงเทพมหานคร
ปิ่นศิริ ศิริปิ่น
111
128
140
1
โรงเรียนดนตรีและลีลา ศิริปิ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อไร
ปิ่นศิริ ศิริปิ่น ปิ่นศิริ ศิริปิ่น หรือ ครูปิ่น (เกิดปี พ.ศ. 2502) ครูสอนดนตรี นักแต่งเพลง ผู้ประพันธ์เพลง "โสมส่องใจ"ประวัติ ประวัติ. ครูปิ่นเกิดในปี 2502 ศึกษาชั้นมัธยมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงบันเทิง ดนตรี เสียงเพลง ด้วยอาชีพครูเมื่อวัย 17 ปี ครั้งเป็นนิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งานหลักคือ เป็นครูสอนร้องเพลง และดนตรี หลังจบการศึกษาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ก่อตั้งโรงเรียนดนตรีและลีลา ศิริปิ่น เมื่อปีพ.ศ. 2530 ผลงานที่นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดคือ ได้รับเชิญให้เป็นผู้ประพันธ์ทำนองเพลง "โสมส่องใจ" เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เนื่องในวโรกาสเจริญพระชันษาครบ 48 ชันษา ในปีพ.ศ. 2548 จัดทำโดยศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และคณะกรรมการจัดงานเทียนส่องใจ ได้นำเพลง"โสมส่องใจ" มาใช้เป็นเพลงประจำงาน"เทียนส่องใจ" เนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งจัดมาเป็นประจำทุกปี จนถึงครั้งที่ 18 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมานี้ โดยได้รับพระกรุณาธิคุณจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาธินัดดามาตุ เสด็จมาเป็นองค์ประธานทุกปีผลงานด้านบันเทิง/ดนตรี ผลงาน. ด้านบันเทิง/ดนตรี. เป็นครูสอนร้องเพลงและดนตรีอยู่ที่โรงเรียนดนตรีและลีลาศิริปิ่น เป็นผู้ออกแบบควบคุมการแสดงและร้องเพลง ( Voice & Stage Performance ) ในกิจกรรมการแสดงต่างๆ เช่นการแสดงในงานมอบรางวัลโทรทัศน์ทองคำ เป็นกรรมการในงานประกวดทั้งภายในและต่างประเทศ เช่น รางวัลตุ๊กตาทองพระราชทานพระสุรัสวดี รางวัลเมขลา การประกวดนักร้องแห่งเอเซีย (เอเซียบากุส) เป็นนักแสดงรับเชิญทางละครจากสถานีโทรทัศน์ช่อง7 เป็นคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ นักเขียน พ็อคเก็ตบุคเรื่อง"ร้องให้เป็นเพลง...กับครูปิ่น" และ "วินทุกเว Ways to Win" ครูปิ่น มีลูกศิษย์ที่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอาทิ พรชิตา ณ สงขลา ,พิมรา เจริญภักดี,ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ,นันทวัฒน์ อาศิรพจนกุล , สราวุฒิ มาตรทอง,บิ๊ก ศรุต วิจิตรานนท์, ครูบิ๊ก (AF) ธานัท ธัญหาญ , ลานนา คัมมินส์ , เจนสุดา ปานโต ,รัฐศาสตร์ รุ่งศิริทิพย์ Domonman 2010 ,ไต้ฝุ่น กนกฉัตร มรรยาทอ่อน ,เพชร ฐกฤต เหมอรรณพจิตร สังกัดช่อง 3,ตรี ภรภัทร สังกัดช่องวัน 31 (ละครเธอคือพรหมลิขิต),บอส อติรุธ Mister Manhunt Thailand 2017 ฯลฯ ปัจจุบัน ครูปิ่นได้เปิดสถาบันพัฒนาศิลปิน "SMD Artist Training Centre" สร้างสรรค์ และพัฒนาศิลปินด้านเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นพิเศษเพื่อป้อนสู่วงการบันเทิง งานแสดง - "ลูกเขยมะไฟ แม่ยายมะดัน" ช่อง 7 สี(น้ำ รพีภัทร/เพลง กวิตา) 2558 - “ช่าชะช่า...ท้ารัก” สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 2547ด้านสังคม ด้านสังคม. ครูปิ่น เป็นกรรมการฝ่ายหารายได้มูลนิธิ"ร่วมน้ำใจต้านภัยเอดส์", กรรมการมูลนิธิเอดส์ กรุงเทพมหานคร, อาสากาชาด สภากาชาดไทย, เป็นวิทยากรด้านดนตรี เพลงให้องค์กรต่างๆ อาทิ สโมสรโรตารี่ปทุมวัน สโมสรโรตารี่ท่าเรือ กรุงเทพ, มหาวิทยาลัย,ผู้บริหารระดับสูง กรุงเทพมหานคร
เมื่อปีพ.ศ. 2530
555
571
141
1
วัดท่าควาย ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ปัจจุบันใช้ชื่อว่าอะไร
วัดใหม่เจริญธรรม (อุตรดิตถ์) วัดใหม่เจริญธรรม หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียก วัดป่าขนุน (ชื่อเดิม: วัดท่าควาย) ตั้งอยู่เลขที่ 109 หมู่บ้านป่าขนุน หมู่ที่ 3 ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ใกล้กับจุดตัดสี่แยกป่าขนุน บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 1047 มีฐานะเป็นวัดราษฎร์ สังกัดการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 5 ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรม เป็นวัดจำพรรษาของเจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภา จึงมีความพยายามจัดให้วัดเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมในทุก ๆ ด้านของคณะสงฆ์ โดยนอกจากจะศูนย์กลางการปกครองของพระภิกษุในเขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลคุ้งตะเภาแล้ว วัดใหม่เจริญธรรมยังเป็นที่ตั้งของสภาวัฒนธรรมตำบลคุ้งตะเภา ศูนย์พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สำนักปฏิบัติธรรมประจำตำบล ศูนย์การเรียนนักธรรมชั้นตรีประจำตำบล และหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลอีกด้วย ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรมมีพระครูสุจิตพัฒนพิธาน (สมพงษ์ สมจิตฺโต) เจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภา เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันประวัติ ประวัติ. วัดใหม่เจริญธรรม (เดิมชื่อ "วัดท่าควาย") ดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2482 ในหมู่ที่ 3 บ้านป่าขนุน ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ในสมัยนายแกะ มีชำนะ เป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยมีผู้มีจิตศรัทธามอบที่ดินให้สร้างวัด คือ นายแกะ มีชำนะ ผู้ใหญ่บ้าน นายพูน คงนิล และนางหยวก พรมแดง รวมกัน มีที่ดินประมาณ 4 ไร่ 2 งาน และนายพูน คงนิล นายบุญ สุขวิทย์ บริจาคเรือนคนละ 1 หลัง สร้างเป็นกุฏิ นางเตียก ไม่ทราบนามสกุล บริจาคบ้าน 1 หลัง สร้างศาลาการเปรียญชั่วคราว ขนาดกว้าง 12 วา ยาว 12 วา ต่อมาได้มีการสร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ขึ้น ขนาดกว้าง 20 วา ยาว 30 วา มีที่ดินทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 13 ตารางวา และได้รับพระราชวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539ปูชนียวัตถุสำคัญอาณาเขตที่ตั้งวัด อาณาเขตที่ตั้งวัด. วัดใหม่เจริญธรรม (อุตรดิตถ์) ได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัด ตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 เมื่อปี พ.ศ. 2480 มีพระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ปี พ.ศ. 2539 ที่ดินเฉพาะบริเวณที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 13 ตารางวา โดยมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นโฉนด เลขที่ 74 กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของวัด พื้นที่ตั้งของวัดมีลักษณะอยู่ติดกับโรงเรียนป่าขนุนเจริญวิทยา ติดหมู่บ้าน ติดที่ทำกินชาวบ้าน และติดถนนสายเอเชีย- ทิศเหนือ ยาว 100 วา จดที่ชาวบ้านและโรงเรียน - ทิศใต้ ยาว 100 วา จดถนนสาธารณะ - ทิศตะวันออก ยาว 44 วา จดที่ชาวบ้าน - ทิศตะวันตก ยาว 35 วา จดหมู่บ้านเขตติจีวราวิปวาส เขตติจีวราวิปวาส. พื้นที่ตั้งของวัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มท้องแม่น้ำน่านโบราณ อยู่ติดกับโรงเรียนป่าขนุนเจริญวิทยา ติดหมู่บ้าน ติดที่ทำกินชาวบ้าน และติดถนนสายเอเชีย เขตติจีวราวิปวาสวัดใหม่เจริญธรรม มีอุโบสถสร้างใหม่เป็นประธานของวัด อยู่ด้านทิศตะวันออก มีพื้นที่ติดต่อกับที่ดินข้างเคียง ดังต่อไปนี้- ทิศเหนือ ยาว 100 วา จดที่ชาวบ้านและโรงเรียน - ทิศใต้ ยาว 100 วา จดถนนสาธารณะ - ทิศตะวันออก ยาว 44 วา จดที่ชาวบ้าน - ทิศตะวันตก ยาว 35 วา จดหมู่บ้านเขตวิสุงคามสีมาที่ธรณีสงฆ์ศาสนสถาน-ถาวรวัตถุศาสนสถาน-ถาวรวัตถุ. - อุโบสถ กว้าง 19.50 เมตร ยาว 29 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2539 - ศาลาการเปรียญ กว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2484 เป็นอาคารไม้ - กุฎิทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงไทย เป็นกุฎิและศูนย์วัฒนธรรมประจำตำบล - กุฏิสงฆ์ จำนวน 2 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 1 หลัง และตึก 1 หลัง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2528 เป็นอาคาร 2 ชั้น - ศาลาเอนกประสงค์ กว้าง 15 เมตร ยาว 25 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2546 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมก่ออิฐถือปูน ชั้นเดียว - ซุ้มประตูไม้ลักษณะทรงไทย กว้าง 4 เมตร ยาว 9 เมตร สร้างเมื่อ (พ.ศ. 2551) - พิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น กว้าง 15 เมตร ยาว 38 เมตร อาคารชั้นเดียว สร้างเมื่อ (พ.ศ. 2550) หมายเหตุ - ยังสร้างไม่แส้วเสร็จ ยังขาดทุนทรัพย์อยู่อีก จำนวน 500,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเสนาสนะต่าง ๆ คือ เมรุเผาศพ หอระฆังการปกครองวัดจำนวนภิกษุสงฆ์ในสังกัดวัด การปกครองวัด. จำนวนภิกษุสงฆ์ในสังกัดวัด. ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรมมีจำนวนพระภิกษุ 3 รูปลำดับเจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญธรรมพระสังฆาธิการวัดใหม่เจริญธรรมรูปปัจจุบันไวยาวัจกรวัดใหม่เจริญธรรมคนปัจจุบันไวยาวัจกรวัดใหม่เจริญธรรมคนปัจจุบัน. 1. นายเกี้ยว มีประไพ 2. นายทองใบ ผอบมเหลือง 3. นายละม่อม พริกทิม 4. ผู้ใหญ่แสวง นวลจร 5. นายกาย มีประไพ 6. อาจารย์สมเกียรติ สาตรจำเริญ 7. นายธนพัฒน์ มีประไพกิจกรรมหลักของวัดสภาวัฒนธรรมตำบลคุ้งตะเภาสำนักงานเจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภาศูนย์พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมประจำตำบลคุ้งตะเภาสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำตำบลคุ้งตะเภาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดใหม่เจริญธรรม
วัดใหม่เจริญธรรม
131
147
142
1
วัดใหม่เจริญธรรม ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับพระราชวิสุงคามสีมา เมื่อวันใด
วัดใหม่เจริญธรรม (อุตรดิตถ์) วัดใหม่เจริญธรรม หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียก วัดป่าขนุน (ชื่อเดิม: วัดท่าควาย) ตั้งอยู่เลขที่ 109 หมู่บ้านป่าขนุน หมู่ที่ 3 ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ใกล้กับจุดตัดสี่แยกป่าขนุน บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลขที่ 1047 มีฐานะเป็นวัดราษฎร์ สังกัดการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 5 ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรม เป็นวัดจำพรรษาของเจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภา จึงมีความพยายามจัดให้วัดเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมในทุก ๆ ด้านของคณะสงฆ์ โดยนอกจากจะศูนย์กลางการปกครองของพระภิกษุในเขตปกครองคณะสงฆ์ตำบลคุ้งตะเภาแล้ว วัดใหม่เจริญธรรมยังเป็นที่ตั้งของสภาวัฒนธรรมตำบลคุ้งตะเภา ศูนย์พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ สำนักปฏิบัติธรรมประจำตำบล ศูนย์การเรียนนักธรรมชั้นตรีประจำตำบล และหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลอีกด้วย ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรมมีพระครูสุจิตพัฒนพิธาน (สมพงษ์ สมจิตฺโต) เจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภา เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันประวัติ ประวัติ. วัดใหม่เจริญธรรม (เดิมชื่อ "วัดท่าควาย") ดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2482 ในหมู่ที่ 3 บ้านป่าขนุน ตำบลคุ้งตะเภา อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ในสมัยนายแกะ มีชำนะ เป็นผู้ใหญ่บ้าน โดยมีผู้มีจิตศรัทธามอบที่ดินให้สร้างวัด คือ นายแกะ มีชำนะ ผู้ใหญ่บ้าน นายพูน คงนิล และนางหยวก พรมแดง รวมกัน มีที่ดินประมาณ 4 ไร่ 2 งาน และนายพูน คงนิล นายบุญ สุขวิทย์ บริจาคเรือนคนละ 1 หลัง สร้างเป็นกุฏิ นางเตียก ไม่ทราบนามสกุล บริจาคบ้าน 1 หลัง สร้างศาลาการเปรียญชั่วคราว ขนาดกว้าง 12 วา ยาว 12 วา ต่อมาได้มีการสร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ขึ้น ขนาดกว้าง 20 วา ยาว 30 วา มีที่ดินทั้งสิ้น 7 ไร่ 2 งาน 13 ตารางวา และได้รับพระราชวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539ปูชนียวัตถุสำคัญอาณาเขตที่ตั้งวัด อาณาเขตที่ตั้งวัด. วัดใหม่เจริญธรรม (อุตรดิตถ์) ได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัด ตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 เมื่อปี พ.ศ. 2480 มีพระบรมราชโองการพระราชทานวิสุงคามสีมา ปี พ.ศ. 2539 ที่ดินเฉพาะบริเวณที่ตั้งวัด มีเนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 13 ตารางวา โดยมีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นโฉนด เลขที่ 74 กรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของวัด พื้นที่ตั้งของวัดมีลักษณะอยู่ติดกับโรงเรียนป่าขนุนเจริญวิทยา ติดหมู่บ้าน ติดที่ทำกินชาวบ้าน และติดถนนสายเอเชีย- ทิศเหนือ ยาว 100 วา จดที่ชาวบ้านและโรงเรียน - ทิศใต้ ยาว 100 วา จดถนนสาธารณะ - ทิศตะวันออก ยาว 44 วา จดที่ชาวบ้าน - ทิศตะวันตก ยาว 35 วา จดหมู่บ้านเขตติจีวราวิปวาส เขตติจีวราวิปวาส. พื้นที่ตั้งของวัดอยู่ในพื้นที่ลุ่มท้องแม่น้ำน่านโบราณ อยู่ติดกับโรงเรียนป่าขนุนเจริญวิทยา ติดหมู่บ้าน ติดที่ทำกินชาวบ้าน และติดถนนสายเอเชีย เขตติจีวราวิปวาสวัดใหม่เจริญธรรม มีอุโบสถสร้างใหม่เป็นประธานของวัด อยู่ด้านทิศตะวันออก มีพื้นที่ติดต่อกับที่ดินข้างเคียง ดังต่อไปนี้- ทิศเหนือ ยาว 100 วา จดที่ชาวบ้านและโรงเรียน - ทิศใต้ ยาว 100 วา จดถนนสาธารณะ - ทิศตะวันออก ยาว 44 วา จดที่ชาวบ้าน - ทิศตะวันตก ยาว 35 วา จดหมู่บ้านเขตวิสุงคามสีมาที่ธรณีสงฆ์ศาสนสถาน-ถาวรวัตถุศาสนสถาน-ถาวรวัตถุ. - อุโบสถ กว้าง 19.50 เมตร ยาว 29 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2539 - ศาลาการเปรียญ กว้าง 20 เมตร ยาว 30 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2484 เป็นอาคารไม้ - กุฎิทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ทรงไทย เป็นกุฎิและศูนย์วัฒนธรรมประจำตำบล - กุฏิสงฆ์ จำนวน 2 หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 1 หลัง และตึก 1 หลัง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2528 เป็นอาคาร 2 ชั้น - ศาลาเอนกประสงค์ กว้าง 15 เมตร ยาว 25 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2546 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมก่ออิฐถือปูน ชั้นเดียว - ซุ้มประตูไม้ลักษณะทรงไทย กว้าง 4 เมตร ยาว 9 เมตร สร้างเมื่อ (พ.ศ. 2551) - พิพิธภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น กว้าง 15 เมตร ยาว 38 เมตร อาคารชั้นเดียว สร้างเมื่อ (พ.ศ. 2550) หมายเหตุ - ยังสร้างไม่แส้วเสร็จ ยังขาดทุนทรัพย์อยู่อีก จำนวน 500,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเสนาสนะต่าง ๆ คือ เมรุเผาศพ หอระฆังการปกครองวัดจำนวนภิกษุสงฆ์ในสังกัดวัด การปกครองวัด. จำนวนภิกษุสงฆ์ในสังกัดวัด. ปัจจุบันวัดใหม่เจริญธรรมมีจำนวนพระภิกษุ 3 รูปลำดับเจ้าอาวาสวัดใหม่เจริญธรรมพระสังฆาธิการวัดใหม่เจริญธรรมรูปปัจจุบันไวยาวัจกรวัดใหม่เจริญธรรมคนปัจจุบันไวยาวัจกรวัดใหม่เจริญธรรมคนปัจจุบัน. 1. นายเกี้ยว มีประไพ 2. นายทองใบ ผอบมเหลือง 3. นายละม่อม พริกทิม 4. ผู้ใหญ่แสวง นวลจร 5. นายกาย มีประไพ 6. อาจารย์สมเกียรติ สาตรจำเริญ 7. นายธนพัฒน์ มีประไพกิจกรรมหลักของวัดสภาวัฒนธรรมตำบลคุ้งตะเภาสำนักงานเจ้าคณะตำบลคุ้งตะเภาศูนย์พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์สำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกนักธรรมประจำตำบลคุ้งตะเภาสำนักเรียนพระปริยัติธรรมแผนกบาลีประจำตำบลคุ้งตะเภาศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดใหม่เจริญธรรม
วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539
1,600
1,627
143
1
สนธิสัญญาแบร์นมีการลงนามในสัญญาเมื่อไร
สนธิสัญญาแบร์น สนธิสัญญาแบร์น (; ) ซึ่งมีการลงนามเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1874 เป็นสนธิสัญญาซึ่งก่อตั้งสหภาพไปรษณีย์ทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสหภาพสากลไปรษณีย์นับตั้งแต่ ค.ศ. 1878 เนื่องจากมีประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้น สนธิสัญญาดังกล่าวมีการลงนามในกรุงแบร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสนธิสัญญา เป็นผลมาจากการประชุมระหว่างประเทศซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลสวิสเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1874 ในการประชุมมีผู้แทนจาก 22 ประเทศเข้าร่วม แผนสำหรับการประชุมได้ถูกร่างขึ้นโดยเฮนริช ฟอน สเตฟาน เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ชาวเยอรมัน จุดประสงค์ของสนธิสัญญาเพื่อประสานและวางระเบียบบริการไปรษณีย์ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนไปรษณีย์ระหว่างประเทศเป็นไปอย่างเสรี ประเทศผู้ลงนามในสนธิสัญญา ณ ขณะนั้น ได้แก่ จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก อียิปต์ สเปน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย จักรวรรดิรัสเซีย เซอร์เบีย สหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และจักรวรรดิออตโตมัน วันที่ 9 ตุลาคมของทุกปีจะมีการจัดงานวันไปรษณีย์โลก เพื่อรำลึกถึงวันที่มีการลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว
วันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1874
144
169
144
1
สนธิสัญญาแบร์นมีการลงนามในกรุงแบร์น ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศอะไร
สนธิสัญญาแบร์น สนธิสัญญาแบร์น (; ) ซึ่งมีการลงนามเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1874 เป็นสนธิสัญญาซึ่งก่อตั้งสหภาพไปรษณีย์ทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสหภาพสากลไปรษณีย์นับตั้งแต่ ค.ศ. 1878 เนื่องจากมีประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้น สนธิสัญญาดังกล่าวมีการลงนามในกรุงแบร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสนธิสัญญา เป็นผลมาจากการประชุมระหว่างประเทศซึ่งจัดขึ้นโดยรัฐบาลสวิสเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1874 ในการประชุมมีผู้แทนจาก 22 ประเทศเข้าร่วม แผนสำหรับการประชุมได้ถูกร่างขึ้นโดยเฮนริช ฟอน สเตฟาน เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ชาวเยอรมัน จุดประสงค์ของสนธิสัญญาเพื่อประสานและวางระเบียบบริการไปรษณีย์ เพื่อให้การแลกเปลี่ยนไปรษณีย์ระหว่างประเทศเป็นไปอย่างเสรี ประเทศผู้ลงนามในสนธิสัญญา ณ ขณะนั้น ได้แก่ จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เบลเยี่ยม เดนมาร์ก อียิปต์ สเปน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร กรีซ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส โรมาเนีย จักรวรรดิรัสเซีย เซอร์เบีย สหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ และจักรวรรดิออตโตมัน วันที่ 9 ตุลาคมของทุกปีจะมีการจัดงานวันไปรษณีย์โลก เพื่อรำลึกถึงวันที่มีการลงนามในสนธิสัญญาดังกล่าว
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
353
373
145
1
รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารในประเทศชิลี เมื่อปี พ.ศ. 2516 ทำการยึดอำนาจโดยใคร
คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองชิลี รัฐบาลทหารชิลี เป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารในประเทศชิลี พ.ศ. 2516 โดยจอมพล Augusto Pinochet ซึ่งยึดอำนาจ ปธน.ซัลวาดอร์ อัลเลนเย้ ผู้นำคอมมิวนิสต์คนแรกของโลกที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้ง รัฐบาลนี้ได้รับการสนับสนุน จากสหรัฐอเมริกา รัฐบาลทหารชิลีล่มสลายในปี1991 เมื่อ Augusto Pinochet เสียชีวิต
จอมพล Augusto Pinochet
199
221
146
1
ผู้นำคอมมิวนิสต์คนแรกของโลกที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้งคือใคร
คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองชิลี รัฐบาลทหารชิลี เป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารในประเทศชิลี พ.ศ. 2516 โดยจอมพล Augusto Pinochet ซึ่งยึดอำนาจ ปธน.ซัลวาดอร์ อัลเลนเย้ ผู้นำคอมมิวนิสต์คนแรกของโลกที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการเลือกตั้ง รัฐบาลนี้ได้รับการสนับสนุน จากสหรัฐอเมริกา รัฐบาลทหารชิลีล่มสลายในปี1991 เมื่อ Augusto Pinochet เสียชีวิต
ปธน.ซัลวาดอร์ อัลเลนเย้
235
258
147
1
จุดที่สูงที่สุดของอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์คือที่ใด
อำเภอหล่มเก่า อำเภอหล่มเก่า ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบสลับกับพื้นที่สูง จุดที่สูงที่สุดคือ ภูทับเบิกสูง 1768 เมตรจากระดับน้ำทะเลที่ตั้งและอาณาเขต ที่ตั้งและอาณาเขต. อำเภอหล่มเก่าตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอด่านซ้าย (จังหวัดเลย) - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอภูหลวง (จังหวัดเลย) และอำเภอน้ำหนาว - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอหล่มสักและอำเภอเขาค้อ - ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอด่านซ้าย (จังหวัดเลย)ประวัติ ประวัติ. เมืองหล่มเก่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในรัชกาลของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชในชื่อว่า "เมืองหล่ม" ทั้งนี้ ชื่อเดิมของอำเภอหล่มเก่ามีระบุชื่อเดิมของเมืองไว้ ซึ่งมีชื่อ เมืองลุ่ม เมืองลม เมืองลุมบาจาย และเมืองหล่ม เมื่อย่างเข้าสู่สมัยรัตนโกสินทร์ เมืองหล่มเก่านี้เป็นกลายเป็นเมืองของชาวลาวขนาดใหญ่ และเมื่อมีอพยพมายิ่งขึ้นจากหลวงพระบาง จึงได้มีการตั้งเมืองใหม่บริเวณทางใต้ของเมืองหล่มเก่า ซึ่งก็คือ เมืองหล่มสักในปัจจุบันการแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. อำเภอหล่มเก่าแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 ตำบล 99 หมู่บ้าน ได้แก่การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. ท้องที่อำเภอหล่มเก่าประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่- เทศบาลตำบลหล่มเก่า ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลหล่มเก่า - องค์การบริหารส่วนตำบลหล่มเก่า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหล่มเก่า (นอกเขตเทศบาลตำบลหล่มเก่า) - องค์การบริหารส่วนตำบลนาซำ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาซำทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลหินฮาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหินฮาวทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเนิน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านเนินทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลศิลา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศิลาทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลนาแซง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาแซงทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลวังบาล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวังบาลทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลนาเกาะ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนาเกาะทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลตาดกลอย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตาดกลอยทั้งตำบล
ภูทับเบิก
201
210
148
1
ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา มีชื่อจริงว่าอะไร
ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา มีชื่อจริงว่า ลิขิต จันทร์ณี เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2535 ที่ จังหวัดสงขลา ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา เริ่มชกประเดิมสากลอาชีพครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 ไปชกแพ้คะแนนให้กับ ยูซูรุ นามูชิน นักชกชาวญี่ปุ่น และล่าสุดเคยชกมาฟาดฟันปะทะกันกับ นักมวยมาแล้วหลายคนติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็น นาอูโตะ อูอิบายาชิ ยูชิ แครี่บอย มัลคอร์ม ทูนาเกา อดีตแชมป์รุ่นฟลายเวท ของสภามวยโลก (WBC) เจริญชัย ศิษย์ทรายทอง ทมิฬขาว ส.ธารทิพย์ และฯลฯ และครั้งสุดท้ายที่ชกอุ่นเครื่อง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559 เอาชนะน็อค นิกกี้ จอร์แดน เนียงโกลัน นักชกชาวอินโดนีเซีย ในยกที่ 1 เท่านั้นเอง จากนั้น ยอดสิงห์แดง ได้แชมป์ PABA รุ่นแบนตั่มเวท เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 เป็นฝ่ายชนะน็อคนักชกชาวอินโดนีเซีย ในยกที่ 3 ที่อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานีเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ PABA รุ่นแบนตั่มเวท- ชิง, 22 เมษายน 2559 ชนะน็อคยกที่ 3 จอร์จ ลูโมลี่ () ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี - ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 16 กันยายน 2559 ชนะRTDยกที่ 5 ริโอ นาอิงโกลัน (อินโดนีเซีย) ที่ หน้าห้างยูเนี่ยนมอลล์ กรุงเทพมหานคร - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ทำไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกเยาวชน WBC Youth รุ่นแบนตั่มเวท 30 พฤศจิกายน 2557 แพ้น็อคยกที่ 8 ดาลี่ บาซาเดร้ () ที่ ซังโย ฮอลล์ กานาซาว่า เมืองอิชิกาว่า ประเทศญี่ปุ่นชื่ออื่นชื่ออื่น. - ยอดสิงห์แดง แครี่บอย
ลิขิต จันทร์ณี
158
172
149
1
ยอดสิงห์แดง ได้แชมป์ PABA รุ่นแบนตั่มเวท เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 การแข่งขันจัดขึ้นที่จังหวัดใดของประเทศไทย
ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา มีชื่อจริงว่า ลิขิต จันทร์ณี เกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2535 ที่ จังหวัดสงขลา ยอดสิงห์แดง จ.ชัยจินดา เริ่มชกประเดิมสากลอาชีพครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 ไปชกแพ้คะแนนให้กับ ยูซูรุ นามูชิน นักชกชาวญี่ปุ่น และล่าสุดเคยชกมาฟาดฟันปะทะกันกับ นักมวยมาแล้วหลายคนติดต่อกัน ไม่ว่าจะเป็น นาอูโตะ อูอิบายาชิ ยูชิ แครี่บอย มัลคอร์ม ทูนาเกา อดีตแชมป์รุ่นฟลายเวท ของสภามวยโลก (WBC) เจริญชัย ศิษย์ทรายทอง ทมิฬขาว ส.ธารทิพย์ และฯลฯ และครั้งสุดท้ายที่ชกอุ่นเครื่อง เมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2559 เอาชนะน็อค นิกกี้ จอร์แดน เนียงโกลัน นักชกชาวอินโดนีเซีย ในยกที่ 1 เท่านั้นเอง จากนั้น ยอดสิงห์แดง ได้แชมป์ PABA รุ่นแบนตั่มเวท เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559 เป็นฝ่ายชนะน็อคนักชกชาวอินโดนีเซีย ในยกที่ 3 ที่อำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานีเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ PABA รุ่นแบนตั่มเวท- ชิง, 22 เมษายน 2559 ชนะน็อคยกที่ 3 จอร์จ ลูโมลี่ () ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอเหล่าเสือโก้ก จังหวัดอุบลราชธานี - ป้องกันแชมป์ครั้งที่ 1, 16 กันยายน 2559 ชนะRTDยกที่ 5 ริโอ นาอิงโกลัน (อินโดนีเซีย) ที่ หน้าห้างยูเนี่ยนมอลล์ กรุงเทพมหานคร - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ทำไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์โลกเยาวชน WBC Youth รุ่นแบนตั่มเวท 30 พฤศจิกายน 2557 แพ้น็อคยกที่ 8 ดาลี่ บาซาเดร้ () ที่ ซังโย ฮอลล์ กานาซาว่า เมืองอิชิกาว่า ประเทศญี่ปุ่นชื่ออื่นชื่ออื่น. - ยอดสิงห์แดง แครี่บอย
จังหวัดอุบลราชธานี
1,026
1,044
150
1
อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทางด้านทิศเหนือติดกับอำเภออะไร
อำเภอสบเมย อำเภอสบเมย () เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ตั้งและอาณาเขต ที่ตั้งและอาณาเขต. อำเภอสบเมยตั้งอยู่ทางทิศใต้สุดของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแม่สะเรียง - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย (จังหวัดเชียงใหม่) - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภออมก๋อย (จังหวัดเชียงใหม่) และอำเภอท่าสองยาง (จังหวัดตาก) - ทิศตะวันตก ติดต่อกับรัฐกะเหรี่ยง (ประเทศพม่า)การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. อำเภอสบเมยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล 58 หมู่บ้าน **ข้อมูลสถิติประชากรจากทะเบียนบ้าน แยกรายพื้นที่ ระดับสำนักทะเบียน พ.ค. 2560การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. ท้องที่อำเภอสบเมยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่- องค์การบริหารส่วนตำบลสบเมย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสบเมยทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่คะตวน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่คะตวนทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลกองก๋อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกองก๋อยทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สวด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่สวดทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลป่าโปง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่าโปงทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่สามแลบทั้งตำบล
อำเภอแม่สะเรียง
293
308
151
1
การปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกี่แห่ง
อำเภอสบเมย อำเภอสบเมย () เป็นหนึ่งในอำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ตั้งและอาณาเขต ที่ตั้งและอาณาเขต. อำเภอสบเมยตั้งอยู่ทางทิศใต้สุดของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้- ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแม่สะเรียง - ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอฮอดและอำเภออมก๋อย (จังหวัดเชียงใหม่) - ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภออมก๋อย (จังหวัดเชียงใหม่) และอำเภอท่าสองยาง (จังหวัดตาก) - ทิศตะวันตก ติดต่อกับรัฐกะเหรี่ยง (ประเทศพม่า)การแบ่งเขตการปกครองการปกครองส่วนภูมิภาค การแบ่งเขตการปกครอง. การปกครองส่วนภูมิภาค. อำเภอสบเมยแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 ตำบล 58 หมู่บ้าน **ข้อมูลสถิติประชากรจากทะเบียนบ้าน แยกรายพื้นที่ ระดับสำนักทะเบียน พ.ค. 2560การปกครองส่วนท้องถิ่น การปกครองส่วนท้องถิ่น. ท้องที่อำเภอสบเมยประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 6 แห่ง ได้แก่- องค์การบริหารส่วนตำบลสบเมย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสบเมยทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่คะตวน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่คะตวนทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลกองก๋อย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกองก๋อยทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สวด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่สวดทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลป่าโปง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลป่าโปงทั้งตำบล - องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สามแลบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลแม่สามแลบทั้งตำบล
6 แห่ง
810
816
152
1
เมืองทองนิเวศน์ เป็นหมู่บ้านจัดสรรในเครือบริษัทอะไร
เมืองทองนิเวศน์ เมืองทองนิเวศน์ เป็นหมู่บ้านจัดสรรในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ มีอยู่ 3 โครงการ ได้แก่ เมืองทองนิเวศน์ 1 ตั้งอยู่ที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ เมืองทอง 1 เมืองทองนิเวศน์ 2 ตั้งอยู่ที่ถนนพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 2" เมืองทองนิเวศน์ 3 ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ นครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 3" ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองทองธานี- หาที่อยู่ในเมืองทองธานี ,แผนที่ MuangThong.info - แผนที่ เมืองทองธานี
บริษัทบางกอกแลนด์
144
161
153
1
เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี มีชื่อเดิมว่าอะไร
เมืองทองนิเวศน์ เมืองทองนิเวศน์ เป็นหมู่บ้านจัดสรรในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ มีอยู่ 3 โครงการ ได้แก่ เมืองทองนิเวศน์ 1 ตั้งอยู่ที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ เมืองทอง 1 เมืองทองนิเวศน์ 2 ตั้งอยู่ที่ถนนพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 2" เมืองทองนิเวศน์ 3 ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ นครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 3" ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองทองธานี- หาที่อยู่ในเมืองทองธานี ,แผนที่ MuangThong.info - แผนที่ เมืองทองธานี
เมืองทอง 3
496
506
154
1
ผลงานเพลงปี 1997 ที่ขายดีที่สุดของซาราห์ แอนน์ แมคลาชแลน มีชื่อชุดว่าอะไร
ซาราห์ แมคลาชแลน ซาราห์ แอนน์ แมคลาชแลน ( ) นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลงชาวแคนาดา เป็นนักร้องเพลงป็อปบัลลาด มีระดับเสียงเมซโซ-โซปราโน (กลาง-สูง) ผลงานอัลบั้มของเธอ มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 40 ล้านแผ่น ชุดที่ขายดีที่สุดคือชุด Surfacing ผลงานปี 1997 ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี 3 รางวัล และได้รับ 2 รางวัลผลงานสตูดิโออัลบั้มผลงาน. สตูดิโออัลบั้ม. - 1989 Touch - 1991 Solace - 1993 Fumbling - 1997 Surfacing - 2003 Afterglow - 2006 Wintersong - 2010 Laws of Illusion - 2014 Shine Onบันทึกการแสดงสดบันทึกการแสดงสด. - 1992 Sarah McLachlan Live EP - 1999 Mirrorball - 2004 Afterglow Live - 2006 Mirrorball: The Complete Concert - 2006 Live from Etown: 2006 Christmas Special
ชุด Surfacing
311
324
155
1
ซาราห์ แอนน์ แมคลาชแลน เป็นนักร้องชาวอะไร
ซาราห์ แมคลาชแลน ซาราห์ แอนน์ แมคลาชแลน ( ) นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลงชาวแคนาดา เป็นนักร้องเพลงป็อปบัลลาด มีระดับเสียงเมซโซ-โซปราโน (กลาง-สูง) ผลงานอัลบั้มของเธอ มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 40 ล้านแผ่น ชุดที่ขายดีที่สุดคือชุด Surfacing ผลงานปี 1997 ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี 3 รางวัล และได้รับ 2 รางวัลผลงานสตูดิโออัลบั้มผลงาน. สตูดิโออัลบั้ม. - 1989 Touch - 1991 Solace - 1993 Fumbling - 1997 Surfacing - 2003 Afterglow - 2006 Wintersong - 2010 Laws of Illusion - 2014 Shine Onบันทึกการแสดงสดบันทึกการแสดงสด. - 1992 Sarah McLachlan Live EP - 1999 Mirrorball - 2004 Afterglow Live - 2006 Mirrorball: The Complete Concert - 2006 Live from Etown: 2006 Christmas Special
ชาวแคนาดา
164
173
156
1
พ่อของยัน โยเซฟส์โซน ฟัน โคเยิน จิตรกรชาวดัตช์ ทำอาชีพอะไร
ยัน ฟัน โคเยิน ยัน โยเซฟส์โซน ฟัน โคเยิน (; 13 มกราคม ค.ศ. 1596 - 27 เมษายน ค.ศ. 1656) เป็นจิตรกรชาวดัตช์คนสำคัญของยุคทองของเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ยัน ฟัน โคเยินมีความเชี่ยวชาญทางการเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์ โดยมีผลงานเป็นจำนวนมาก เท่าที่ทราบเป็นจำนวนถึงราวพันสองร้อยภาพประวัติ ประวัติ. ฟัน โคเยินผู้เป็นลูกชายของช่างทำรองเท้าในไลเดิน ได้รับการศึกษาทางศิลปะกับเอเซยัส ฟัน เดอร์แฟ็ลเดอ เมื่ออายุได้ 35 ปี ฟัน โคเยินก็มีห้องเขียนภาพของตนเองที่เดอะเฮก พี. เครนชอว์กล่าวว่างานของฟัน โคเยินไม่เคยขายได้ในราคาสูง แต่เขาก็ทดแทนโดยการเขียนภาพจำนวนมาก การเขียนใช้สีที่บางและเขียนอย่างรวดเร็วโดยใช้สีที่มีราคาถูก แม้ว่าจะปรับปรุงงานเขียนด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วฟัน โคเยินก็ยังต้องหารายได้เพิ่มโดยเป็นตัวแทนการซื้อขายและนักประมูลภาพเขียน รวมทั้งเก็งราคาทิวลิปและราคาบ้าน แม้ว่าธุรกิจหลังมักจะเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างปลอดภัยสำหรับการลงทุน แต่ในกรณีของฟัน โคเยินกลับเป็นสิ่งที่ทำให้มีหนี้สินมหาศาล เปาลึส โปตเตอร์เช่าบ้านจากฟัน โคเยิน และนีโกลาส ฟัน แบร์เคม ได้มาเป็นลูกศิษย์ของเขา ในปี ค.ศ. 1652 ถึงปี ค.ศ. 1654 ฟัน โคเยินจำต้องขายงานเขียนและงานกราฟิกที่สะสมไว้ และต้องย้ายไปอยู่บ้านที่มีขนาดเล็กกว่าเดิม เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1656 ขณะที่มีหนี้สินจำนวนถึง 18,000 กิลเดอร์ดัตช์ ทำให้ภรรยาหม้ายต้องขายภาพเขียนและเครื่องเรือนที่ยังคงเหลือ การเป็นหนี้สินของฟัน โคเยินอาจจะมีผลต่อโอกาสความก้าวหน้าทางอาชีพของยัน สเตน ลูกศิษย์และลูกเขยซึ่งย้ายออกจากเดอะเฮกในปี ค.ศ. 1654งานเขียน งานเขียน. ตามปกติแล้วจิตรกรรมดัตช์ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 หรือจิตรกรรมของยุคทองของเนเธอร์แลนด์แบ่งออกเป็นห้าประเภทตามทฤษฎีการจัดลำดับคุณค่าของศิลปะ ซึ่งได้แก่ จิตรกรรมประวัติศาสตร์, ภาพเหมือน, ภาพชีวิตประจำวัน, จิตรกรรมภูมิทัศน์ และจิตรกรรมภาพนิ่ง ฟัน โคเยินจัดอยู่ในกลุ่มจิตรกรภูมิทัศน์ผู้มีความถนัดในการแฝงหัวข้อเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ฟัน โคเยินเขียนภาพคลองในบริเวณเดอะเฮก และหมู่บ้านในชนบทของเดลฟต์, โรตเตอร์ดัม, ไลเดิน และเคาดา
ช่างทำรองเท้า
410
423
157
1
ซันตากูโลมาดากรามาแน็ต เป็นเมืองในแคว้นใดของประเทศสเปน
ซันตากูโลมาดากรามาแน็ต ซันตากูโลมาดากรามาแน็ต () เป็นเมืองในแคว้นคาเทโลเนีย ประเทศสเปน ตั้งอยู่ทางทิศใต้-ตะวันออกของทิวเขาลิตูรัล โดยมีจุดสูงสุดคือ ปุดจ์กัสตัลยา (299 ม.) ตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำบาซ็อส บริเวณนี้มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคไอเบริก และมีหมู่บ้านไอเบริกที่ค้นพบบริเวณปุดจ์กัสตัลยา
แคว้นคาเทโลเนีย
158
173
158
1
ฮา 7 ดาวเป็นรายการตลกที่ออกอากาศในช่วง ปี พ.ศ. 2539 ถึง พ.ศ. 2541 ผลิตรายการโดยบริษัทอะไร
ฮา 7 ดาว ฮา 7 ดาวเป็นรายการตลก ออกอากาศในช่วงปี พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2541 ทุกคืนวันอังคาร เวลา 22.15 น. ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ผลิตรายการโดย บริษัท เจเอสแอล จำกัด เป็นรายการวาไรตี้คอเมดีโชว์จำลองเหตุการณ์ต่างๆ โดยมีนักแสดงตลกหมุนเวียนทุกสัปดาห์ รวมไปถึงปริศนาอะไรเอ่ยจากจากเด็กๆ รวมอยู่ด้วยในยุคแรกของรายการ ดำเนินรายการโดย ชาญณรงค์ ขันทีท้าว และ จาตุรงค์ พลบูรณ์ โดยยุคที่ 2 ได้เพิ่มช่วงใหม่อีก 2 ช่วง จากนั้นรายการต้องยุติการออกอากาศ และได้กลับมาฉายอีกครั้งในรอบ 14 ปี ออกอากาศทุกวันเวลา 9.00 น. - 9.50 น. และ ออกอากาศซ้ำ เวลา 23.00 น. - 23.50 น.ทาง เจเอสแอล แชนแนลนักแสดงนักแสดง. - แดนนี่ (ดนัย) ศรีภิญโญ - จาตุรงค์ มกจ๊ก - เหลือเฟือ มกจ๊ก - แฮ๊ค ชวนชื่น - ติ๊ก กลิ่นสี - ราตรี วิทวัสปัญหาในการออกอากาศ ปัญหาในการออกอากาศ. เนื่องด้วยรายการฮา 7 ดาว ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 22.15 น. เป็นเทปที่ 3 ที่กำลังออกอากาศต้องหยุดชะงักไป 1 สัปดาห์ เนื่องจาก มีละครซีรีส์ เรื่องอำพรางอำยวน จากบริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด ที่ยังไม่ได้ออกอากาศ 1 ตอนซึ่งเป็นตอนสุดท้ายมาแทน(ซึ่งเป็นละครที่ออกอากาศประจำวันอังคาร เวลา 22.15 น.) จึงทำให้รายการนี้ต้องเลื่อนออกอากาศไปอีก 1 สัปดาห์
บริษัท เจเอสแอล จำกัด
231
252
159
1
เพลงประจำชาติของประเทศอิสราเอลมีชื่อว่าอะไร
ฮาทิควา ฮาทิควา (, HaTiqvah,"ความหวัง") เป็นเพลงชาติของประเทศอิสราเอล เนื้อเพลงกล่าวถึงความหวังของชาวยิวทั่วโลกที่จะได้กลับมาสู่บ้านเกิดของพ่อของชาวยิว (อัฝราฮัม ยิทซ-คฮัก และยาโขฝ) ตามที่เขียนไว้ในคัมภีร์ทานัคของศาสนายูดาห์ โดยชาวยิวถูกเนรเทศจากดินแดนแห่งพันธสัญญาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 70 โดยกองทัพของโรมัน แม้ในทุกวันนี้บทสวดมนต์ประจำวันของชาวยิวก็ยังสวดมนต์ถึงการกลับมาสู่ดินแดนนี้ โดยการสวดจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองเยรูซาเลมประวัติบทร้องทำนองประกาศใช้เป็นเพลงชาติเนื้อร้องฉบับราชการบทร้องฉบับดั้งเดิม
ฮาทิควา
91
98
160
1
จาค็อบ แฮร์รี แมไกวร์ เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เล่นตำแหน่งใดในทีมฟุตบอล
แฮร์รี แมไกวร์ จาค็อบ แฮร์รี แมไกวร์ (; เกิดวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1993) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันเล่นให้กับเลสเตอร์ซิตีและทีมชาติอังกฤษ ในตำแหน่งกองหลัง
ตำแหน่งกองหลัง
233
247
161
1
จังหวัดปาดกาแลตั้งอยู่ในแคว้นใดของประเทศฝรั่งเศส
จังหวัดปาดกาแล ปาดกาแล (, ) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในแคว้นโอดฟร็องส์ในประเทศฝรั่งเศส จังหวัดปาดกาแลตั้งตามชื่อช่องแคบกาแล ตัวจังหวัดตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสโดยมีอารัสเป็นเมืองหลัก ปาดกาแลเป็นหนึ่งใน 83 จังหวัดที่ก่อตั้งขึ้นระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1790 จากบางส่วนของอดีตจังหวัดกาแลซี, ภูมิภาคบูลอแน, ปงตีเยอ และอาร์ตัว สถานที่สำคัญและน่าสนใจในจังหวัดปาดกาแลก็ได้แก่ มหาวิหารแม่พระแห่งบูลอญ, อาสนวิหารแซ็งตอแมร์ และสุสานแม่พระแห่งลอแร็ต
แคว้นโอดฟร็องส์
142
157
162
1
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในจังหวัดสุรินทร์บนเทือกเขาอะไร
ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนธม ( ตาม็วนธม - ตาไก่ใหญ่) ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน (หรือช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาทหินสามหลังเรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม (ธม เป็นภาษาเขมร แปลว่า ใหญ่) ตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม ตัวปราสาทตาเมือนธม หันหน้าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก รับกับเส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้ ปราสาทตาเมือนธมประกอบด้วยปราสาทประธาน มีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีบรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือ มีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ ปราสาทแห่งนี้อยู่ใกล้เขตชายแดนเขมรมากที่สุด การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกลจากแนวต้นไม้รอบปราสาทเพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนักปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์. กลุ่มปราสาทตาเมือน ตั้งอยู่ที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามรายทางสู่เมืองพระนครของขอม ในอดีตยังไม่มีความรับรู้ในเรื่องพรหมแดนต่างประเทศ มีแต่เพียงแนวทิวเขาพนมดงรัก เป็นพรหมแดนธรรมชาติที่กั้นผู้คนสองดินแดนไว้ คนโบราณมีการ ใช้เส้นทางผ่าช่องเขาที่มีอยู่ตลอดแนว ในบางช่องเขามีการสร้างปราสาทหินขนาดเล็ก เช่น ช่องไชตะกูมีปราสาทแบแบก แต่สำหรับที่ช่องตาเมือนหรือตาเมียงนี้มีลักษณะพิเศษคือ มีปราสาทหินสามหลังอยู่ใกล้ๆกัน เรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก เรียกว่ากลุ่มปราสาทตาเมือน โดยปราสาทแต่ละหลังมีขนาดและประโยชน์ที่ใช้สอยแตกต่างกันไป ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม อยู่ใกล้ดินแดนเขมรมากที่สุด ปราสาทแห่งนี้หันหน้าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก คงจะรับกับเส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งแปลตรงกับภาษาเขมรว่า ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน บรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ เนื่องจากปราสาทแห่งนี้อยู่ใกล้เขตชายแดน การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกลจากแนวต้นไม้รอบปราสาทเพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนัก ปราสาทตาเมือนโต๊ด อยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 750 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง มีกำแพงล้อมรอบและมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ทางทิศเหนือหนึ่งสระ โดยเชื่อว่าปราสาทแห่งนี้เป็นอโรคยาศาล รักษาพยาบาลของชุมชนหรือตามรายทางที่เป็นเส้นทางคมนาคม ซึ่งนิยมสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทตาเมือน(บายกรีม)อย่ห่างจากปราสาทตาเมือนโต๊ด ประมาณ 390 เมตร เป็นปราสาทที่เล็กที่สุด ก่อด้วยศิลาแลง มีลักษณะเป็นห้องยาว เชื่อว่าเป็นธรรมศาลา คือที่พักสำหรับคนเดินทาง กลุ่มปราสาทตาเมือนนี้นับได้ว่าเป็นกลุ่มปราสาทที่มีความสมบูรณ์ในด้านของการอำนวยประโยชน์ แก่ผู้คนที่ใช้เส้นทางผ่านช่องเขา ซึ่งไม่ปรากฏในถิ่นอื่น การที่มีกลุ่มปราสาทตาเมือนตั้งอยู่ในบริเวณนี้เป็นประจักษ์พยานที่แสดงให้เห็นว่า ในอดีตเส้นทางช่องเขาตาเมือนนี้คงจะมีชุมชนหรือเป็นเส้นทางผ่านช่องเขาสำคัญของภูมิภาคการเข้าชม การเข้าชม. เนื่องจากกลุ่มปราสาทนี้ตั้งอยู่ในเขตชายแดนประเทศไทย และเคยเป็นเขตอันตราย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางเข้าชม ควรติดต่อหน่วยตำรวจตระเวนชายแดนที่ตั้งด่านอยู่ที่หมู่บ้าน การเดินทางจากจังหวัดสุรินทร์ไปทางอำเภอปราสาทตามทางหลวงหมายเลข 214 จนมาถึงทางแยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 24 ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 24 จนถึงสามแยกบริเวณนิคมปราสาท ให้เลี้ยวซ้าย ไปตามป้ายบอกทางไปอำเภอพนมดงรัก ตามทางหลวงหมายเลข 2397 จนมาถึงแยกบริเวณ อบต. แนงมุด ให้เลี้ยวขวา ไปตามทางหลวงหมายเลข 224 จนพบป้ายบอกทางไปกลุ่มปราสาทตาเมือน ให้เลยป้ายไปอีกเล็กน้อยจนถึงแยกบ้านตาเมียง จะพบทางที่มีป้ายบอกไป ฉก. ตชด. 16 เลี้ยวไปตามถนนเส้นนี้(2407)ตรงมาเรื่อยๆ จนพบห้าแยกเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2407 ผ่านบ้านหนองคันนา ใช้ทางตรงมาเรื่อยจนพบทางแยก จะพบปราสาทตาเมือนก่อน ใกล้ๆกันนั้นมีหน่วยตระเวนชายแดนคุ้มครองนักท่องเที่ยว ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อความปลอดภัยในการเที่ยวชมปราสาท การเดินทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 219 ที่จะไปบ้านกรวด จนมาถึงแยกที่ตัดกับทางหลวงหมายเลข 224 บริเวณนิคมปราสาท อำเภอบ้านกรวด เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 224 จนถึงแยกบ้านตาเมียง แล้วไปตามเส้นทางเช่นเดียวกับข้างต้น
เทือกเขาพนมดงรัก
193
209
163
1
ปราสาทตาเมือนธม ตั้งอยู่ในอำเภอพนมดงรักจังหวัดอะไร
ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนธม ( ตาม็วนธม - ตาไก่ใหญ่) ตั้งอยู่ในช่องเขาตาเมือน (หรือช่องเขาตาเมียง) เทือกเขาพนมดงรัก ในเขตบ้านหนองคันนาสามัคคี หมู่ 8 ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานประวัติศาสตร์กลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วยปราสาทหินสามหลังเรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาเมือน ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม (ธม เป็นภาษาเขมร แปลว่า ใหญ่) ตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม ตัวปราสาทตาเมือนธม หันหน้าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก รับกับเส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้ ปราสาทตาเมือนธมประกอบด้วยปราสาทประธาน มีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน มีบรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือ มีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ ปราสาทแห่งนี้อยู่ใกล้เขตชายแดนเขมรมากที่สุด การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกลจากแนวต้นไม้รอบปราสาทเพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนักปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือน จังหวัดสุรินทร์. กลุ่มปราสาทตาเมือน ตั้งอยู่ที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามรายทางสู่เมืองพระนครของขอม ในอดีตยังไม่มีความรับรู้ในเรื่องพรหมแดนต่างประเทศ มีแต่เพียงแนวทิวเขาพนมดงรัก เป็นพรหมแดนธรรมชาติที่กั้นผู้คนสองดินแดนไว้ คนโบราณมีการ ใช้เส้นทางผ่าช่องเขาที่มีอยู่ตลอดแนว ในบางช่องเขามีการสร้างปราสาทหินขนาดเล็ก เช่น ช่องไชตะกูมีปราสาทแบแบก แต่สำหรับที่ช่องตาเมือนหรือตาเมียงนี้มีลักษณะพิเศษคือ มีปราสาทหินสามหลังอยู่ใกล้ๆกัน เรียงลำดับจากขนาดใหญ่ไปขนาดเล็ก เรียกว่ากลุ่มปราสาทตาเมือน โดยปราสาทแต่ละหลังมีขนาดและประโยชน์ที่ใช้สอยแตกต่างกันไป ปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างคร่อมโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรม อยู่ใกล้ดินแดนเขมรมากที่สุด ปราสาทแห่งนี้หันหน้าไปทางทิศใต้ ผิดแผกจากแห่งอื่นซึ่งมักจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก คงจะรับกับเส้นทางที่มาจากเขมรต่ำผ่านมาทางช่องทางตาเมือนนี้ ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งแปลตรงกับภาษาเขมรว่า ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีอาคารอื่น คือปรางค์ก่อด้วยหินทรายสองหลัง อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงเหนือของปราสาทประธาน บรรณาลัยศิลาแลงสองหลัง และนอกระเบียงคดทางทิศเหนือมีสระน้ำขนาดเล็กสองสระ เนื่องจากปราสาทแห่งนี้อยู่ใกล้เขตชายแดน การเที่ยวชมจึงควรอยู่เฉพาะภายในเขตปราสาทเท่านั้น ไม่ควรเดินออกไปไกลจากแนวต้นไม้รอบปราสาทเพราะพื้นที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนัก ปราสาทตาเมือนโต๊ด อยู่ห่างจากปราสาทตาเมือนธม ประมาณ 750 เมตร ก่อด้วยศิลาแลง มีกำแพงล้อมรอบและมีสระน้ำขนาดเล็กอยู่ทางทิศเหนือหนึ่งสระ โดยเชื่อว่าปราสาทแห่งนี้เป็นอโรคยาศาล รักษาพยาบาลของชุมชนหรือตามรายทางที่เป็นเส้นทางคมนาคม ซึ่งนิยมสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทตาเมือน(บายกรีม)อย่ห่างจากปราสาทตาเมือนโต๊ด ประมาณ 390 เมตร เป็นปราสาทที่เล็กที่สุด ก่อด้วยศิลาแลง มีลักษณะเป็นห้องยาว เชื่อว่าเป็นธรรมศาลา คือที่พักสำหรับคนเดินทาง กลุ่มปราสาทตาเมือนนี้นับได้ว่าเป็นกลุ่มปราสาทที่มีความสมบูรณ์ในด้านของการอำนวยประโยชน์ แก่ผู้คนที่ใช้เส้นทางผ่านช่องเขา ซึ่งไม่ปรากฏในถิ่นอื่น การที่มีกลุ่มปราสาทตาเมือนตั้งอยู่ในบริเวณนี้เป็นประจักษ์พยานที่แสดงให้เห็นว่า ในอดีตเส้นทางช่องเขาตาเมือนนี้คงจะมีชุมชนหรือเป็นเส้นทางผ่านช่องเขาสำคัญของภูมิภาคการเข้าชม การเข้าชม. เนื่องจากกลุ่มปราสาทนี้ตั้งอยู่ในเขตชายแดนประเทศไทย และเคยเป็นเขตอันตราย เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางเข้าชม ควรติดต่อหน่วยตำรวจตระเวนชายแดนที่ตั้งด่านอยู่ที่หมู่บ้าน การเดินทางจากจังหวัดสุรินทร์ไปทางอำเภอปราสาทตามทางหลวงหมายเลข 214 จนมาถึงทางแยกตัดกับทางหลวงหมายเลข 24 ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 24 จนถึงสามแยกบริเวณนิคมปราสาท ให้เลี้ยวซ้าย ไปตามป้ายบอกทางไปอำเภอพนมดงรัก ตามทางหลวงหมายเลข 2397 จนมาถึงแยกบริเวณ อบต. แนงมุด ให้เลี้ยวขวา ไปตามทางหลวงหมายเลข 224 จนพบป้ายบอกทางไปกลุ่มปราสาทตาเมือน ให้เลยป้ายไปอีกเล็กน้อยจนถึงแยกบ้านตาเมียง จะพบทางที่มีป้ายบอกไป ฉก. ตชด. 16 เลี้ยวไปตามถนนเส้นนี้(2407)ตรงมาเรื่อยๆ จนพบห้าแยกเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2407 ผ่านบ้านหนองคันนา ใช้ทางตรงมาเรื่อยจนพบทางแยก จะพบปราสาทตาเมือนก่อน ใกล้ๆกันนั้นมีหน่วยตระเวนชายแดนคุ้มครองนักท่องเที่ยว ควรติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่อความปลอดภัยในการเที่ยวชมปราสาท การเดินทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 219 ที่จะไปบ้านกรวด จนมาถึงแยกที่ตัดกับทางหลวงหมายเลข 224 บริเวณนิคมปราสาท อำเภอบ้านกรวด เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 224 จนถึงแยกบ้านตาเมียง แล้วไปตามเส้นทางเช่นเดียวกับข้างต้น
จังหวัดสุรินทร์
269
284
164
1
ปาเวล เนดเวตได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปีใด
ปาเวล เนดเวต ปาเวล เนดเวต (; เกิดวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1972) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวเช็กเกียที่เคยเล่นในตำแหน่งกองกลาง และเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชาวเช็กเกียที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เขาคว้าแชมป์ระดับประเทศและทวีปกับลาซีโอ ซึ่งชนะเลิศวินเนอร์สคัพสมัยสุดท้าย ส่วนในการเล่นกับยูเวนตุส เขาพาทีมเข้ารอบยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2003 เนดเวตเป็นผู้เล่นที่สำคัญคนหนึ่งของทีมชาติเช็กเกีย เขาเคยพาทีมชาติเข้าชิงชนะเลิศในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 และได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ที่เช็กเกียตกรอบรองชนะเลิศด้วยการแพ้กรีซ แต่เนดเวตก็ติดทีมยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน หลังจากนั้น เขาพาทีมชาติผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2006 นับเป็นครั้งแรกหลังจากที่เชโกสโลวะเกียแยกประเทศ ในการแข่งขัน เนดเวตมีการเล่นที่ว่องไวและกระปรี้กระเปร่า จนได้รับฉายาว่า "" ("Czech Fury") โดยแฟนชาวอิตาลี และฉายา "ปืนใหญ่ของเช็ก" โดยสื่อภาษาอังกฤษ ส่วนฉายาท้องถิ่นคือ Méďa ("หมีน้อย") เนื่องจากนามสกุลของเขาคล้ายคำว่า Medvěd ที่แปลว่าหมีในภาษาเช็ก เนดเวตได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปในปี ค.ศ. 2003 โดยเขาเป็นชาวเช็กคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ แต่เป็นครั้งแรกหลังจากการแยกประเทศของเชโกสโลวะเกีย ในช่วงการค้าแข้งของเขา เขาได้รางวัลส่วนตัวหลายรางวัล รวมไปถึงรางวัลเท้าทองคำสมัยที่สองในปี ค.ศ. 2004, นักฟุตบอลชาวเช็กยอดเยี่ยมแห่งปี (สี่สมัย) และลูกบอลทองคำ (หกสมัย) เขามีชื่อติดฟีฟ่า 100 โดยเปเล่ และติดทีมแห่งปีของยูฟ่าในปี ค.ศ. 2003, 2004 และ 2005 เขาเกษียณอาชีพหลังจบฤดูกาล 2008–09 สิ้นสุดการค้าแข้ง 19 ปี เขาลงเล่นเกมลีก 501 นัด (ยิงได้ 110 ประตู) และลงเล่นให้กับทีมชาติ 91 นัด (ยิงได้ 18 ประตู)สถิติอาชีพสโมสร สถิติอาชีพ. สโมสร. อ้างอิง: ลีก, โกปปาอีตาเลีย (ยูเวนตุส), การแข่งขันระดับทวีปยุโรป- หมายเหตุทีมชาติประตูในนามทีมชาติ ทีมชาติ. ประตูในนามทีมชาติ. อ้างอิง:เกียรติประวัติสโมสรเกียรติประวัติ. สโมสร. - สปาร์ตาปราก - เชโกสโลวักเฟิสต์ลีก: 1992–93 - เช็กเฟิสต์ลีก: 1993–94, 1994–95 - เช็กคัพ: 1996- ลาซีโอ - เซเรียอา: 1999–2000 - โกปปาอีตาเลีย: 1997–98, 1999–2000 - ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา: 1998, 2000 - ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ: 1998–99 - ยูฟ่าซูเปอร์คัพ: 1999 - ยูฟ่าคัพ: รองชนะเลิศ 1997–98- ยูเวนตุส - เซเรียอา: 2001–02, 2002–03 - ซูแปร์โกปปาอีตาเลียนา: 2002, 2003 - เซเรียบี: 2006–07 - ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: รองชนะเลิศ 2002–03 - โกปปาอีตาเลีย: รองชนะเลิศ 2001–02, 2003–04ทีมชาติทีมชาติ. - เช็กเกีย - ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป:- รองชนะเลิศ: 1996 - รอบรองชนะเลิศ: 2004 - ฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ:- อันดับที่สาม: 1997ส่วนตัวส่วนตัว. - ลูกบอลทองคำ: 1998, 2000, 2001, 2003, 2004, 2009 - Největší Čech (รายนามชาวเช็กที่ยิ่งใหญ่): อันดับที่ 41 - นักฟุตบอลชาวเช็กแห่งปี: 1998, 2000, 2003, 2004 - ทีมแห่งปีของสื่อกีฬายุโรป: 2000–01, 2002–03 - นักกีฬาแห่งปีของเช็กเกีย: 2003 - นักฟุตบอลแห่งปีของเซเรียอา: 2003 - นักฟุตบอลต่างประเทศแห่งปีเซเรียอา: 2003 - กองกลางแห่งปีของสโมสรยูฟ่า: 2002–03 - ผู้เล่นแห่งปีของเวิลด์ซอกเกอร์: 2003 - นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป: 2003 - ทีมแห่งปีของยูฟ่า: 2003, 2004, 2005 - ทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: 2004 - เท้าทองคำ: 2004 - ฟีฟ่า 100: 2004 - รางวัลฟุตบอลระหว่างประเทศเอฟเอไอ – International Personality: 2012 - สุดยอดทีมแห่งปีของยูฟ่า (ตัวสำรอง; เผยแพร่ในปี ค.ศ. 2015)
2004
612
616
165
1
บ้านเกิดของซานเตียโก กาลาตราบา บัลส์ อยู่ที่เมืองใดของประเทศสเปน
ซานเตียโก กาลาตราบา ซานเตียโก กาลาตราบา บัลส์ (บาเลนเซีย: Santiago Calatrava Valls) เป็นทั้งสถาปนิก วิศวกรโครงสร้าง และประติมากรชาวสเปน เกิดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1951 ในเมืองเบนีมาเมต ประเทศสเปนการศึกษา การศึกษา. กาลาตราบาเรียนโรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาที่บาเลนเซีย นอกจากนี้ยังเข้าเรียนในโรงเรียนวิจิตรศิลป์เพื่อเตรียมความรู้เกี่ยวกับการวาดรูปตั้งแต่อายุ 8 ปี จากนั้นจึงเข้าศึกษาปริญญาตรีในสาขาสถาปัตยกรรมที่สำนักวิชาสถาปัตยกรรมแห่งมหาวิทยาลัยสารพัดช่างบาเลนเซีย และศึกษาต่อในด้านการผังเมืองที่นี่ด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1975 เขาก็เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมโยธาที่สถาบันเทคโนโลยีสวิสที่เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และในปี ค.ศ. 1981 หลังจากเสร็จจากการทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อโครงสร้างรับแรงแบบ Space Frames กาลาตราบาก็เริ่มอาชีพสถาปนิกพร้อมทั้งวิศวกรของเขาชีวิตการทำงาน ชีวิตการทำงาน. ชีวิตการทำงานเริ่มแรกของกาลาตราบามักจะเป็นงานเกี่ยวกับการสร้างสะพานและสถานีรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ตัวของกาลาตราบาเองสามารถพัฒนาความรู้และความสามารถทางวิศวกรรมโยธายิ่งขึ้นไปอีก งานสถาปัตยกรรมที่เป็นจุดเปลี่ยนแปลงในอาชีพของเขาคือ หอการสื่อสารมุนชูอิก (Montjuic Communications Tower) ปี ค.ศ. 1991 ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 1992 ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน และนี่ทำให้เขาได้รับการยกย่องและสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง อีกทั้งยังทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสถาปนิกออกแบบในโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย ในปี ค.ศ. 2001 กาลาตราบาได้ออกแบบอาคารในสหรัฐอเมริกาอาคารแรกของเขา ซึ่งก็คือ ศาลากวาดรัชชี (Quadracci Pavilion) ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกีที่ทะเลสาบมิชิแกนในรัฐวิสคอนซิน กาลาตราบาได้แรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนไหวของสัตว์ เช่น นกและปลาวาฬ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้งานสถาปัตยกรรมของเค้านั้นโดดเด่น มีกลไกเคลื่อนไหวเข้ามาผสมผสาน เกิดเป็นประติมากรรมชิ้นเยี่ยม อีกทั้งตัวตึกยังมีโครงสร้างที่น่าตื่นตาที่เกิดจากการออกแบบอย่างแยบยล นำเทคโนโลยีการก่อสร้างชั้นสูง รวมทั้งงานก่อสร้างที่ต้องใช้ความพิถีพิถันจากช่างฝีมือมากประสบการณ์ กาลาตราบาเริ่มงานออกแบบตึกสูง ซึ่งก็คือตึกบิดที่มีชื่อว่า เทิร์นนิงทอร์โซ (Turning Torso) ตั้งอยู่ที่เมืองมัลเมอ ประเทศสวีเดน ซึ่งนับว่าเป็นอาคารที่สูงสุดในแถบสแกนดิเนเวีย ด้วยความสูง 190 เมตร 54 ชั้น และนับว่าเป็นอาคารพักอาศัยที่สูงเป็นอันดับสองในยุโรป เทิร์นนิงทอร์โซเปรียบได้กับงานประติมากรรมซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์ การบิดเอี้ยวแล้วจึงก่อนพัฒนาขึ้นมาเป็นรูปร่างซึ่งประกอบกันด้วยอาคารสำนักงานที่อยู่ส่วนล่างครอบคลุมชั้น 1-2 และชั้นที่ 3 ถึง 9 เป็นอพาร์ตเมนต์หรูจำนวน 147 ยูนิต 2 ชั้นบนสุด เป็นห้องประชุมสัมมนา งานสถาปัตยกรรมชิ้นล่าสุดที่กาลาตราบากำลังออกแบบอยู่คือสถานีขนส่งเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ที่กราวนด์ซีโร นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กาลาตราบานับได้ว่าเป็นสถาปนิกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สถาปัตยกรรมของเขาเกิดจากผสมผสานที่ลงตัวของเส้นสายสถาปัตยกรรมและโครงสร้างที่น่าทึ่งซึ่งเกิดจากพื้นฐานวิศวกรรมของเขา การศึกษารูปแบบของการเคลื่อนไหวในธรรมชาติ ทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ และนำมาใช้ประยุกต์ในสถาปัตยกรรม ผลงานของซานเตียโก กาลาตราบาเรียกได้ว่าเป็นงานที่มีรูปแบบที่แตกต่าง แปลกใหม่ และมีความเป็นตัวเองผลงานงานที่สร้างเสร็จแล้วผลงาน. งานที่สร้างเสร็จแล้ว. - ค.ศ. 1903 สะพานทรินิตี เป็นสะพานเดินข้ามแม่น้ำเนวา เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย - สะพานอาลาเมดาและสถานีรถไฟใต้ดิน, บาเลนเซีย ประเทศสเปน - ค.ศ. 1983-1984 โกดังเหล็กยาเคม, มึนช์วีเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1983-1985 โกดังแอร์นสทิง, โคสเฟลด์ ประเทศเยอรมนี - ค.ศ. 1983-1988 โรงเรียนมัธยมโวเลิน, โวเลิน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1983-1990 สถานีรถไฟชตาเดลโฮเฟิน, ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1983-1989 ลูเซิร์นสเตชันฮอลล์, ลูเซิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1984-1987 สะพานบักเดโรดา, บาร์เซโลนา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1984-1988 ศูนย์ชุมชนบาเรนมัทเทอ, ซูร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1986-1987 โรงละคร Tabourettli, บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ - ค.ศ. 1987-1992 ลานกลางอาคารบีซีอีเพลซ, โทรอนโต ประเทศแคนาดา - ค.ศ. 1989-1994 สถานีรถไฟลียง-แซงเตกซูเปรี, ลียง ประเทศฝรั่งเศส - ค.ศ. 1992 (สะพาน) ปูเอนเตเดลอาลามีโย, เซบียา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1992 (สะพาน) ปูเอนเดลูซีตาเนีย, เมรีดา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1992 หอการสื่อสารมุนชูอิกที่วงแหวนโอลิมปิก, บาร์เซโลนา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1992 ศาลาคูเวตในเวิลด์แฟร์, เซบียา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1994 (สะพาน) โอเบอร์เบาม์บรึคเคอ, เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี (บูรณะใหม่) - ค.ศ. 1994-1997 สะพานกัมโปโบลันติน, บิลบาโอ ประเทศสเปน - ค.ศ. 1996-2009 นครศิลปะและวิทยาศาสตร์, เมืองนเซีย ประเทศสเปน - ค.ศ. 1996 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติเตเนรีเฟ, ซานตากรุซเดเตเนรีเฟ หมู่เกาะคะเนรี ประเทศสเปน - ค.ศ. 1998 (สถานีขนส่ง) การีดูโอรีเองตี, ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส - ค.ศ. 1998 (สะพาน) ปูเอนเตเดลามูเคร์, บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา - ค.ศ. 2000 อาคารผู้โดยสารแห่งใหม่ ท่าอากาศยานบิลบาโอ, บิลบาโอ ประเทศสเปน - ค.ศ. 2001 ศาลากวาดรัชชีในพิพิธภัณฑ์ศิลปะมิลวอกี, มิลวอกี สหรัฐอเมริกา - ค.ศ. 2003 สะพานเจมส์ จอยซ์, ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ - ค.ศ. 2003 หอประชุมเตเนรีเฟ, ซานตากรุซเดเตเนรีเฟ ประเทศสเปน - ค.ศ. 2004 เอเธนส์โอลิมปิกสปอตส์คอมเพลกซ์, เอเธนส์ ประเทศกรีซ (ปรับรูปแบบ) - ค.ศ. 2004 สะพานซันเดียลที่อ่าวเทอร์เทิล, เรดดิง รัฐแคลิฟอร์เนีย ประสหรัฐอเมริกา - ค.ศ. 2004 สะพานข้ามคลอง 3 แห่งที่ฮาร์เลมเมอร์เมร์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ - ค.ศ. 2004 (ห้องสมุด) บีบลีโอเทคไซน์เบา มหาวิทยาลัยซูริก, ซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ปรับรูปแบบ) - ค.ศ. 2005 สะพานเชื่อมศูนย์การค้าโอนาฟและศูนย์การแพทย์ราบิน, เปตะห์ติกวา ประเทศอิสราเอล - ค.ศ. 2005 เทิร์นนิงทอร์โซ, มัลเมอ ประเทศสวีเดน - ค.ศ. 2007 สะพาน 3 แห่งบนทางพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข A1 และทางรถไฟความเร็วสูง, เรจโจเอมีเลีย ประเทศอิตาลี - ค.ศ. 2008 เยรูซาเลมคอดส์บริดจ์ สะพานทางรถไฟก่อนเข้ากรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล - ค.ศ. 2008 ปอนเตเดลลากอสตีตูซีโอเน สะพานเดินเท้าข้ามคลองใหญ่, เวนิส ประเทศอิตาลี - ค.ศ. 2009 สถานีรถไฟลีแยช-กีเยอแมง, ลีแยช ประเทศเบลเยียม - ค.ศ. 2009 สะพานซามูเอล เบกเคตต์, ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์งานที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างงานที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง. - สถานีขนส่งเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา - แอตแลนตาซิมโฟนีเซนเตอร์, แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา - ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม, โอเบียโด ประเทศสเปน - ชิคาโกสไปร์ ด้วยความสูง 2,000 ฟุต (610 เมตร) ซึ่งจะถือได้ว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในอเมริกาเหนือ คาดว่าจะสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 2012 - สะพานมาร์กาเรตฮันต์ฮิลล์, แดลลัส รัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา - สถานีรถไฟเมดีโอปาดานา, เรจโจเอมีเลีย ประเทศอิตาลี - มหาวิทยาลัยมาสทริชท์ (วิทยาเขต), มาสทริชท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ - โรงอุปรากรเมืองปัลมาเดมายอร์กา ประเทศสเปน - ตึกสูงกลางน้ำบนแม่น้ำลิฟฟีย์ ดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ - กาคามาดริดโอเบลิสก์, มาดริด ประเทศสเปน - สะพานสันติภาพ, แคลกะรี ประเทศแคนาดา - สถานีรถไฟแห่งใหม่ในเมืองมงส์ ประเทศเบลเยียม - สถานีรถไฟและสะพานอีก 2 แห่ง ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ สหรัฐอเมริกา - (พิพิธภัณฑ์) มูเซวดูอามันยัง, รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลรางวัลและเกียรติคุณ รางวัลและเกียรติคุณ. ซานเตียโก กาลาตราบาถือได้ว่าเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงได้รับการยกย่องและกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในวงการสถาปนิกระดับโลก เขาได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายดังต่อไปนี้- ค.ศ. 1979 รางวัลออกูสต์ แปเร (Auguste Perret Award) - ค.ศ. 1990 รางวัล Médaille d´Argent de la Recherche et de la Technique ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส - ค.ศ. 1992 เหรียญทองเกียรติยศ จากสถาบันวิศวกรโครงสร้างแห่งลอนดอน (London Institution of Structural Engineers) - ค.ศ. 1993 รางวัลงานออกแบบชุมชนเมือง เทศบาลนครโทรอนโต - ค.ศ. 1996 เหรียญทองเกียรติยศสาขางานวิจิตรศิลป์ยอดเยี่ยม จากกระทรวงวัฒนธรรม ที่เมืองกรานาดา ประเทศสเปน - ค.ศ. 1999 รางวัลเจ้าชายแห่งอัสตูเรียส (Prince of Asturias Award) สาขาศิลปกรรมศาสตร์ - ค.ศ. 2000 รางวัลแอลเกอร์ เอช. เมโดวส์ (Algur H. Meadows Award) จากสำนักวิชาศิลปศาสตร์เมโดวส์ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นเมโทดิสต์ - ค.ศ. 2004 เหรียญทองเกียรติยศจากสถาบันสถาปนิกอเมริกัน - ค.ศ. 2005 เหรียญทองเกียรติยศจากสถาบันสถาปนิกอเมริกัน - ค.ศ. 2006 รางวัลยูจีน แมกเดอร์มอตต์ (Eugene McDermott Award) จากสภาศิลปศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ในวงการศิลปะของสหรัฐอเมริกา - ค.ศ. 2006 ปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากสถาบันสารพัดช่างเรนส์เลียร์ - ค.ศ. 2006 ได้รับการแต่งตั้งเป็น Global Leader for Tomorrow จากเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัมในเมืองดาวอส - ค.ศ. 2006 ปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย - ค.ศ. 2007 รางวัลสถาปัตยกรรมแห่งชาติสเปนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เสียงวิพากษ์วิจารณ์. งานของกาลาตราบาที่เมืองบิลบาโอ ประเทศสเปน ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่ไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานจริงเท่าที่ควร ตัว สนามบินขาดความสะดวกและพื้นที่เป็นกระเบื้องกระจกก็มีความลื่นเกินไปในสภาพอากาศของเมืองบิลบาโอ กาลาตราบายังเป็นผู้วางโครงการสร้างสะพานข้ามคลองใหญ่ () ที่เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี ซึ่งเริ่มในปี ค.ศ. 1996 แต่ในปี ค.ศ. 2007 โครงการนี้ก็ยังไม่เสร็จเนื่องจากแบบของโครงสร้างได้ถูกเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้สะพานมีน้ำหนักไม่มากเกินไป เพราะจะทำให้ฝั่งคลองยุบลงได้ ในช่วง 10 ปีมานี้ได้มีการเปลี่ยนที่ปรึกษาทางวิศวกรรมถึง 8 บริษัท และจากการที่งานเสร็จล่าช้าทำให้งบประมาณของโครงการเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากงบประมาณเดิม โครงการนี้สร้างเสร็จในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008
เมืองเบนีมาเมต
270
284
166
1
ใครเป็นผู้ประพันธ์เรื่อง พี่น้อง 2 เลือด ซึ่งได้นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์
พี่น้อง 2 เลือด พี่น้อง 2 เลือด บทประพันธ์โดย ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ โดยค่าย บริษัท อาร์.เอส. จำกัด บทโทรทัศน์โดย กำกับการแสดงโดย กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์เรื่องย่อรายชื่อนักแสดงและการสร้างเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - พ.ศ. 2548 - เพลง ปาฎิหาริย์ครั้งสุดท้าย - ขับร้องโดย แดน-บีม - เพลง คำเดียวกัน - ขับร้องโดย แดน-บีม
ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ
137
157
167
1
เพลงชื่อ คำเดียวกัน ซึ่งเป็นเพลงประกอบละครเรื่องพี่น้อง 2 เลือดเมื่อปีพ.ศ.2548 ขับร้องโดยใคร
พี่น้อง 2 เลือด พี่น้อง 2 เลือด บทประพันธ์โดย ปาณรวัฐ กิตติกรเจริญ ถูกนำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ โดยค่าย บริษัท อาร์.เอส. จำกัด บทโทรทัศน์โดย กำกับการแสดงโดย กรัณย์ คุ้มอนุวงศ์เรื่องย่อรายชื่อนักแสดงและการสร้างเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - พ.ศ. 2548 - เพลง ปาฎิหาริย์ครั้งสุดท้าย - ขับร้องโดย แดน-บีม - เพลง คำเดียวกัน - ขับร้องโดย แดน-บีม
แดน-บีม
446
453
168
1
บิดาของนิกิต้า เซเกรเยวิช ครุชชอฟ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตมีชื่อว่าอะไร
นีกีตา ครุชชอฟ นีกีตา เซียร์เกเยวิช ครุชชอฟ (; 17 เมษายน ค.ศ. 1894 - 11 กันยายน ค.ศ. 1971) เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต สืบทอดตำแหน่งต่อจากโจเซฟ สตาลิน ซึ่งได้ถึงแก่อสัญกรรมในปี 1953 ประธานสภารัฐมนตรีแห่งสหภาพโซเวียต สืบทอดตำแหน่งต่อจากนิโคไล บัลกานินประวัติ ประวัติ. นิกิต้า เซเกรเยวิช ครุชชอฟ เกิดเมื่อ 15 เมษายน ค.ศ. 1894 ในครอบครัวของแรงงานขุดเหมืองแร่ ในหมู่บ้าน คาลินอฟกา ในยุคจักรวรรดิรัสเซียใกล้กับพรมแดนยูเครนปัจจุบัน พ่อของเขาชื่อ เซอร์เกย์ ครุชชอฟ นิโกโนโรวิช และแม่ชื่อ เคสิเนีย อิวาโนว่า ครุชชอฟได้เรียนหนังสือแค่สี่ปี และต้องทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี เริ่มจากการทำงานเป็นคนเก็บผลไม้ ค.ศ. 1908 ตอนอายุได้ 14 ปี ครอบครัวย้ายไปทำเหมืองใกล้ๆ กับเมืองยุซอฟก้า (Yuzovka) มันเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่เจริญแห่งหนึ่งของประเทศ ครุเซฟทำงานหลายแห่ง กอ่นที่จะได้ทำงานในโรงงานเหล็ก แต่ไม่นานก็ถูกไล่ออก และได้งานใหม่ที่เหมืองถ่านหินใกล้กับเมืองรุตเชนโกโว่ ค.ศ. 1914 ตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาได้รับการยกเว้นไม่ต้องโดนเกณฑ์ทหาร เนื่องจากเป็นแรงงานที่เชี่ยวชาญเรื่องเหล็ก ทำให้มีโรงงานจ้างเขาเอาไว้ ซึ่งโรงงานดังกล่าวต้องทำงานส่งให้เหมืองหลายสิบแห่ง ค.ศ. 1918 เข้าเป็นสมาชิกของพรรคบอลเชวิค แต่ก็ยังคงทำงานในเหมืองถ่านหินต่อไป และก็เข้าเรียนหนังสือที่นิคมอุตสาหกรรมโดเนตส์ เขาทำงานให้กับพรรคในพื้นที่ของเมืองเคียฟและดอนบาส์ส ค.ศ. 1920 ครุชชอฟรู้จักกับหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ในยูเครนคือ ลาซาร์ คากาโนวิช นิสัยของครุชชอฟสร้างความประทับใจให้กับคากาโนวิชมาก ต่อมาเขาจึงเป็นผู้สนับสนุนให้ครุชชอฟมาเรียนหนังสือต่อในมอสโคว ครุชชอฟอยู่ในกองทัพแดงในแถบเมืองรุตเชนโกโว่ จนได้รับเลือกเป็นคณะกรรมการฝ่ายการเมืองของหน่วย 1974 ไรเฟิลที่ 9 ค.ศ. 1931 ครุชชอฟได้เข้าเป็นสมาชิกและทำงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ในมอสโก จนกระทั่งปี 1938 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการที่หนึ่งแห่งพรรคคอมมิวนิสต์ยูเครน ค.ศ. 1943 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขามีบทบาทอย่างมากในฐานะนายทหารระดับสูง จนเมื่อสงครามโลกยุติ ก็มีบทบาทสำคัญในรัฐบาลยูเครน จนธันวาคม 1949 ก็ได้ย้ายจากยูเครนกลับมายังมอสโกหลังการอสัญกรรมของสตาลิน หลังการอสัญกรรมของสตาลิน. ปี ค.ศ. 1953 หลังการถึงแก่อสัญกรรมของสตาลินในวันที่ 5 พฤษภาคม 1953 ลัฟเรนตีย์ เบรียา (Lavrenti Beria) หัวหน้าหน่วยตำรวจลับของสตาลิน ได้ขึ้นป็นรองประธานสภารัฐมนตรีดำดับที่หนึ่ง และรัฐมนตรีกิจการภายในในทันที ถือเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโซเวียต หลังจากนั้นหนึ่งวัน พันธมิตรของครุสซอฟ กอร์กี มาเลนคอฟ ได้กลายเป็นประธานสภารัฐมนตรีหุ่นเชิด และเบเรียครองอำนาจทุกอย่าง เบเรียมีนโยบายที่จะออกจากเยอรมันตะวันออกและหันไปญาติดีกับสหรัฐ ทำให้คณะกรรมการพรรคหลายคนไม่พอใจ และไม่ไว้ใจในตัวเบเรีย โดยเฉพาะครุชชอฟ เป็นคนที่ต่อต้านเบเรียอย่างเปิดเผย แต่ว่าไม่สามารถทำอะไรเบเรียได้ จนกระทั่งเมื่อเกิดการลุกฮือของประชาชนในเยอรมันตะวันออกในเดือนมิถุนายน สมาชิกพรรคหลายคนกังวลว่านั้นเป็นนโยบายที่ผิดพลาดและจะทำลายโซเวียต นั้นทำให้มาเลนคอฟหันไปช่วยเหลือครุชชอฟ ครุชชอฟทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากเบเรียทำให้เบเรียถูกจับตัวได้วันที่ 26 มิถุนายน 1953หลังจากนั้น ในเดือนกันยายน 1953 ครุสซอฟจึงได้รับแต่งตั้ง ให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งโซเวียต และในปี 1958 ก็ได้ควบตำแหน่งประธานสภารัฐมนตรี ต่อมาครุฟชอฟก็ได้ทำให้โลกต้องตกตะลึงด้วยการผ่อนคลายความเข้มงวดในระบบสตาลินลง พร้อมทั้งประณามขุดคุ้ยความโหดร้ายของสตาลิน ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายคนเก่าของเขา จนในที่สุดทุกๆ ที่ที่มีรูปปั้นสตาลินจะถูกทุบทิ้งจนหมด เพลงชาติที่มีชื่อสตาลินก็ถูกลบออก ศพของสตาลินก็ย้ายจากข้าง ๆ วลาดิมีร์ เลนิน ไปฝังอยู่ในกำแพงเครมลิน แต่ว่าการประณามสตาลินในครั้งนั้นทำให้ประธานเหมา เจ๋อตุงผู้นำของประเทศจีนเกิดไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะเขาได้ยึดถือลัทธิการเชิดชูวีรบุรุษก็คือประธานเหมาได้เอาสตาลินมาเทียบเท่ากับตน ทำให้การประณามของครุฟชอฟนั้นมากระทบถึงประธานเหมาทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหภาพโซเวียตตกต่ำลงจนทำให้เกิดความขัดแย้งกันของทั้งสองประเทศในเวลาต่อมา จนกระทั่งทำให้เกิดการแบ่งแยกอุดมการณ์ของลัทธิคอมมิวนิสต์ขึ้นออกมาสองแบบคือ อุดมการณ์ลัทธิคอมมิวนิสต์แบบผสมรวมกับระบบทุนนิยมของรัสเซียและอุดมการณ์ลัทธิคอมมิวนิสต์แบบดั้งเดิม (คือรักษาระบบนารวมเอาไว้) ของจีน การแตกแยกครั้งนี้ส่งผลให้ แอลบาเนีย กัมพูชา และโซมาเลีย เลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับจีนแทนโซเวียต แม้ครุชชอฟจะดำเนินนโยบายเน้นสันติภาพ และพยายามผ่อนคลายสงครามเย็น แต่เขาก็ดำเนินนโยบายทางการเมืองผิดพลาดหลายครั้ง อาทิ วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา ในปี ค.ศ. 1962 ได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโซเวียตกับสหรัฐอเมริกาตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังส่งทหารเข้าไปยังโปแลนด์และในฮังการีเพื่อสนับสนุนการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ ในที่สุดเขาก็ถูกยึดอำนาจโดยคณะกรรมาธิการเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ (Committee for State Security หรือ KGB) นำโดย เลโอนิด เบรจเนฟ และ อะเลคเซย์ โคซีกิน ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1964 หลังจากนั้นครุชอฟได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขในกรุงมอสโกด้วยเงินบำนาญและเสียชีวิตในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1971 รวมอายุได้ทั้งหมด 77 ปี
เซอร์เกย์ ครุชชอฟ นิโกโนโรวิช
547
576
169
1
อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ หรือชื่อเล่น ลูกศร ศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอะไร
อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ ชื่อเล่น ลูกศร เป็นนักแสดง และ นางแบบ ชาวไทย เข้าสู่วงการด้วยการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2544ประวัติ ประวัติ. อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ (อ่านว่า: ออน-สะ-สิ-พัด) ชื่อเล่น ลูกศร (ชื่อเดิม : สุภัสสร มามีเกตุ, สุภัสรา มามีเกตุ ตามลำดับ) เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2524 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เธอเป็นดาราและนางแบบชาวไทย และเป็นอดีตนักแสดง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนที่เธอจะเข้าวงการนักแสดงนั้น เธอเคยผ่านเวทีประกวด มิสมอเตอร์โชว์ เมื่อปี 2542 และเธอยังได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 เข้ารอบ 12 คนสุดท้ายของเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2544 อีกด้วย ผลงานโด่งดังของเธอคือละครเรื่อง "หมอผีไซเบอร์" รับบทเป็น นางตานี เธอเคยมีข่าวกับพระเอก "วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์" และเธอเริ่มหายไปจากวงการ เพราะเธอไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นเอง และเธอกลับมาเปิดธุรกิจลงทุนเปิดร้านกาแฟและร้านสปาเท้า ย่านเหม่งจ๋าย ปัจจุบันกลับมาแสดงละครแล้ว โดยมีผลงานล่าสุดคือละครจักรๆวงค์ๆเรื่อง แก้วหน้าม้า ทางช่อง 7 การศึกษา- ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ - ระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย - สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7ละคร จักรๆวงศ์ๆการแสดงรับเซิญการแสดงรับเซิญ. - ละครชีวิตจริง 84,000 ตอน “คนส่งวิญญาณ” (ช่อง 5) - ฟ้ามีตา ตอน แม่ค้าปลาร้า รับบท สมร - ฟ้ามีตา ตอน ความในห้องเล็ก รับบท แพรว - ฟ้ามีตา ตอน เรื่องเล็กน้อยภาพยนตร์ภาพยนตร์. - ๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู รับบทเป็น สายหยุด (พ.ศ. 2560)
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
498
520
170
1
อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ แสดงบทอะไรในละครเรื่อง หมอผีไซเบอร์
อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ ชื่อเล่น ลูกศร เป็นนักแสดง และ นางแบบ ชาวไทย เข้าสู่วงการด้วยการประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2544ประวัติ ประวัติ. อรศศิพัชร์ มามีเกตุรัตน์ (อ่านว่า: ออน-สะ-สิ-พัด) ชื่อเล่น ลูกศร (ชื่อเดิม : สุภัสสร มามีเกตุ, สุภัสรา มามีเกตุ ตามลำดับ) เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2524 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เธอเป็นดาราและนางแบบชาวไทย และเป็นอดีตนักแสดง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ก่อนที่เธอจะเข้าวงการนักแสดงนั้น เธอเคยผ่านเวทีประกวด มิสมอเตอร์โชว์ เมื่อปี 2542 และเธอยังได้ตำแหน่งรองอันดับ 2 เข้ารอบ 12 คนสุดท้ายของเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปี 2544 อีกด้วย ผลงานโด่งดังของเธอคือละครเรื่อง "หมอผีไซเบอร์" รับบทเป็น นางตานี เธอเคยมีข่าวกับพระเอก "วี-วีรภาพ สุภาพไพบูลย์" และเธอเริ่มหายไปจากวงการ เพราะเธอไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นเอง และเธอกลับมาเปิดธุรกิจลงทุนเปิดร้านกาแฟและร้านสปาเท้า ย่านเหม่งจ๋าย ปัจจุบันกลับมาแสดงละครแล้ว โดยมีผลงานล่าสุดคือละครจักรๆวงค์ๆเรื่อง แก้วหน้าม้า ทางช่อง 7 การศึกษา- ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ - ระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย - สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7ละคร จักรๆวงศ์ๆการแสดงรับเซิญการแสดงรับเซิญ. - ละครชีวิตจริง 84,000 ตอน “คนส่งวิญญาณ” (ช่อง 5) - ฟ้ามีตา ตอน แม่ค้าปลาร้า รับบท สมร - ฟ้ามีตา ตอน ความในห้องเล็ก รับบท แพรว - ฟ้ามีตา ตอน เรื่องเล็กน้อยภาพยนตร์ภาพยนตร์. - ๔๐๐ นักรบ ขุนรองปลัดชู รับบทเป็น สายหยุด (พ.ศ. 2560)
นางตานี
891
898
171
1
ปลานกกระจอกเป็นวงศ์ของปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร
วงศ์ปลานกกระจอก ปลานกกระจอก หรือ ปลาบิน () เป็นวงศ์ของปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Exocoetidae มีลักษณะโดยรวม คือ มีลำตัวยาวมาก ค่อนข้างกลม จะงอยปากสั้นทู่สั้นกว่าตา ปากเล็ก ไม่มีฟัน ไม่มีก้านครีบแข็งที่ทุกครีบ ครีบหูขยายใหญ่ยาวถึงครีบหลัง ครีบท้องขยายอยู่ในตำแหน่งท้อง ครีบหางมีแพนล่างยาวกว่าแพนบน ครีบหางเว้าลึกแบบส้อม เส้นข้างลำตัวอยู่ค่อนลงทางด้านล่างของลำตัว เกล็ดเป็นแบบขอบบางไม่มีขอบหยักหรือสาก หลุดร่วงง่าย จัดเป็นปลาทะเลขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ไม่เกิน 30 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก โดยพบในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งพอสมควร ส่วนใหญ่มีลำตัวสีเขียว หรือสีน้ำเงินหม่น ข้างท้องสีขาวเงิน เป็นปลาที่มีลักษณะเด่น คือ นิยมอยู่รวมกันเป็นฝูงและหากินบริเวณผิวน้ำ มีความคล่องแคล่วว่องไว มีจุดเด่น คือ เมื่อตกใจหรือหนีภัยจะกระโดดได้ไกลเหมือนกับร่อนหรือเหินไปในอากาศเหมือนนกบิน ซึ่งอาจไกลได้ถึง 30 เมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของตัวปลาและจังหวะ อันเป็นที่มาของชื่อ โดยใช้ครีบอกหรือครีบหูที่มีขนาดใหญ่มากเป็นตัวพยุงช่วย ในขณะที่บางชนิดมีครีบก้นที่มีขนาดใหญ่ร่วมด้วย ปลานกกระจอกเมื่อกระโดดอาจกระโดดได้สูงถึง 7-10 เมตร ด้วยความเร็วประมาณ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถอยู่บนกลางอากาศได้นานอย่างน้อย 10 วินาที วางไข่ไว้ใต้กอวัชพืชหรือขยะที่ลอยตามกระแสน้ำ เพื่อให้เป็นที่พำนักของลูกปลาเมื่อฟักแล้ว เนื่องจากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พบมากกว่า 50 ชนิดทั่วโลก แบ่งออกเป็น 8 สกุล (ดูในตาราง) เป็นปลาที่ขี้ตื่นตกใจ และตายง่ายมากเมื่อพ้นน้ำการนำมาเป็นอาหาร การนำมาเป็นอาหาร. ไข่ปลานกกระจอกมีลักษณะเม็ดเล็กจำนวนมากสีส้ม ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาเป็นอาหาร เช่น ซูชิหน้าไข่ปลา ด้วยไข่มีลักษณะเล็กและสีส้ม จึงมักมีความเข้าใจผิดกันว่าเป็นไข่กุ้ง ที่เกาะหลันหยู หรือ เกาะกล้วยไม้ ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน ชาวเตาซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองที่นั่นมีวิถีชีวิตผูกพันกับปลานกกระจอกอย่างมาก จนเกิดเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลานกกระจอกมากมาย และตามถนนหนทางจะพบประติมากรรมรูปปลานกกระจอกเสมอ ๆ ชาวเตาจะจับปลานกกระจอกด้วยวิธีการพายเรือออกจับในเวลากลางคืน โดยใช้แสงไฟเป็นตัวล่อ และจับด้วยสวิง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เมื่อได้มาแล้วจะนิยมนำมาทำเป็นปลาแห้ง โดยตากแดดนาน 3 วัน และเก็บไว้ในที่แห้งอีก 3 คืน เพื่อให้เนื้อปลาแห้งสนิท เมื่อปรุงนิยมนำไปต้ม
Exocoetidae
190
201
172
1
ไข่ปลานกกระจอกมีลักษณะเป็นสีส้มเม็ดเล็ก ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาทำเป็นอาหารอะไร
วงศ์ปลานกกระจอก ปลานกกระจอก หรือ ปลาบิน () เป็นวงศ์ของปลากระดูกแข็งวงศ์หนึ่ง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Exocoetidae มีลักษณะโดยรวม คือ มีลำตัวยาวมาก ค่อนข้างกลม จะงอยปากสั้นทู่สั้นกว่าตา ปากเล็ก ไม่มีฟัน ไม่มีก้านครีบแข็งที่ทุกครีบ ครีบหูขยายใหญ่ยาวถึงครีบหลัง ครีบท้องขยายอยู่ในตำแหน่งท้อง ครีบหางมีแพนล่างยาวกว่าแพนบน ครีบหางเว้าลึกแบบส้อม เส้นข้างลำตัวอยู่ค่อนลงทางด้านล่างของลำตัว เกล็ดเป็นแบบขอบบางไม่มีขอบหยักหรือสาก หลุดร่วงง่าย จัดเป็นปลาทะเลขนาดเล็ก มีความยาวเต็มที่ไม่เกิน 30 เซนติเมตร พบกระจายพันธุ์ในทะเลเขตร้อนและเขตอบอุ่นทั่วโลก โดยพบในทะเลที่ห่างจากชายฝั่งพอสมควร ส่วนใหญ่มีลำตัวสีเขียว หรือสีน้ำเงินหม่น ข้างท้องสีขาวเงิน เป็นปลาที่มีลักษณะเด่น คือ นิยมอยู่รวมกันเป็นฝูงและหากินบริเวณผิวน้ำ มีความคล่องแคล่วว่องไว มีจุดเด่น คือ เมื่อตกใจหรือหนีภัยจะกระโดดได้ไกลเหมือนกับร่อนหรือเหินไปในอากาศเหมือนนกบิน ซึ่งอาจไกลได้ถึง 30 เมตร ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของตัวปลาและจังหวะ อันเป็นที่มาของชื่อ โดยใช้ครีบอกหรือครีบหูที่มีขนาดใหญ่มากเป็นตัวพยุงช่วย ในขณะที่บางชนิดมีครีบก้นที่มีขนาดใหญ่ร่วมด้วย ปลานกกระจอกเมื่อกระโดดอาจกระโดดได้สูงถึง 7-10 เมตร ด้วยความเร็วประมาณ 65 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถอยู่บนกลางอากาศได้นานอย่างน้อย 10 วินาที วางไข่ไว้ใต้กอวัชพืชหรือขยะที่ลอยตามกระแสน้ำ เพื่อให้เป็นที่พำนักของลูกปลาเมื่อฟักแล้ว เนื่องจากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พบมากกว่า 50 ชนิดทั่วโลก แบ่งออกเป็น 8 สกุล (ดูในตาราง) เป็นปลาที่ขี้ตื่นตกใจ และตายง่ายมากเมื่อพ้นน้ำการนำมาเป็นอาหาร การนำมาเป็นอาหาร. ไข่ปลานกกระจอกมีลักษณะเม็ดเล็กจำนวนมากสีส้ม ชาวญี่ปุ่นนิยมนำมาเป็นอาหาร เช่น ซูชิหน้าไข่ปลา ด้วยไข่มีลักษณะเล็กและสีส้ม จึงมักมีความเข้าใจผิดกันว่าเป็นไข่กุ้ง ที่เกาะหลันหยู หรือ เกาะกล้วยไม้ ทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน ชาวเตาซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองที่นั่นมีวิถีชีวิตผูกพันกับปลานกกระจอกอย่างมาก จนเกิดเป็นตำนานหรือเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลานกกระจอกมากมาย และตามถนนหนทางจะพบประติมากรรมรูปปลานกกระจอกเสมอ ๆ ชาวเตาจะจับปลานกกระจอกด้วยวิธีการพายเรือออกจับในเวลากลางคืน โดยใช้แสงไฟเป็นตัวล่อ และจับด้วยสวิง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญพอสมควร เมื่อได้มาแล้วจะนิยมนำมาทำเป็นปลาแห้ง โดยตากแดดนาน 3 วัน และเก็บไว้ในที่แห้งอีก 3 คืน เพื่อให้เนื้อปลาแห้งสนิท เมื่อปรุงนิยมนำไปต้ม
ซูชิหน้าไข่ปลา
1,566
1,580
173
1
ผู้ที่ตั้งวงศ์ปลาตะเพียน หรือ Cyprinidae เมื่อปี ค.ศ. 1823 คือใคร
สกุลลาบิโอบาร์บุส ลาบิโอบาร์บุส () เป็นสกุลของปลาสร้อยจำพวกหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) โยฮัน กุนราด ฟัน ฮัสเซิลต์ ได้ตั้งสกุลนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1823 โดยกำหนดเป็นชื่อสกุลของปลา 2 ชนิดจากเกาะชวา ต่อมาในปี ค.ศ. 1842 ฌอร์ฌ กูว์วีเย และอาชีล วาล็องเซียน ได้ตั้งสกุลดังกิลา (Dangila) ขึ้น โดยไม่ทราบว่าฟัน ฮัสเซิลต์ ได้ตั้งสกุลลาบิโอบาร์บุสไว้ก่อนแล้ว ดังกิลาจึงกลายเป็นชื่อพ้องไป ปลาในสกุลลาบิโอบาร์บุสเป็นปลาที่พบได้ชุกชุมในแหล่งน้ำจืดของประเทศไทยรวมถึงประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ มีลักษณะเด่นที่สังเกตได้ง่าย คือ ฐานครีบหลังยาว มีก้านครีบแขนง 21–27 ก้าน จะงอยปากมีติ่งเนื้อเล็ก ๆ เป็นกระจุก ริมปากบนและล่างติดต่อรวมกันที่มุมปาก มีหนวดยาว 2 คู่ โดยแบ่งออกเป็นปลายจะงอยปาก 1 คู่ และมุมปาก 1 คู่ มีเกล็ดเล็ก มีความยาวเต็มที่ไม่เกิน 30 เซนติเมตร ในประเทศไทย อาจเรียกปลาบางชนิดในสกุลนี้ว่า "ปลาซ่า" เนื่องมาจากพฤติกรรมที่รวมตัวกันเป็นฝูง เมื่อตกใจจะกระโดดขึ้นเหนือน้ำพร้อม ๆ กันจนเกิดเสียงดังซ่า โดยชื่อปลาซ่ายังหมายรวมถึงปลาในวงศ์ปลาตะเพียนอื่น ๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกันอีกด้วย เช่น ปลาในสกุลปลาสร้อยนกเขา (Osteochilus) เป็นต้นการจำแนกการจำแนก. - Labiobarbus cyanopareja - Labiobarbus fasciatus - Labiobarbus festivus - Labiobarbus lamellifer - Labiobarbus leptocheilus (ปลาสร้อยลูกนุ่น, ปลาหลาวทอง, ปลาซ่า) - Labiobarbus lineatus (ปลาสร้อยลูกกล้วยลาย, ปลาตาแดง, ปลาหลาวทอง, ปลาซ่า) - Labiobarbus ocellatus - Labiobarbus sabanus - Labiobarbus siamensis (ปลาสร้อยลูกกล้วย, ปลามะลิเลื้อย, ปลาซ่า, ปลาคุยลาม)
โยฮัน กุนราด ฟัน ฮัสเซิลต์
187
213
174
1
เขื่อนปากมูลในจังหวัดอุบลราชธานี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างเท่าไร
เขื่อนปากมูล เขื่อนปากมูล เป็นเขื่อนในจังหวัดอุบลราชธานีกั้นแม่น้ำมูล อยู่ห่างจากลำน้ำมูลและน้ำโขงไปทางตะวันตกประมาณ 5.5 กิโลเมตร ก่อสร้างโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก โดยมีค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ในเมื่อ 2510 สำนักงานพลังงานแห่งชาติ หรือปัจจุบันคือ กรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน (พพ.) มีดำริที่จะพัฒนาแหล่งน้ำแหล่งนี้ โดยได้รับความร่วมจากรัฐบาลฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจและศึกษาโครงการพัฒนาลุ่มแม่น้ำมูลตอนล่าง และกำหนดที่ตั้งตัวเขื่อนไว้ที่บริเวณแก่งตะนะ ซึ่งห่างจากปากแม่น้ำขึ้นมา 4 กิโลเมตร เมื่อปี 2522 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก็ได้รับโครงการนี้ไปดำเนินการต่อ และได้ศึกษาเพิ่มเติมก็รู้ว่าประโยชน์ที่จะได้รับนั้นคุ้มค่า แต่ผลดระทบที่สำคัญของโครงการนี้คือ การโยกย้ายที่อยู่ของประชากรในแถบนั้นถึง 4,000 หลังคาเรือน ทำให้ต้องชะลอโครงการไว้ก่อน ในปี 2528 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้มีการทบทวนโครงการอีกครั้ง โดยย้ายที่ตั้งตัวเขื่อนมาทางเหนือน้ำประมาณ 1.5 กิโลเมตร และลดระดับการกักเก็บน้ำลง เพื่อให้ประชากรได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และผลสรุปในปี 2532 มีประชากรได้รับผลกระทบรวม 903 ราย เป็นผลกระทบต่ออาคารบ้านเรือนรวม 248 หลังคาเรือน ซึ่งลดลงจากปี 2522 เป็นอย่างมาก ในภาคอีสานนั้นต้องรับไฟจากส่วนกลาง และต้องซื้อจากการไฟฟ้าของลาวด้วย ทำให้ระบบของภาคอีสานไม่มั่งคง และฟุ่มเฟือย จึงจำเป็นต้องเร่งสร้างแหล่งผลิตไฟฟ้าในภาคอีสานขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับโรงไฟฟ้าของภาค โครงการนี้จัดอยู่ในแผนการพัฒนาไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 6 (2530-2340) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากมูลที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนมิถุนายน 2533 และเสร็จสมบูรณ์ในเดือนพฤศจิกายน 2537 ตามกำหนดการที่ตั้งไว้ผลกระทบการก่อสร้าง ผลกระทบการก่อสร้าง. โครงการสร้างเขื่อนปากมูลนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเนื่องจากมีผลกระทบต่อการทำประมงในแม่น้ำมูลเนื่องจากตัวเขื่อนขวางการเดินทางของปลาในฤดูวางไข่ เพราะตั้งปิดประตูเขื่อนไม่เช่นนั้นไม่สามารถให้กำลังการผลิตกระแสไฟฟ้าอย่างพอเพียง ได้แก้ไขคือ คือเปิดประตูเขื่อน "สุดบาน" ปีละ 4 เดือนในฤดูปลาวางไข่ ปี 2550 มีมติให้รักษาระดับน้ำในแม่น้ำมูลไว้ที่ 106-108 ม.รท จึงต้องปิดประตูเขื่อนและชาวบ้านได้เข้ามาประท้วงกดดัน ครม.พิจารณาเปิดเขื่อนปากมูล ทั้งนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้จ่ายเงินเป็นค่าเวนคืนมากกว่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งชดเชยค่าสูญเสียรายได้จากการประมงอีกกว่า 500 ล้านบาท แต่ยังมีปัญหาการจ่ายเงินชดเชยแก่ชาวบ้านไม่ครบถ้วน ผลกระทบอีกอย่างหนึ่งของเขื่อนนี้ก็คือ เกิดน้ำท่วมในพื้นที่กว้าง 117 ตารางกิโลเมตร และทำให้ประชาชนประมาณ 3,000 ครอบครัวต้องอพยพ ทั้งนี้มีผู้ได้รับผลกระทบทั้งสิ้นประมาณ 25,000 คน และด้วยเหตุนี้จึงเกิดการชุมนุมประท้วงที่ทำเนียบรัฐบาลอยู่เป็นระยะๆ
240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
315
335
175
1
โมโนไซต์เป็นเม็ดเลือดชนิดใด
โมโนไซต์ โมโนไซต์ () เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ โมโนไซต์ปกติจะมีประมาณ 3 - 5 % มีอายุ 5 - 6 วัน ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมด้วยวิธีฟาโกไซโตซิส มีความสามารถสูงพอๆกับ neutrophil และสร้าง antibody ต่อต้านเชื้อโรค หน้าที่ของโมโนไซต์ () โมโนไซท์ มีหน้าที่ป้องร่างกายเช่นเดียวกับนิวโตรฟิล สามารถกินเชื้อจุลินทรีย์ เช่น บัคเตรี เชื้อรา ยีสต์ หรือแม้แต่เม็ดเลือดแดง โดยที่โมโนไซท์สามารถกินของใหญ่ ๆ ได้ บางทีจึงเรียกกันว่า มัค โครเฟจ (macrophage) เทียบกับนิวโตรฟิล ซึ่งเรียกว่า ไมโครเฟจ(microphage) โมโนไซท์มีชีวิตในกระแสโลหิตที่หมุนเวียนเพียงระยะสั้นเท่านั้น ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายเข้าสู่เนื้อเยื่อ แล้วเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็น ฮิสติโอไซท์ (Histiocyte)
เม็ดเลือดขาว
109
121
176
1
โมโนไซต์ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกายด้วยวิธีที่เรียกว่าอะไร
โมโนไซต์ โมโนไซต์ () เป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์ โมโนไซต์ปกติจะมีประมาณ 3 - 5 % มีอายุ 5 - 6 วัน ทำหน้าที่กำจัดสิ่งแปลกปลอมด้วยวิธีฟาโกไซโตซิส มีความสามารถสูงพอๆกับ neutrophil และสร้าง antibody ต่อต้านเชื้อโรค หน้าที่ของโมโนไซต์ () โมโนไซท์ มีหน้าที่ป้องร่างกายเช่นเดียวกับนิวโตรฟิล สามารถกินเชื้อจุลินทรีย์ เช่น บัคเตรี เชื้อรา ยีสต์ หรือแม้แต่เม็ดเลือดแดง โดยที่โมโนไซท์สามารถกินของใหญ่ ๆ ได้ บางทีจึงเรียกกันว่า มัค โครเฟจ (macrophage) เทียบกับนิวโตรฟิล ซึ่งเรียกว่า ไมโครเฟจ(microphage) โมโนไซท์มีชีวิตในกระแสโลหิตที่หมุนเวียนเพียงระยะสั้นเท่านั้น ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายเข้าสู่เนื้อเยื่อ แล้วเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็น ฮิสติโอไซท์ (Histiocyte)
วิธีฟาโกไซโตซิส
260
275
177
1
เฮนรี ริช เอิร์ลแห่งฮอลแลนด์ที่ 1 ถูกประหารชีวิตในข้อหาอะไร
เฮนรี ริช เอิร์ลที่ 1 แห่งฮอลแลนด์ เฮนรี ริช เอิร์ลแห่งฮอลแลนด์ที่ 1 (ภาษาอังกฤษ: Henry Rich, 1st Earl of Holland) (19 สิงหาคม ค.ศ. 1590 - 9 มีนาคม ค.ศ. 1649) เฮนรี ริชเป็นขุนนางและนักการทหารชาวอังกฤษ เฮนรี ริชเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1590 เป็นบุตรของโรเบิร์ต ริช เอิร์ลแห่งวอริคที่ 1และเพ็นนิโลพี เดเวอโรซ์ และป็นน้องชายของ โรเบิร์ต ริช เอิร์ลแห่งวอริคที่ 2 และเริ่มรับราชการเป็นนายทหาร ในปี ค.ศ. 1610 ในราชสำนักและไม่นานก็ได้เป็นคนโปรดของพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แต่ในที่สุดก็สิ้นสุดลงเมื่อพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ขึ้นครองราชย์ เฮนรี ริชได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “เอิร์ลแห่งฮอลแลนด์” ในปี ค.ศ. 1624 และในที่สุดก็ได้เป็นนายทัพฝ่ายนิยมกษัตริย์ในสงครามกลางเมืองอังกฤษ แต่ต่อมาถูกจับได้และถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1649 ในข้อหากบฏต่อแผ่นดิน
ข้อหากบฏต่อแผ่นดิน
845
863
178
1
ละครเวทีของถกลเกียรติ วีรวรรณ ที่จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ได้เล่นมีชื่อเรื่องว่าอะไร
จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เป็นนักร้องชาวไทย มีพี่สาว 1 คน ศึกษาที่โรงเรียนฮาร์โรว์อินเตอร์เนชันนอลสคูล ได้เล่นละครเวทีเรื่อง "บัลลังก์เมฆ" ของถกลเกียรติ วีรวรรณ ซึ่งก็ได้ชักชวนให้ออกอัลบั้มเพลง ได้ไปทดสอบที่บริษัทอาราทิสต์แล้วผ่าน จึงได้ออกอัลบั้ม มีผลงานอัลบั้มแรกชุด พลับ (พ.ศ. 2545) มีเพลงดังอย่าง "คุณครูครับ" นอกจากนั้นในอัลบั้มนี้ยังมีเพลงฮิตในอดีตที่นำมาทำใหม่ โดยปรับเนื้อร้อง ดนตรีให้เหมาะกับเด็ก และทำให้สนุกสนาน มีสีสัน อย่างเช่น "ใครใครก็ไม่รักผม" "ก็เลยเล่าสู่กันฟัง" "เหนื่อยไหมคนดี" "คนไม่สำคัญ""คุณครูครับ" "ลูกชิ้นของฉัน" "สงสัยจัง" พอเสร็จจากอัลบั้มชุดแรก ก็ได้ไปเล่นละครเรื่อง หน้าต่างสีชมพู-ประตูสีฟ้า และทำผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 มีชื่ออัลบั้มว่า จุฑาภัทร ภาค 2 (พ.ศ. 2546) โดยมีแขกรับเชิญในอัลบั้มอย่าง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ มาร่วมร้องในเพลง "แหล่กล่อมหลาน", จิระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ มาช่วยร้องในเพลง "Teddy Bear" ,สีหนุ่ม เชิญยิ้ม มาร้องในเพลง ลาวดวงเดือน, พี สะเดิด ในเพลง เด๊อน้องเด้อ และคนสุดท้าย จิระศักดิ์ ปานพุ่ม ร้องกับพลับในเพลง แมงมุมลาย - Oh Yeah! นอกจากนั้นยังได้รับเป็นพรีเซนเตอร์ให้นมพร่องมันเนย ตราซูเปอร์จิ๋ว รวมถึง โฆษณาโอวัลติน หลังจากนั้นห่างหายจากวงการบันเทิง เข้าศึกษาต่อที่สถาบันฟิลลิปส์เอกซ์เซเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกาจนจบชั้นมัธยมปลาย และได้เป็นแขกรับเชิญในรายการตีสิบ ทางช่อง 3 (ออกอากาศ 27 กรกฎาคม 2553) และในปี พ.ศ. 2554 ได้หวนกลับมาจับไมค์อีกครั้งในรอบ 10 ปี กับเพลง "ช่างโชคดีที่โลกนี้มีเธอ" ในอัลบั้ม Love Status ร่วมกับศิลปินอื่นๆอีกมากมาย ก่อนที่จะกลับไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ได้จบการศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาและตอนนี้ทำงานเป็นที่ปรึกษาที่บริษัท The Boston Consulting Group จุฑาภัทร เหล่าธรรมทัศน์ เป็นหลานของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตหัวหน้าพรรคมหาชนผลงานอัลบั้มผลงาน. อัลบั้ม. - พลับ (พ.ศ. 2545) - จุฑาภัทร ภาค 2 (พ.ศ. 2546) - อัลบั้มรวมศิลปิน Love Status (พ.ศ. 2554)การแสดงการแสดง. - ละครเวที บัลลังก์เมฆ เดอะมิวสิคัล รับบท ปรก,ปกรณ์ (ตอนเด็ก) - ละคร หน้าต่างสีชมพู ประตูสีฟ้า รับบท ฟ้าสว่าง - ละครซิทคอม เฮง เฮง เฮง (รับเชิญ)โฆษณาโฆษณา. - นมพร่องไขมันเนย ตราซูเปอร์จิ๋ว - โอวัลติน เจเล่พิธีกรพิธีกร. - English Minute คู่กับ แคลร์ ปัจฉิมานนท์
บัลลังก์เมฆ
284
295
179
1
ละครโทรทัศน์เรื่อง Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ ที่ออกอากาศตอนแรกวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 นักแสดงนำชายมีชื่อว่าอะไร
Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนว โรแมนติก-คอมเมดี นำแสดงโดย พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, สุชาร์ มานะยิ่ง, เศรษฐพงศ์ เพียงพอ, พิม บิวแบร์, เตชินท์ ชยุติ, พิมพ์พัชร์ วัชรเสวี และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 19.00 - 20.00 น. ในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. 2558 เลื่อนเวลาเป็น 20.00 - 21.00 เวลาเดิมในวันอังคาร เวลา 19.00 น. ทางช่อง ทรูโฟร์ยู ผลิตโดย บริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น จำกัด โดยผู้จัด สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร บทประพันธ์โดย เนปาลี (วรรธนา วีรยวรรธน) บทโทรทัศน์โดย เนปาลี (วรรธนา วีรยวรรธน) กำกับการแสดงโดย สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชรเรื่องย่อรายชื่อนักแสดงนำรายชื่อนักแสดงนำ. - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล รับบทเป็น เท็นเท็น - สุชาร์ มานะยิ่ง รับบทเป็น ตะหลิว - เศรษฐพงศ์ เพียงพอ รับบทเป็น คิง - พิม บิวแบร์ รับบทเป็น น้ำค้าง - เตชินท์ ชยุติ รับบทเป็น แดน - พิมพ์พัชร วัชรเสวี รับบทเป็น นานา - ธิติวัฒน์ ลิ้มพิมพ์เพราะ รับบทเป็น เท็นเท็นตอนเด็ก - ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล รับบทเป็น ตะหลิวตอนเด็ก - ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ รับบทเป็น จูน - ยู วาทานาเบ รับบทเป็น เทอร์โบ - ปวีณา โรจน์จินดางาม รับบทเป็น แป่ว - สุธาดา จงใจพระ รับบทเป็น ยูยี่ - วรท มรรคดวงแก้ว รับบทเป็น อาร์มนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - ลีโอ พุฒ รับบทเป็น ไท - สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบทเป็น หมอยา - พฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร รับบทเป็น บอมบ์ - อินทิรา ยืนยง รับบทเป็น แก้ว - จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร รับบทเป็น สง่า มะยุระ (ห่าน) - มุกมาดา โรจนาธนบุญ รับบทเป็น นวลเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. 1. เพลง Kiss Me - ขับร้องโดย สุชาร์ มานะยิ่ง และ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล 2. เพลง รักให้ได้ - ขับร้องโดย ฉัตรตรา โบ๊ด 3. เพลง รักล้นใจ - ขับร้องโดย พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์ 4. เพลง โคตรเหงา - ขับร้องโดย เศรษฐพงศ์ เพียงพอ
พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล
212
232
180
1
ผู้กำกับการแสดงเรื่อง Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ ที่ออกอากาศตอนแรกวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 คือใคร
Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ Kiss Me รักล้นใจนายแกล้งจุ๊บ เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนว โรแมนติก-คอมเมดี นำแสดงโดย พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, สุชาร์ มานะยิ่ง, เศรษฐพงศ์ เพียงพอ, พิม บิวแบร์, เตชินท์ ชยุติ, พิมพ์พัชร์ วัชรเสวี และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558 ทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 19.00 - 20.00 น. ในวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. 2558 เลื่อนเวลาเป็น 20.00 - 21.00 เวลาเดิมในวันอังคาร เวลา 19.00 น. ทางช่อง ทรูโฟร์ยู ผลิตโดย บริษัท เฮโล โปรดักส์ชั่น จำกัด โดยผู้จัด สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร บทประพันธ์โดย เนปาลี (วรรธนา วีรยวรรธน) บทโทรทัศน์โดย เนปาลี (วรรธนา วีรยวรรธน) กำกับการแสดงโดย สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชรเรื่องย่อรายชื่อนักแสดงนำรายชื่อนักแสดงนำ. - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล รับบทเป็น เท็นเท็น - สุชาร์ มานะยิ่ง รับบทเป็น ตะหลิว - เศรษฐพงศ์ เพียงพอ รับบทเป็น คิง - พิม บิวแบร์ รับบทเป็น น้ำค้าง - เตชินท์ ชยุติ รับบทเป็น แดน - พิมพ์พัชร วัชรเสวี รับบทเป็น นานา - ธิติวัฒน์ ลิ้มพิมพ์เพราะ รับบทเป็น เท็นเท็นตอนเด็ก - ณัฐธยาน์ องค์ศรีตระกูล รับบทเป็น ตะหลิวตอนเด็ก - ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ รับบทเป็น จูน - ยู วาทานาเบ รับบทเป็น เทอร์โบ - ปวีณา โรจน์จินดางาม รับบทเป็น แป่ว - สุธาดา จงใจพระ รับบทเป็น ยูยี่ - วรท มรรคดวงแก้ว รับบทเป็น อาร์มนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - ลีโอ พุฒ รับบทเป็น ไท - สุเชาว์ พงษ์วิไล รับบทเป็น หมอยา - พฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร รับบทเป็น บอมบ์ - อินทิรา ยืนยง รับบทเป็น แก้ว - จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร รับบทเป็น สง่า มะยุระ (ห่าน) - มุกมาดา โรจนาธนบุญ รับบทเป็น นวลเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. 1. เพลง Kiss Me - ขับร้องโดย สุชาร์ มานะยิ่ง และ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล 2. เพลง รักให้ได้ - ขับร้องโดย ฉัตรตรา โบ๊ด 3. เพลง รักล้นใจ - ขับร้องโดย พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์ 4. เพลง โคตรเหงา - ขับร้องโดย เศรษฐพงศ์ เพียงพอ
สรัสวดี วงศ์สมเพ็ชร
705
724
181
1
ปลาวัวดำเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่งที่มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร
ปลาวัวดำ ปลาวัวดำ () เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Odonus niger อยู่ในวงศ์ปลาวัว (Balistidae) จัดเป็นปลาเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Odonusลักษณะ ลักษณะ. มีลำตัวแบนข้างเป็นรูปไข่ ครีบหางเว้าลึกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวมีปลายเรียว ตัวมีสีน้ำเงินอมเทา ปากมีลายคาดสีน้ำเงินถึงครีบอกและตา ขอบเกล็ดเป็นตารางเห็นได้ชัด ครีบหลังและครีบก้นมีขอบสีน้ำเงิน มีส่วนหัวที่ใหญ่ปลาวัวสกุลอื่น ๆ แม้ครีบต่าง ๆ จะมีขนาดเล็กทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก แต่ก็คล่องแล่ว กินกุ้ง, หอย, ปู และสัตว์หน้าดินต่าง ๆ รวมถึงฟองน้ำและแพลงก์ตอน เป็นอาหาร มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 50 เซนติเมตร แต่มีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตรที่อยู่ ที่อยู่. อาศัยในแนวปะการังของแถบอินโด-แปซิฟิก พบได้ตั้งแต่ความลึก 0-35 เมตร ตั้งแต่ชายฝั่งทวีปแอฟริกาในด้านแอฟริกาใต้, ทะเลแดง, นิวแคลิโดเนีย และเกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ในน่านน้ำไทยพบได้ในฝั่งของทะเลอันดามัน แต่เป็นปลาที่พบได้น้อยมาก เป็นปลาที่ใช้ตกและบริโภคได้ เนื้อมีรสชาติดี และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม นับว่าเป็นปลาวัวอีกชนิดหนึ่งที่เลี้ยงได้ง่าย แต่ไม่ควรเลี้ยงรวมกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอย่างอื่น เพราะจะถูกกินเป็นอาหารได้ และควรเลี้ยงในตู้ที่มีความจุน้ำขนาดใหญ่
Odonus niger
147
159
182
1
ปลาวัวดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Odonus niger จัดเป็นเพียงปลาชนิดเดียวที่อยู่ในสกุลใด
ปลาวัวดำ ปลาวัวดำ () เป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Odonus niger อยู่ในวงศ์ปลาวัว (Balistidae) จัดเป็นปลาเพียงชนิดเดียวที่อยู่ในสกุล Odonusลักษณะ ลักษณะ. มีลำตัวแบนข้างเป็นรูปไข่ ครีบหางเว้าลึกเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวมีปลายเรียว ตัวมีสีน้ำเงินอมเทา ปากมีลายคาดสีน้ำเงินถึงครีบอกและตา ขอบเกล็ดเป็นตารางเห็นได้ชัด ครีบหลังและครีบก้นมีขอบสีน้ำเงิน มีส่วนหัวที่ใหญ่ปลาวัวสกุลอื่น ๆ แม้ครีบต่าง ๆ จะมีขนาดเล็กทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก แต่ก็คล่องแล่ว กินกุ้ง, หอย, ปู และสัตว์หน้าดินต่าง ๆ รวมถึงฟองน้ำและแพลงก์ตอน เป็นอาหาร มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 50 เซนติเมตร แต่มีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 30 เซนติเมตรที่อยู่ ที่อยู่. อาศัยในแนวปะการังของแถบอินโด-แปซิฟิก พบได้ตั้งแต่ความลึก 0-35 เมตร ตั้งแต่ชายฝั่งทวีปแอฟริกาในด้านแอฟริกาใต้, ทะเลแดง, นิวแคลิโดเนีย และเกรต แบร์ริเออร์ รีฟ ในน่านน้ำไทยพบได้ในฝั่งของทะเลอันดามัน แต่เป็นปลาที่พบได้น้อยมาก เป็นปลาที่ใช้ตกและบริโภคได้ เนื้อมีรสชาติดี และนิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม นับว่าเป็นปลาวัวอีกชนิดหนึ่งที่เลี้ยงได้ง่าย แต่ไม่ควรเลี้ยงรวมกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอย่างอื่น เพราะจะถูกกินเป็นอาหารได้ และควรเลี้ยงในตู้ที่มีความจุน้ำขนาดใหญ่
สกุล Odonus
223
234
183
1
พระมารดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ มีพระนามว่าอะไร
เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ในรัชกาลที่ 1 เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว เป็นเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ 1 ธิดาพระยาจักรีเมืองนครศรีธรรมราช มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (พระองค์เสือ) (23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380) สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 พระชันษา 51 ปี - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ (ภายหลังถูกถอดพระยศเป็น หม่อมไกรสร) (26 ธันวาคม พ.ศ. 2334 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2391) สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 พระชันษา 56 ปี ทรงเป็นต้นสกุล
เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว
145
165
184
1
พระบิดาของเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ในรัชกาลที่ 1 มีพระนามว่าอะไร
เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ในรัชกาลที่ 1 เจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว เป็นเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ 1 ธิดาพระยาจักรีเมืองนครศรีธรรมราช มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ- พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (พระองค์เสือ) (23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380) สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 พระชันษา 51 ปี - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ (ภายหลังถูกถอดพระยศเป็น หม่อมไกรสร) (26 ธันวาคม พ.ศ. 2334 - 13 ธันวาคม พ.ศ. 2391) สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 พระชันษา 56 ปี ทรงเป็นต้นสกุล
พระยาจักรีเมืองนครศรีธรรมราช
200
228
185
1
จอห์น เอ. เอกิ้น ผู้ก่อตั้งโรงเรียน BCC หรือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เกิดที่รัฐใดในประเทศสหรัฐอเมริกา
จอห์น เอ. เอกิ้น จอห์น เอ เอกิ้น () เป็นมิชชันนารีผู้เผยแผ่นิกายโปรเตสแตนต์ในประเทศไทยช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน BCC หรือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยในปัจจุบันประวัติ ประวัติ. จอห์น เอ เอกิ้น เกิดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1854 ที่มลรัฐเพนซิลวาเนีย ครอบครัว จอห์น อาศัยอยู่ในรัฐเพนซิลวาเนีย ซึ่งมีร้านขายของเล็ก ๆ เป็นกิจการของครอบครัว และเป็นครอบครัวที่เชื่อในพระเจ้า พ่อ และแม่เป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งในพระเจ้า และตั้งแต่เด็ก จอห์น ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ที่ให้อยู่ในทางของพระเจ้าและพ่อแม่ฝึกฝนให้จอห์นให้เข้มแข็งและรู้จักอดทนกับปัญหาและรู้จักช่วยเหลือและทำงานด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กและมากกว่านั้นสิ่งที่พ่อแม่ของจอห์นเน้นอยู่เสมอทุกครั้งที่สอนคือเรื่องของความสัตย์ซื่อกับพระเจ้าฉะนั้นจอห์นเป็นคนที่สัตย์ซื่อกับพระเจ้าและชอบงานรับใช้มาตั้งแต่เด็ก ความฝันของจอห์นเวลานั้นอยากจะเป็นศิษยาภิบาล เหมือนกับศิษยาภิบาลที่โบสถ์ของเขา ฉะนั้นจอห์นมีหัวใจแห่งการรับใช้มาตั้งแต่เด็กและพระเจ้าทรงเรียกจอห์นในเวลานั้น โดยการใส่ภาระใจให้จอห์นอยากเป็นมิชชันนารี เวลานั้นจอห์นอยากออกไปเป็นมิชชันนารีและสนใจ เกี่ยวกับงานมิชชั่น และในที่สุดพระเจ้าก็เปิดทางให้จอห์นได้มีโอกาสออกไปรับใช้ แต่ครั้งนี้ไม่ได้ไปในฐานะมิชชันนารีแต่ไปในฐานะครู ซึ่งในช่วงเวลานั้นจอห์นได้สำเร็จการศึกษาพอดี จอห์นสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยวอชิงตันและเจฟเฟอ์สัน (Washington and Jefferson College) ในปี ค.ศ. 1879 จอห์นจึงตัดสินใจออกเดินทางเข้าสู่ราชอาณาจักรสยาม ในฐานะเป็นครูใน พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880)และจอห์นก็เริ่มต้นทำงานในสยามโดยรับราชการเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนสวนอนันต์ หรือ King’s Collegeอยู่ 4ปี และในช่วงเวลานั้นจอห์นทนเห็นสภาพสังคมและสภาพจิตใจของคนในเวลานั้นไม่ไหว ซึ่งทำให้จอห์นเป็นห่วงสภาพจิตใจ จิตวิญญาณของพวกเขาอย่างมาก และอยากช่วยเหลือด้านสังคม ด้านจิตใจ และด้านจิตวิญญาณคนเหล่านี้ จอห์นตัดสินใจกลับสหรัฐเพื่อจะศึกษาต่อด้านศาสนาศาสตร์เพื่อจะสมัครเป็นมิชชั่น และในที่สุดจอห์นก็ได้เดินทางกลับมาสยามอีกครั้งในฐานะมิชชันนารี และพร้อมกับ ภรรยาของเขาคือ มิสลอร่า โอล์มสเตด และการกลับมาครั้งนี้จอห์นและภรรยาได้นำการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนามาสู่ชาวสยาม จอห์นได้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนเพื่อให้คนยากไร้ได้มาศึกษา และสอนด้านศิลธรรม จริยธรรม เพื่อนำชาวสยามได้รับความรอดด้านจิตวิญญาณ โดยตั้งโรงเรียนคือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยผลงาน ผลงาน. ในปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ.1888) ได้ก่อตั้งโรงเรียนบางกอกคริสเตียนไฮสคูล ที่ ต.กุฏีจีน ซึ่งภายหลังได้ไปรวมกับโรงเรียนที่ตั้งโดยศาสนาจารย์แมททูน เป็นโรงเรียนสำเหร่บอยสคูล และในปี (ค.ศ.1904) ย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่ ถนนประมวญ และเมื่อ (พ.ศ. 2456)ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยแหล่งข้อมูลแหล่งข้อมูล. - พิษณุ อรรฆภิญญ์,จอห์น เอ เอกิ้น ( ผู้มากับความฝัน ) ,พิมพ์ครั้งที่1 ตุลาคม 2010, บริษัท ด่านสุทธาการพิมพ์ จำกัด - จอร์จ บรัดเลย์ แมคฟาร์แลนด์ (พระอาจวิทยาคม (ยอร์ช บี. แมคฟาร์แลนด์)) บรรณาธิการ, จิตราภรณ์ ตันรัตนกุล แปล "หนึ่งศตวรรษในสยาม 1828-1928", อินเตอร์ พับลิชชิ่ง เอ็นเตอร์ไพรส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, พ.ศ. 2555.
รัฐเพนซิลวาเนีย
392
407
186
1
นักแสดงนำหญิงที่ได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Shakespeare in Love คือใคร
กวินเน็ธ พัลโทรว์ กวินเน็ธ เคต พัลโทรว์ () เกิดวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1972 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน คว้ารางวัลดารานำหญิงลูกโลกทองคำและออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Shakespeare in Love และยังเคยเป็นนักร้องออกซิงเกิ้ลในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Duets พัลโทรว์ย้ายมาอยู่กับสามี คริส มาร์ติน แห่งวงโคลด์เพลย์ที่สหราชอาณาจักร มีลูกด้วยกันสองคนชื่อ แอปเปิ้ล กับ โมเสสประวัติ ประวัติ. พัลโทรว์เป็นลูกสาวของโปรดิวเซอร์ทีวี บรูซ พัลโทรว เติบโตที่นิวยอร์กติดตามพ่อไปงานบันเทิงบ่อยๆ ในปี 2534 จึงเลิกเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะ ที่มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ที่ซานตา บาร์บาร่า เพื่อเข้าวงการ ซึ่งทางพ่อแม่อนุญาต ในปี 2534 นั้นเอง สตีเฟน สปีลเบิร์ก เลือกเธอแสดงบทเวนดี้ สาวของปีเตอร์ แพน ใน Hook ต่อมาได้บทนำในมินิซีรีส์เรื่อง Cruel Doubt และอีกหลายเรื่องในบทตัวประกอบ เช่น Malice 2536 Flesh and Bone 2536 Vicious Circle 2537 Jefferson in Paris 2538 Moonlight and Valentino 2538 กวินเน็ธก็เริ่มเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Seven ที่เล่นคู่กับ แบรด พิตต์ ปี 2538 ตามด้วย The Pallbearer 2539 Emma 2540 Hard Eight 2540 Hush 2541 และใน The Great Expectation และ Shakespere in Loveชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. ในเรื่องชีวิตรัก หลังจากเลิกรากับแบรด พิตต์ แล้วกวินเน็ธ ต่อมาได้หันมาควงเบน แอฟเฟล็ก ดารา-นักเขียนบทไฟแรงที่ได้รับรางวัลออสการ์จากเรื่อง Good Will Hunting และเลิกกัน จนปี 2545 จนกระทั่งได้รู้จักกับคริส มาร์ติน นักร้องนำวงโคลด์เพลย์ และแต่งงานในปี 2547และเลิกกันในปี 2557
กวินเน็ธ เคต พัลโทรว์
109
130
187
1
ภาพยนตร์ไทยเรื่องเสือเฒ่า ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 ใครเป็นผู้กำกับการแสดง
เสือเฒ่า เสือเฒ่า เป็นภาพยนตร์ไทย ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 ระบบถ่ายทำฟิล์ม 16 มม., สี สร้างโดยไทยไตรมิตรภาพยนตร์ อำนวยการสร้างโดย แท้ ประกาศวุฒิสาร กำกับการแสดงโดย ครูเนรมิต นำแสดงโดย พันคำ รับบทเสือเฒ่า, ลือชัย นฤนาท, อาคม มกรานนท์, รุ้งลาวัลย์ พิบูลสันติ, เชาว์ แคล่วคล่อง, ไศลทิพย์ ตาปนานนท์ เข้าฉายเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2503 ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง และโรงภาพยนตร์เฉลิมบุรีเรื่องย่อมีเดีย
ครูเนรมิต
247
256
188
1
ภาพยนตร์ไทยเรื่องเสือเฒ่าที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 นักแสดงที่สวมบทบาทเป็นเสือเฒ่าคือใคร
เสือเฒ่า เสือเฒ่า เป็นภาพยนตร์ไทย ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2503 ระบบถ่ายทำฟิล์ม 16 มม., สี สร้างโดยไทยไตรมิตรภาพยนตร์ อำนวยการสร้างโดย แท้ ประกาศวุฒิสาร กำกับการแสดงโดย ครูเนรมิต นำแสดงโดย พันคำ รับบทเสือเฒ่า, ลือชัย นฤนาท, อาคม มกรานนท์, รุ้งลาวัลย์ พิบูลสันติ, เชาว์ แคล่วคล่อง, ไศลทิพย์ ตาปนานนท์ เข้าฉายเมื่อ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2503 ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง และโรงภาพยนตร์เฉลิมบุรีเรื่องย่อมีเดีย
พันคำ
267
272
189
1
หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ตั้งอยู่ในจังหวัดอะไรของประเทศไทย
หอคอยบรรหาร-แจ่มใส หอคอยบรรหาร-แจ่มใส เป็นหอคอยแห่งหนึ่งในสุพรรณบุรี มีความสูง 123.25 เมตร มีชั้นสำหรับชมวิวที่ระดับ 78.75 เมตร ฐานกว้าง 30 เมตร ตั้งอยู่บริเวณสวนเฉลิมภัทรราชินี ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัด โดยมีนิทรรศการด้านประวัติศาสตร์ของสุพรรณบุรีด้วย
สุพรรณบุรี
152
162
190
1
พระมารดาของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง มีพระนามว่าอะไร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง [สิ-หฺริ-รัด-บุด-สะ-บง] ลางแห่งสะกดว่า สิริรัตนบุษบง หรือ ศิริรัตน์บุษบง (4 มกราคม 2448 — 6 กรกฎาคม 2533) เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตรพระประวัติ พระประวัติ. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง เรียกโดยลำลองว่า "ท่านพระองค์หญิงใหญ่" หรือ "ท่านพระองค์ใหญ่" ประสูติเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2448 เป็นพระบุตรพระองค์ที่สองและเป็นพระธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับหม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร เมื่อแรกประสูติมีพระนามว่า หม่อมเจ้าศิริรัตนบุษบง บริพัตร ครั้นในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ยกพระบุตรของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สมเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทั้งสาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง เสกสมรสกับหม่อมเจ้าอาชวดิศ ดิศกุล แต่ไม่มีพระบุตรด้วยกัน มีเพียงบุตรบุญธรรมเพียงคนเดียวคือฤทธิ์ดำรง ดิศกุล สมรสกับแก้วตา ดิศกุล (สกุลเดิม: หังสสูต) มีบุตรคืออาชวฤทธิ์ ดิศกุล ในปี พ.ศ. 2506 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบงกับพวก ได้อุทิศที่ดินเนื้อที่ 339.06 ตารางวา มูลค่า 1,695,300 บาท แก่เทศบาลนครกรุงเทพเพื่อตัดถนนเส้นใหม่ต่อกับถนนบริพัตรโดยไม่คิดมูลค่าตอบแทนใด ๆ การนี้กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาว่าทรงเสียสละเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมควรแก่การสรรเสริญ จึงได้ถวายเครื่องหมายตอบแทนผู้ช่วยเหลือราชการพลเรือนสำหรับหมู่คณะ ชนิดติดตั้ง ชั้นเครื่องหมายทองประดับเพชรแก่พระองค์กับพวก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533งานพระนิพนธ์งานพระนิพนธ์. - พระประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต. กรุงเทพฯ : วันพาณิชย์, 2524, 95 หน้า - ทูนกระหม่อมบริพัตรกับการดนตรี. กรุงเทพฯ : จันวาณิชย์, 2524, 169 หน้า (พระนิพนธ์ร่วมกับ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล) - พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต. พิมพ์เนื่องในการพระราชทานเพลิงศพ พันเอกหม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล 20 กันยายน 2533. กรุงเทพฯ : เรือนแก้ว, 2534, 207 หน้าพระเกียรติยศพระอิสริยยศพระเกียรติยศ. พระอิสริยยศ. - หม่อมเจ้าศิริรัตนบุษบง บริพัตร (4 มกราคม พ.ศ. 2448 — 6 มกราคม พ.ศ. 2453) - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง (6 มกราคม พ.ศ. 2453 — 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2469 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ฝ่ายใน) (ท.จ.ว.)พงศาวลี
หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร
406
432
191
1
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง สมรสกับใคร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง [สิ-หฺริ-รัด-บุด-สะ-บง] ลางแห่งสะกดว่า สิริรัตนบุษบง หรือ ศิริรัตน์บุษบง (4 มกราคม 2448 — 6 กรกฎาคม 2533) เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตรพระประวัติ พระประวัติ. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง เรียกโดยลำลองว่า "ท่านพระองค์หญิงใหญ่" หรือ "ท่านพระองค์ใหญ่" ประสูติเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2448 เป็นพระบุตรพระองค์ที่สองและเป็นพระธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับหม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร เมื่อแรกประสูติมีพระนามว่า หม่อมเจ้าศิริรัตนบุษบง บริพัตร ครั้นในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ยกพระบุตรของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิตที่ประสูติแต่หม่อมเจ้าประสงค์สมเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ทั้งสาย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง เสกสมรสกับหม่อมเจ้าอาชวดิศ ดิศกุล แต่ไม่มีพระบุตรด้วยกัน มีเพียงบุตรบุญธรรมเพียงคนเดียวคือฤทธิ์ดำรง ดิศกุล สมรสกับแก้วตา ดิศกุล (สกุลเดิม: หังสสูต) มีบุตรคืออาชวฤทธิ์ ดิศกุล ในปี พ.ศ. 2506 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบงกับพวก ได้อุทิศที่ดินเนื้อที่ 339.06 ตารางวา มูลค่า 1,695,300 บาท แก่เทศบาลนครกรุงเทพเพื่อตัดถนนเส้นใหม่ต่อกับถนนบริพัตรโดยไม่คิดมูลค่าตอบแทนใด ๆ การนี้กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาว่าทรงเสียสละเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมควรแก่การสรรเสริญ จึงได้ถวายเครื่องหมายตอบแทนผู้ช่วยเหลือราชการพลเรือนสำหรับหมู่คณะ ชนิดติดตั้ง ชั้นเครื่องหมายทองประดับเพชรแก่พระองค์กับพวก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533งานพระนิพนธ์งานพระนิพนธ์. - พระประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต. กรุงเทพฯ : วันพาณิชย์, 2524, 95 หน้า - ทูนกระหม่อมบริพัตรกับการดนตรี. กรุงเทพฯ : จันวาณิชย์, 2524, 169 หน้า (พระนิพนธ์ร่วมกับ นายแพทย์ พูนพิศ อมาตยกุล) - พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต. พิมพ์เนื่องในการพระราชทานเพลิงศพ พันเอกหม่อมราชวงศ์ถวัลย์มงคล โสณกุล 20 กันยายน 2533. กรุงเทพฯ : เรือนแก้ว, 2534, 207 หน้าพระเกียรติยศพระอิสริยยศพระเกียรติยศ. พระอิสริยยศ. - หม่อมเจ้าศิริรัตนบุษบง บริพัตร (4 มกราคม พ.ศ. 2448 — 6 มกราคม พ.ศ. 2453) - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง (6 มกราคม พ.ศ. 2453 — 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2533)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2469 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ฝ่ายใน) (ท.จ.ว.)พงศาวลี
หม่อมเจ้าอาชวดิศ ดิศกุล
1,074
1,097
192
1
ละครโทรทัศน์ไทยเรื่องมายาสีมุก ใครเป็นบทประพันธ์
มายาสีมุก มายาสีมุก เป็นละครโทรทัศน์ไทย เป็นบทประพันธ์ของ ทวิตา เขียนบทโทรทัศน์โดย เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ, เทอดโชค เกียรติสุขเกษม, จุฑามาศ สาคร ผลิตโดย บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กำกับการแสดงโดย ธีรศักดิ์ พรหมเงิน นำแสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ , อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 มายาสีมุก เป็นเรื่องราวของ ไข่มุก (กรีน อัษฎาพร) ลูกสาวของ จินจู (นุ่น สินิทธา) ดาราเกาหลีชื่อดัง กับนักดนตรีชาวไทย เพราะโชคชะตาเล่นตลก ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นลูกสาวขอทาน ด้วยความเป็นคนใฝ่ดี สู้ชีวิต ทำให้เธอเรียนหนังสือจนจบ แต่กลับต้องถูกขายไปเป็นคนรับใช้ในบ้าน ชลดา (แก้ว อภิรดี) เจ้าแม่เงินกู้ เพื่อใช้หนี้ จากนั้นเธอก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับ คีรินทร์ (วี วีรภาพ) หนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้ แล้วความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความเข้าใจผิดและคำหลอกลวงมากมายนักแสดงนักแสดง. - วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบท คีรินทร์ - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท ไข่มุก / ปาร์ค ยองแอ - สินิทธา บุญยศักดิ์ รับบท ปาร์ค จินจู - ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท คธา - เมทนี บุรณศิริ รับบท คิม แทยอน - กวินตรา โพธิจักร รับบท นุชนารถ หิรัญกุล (นุช) (นางร้าย) - ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร รับบท ภัทร์ทิมา (ลูกไก่) (นางร้าย) - อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท ชลล์ลดา (นางร้าย) - อาริษา วิลล์ รับบท กัลยากากี (กีกี้) (นางร้าย) - ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ รับบท คุณเขมทัต / คุณเขม - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท คุณหญิงมณี - พศิน ศรีธรรม รับบท พิพัฒน์ (พัฒน์) (ตัวร้าย) - อรุชา โตสวัสดิ์ รับบท วัฒนา (ตัวร้าย) - ราตรี วิทวัส รับบท วันดี - รุ่งระวี บริจินดากุล รับบท โฮ ซอนซา (นางร้าย) - ศิรินุช เพ็ชรอุไร รับบท ชม้อยศรี / ช้อย - อนิสา กร้านท์ รับบท รัตนา / หนูนา - กรกฎ พวงสวัสดิ์ รับบท กัสจังนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - จีรนันท์ มะโนแจ่ม - เคลลี่ ธนะพัฒน์ - ด.ญ. ทิพย์รดา ไมเออร์ รับบทเป็น มีร่าเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง จริงหรือหลอก ร้องโดย กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเจ็บ ร้องโดย กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง น้ำตาไข่มุก ร้องโดย กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี
ทวิตา
143
148
193
1
ตัวละครที่ชื่อ คีรินทร์ ในละครเรื่องมายาสีมุก ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดยใคร
มายาสีมุก มายาสีมุก เป็นละครโทรทัศน์ไทย เป็นบทประพันธ์ของ ทวิตา เขียนบทโทรทัศน์โดย เอื้องอรุณ สมิตสุวรรณ, เทอดโชค เกียรติสุขเกษม, จุฑามาศ สาคร ผลิตโดย บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กำกับการแสดงโดย ธีรศักดิ์ พรหมเงิน นำแสดงโดย วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ , อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 มายาสีมุก เป็นเรื่องราวของ ไข่มุก (กรีน อัษฎาพร) ลูกสาวของ จินจู (นุ่น สินิทธา) ดาราเกาหลีชื่อดัง กับนักดนตรีชาวไทย เพราะโชคชะตาเล่นตลก ทำให้เธอต้องกลายมาเป็นลูกสาวขอทาน ด้วยความเป็นคนใฝ่ดี สู้ชีวิต ทำให้เธอเรียนหนังสือจนจบ แต่กลับต้องถูกขายไปเป็นคนรับใช้ในบ้าน ชลดา (แก้ว อภิรดี) เจ้าแม่เงินกู้ เพื่อใช้หนี้ จากนั้นเธอก็ถูกบังคับให้แต่งงานกับ คีรินทร์ (วี วีรภาพ) หนุ่มหล่อจอมเจ้าชู้ แล้วความรักของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความเข้าใจผิดและคำหลอกลวงมากมายนักแสดงนักแสดง. - วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รับบท คีรินทร์ - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล รับบท ไข่มุก / ปาร์ค ยองแอ - สินิทธา บุญยศักดิ์ รับบท ปาร์ค จินจู - ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี รับบท คธา - เมทนี บุรณศิริ รับบท คิม แทยอน - กวินตรา โพธิจักร รับบท นุชนารถ หิรัญกุล (นุช) (นางร้าย) - ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร รับบท ภัทร์ทิมา (ลูกไก่) (นางร้าย) - อภิรดี ภวภูตานนท์ รับบท ชลล์ลดา (นางร้าย) - อาริษา วิลล์ รับบท กัลยากากี (กีกี้) (นางร้าย) - ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์ รับบท คุณเขมทัต / คุณเขม - เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ รับบท คุณหญิงมณี - พศิน ศรีธรรม รับบท พิพัฒน์ (พัฒน์) (ตัวร้าย) - อรุชา โตสวัสดิ์ รับบท วัฒนา (ตัวร้าย) - ราตรี วิทวัส รับบท วันดี - รุ่งระวี บริจินดากุล รับบท โฮ ซอนซา (นางร้าย) - ศิรินุช เพ็ชรอุไร รับบท ชม้อยศรี / ช้อย - อนิสา กร้านท์ รับบท รัตนา / หนูนา - กรกฎ พวงสวัสดิ์ รับบท กัสจังนักแสดงรับเชิญนักแสดงรับเชิญ. - จีรนันท์ มะโนแจ่ม - เคลลี่ ธนะพัฒน์ - ด.ญ. ทิพย์รดา ไมเออร์ รับบทเป็น มีร่าเพลงประกอบละครเพลงประกอบละคร. - เพลง จริงหรือหลอก ร้องโดย กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเจ็บ ร้องโดย กรีน - อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล - เพลง น้ำตาไข่มุก ร้องโดย กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี
วีรภาพ สุภาพไพบูลย์
315
334
194
1
ม้านิลมังกร เป็นสัตว์ประหลาดในวรรณคดีไทย ที่แต่งโดยสุนทรภู่ มีชื่อเรื่องอะไร
ม้านิลมังกร ม้านิลมังกร หรือ ม้ามังกร สัตว์ประหลาดในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี ตามจินตนาการของสุนทรภู่ เป็นพาหนะของสุดสาคร โดยสุนทรภู่ได้รจนาถึงลักษณะของม้านิลมังกรไว้ว่า โดยที่สุนทรภู่มิได้ให้ที่มาที่ไปของม้านิลมังกร ว่าเป็นสัตว์อะไร มาจากไหน ปรากฏตัวครั้งแรกที่ชายหาด เกาะแก้วพิสดาร โดยสุดสาครไปพบเข้า เป็นสัตว์ดุร้าย มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ สุดสาครเป็นผู้ปราบได้จากไม้เท้าวิเศษของโยคี ในที่สุด ม้านิลมังกร ก็กลายเป็นพาหนะของสุดสาคร และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ต่อนาย จากการมาช่วยสุดสาครที่ตกหน้าผาจากการทำร้ายของชีเปลือย ลักษณะของม้านิลมังกร ตัวเป็นม้าหัวเป็นมังกร หางเหมือนนาค ลำตัวเป็นเกล็ดสีดำแวววาว เหมือนดั่งชื่อ กินอาหารได้หลายอย่างดั่งคำกลอน จึงเชื่อว่าสุนทรภู่จินตนาการมาจากกิเลน(Kirin)ของจีน หรือวรรณคดีของจีนเรื่องต่าง ๆ เช่น ไซฮั่น เพราะไม่ปรากฏสัตว์ลักษณะเช่นนี้ในความเชื่อหรือวรรณคดีเรื่องใดของไทยมาก่อน อีกทั้งตัวละครและสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง ก็มีที่มาจากหลายภาคส่วนของแต่ละประเทศอีกด้วย ปัจจุบัน ม้านิลมังกรใช้เป็นทั้งสัญลักษณ์และฉายาของสโมสรระยองเอฟซี สโมสรฟุตบอลในระดับไทยลีกดิวิชั่น 1
พระอภัยมณี
153
163
195
1
ผู้แต่งวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี มีชื่อว่าอะไร
ม้านิลมังกร ม้านิลมังกร หรือ ม้ามังกร สัตว์ประหลาดในวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี ตามจินตนาการของสุนทรภู่ เป็นพาหนะของสุดสาคร โดยสุนทรภู่ได้รจนาถึงลักษณะของม้านิลมังกรไว้ว่า โดยที่สุนทรภู่มิได้ให้ที่มาที่ไปของม้านิลมังกร ว่าเป็นสัตว์อะไร มาจากไหน ปรากฏตัวครั้งแรกที่ชายหาด เกาะแก้วพิสดาร โดยสุดสาครไปพบเข้า เป็นสัตว์ดุร้าย มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่าง ๆ สุดสาครเป็นผู้ปราบได้จากไม้เท้าวิเศษของโยคี ในที่สุด ม้านิลมังกร ก็กลายเป็นพาหนะของสุดสาคร และเป็นสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตย์ต่อนาย จากการมาช่วยสุดสาครที่ตกหน้าผาจากการทำร้ายของชีเปลือย ลักษณะของม้านิลมังกร ตัวเป็นม้าหัวเป็นมังกร หางเหมือนนาค ลำตัวเป็นเกล็ดสีดำแวววาว เหมือนดั่งชื่อ กินอาหารได้หลายอย่างดั่งคำกลอน จึงเชื่อว่าสุนทรภู่จินตนาการมาจากกิเลน(Kirin)ของจีน หรือวรรณคดีของจีนเรื่องต่าง ๆ เช่น ไซฮั่น เพราะไม่ปรากฏสัตว์ลักษณะเช่นนี้ในความเชื่อหรือวรรณคดีเรื่องใดของไทยมาก่อน อีกทั้งตัวละครและสถานที่ต่าง ๆ ในเรื่อง ก็มีที่มาจากหลายภาคส่วนของแต่ละประเทศอีกด้วย ปัจจุบัน ม้านิลมังกรใช้เป็นทั้งสัญลักษณ์และฉายาของสโมสรระยองเอฟซี สโมสรฟุตบอลในระดับไทยลีกดิวิชั่น 1
สุนทรภู่
179
187
196
1
พระราชบิดาของหม่อมยิ่ง หรือ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา มีพระนามว่าอะไร
หม่อมยิ่ง หม่อมยิ่ง (พระยศเดิม: พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา; 21 มกราคม พ.ศ. 2395 — 2 กันยายน พ.ศ. 2429) พระราชธิดาองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแพ ต่อมาพระองค์ได้ถูกลดพระอิสริยยศเป็น หม่อมยิ่ง หลังมีเรื่องอื้อฉาวเนื่องจากทรงตั้งครรภ์กับอดีตพระภิกษุที่เคยเข้ามาเทศนาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายหลังพระองค์ได้จำสนม (คุกฝ่ายใน) จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2429พระประวัติ พระประวัติ. หม่อมยิ่ง หรือ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา ประสูติเมื่อวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2395 เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สามในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแพ (สกุลเดิม ธรรมสโรช) พระชนกนาถทรงเรียกว่า "แม่หนูใหญ่" ส่วนชาววังออกพระนามว่า เสด็จพระองค์ใหญ่ หรือ เสด็จพระองค์ใหญ่ยิ่ง มีพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมมารดา ได้แก่ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ, พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์, พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ และพระองค์เจ้าบัญจบเบญจมา พระองค์เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทานสร้อยพระนามว่า "อรรคราชสุดา" ซึ่งมีพระราชธิดาเพียง 3 พระองค์ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับพระราชทานสร้อยพระองค์ โดยอีก 2 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรีในเจ้าจอมมารดาจันทร์ และพระองค์เจ้าโสมาวดี ศรีรัตนราชธิดาในเจ้าจอมมารดาเที่ยง นอกจากนี้พระนามของทั้งสามพระองค์ยังสอดคล้องกันโดยเรียงตามพระชนมายุ ได้แก่ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์, พระองค์เจ้าทักษิณชา และพระองค์เจ้าโสมาวดี ซึ่งถือเป็นกลุ่มพระราชธิดาที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระราชบิดามากกว่าพระราชธิดาพระองค์อื่น เมื่อมีพระชันษาราว 5-7 ปี พระองค์ได้ประสบอุบัติเหตุขณะโดยเสด็จพระราชบิดา พร้อมกับพระพี่น้อง อีก 3 พระองค์คือ พระองค์เจ้าทักษิณชา, พระองค์เจ้าโสมาวดี และสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ขณะประทับบนรถม้าพระที่นั่งเพื่อทอดพระเนตรความเรียบร้อยบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง แต่เมื่อรถม้าพระที่นั่งเข้ามาตามถนนด้านประตูวิเศษไชยศรีใกล้ทางเลี้ยวไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ม้าได้ตื่นเสียงแตรเสียงกลอง ทำให้รั้งไม่อยู่ สายบังเหียนขาดไปข้างหนึ่งรถพระที่นั่งจึงเสียการทรงตัวแล้วพลิกคว่ำลง จากอุปัทวเหตุดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าลูกเธอทั้งสี่ได้รับบาดเจ็บทุกพระองค์ ดังปรากฏดังนี้ “...ชายจุฬาลงกรณ์ศีรษะแตกสามแห่งแต่น้อย บางแห่งฟกบวมบ้าง ยิ่งเยาวลักษณ์เท้าเคล็ดห้อยยืนในเวลานี้ไม่ได้ ขัดยอกที่สันหลังด้วย แต่มีแผลเล็กน้อย โสมาวดีก็เป็นแผลบ้าง หลังบวมแห่งหนึ่ง... แต่ทักษิณชาป่วยมากจะเป็นอะไรทับก็สังเกตไม่ได้ หลังเท้าขวาฉีกยับเยินโลหิตตกมากทีเดียว...”พระกรณียกิจ พระกรณียกิจ. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชธิดาได้ทรงศึกษาเล่าเรียนวิชาการสมัยใหม่และภาษาอังกฤษ ทรงเปิดโอกาสให้พระราชบุตรทั้งหลายคบหาสมาคมกับชาวต่างประเทศทั้งหญิงชาย โดยเฉพาะเหล่าราชธิดารุ่นใหญ่ คือ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์, พระองค์เจ้าทักษิณชา และพระองค์เจ้าโสมาวดี มักทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จพระราชดำเนินออกสมาคมเช่นการต้อนรับแขกเมือง ดังที่เซอร์แฮรี ออด ผู้สำเร็จราชการมลายูของอังกฤษประจำเมืองสิงคโปร์ซึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2411 โดยเขาได้บันทึกเกี่ยวกับการออกสมาคมของราชธิดารุ่นใหญ่ ดังนี้ “...พระเจ้าลูกเธอพระองค์หญิง ๓ พระองค์ ที่มีพระชนมายุสูงกว่า [สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์] ก็ทรงพระโฉมศุภลักษณ์ เสียแต่เสวยหมาก ถ้าไม่ย้อมพระทนต์ [ให้ดำ] ตามธรรมเนียมของชาวสยามแล้ว ต้องชมว่าเป็นสตรีที่ทรงกัลยาณีเลิศลักษณ์ทีเดียว พระกิริยามารยาทก็น่าชมและตรัสภาษาอังกฤษได้ทุกพระองค์ ขณะเมื่อท่านเจ้าเมือง [เซอร์แฮรี ออด] เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินอยู่นั้น พระเจ้าลูกเธอทั้งพระองค์หญิงและพระองค์ชาย ได้ทรงต้อนรับพวกที่ไปกับท่านเจ้าเมืองที่ในท้องพระโรง ทรงแจกการ์ดและพระรูปถ่ายแก่พวกเหล่านั้น และทรงแสดงความหวังในที่พระเจ้าแผ่นดินจะได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์...” และกล่าวถึงพระจริยวัตรของพระองค์ ความว่า “...พระองค์เจ้าหญิงที่ทรงพระเจริญเป็นผู้ทรงเลี้ยงเครื่องดื่ม...”กรณีอื้อฉาว กรณีอื้อฉาว. พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์มีข่าวอื้อฉาว เนื่องจากเมื่อครั้งยังเป็นดรุณีแรกรุ่นได้เสด็จไปฟังเทศน์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระที่เทศน์ชื่อ พระภิกษุโต ปรากฏว่าพระองค์เจ้าหญิงพระองค์นี้และพระโตมีจิตปฏิพัทธ์เสน่หาต่อกัน ต่อมาพระโตได้สึกออกไป พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์จึงได้จัดหาตึกให้ทิดโตพำนักอยู่แถวถนนเจริญกรุง ทิดโตได้ปลอมตัวเป็นหญิงและลอบปีนเข้าหาพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ในพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท จนเกิดเรื่องอื้อฉาวเนื่องจากพระองค์เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีครรภ์ แรกเริ่มชาววังโจษกันว่าพระองค์หญิงประชวรด้วยโรคท้องมาน เล่ากันว่าเจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้ขอให้พระองค์หญิงเปิดพระภูษาเพื่อดูพระนาภี เมื่อเจ้าจอมมารดาเปี่ยมเห็นเช่นนั้นจึงทูลว่า "ขอประทานโทษเถอะนะเพคะ มองดูแล้วเหมือนกับคนท้องไม่มีผิด" พระองค์หญิงก็ทรงตอบว่า "ก็ดูเถอะค่ะ โรคเวรโรคกรรมอะไรก็ไม่รู้" ไม่นานหลังจากนั้นพระองค์ก็ประสูติพระโอรสในตำหนัก แล้วเอาเด็กใส่กระโถนปิดฝาเอาไว้ พอดีพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์หนึ่งเสด็จมาเยี่ยม แต่ได้ทรงเปิดดูกระโถนก็ทรงเห็นเด็กแดง ๆ ความจึงแตก ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จ.ศ. 1245 (พ.ศ. 2429) บันทึกไว้ว่า ไม่กี่วันต่อมาเมื่อความทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ได้เสด็จออกสั่งเรื่องความผิดในวังคราวนี้ ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 ความว่า “๔ ทุ่มเศษ เสด็จออกทรงสั่งเรื่องคลอดลูก ว่าด้วยพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ประพฤติการชั่วอย่างอุกฤษฎ์ อย่างนี้เป็นมหันตโทษ ควรริบราชบาตรเป็นหลวง ถอดจากยศบรรดาศักดิ์ลงพระราชอาญา ๙๐ ที ประหารชีวิต แต่ทรงพระมหากรุณาอยู่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง สำหรับจ่ายซ่อมแปลงพระอารามแลสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงสร้างไว้ แลให้ยกโทษเฆี่ยน ๙๐ ประหารชีวิต ให้ออกจากยศบรรดาศักดิ์ลงเป็นหม่อม เอาท้ายชื่อคือเยาวลักษณ์อรรควรสุดาออกเสีย เรียกแต่หม่อมยิ่งคำเดียว...” อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระกรุณาด้วยทรงเห็นว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฝ่ายใน ประกอบกับก่อนหน้านี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชกระแสเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ ความว่า "...ถ้าเจ้าได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ในกระบวนพี่น้องทั้งหมด จะมีพระองค์หญิงหนึ่งองค์ และพระองค์ชายอีกหนึ่งองค์ ทรงกระทำความผิดเป็นมหันตโทษ ขอให้ไว้ชีวิตพระองค์เจ้าพี่น้องทั้งสองพระองค์ด้วย..." ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานอภัยโทษเฆี่ยน 90 ที (3 ยก) กับโทษประหารเสียด้วย แต่โปรดเกล้าให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์, อวิญญาณกทรัพย์ เข้าเป็นของหลวงสำหรับซ่อมแซมพระอารามและสิ่งก่อสร้างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างไว้ ทั้งถอดยศพระองค์เจ้าให้เป็นหม่อมเรียกอย่างสามัญชน และให้จำสนม (คุกฝ่ายใน) นอกจากนั้นให้ทำตามลูกขุนผู้พิจารณาปรับโทษ ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 มีข้อความตอนหนึ่งว่า "เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกรับสั่งเรื่องหม่อมยิ่ง ซึ่งลูกขุนปรึกษาวางบทลงโทษ หม่อมยิ่ง อ้ายโต อีเผือก ผู้ล่วงพระราชอาญามีความผิดเป็นมหันตโทษ ให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง ให้ลงพระอาญา ๓ ยก ๙๐ ที เอาตัวไปประหารชีวิตอย่าให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่างนั้น หม่อมยิ่งแลอีเผือกผู้ชักสื่อ ให้งดโทษประหารชีวิต นอกนั้นให้ทำตามลูกขุนปรับแล้วเสด็จขึ้น" ส่วนทิดโต กล่าวกันว่าทิดโตพูดจาโอหังมาก จึงถูกตบด้วยกะลาทั้งขนซึ่งถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงมาก และสุดท้ายก็ต้องรับโทษตามกฎมณเฑียรบาลทุกประการ โดยการตัดศีรษะที่วัดพลับพลาไชย (ปัจจุบันคือบริเวณข้างธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาพลับพลาไชย) หม่อมยิ่งถูกจำสนมจนกระทั่งเสียชีวิตในช่วงปี พ.ศ. 2429 (บ้างว่าสิ้นชีพในโทษปีกุน พ.ศ. 2430) ก่อนการเสียชีวิตของหม่อมยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงมีความหม่นหมองในพระราชหฤทัยแม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วก็ตาม มีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ที่ทรงระบายความทุกข์เกี่ยวความบาดหมางกับวังหน้า และมีข้อความส่วนหนึ่งกล่าวถึงหม่อมยิ่ง ความว่า "...เห็นท่านพระองค์ใหญ่ยิ่งเยาวลักษณ์ครั้งนี้ก็โซม [โทรม] มากทีเดียว กลัวหม่อมฉันจะเป็นบ้าง แต่จะเพียงนั้นหรือจะยิ่งกว่าก็ไม่ทราบ..." อันแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ร้อนตรอมพระทัยของหม่อมยิ่ง รวมทั้งความไม่สบายพระราชหฤทัยของพระเจ้าแผ่นดินจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผลสืบเนื่อง ผลสืบเนื่อง. หลังจากกรณีอันอื้อฉาวของหม่อมยิ่งเป็นต้นมานั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงออกกฎมณเฑียรบาลใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ข้อ เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำรอยขึ้นอีก คือ พระที่จะมาเทศน์ที่วัดพระแก้วได้ต้องเป็นพระธรรมกถึก ที่มีอายุเกิน 45 ปี และเจ้านายฝ่ายในที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ออกมาฟังเทศน์ที่วัดพระแก้วได้ ต้องเป็นสตรีสูงอายุที่มีอายุมากกว่า 40 ดังปรากฏข้อความในพระราชบัญญัติเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์และพระราชสำนักฝ่ายใน ความว่า "ห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีพรรษาต่ำกว่ายี่สิบ [หมายถึงบวชไม่ถึง 20 ปี] ห้ามมิให้เข้าในพระบรมมหาราชวังชั้นใน ส่วนฝ่ายหญิงอุบาสิกาผู้ใฝ่พระธรรมเพียงไรก็ตาม ถ้าอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีแล้วไซร้ ห้ามมิให้ออกมาฟังเทศน์ ถืออุโบสถศีลที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นอันขาด ประกาศมา ณ วันศุกร์ เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ อันเป็นวันที่ ๖๖๔๔ ในรัชกาลปัจจุบัน"พระเกียรติยศพระอิสริยยศพระเกียรติยศ. พระอิสริยยศ. - พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา (21 มกราคม พ.ศ. 2395 — 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411) - พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 — 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429) - หม่อมยิ่ง (21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 — 2 กันยายน 2429)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (เรียกคืน)พงศาวลี
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
236
270
197
1
พระมารดาของพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา มีพระนามว่าอะไร
หม่อมยิ่ง หม่อมยิ่ง (พระยศเดิม: พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา; 21 มกราคม พ.ศ. 2395 — 2 กันยายน พ.ศ. 2429) พระราชธิดาองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแพ ต่อมาพระองค์ได้ถูกลดพระอิสริยยศเป็น หม่อมยิ่ง หลังมีเรื่องอื้อฉาวเนื่องจากทรงตั้งครรภ์กับอดีตพระภิกษุที่เคยเข้ามาเทศนาในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายหลังพระองค์ได้จำสนม (คุกฝ่ายใน) จนกระทั่งสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2429พระประวัติ พระประวัติ. หม่อมยิ่ง หรือ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา ประสูติเมื่อวันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2395 เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่สามในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาแพ (สกุลเดิม ธรรมสโรช) พระชนกนาถทรงเรียกว่า "แม่หนูใหญ่" ส่วนชาววังออกพระนามว่า เสด็จพระองค์ใหญ่ หรือ เสด็จพระองค์ใหญ่ยิ่ง มีพระอนุชาและพระขนิษฐาร่วมมารดา ได้แก่ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ, พระองค์เจ้าเกษมสันต์โสภาคย์, พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ และพระองค์เจ้าบัญจบเบญจมา พระองค์เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทานสร้อยพระนามว่า "อรรคราชสุดา" ซึ่งมีพระราชธิดาเพียง 3 พระองค์ใหญ่เท่านั้นที่ได้รับพระราชทานสร้อยพระองค์ โดยอีก 2 พระองค์ ได้แก่ พระองค์เจ้าทักษิณชา นราธิราชบุตรีในเจ้าจอมมารดาจันทร์ และพระองค์เจ้าโสมาวดี ศรีรัตนราชธิดาในเจ้าจอมมารดาเที่ยง นอกจากนี้พระนามของทั้งสามพระองค์ยังสอดคล้องกันโดยเรียงตามพระชนมายุ ได้แก่ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์, พระองค์เจ้าทักษิณชา และพระองค์เจ้าโสมาวดี ซึ่งถือเป็นกลุ่มพระราชธิดาที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพระราชบิดามากกว่าพระราชธิดาพระองค์อื่น เมื่อมีพระชันษาราว 5-7 ปี พระองค์ได้ประสบอุบัติเหตุขณะโดยเสด็จพระราชบิดา พร้อมกับพระพี่น้อง อีก 3 พระองค์คือ พระองค์เจ้าทักษิณชา, พระองค์เจ้าโสมาวดี และสมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ขณะประทับบนรถม้าพระที่นั่งเพื่อทอดพระเนตรความเรียบร้อยบริเวณใกล้พระบรมมหาราชวัง แต่เมื่อรถม้าพระที่นั่งเข้ามาตามถนนด้านประตูวิเศษไชยศรีใกล้ทางเลี้ยวไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ม้าได้ตื่นเสียงแตรเสียงกลอง ทำให้รั้งไม่อยู่ สายบังเหียนขาดไปข้างหนึ่งรถพระที่นั่งจึงเสียการทรงตัวแล้วพลิกคว่ำลง จากอุปัทวเหตุดังกล่าวพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระเจ้าลูกเธอทั้งสี่ได้รับบาดเจ็บทุกพระองค์ ดังปรากฏดังนี้ “...ชายจุฬาลงกรณ์ศีรษะแตกสามแห่งแต่น้อย บางแห่งฟกบวมบ้าง ยิ่งเยาวลักษณ์เท้าเคล็ดห้อยยืนในเวลานี้ไม่ได้ ขัดยอกที่สันหลังด้วย แต่มีแผลเล็กน้อย โสมาวดีก็เป็นแผลบ้าง หลังบวมแห่งหนึ่ง... แต่ทักษิณชาป่วยมากจะเป็นอะไรทับก็สังเกตไม่ได้ หลังเท้าขวาฉีกยับเยินโลหิตตกมากทีเดียว...”พระกรณียกิจ พระกรณียกิจ. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชธิดาได้ทรงศึกษาเล่าเรียนวิชาการสมัยใหม่และภาษาอังกฤษ ทรงเปิดโอกาสให้พระราชบุตรทั้งหลายคบหาสมาคมกับชาวต่างประเทศทั้งหญิงชาย โดยเฉพาะเหล่าราชธิดารุ่นใหญ่ คือ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์, พระองค์เจ้าทักษิณชา และพระองค์เจ้าโสมาวดี มักทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จพระราชดำเนินออกสมาคมเช่นการต้อนรับแขกเมือง ดังที่เซอร์แฮรี ออด ผู้สำเร็จราชการมลายูของอังกฤษประจำเมืองสิงคโปร์ซึ่งมีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2411 โดยเขาได้บันทึกเกี่ยวกับการออกสมาคมของราชธิดารุ่นใหญ่ ดังนี้ “...พระเจ้าลูกเธอพระองค์หญิง ๓ พระองค์ ที่มีพระชนมายุสูงกว่า [สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์] ก็ทรงพระโฉมศุภลักษณ์ เสียแต่เสวยหมาก ถ้าไม่ย้อมพระทนต์ [ให้ดำ] ตามธรรมเนียมของชาวสยามแล้ว ต้องชมว่าเป็นสตรีที่ทรงกัลยาณีเลิศลักษณ์ทีเดียว พระกิริยามารยาทก็น่าชมและตรัสภาษาอังกฤษได้ทุกพระองค์ ขณะเมื่อท่านเจ้าเมือง [เซอร์แฮรี ออด] เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินอยู่นั้น พระเจ้าลูกเธอทั้งพระองค์หญิงและพระองค์ชาย ได้ทรงต้อนรับพวกที่ไปกับท่านเจ้าเมืองที่ในท้องพระโรง ทรงแจกการ์ดและพระรูปถ่ายแก่พวกเหล่านั้น และทรงแสดงความหวังในที่พระเจ้าแผ่นดินจะได้เสด็จประพาสเมืองสิงคโปร์...” และกล่าวถึงพระจริยวัตรของพระองค์ ความว่า “...พระองค์เจ้าหญิงที่ทรงพระเจริญเป็นผู้ทรงเลี้ยงเครื่องดื่ม...”กรณีอื้อฉาว กรณีอื้อฉาว. พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์มีข่าวอื้อฉาว เนื่องจากเมื่อครั้งยังเป็นดรุณีแรกรุ่นได้เสด็จไปฟังเทศน์ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระที่เทศน์ชื่อ พระภิกษุโต ปรากฏว่าพระองค์เจ้าหญิงพระองค์นี้และพระโตมีจิตปฏิพัทธ์เสน่หาต่อกัน ต่อมาพระโตได้สึกออกไป พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์จึงได้จัดหาตึกให้ทิดโตพำนักอยู่แถวถนนเจริญกรุง ทิดโตได้ปลอมตัวเป็นหญิงและลอบปีนเข้าหาพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ในพระที่นั่งศิวาลัยมหาปราสาท จนเกิดเรื่องอื้อฉาวเนื่องจากพระองค์เจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีครรภ์ แรกเริ่มชาววังโจษกันว่าพระองค์หญิงประชวรด้วยโรคท้องมาน เล่ากันว่าเจ้าจอมมารดาเปี่ยมได้ขอให้พระองค์หญิงเปิดพระภูษาเพื่อดูพระนาภี เมื่อเจ้าจอมมารดาเปี่ยมเห็นเช่นนั้นจึงทูลว่า "ขอประทานโทษเถอะนะเพคะ มองดูแล้วเหมือนกับคนท้องไม่มีผิด" พระองค์หญิงก็ทรงตอบว่า "ก็ดูเถอะค่ะ โรคเวรโรคกรรมอะไรก็ไม่รู้" ไม่นานหลังจากนั้นพระองค์ก็ประสูติพระโอรสในตำหนัก แล้วเอาเด็กใส่กระโถนปิดฝาเอาไว้ พอดีพระเจ้าน้องนางเธอพระองค์หนึ่งเสด็จมาเยี่ยม แต่ได้ทรงเปิดดูกระโถนก็ทรงเห็นเด็กแดง ๆ ความจึงแตก ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ จ.ศ. 1245 (พ.ศ. 2429) บันทึกไว้ว่า ไม่กี่วันต่อมาเมื่อความทราบถึงฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ได้เสด็จออกสั่งเรื่องความผิดในวังคราวนี้ ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 ความว่า “๔ ทุ่มเศษ เสด็จออกทรงสั่งเรื่องคลอดลูก ว่าด้วยพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ประพฤติการชั่วอย่างอุกฤษฎ์ อย่างนี้เป็นมหันตโทษ ควรริบราชบาตรเป็นหลวง ถอดจากยศบรรดาศักดิ์ลงพระราชอาญา ๙๐ ที ประหารชีวิต แต่ทรงพระมหากรุณาอยู่ จึงโปรดเกล้าฯ ให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง สำหรับจ่ายซ่อมแปลงพระอารามแลสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงสร้างไว้ แลให้ยกโทษเฆี่ยน ๙๐ ประหารชีวิต ให้ออกจากยศบรรดาศักดิ์ลงเป็นหม่อม เอาท้ายชื่อคือเยาวลักษณ์อรรควรสุดาออกเสีย เรียกแต่หม่อมยิ่งคำเดียว...” อย่างไรก็ตามพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระกรุณาด้วยทรงเห็นว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฝ่ายใน ประกอบกับก่อนหน้านี้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยมีพระราชกระแสเมื่อครั้งยังดำรงพระอิสริยยศเป็น กรมขุนพินิตประชานาถ ความว่า "...ถ้าเจ้าได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ในกระบวนพี่น้องทั้งหมด จะมีพระองค์หญิงหนึ่งองค์ และพระองค์ชายอีกหนึ่งองค์ ทรงกระทำความผิดเป็นมหันตโทษ ขอให้ไว้ชีวิตพระองค์เจ้าพี่น้องทั้งสองพระองค์ด้วย..." ดังนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานอภัยโทษเฆี่ยน 90 ที (3 ยก) กับโทษประหารเสียด้วย แต่โปรดเกล้าให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์, อวิญญาณกทรัพย์ เข้าเป็นของหลวงสำหรับซ่อมแซมพระอารามและสิ่งก่อสร้างที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างไว้ ทั้งถอดยศพระองค์เจ้าให้เป็นหม่อมเรียกอย่างสามัญชน และให้จำสนม (คุกฝ่ายใน) นอกจากนั้นให้ทำตามลูกขุนผู้พิจารณาปรับโทษ ดังปรากฏในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน ตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 มีข้อความตอนหนึ่งว่า "เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ เสด็จออกรับสั่งเรื่องหม่อมยิ่ง ซึ่งลูกขุนปรึกษาวางบทลงโทษ หม่อมยิ่ง อ้ายโต อีเผือก ผู้ล่วงพระราชอาญามีความผิดเป็นมหันตโทษ ให้ริบราชบาตรสวิญญาณกทรัพย์อวิญญาณกทรัพย์เป็นของหลวง ให้ลงพระอาญา ๓ ยก ๙๐ ที เอาตัวไปประหารชีวิตอย่าให้ผู้ใดดูเยี่ยงอย่างนั้น หม่อมยิ่งแลอีเผือกผู้ชักสื่อ ให้งดโทษประหารชีวิต นอกนั้นให้ทำตามลูกขุนปรับแล้วเสด็จขึ้น" ส่วนทิดโต กล่าวกันว่าทิดโตพูดจาโอหังมาก จึงถูกตบด้วยกะลาทั้งขนซึ่งถือเป็นการลงโทษที่รุนแรงมาก และสุดท้ายก็ต้องรับโทษตามกฎมณเฑียรบาลทุกประการ โดยการตัดศีรษะที่วัดพลับพลาไชย (ปัจจุบันคือบริเวณข้างธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาพลับพลาไชย) หม่อมยิ่งถูกจำสนมจนกระทั่งเสียชีวิตในช่วงปี พ.ศ. 2429 (บ้างว่าสิ้นชีพในโทษปีกุน พ.ศ. 2430) ก่อนการเสียชีวิตของหม่อมยิ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงมีความหม่นหมองในพระราชหฤทัยแม้เหตุการณ์จะผ่านมาแล้วก็ตาม มีพระราชหัตถเลขาถึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ที่ทรงระบายความทุกข์เกี่ยวความบาดหมางกับวังหน้า และมีข้อความส่วนหนึ่งกล่าวถึงหม่อมยิ่ง ความว่า "...เห็นท่านพระองค์ใหญ่ยิ่งเยาวลักษณ์ครั้งนี้ก็โซม [โทรม] มากทีเดียว กลัวหม่อมฉันจะเป็นบ้าง แต่จะเพียงนั้นหรือจะยิ่งกว่าก็ไม่ทราบ..." อันแสดงให้เห็นถึงความทุกข์ร้อนตรอมพระทัยของหม่อมยิ่ง รวมทั้งความไม่สบายพระราชหฤทัยของพระเจ้าแผ่นดินจากเหตุการณ์ครั้งนั้นผลสืบเนื่อง ผลสืบเนื่อง. หลังจากกรณีอันอื้อฉาวของหม่อมยิ่งเป็นต้นมานั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงออกกฎมณเฑียรบาลใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ข้อ เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำรอยขึ้นอีก คือ พระที่จะมาเทศน์ที่วัดพระแก้วได้ต้องเป็นพระธรรมกถึก ที่มีอายุเกิน 45 ปี และเจ้านายฝ่ายในที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ออกมาฟังเทศน์ที่วัดพระแก้วได้ ต้องเป็นสตรีสูงอายุที่มีอายุมากกว่า 40 ดังปรากฏข้อความในพระราชบัญญัติเกี่ยวกับพระภิกษุสงฆ์และพระราชสำนักฝ่ายใน ความว่า "ห้ามมิให้พระภิกษุสงฆ์ที่มีพรรษาต่ำกว่ายี่สิบ [หมายถึงบวชไม่ถึง 20 ปี] ห้ามมิให้เข้าในพระบรมมหาราชวังชั้นใน ส่วนฝ่ายหญิงอุบาสิกาผู้ใฝ่พระธรรมเพียงไรก็ตาม ถ้าอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีแล้วไซร้ ห้ามมิให้ออกมาฟังเทศน์ ถืออุโบสถศีลที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นอันขาด ประกาศมา ณ วันศุกร์ เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ ปีจอ อัฐศก ศักราช ๑๒๔๘ อันเป็นวันที่ ๖๖๔๔ ในรัชกาลปัจจุบัน"พระเกียรติยศพระอิสริยยศพระเกียรติยศ. พระอิสริยยศ. - พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา (21 มกราคม พ.ศ. 2395 — 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411) - พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ อรรคราชสุดา (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2411 — 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429) - หม่อมยิ่ง (21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2429 — 2 กันยายน 2429)เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (เรียกคืน)พงศาวลี
เจ้าจอมมารดาแพ
719
733
198
1
สะพานชมัยมรุเชฐอยู่บนถนนพิษณุโลก เป็นสะพานข้ามคลองอะไร
สะพานชมัยมรุเชฐ สะพานชมัยมรุเชฐ เป็นสะพานข้ามคลองเปรมประชากร อยู่บนถนนพิษณุโลกบริเวณแยกพาณิชยการจุดจัดกับถนนพระรามที่ 5 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โรงเรียนราชวินิต มัธยม และใกล้เคียงกับวัดเบญจมบพิตร สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2444 โดยสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงสร้างเพื่ออุทิศถวายแด่สมเด็จพระเชษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ เนื่องในวโรกาสที่ในปีนั้น พระองค์มีพระชนมายุ 15 พรรษา และจะก้าวเข้าสู่พระชนมายุ 17 พรรษา เสมอด้วยพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ โดยชื่อของสะพานได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สะพานชมัยมรุเชฐ" (ในราชกิจจานุเบกษาสะกดว่า "ชมัยมรุเชษฐ") ซึ่งหมายถึง "พี่ชายผู้เป็นเทพ 2 พระองค์" ปัจจุบัน สะพานชมัยมรุเชฐถูกต่อเติมขยายออกไปจนหมดสภาพดั้งเดิม คงเหลือเพียงป้ายโลหะชื่อสะพาน ที่ยังเป็นของเดิม
คลองเปรมประชากร
134
149
199
1
สะพานชมัยมรุเชฐ อยู่บนถนนพิษณุโลก ก่อสร้างในรัชกาลใด
สะพานชมัยมรุเชฐ สะพานชมัยมรุเชฐ เป็นสะพานข้ามคลองเปรมประชากร อยู่บนถนนพิษณุโลกบริเวณแยกพาณิชยการจุดจัดกับถนนพระรามที่ 5 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร โรงเรียนราชวินิต มัธยม และใกล้เคียงกับวัดเบญจมบพิตร สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2444 โดยสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงสร้างเพื่ออุทิศถวายแด่สมเด็จพระเชษฐา 2 พระองค์ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสมมติวงศ์วโรทัย กรมขุนศรีธรรมราชธำรงฤทธิ์ เนื่องในวโรกาสที่ในปีนั้น พระองค์มีพระชนมายุ 15 พรรษา และจะก้าวเข้าสู่พระชนมายุ 17 พรรษา เสมอด้วยพระเชษฐาทั้งสองพระองค์ โดยชื่อของสะพานได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "สะพานชมัยมรุเชฐ" (ในราชกิจจานุเบกษาสะกดว่า "ชมัยมรุเชษฐ") ซึ่งหมายถึง "พี่ชายผู้เป็นเทพ 2 พระองค์" ปัจจุบัน สะพานชมัยมรุเชฐถูกต่อเติมขยายออกไปจนหมดสภาพดั้งเดิม คงเหลือเพียงป้ายโลหะชื่อสะพาน ที่ยังเป็นของเดิม
รัชกาลที่ 5
380
391
200
1
พ่อของอาจารย์สมพร ยกตรี คือใคร
สมพร ยกตรี อาจารย์สมพร ยกตรี (6 สิงหาคม พ.ศ. 2479 - 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551) เป็นผู้ก่อตั้งภาควิชาเทคโนโลยีภูมิทัศน์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน ร่วมกับรองศาสตราจารย์ศิริชัย หงษ์วิทยากร และอาจารย์โสภณ มงคลวัจน์ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2479 และถึงแก่กรรมในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2551 ท่านเป็นผู้ริเริ่มโครงการ 80 พรรษา 8 พรรณไม้หมายเมือง และไม้หมายทาง ตลอดชีวิตการทำงานทุ่มเทให้กับการสอนในวิชาชีพภูมิทัศน์ รวมทั้งด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จนเป็นที่ยอมรับ และได้รับการขนานนามว่าเป็น "เก๊าไม้ ล้านนา"ประวัติ ประวัติ. นายสมพร ยกตรี มีตำแหน่งสุดท้ายเป็นอาจารย์ระดับ 7 บิดาชื่อนายคำแสน ยกตรี มาราดาชื่อนางเต่า ยกตรี เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 6คนการศึกษา การศึกษา. ประวัติการศึกษา- 2515 วิทยาศาสตร์บัณฑิต(ศึกษาศาสตร์เกษตร) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ - 2504-2505 ประโยคมัธยมกสิกรรม วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ - 2498-2500 ประโยคอาชีวขั้นสูง แผนกเกษตร วิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ - 2491-2497 มัธยมศึกษาตอนปลายชั้นปีที่ 6 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย - 2486-2490 ประถมศึกษา โรงเรียนเทศบาล 2 จังหวดเชียงใหม่ประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. ประวัติการทำงานของท่าน- 2501 บรรจุเข้ารับราขการ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 - 2522-2526 หัวหน้าภาควิชาตกแต่งบริเวณและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม - 2523 หัวหน้าสาขาวิชาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกียรติประวัติ และผลงานผลงานทางวิชาการเกียรติประวัติ และผลงาน. ผลงานทางวิชาการ. - "หมอต้นไม้ และ แนวคิดเกี่ยวกับต้นไม้ในมหาวิทยาลัยแม่โจ้" บทความในหนังสือ "เก๊าไม้แม่โจ้" - "การศึกษาความหลากหลายของพรรณไม้ในพื้นที่ป่าบ้านโป่ง" รายงานประชุมทางวิชาการ ครั้งที่ 3, มหาวิทยาลัยแม่โจ้.ผลงานด้านอื่นๆผลงานด้านอื่นๆ. - 2550 โครงการ80 พรรษา 8 พรรณไม้หมายเมือง และไม้หมายทาง - ก่อตั้งภาควิชาเทคโนโลยีภูมิทัศน์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในปัจจุบัน) - 2540 ถวายงานพันธุกรรมพืช โครงการส่วนพระองค์ โครงการแม่แรม อำเภอแม่ริม - 2535 จัดถวายงานภูมิทัศน์พระตำหนักดอยตุง - 2524 จัดสร้างอนุสาวรีย์สี่แยกผู้ใช้แรงงาน - 2521-2524 ก่อตั้งภาควิชาวางผังและตกแต่งบริเวณ - 2522 ปรับปรุงศาลเจ้าแม่โจ้ - 2521 สวนรวมพรรณไม้แม่โจ้(สวนป่าบุญศรี ณ วังซ้าย)เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์. ตลอดชีวิตของท่านได้ทำผลงานเป็นที่ประจักษ์ และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้- 2511 บช เบญจมาภรณ์ช้างเผือก - 2519 จม จัตรุถาภรณ์มงกุฎไทย - 2520 รัตนาภรณ์ พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศ - 2522 จช จัตรุถาภรณ์ช้างเผือก - 2524 ตม ตริตาภรณ์มงกุฎไทย - 2526 จม จักรพรรดิมาลา - 2527 ตช ตริตาภรณ์ช้างเผือก - 2532 ทม ทวิติยาภรณ์มงกุฎไทย - 2536 ทช ทวิติยาภรณ์ช้างเผือก
นายคำแสน ยกตรี
737
751