question_id
int64
1
17k
question_type
int64
1
2
question
stringlengths
11
207
context
stringlengths
56
98.9k
answer
stringlengths
1
135
answer_begin_position
float64
79
65.4k
answer_end_position
float64
82
65.4k
401
1
วัดเขาจีนแล ตั้งอยู่ที่ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดอะไร
วัดเขาจีนแล วัดเขาจีนแล เป็นวัดในจังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่ที่ ตำบลนิคมสร้างตนเอง อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ตั้งอยู่หุบเขาจีนแลในท้องที่ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดลพบุรีประมาณ 18 กิโลเมตร การคมนาคมสะดวกทั้งปี อยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำซับเหล็ก แต่เดิมบริเวณวัดนี้เป็นป่าทึบเต็มไปด้วยป่าไผ่ หลวงพ่อลี (พระครูอุบาลี ธรรมาจารย์) ได้เดินธุดงค์มาถึงที่นี่ เห็นภูมิประเทศเหมาะสมดี จึงหยุดยั้งอยู่และตั้งสำนักสงฆ์ขึ้น วัดเขาจียแลนี้เป็น สถานที่สงบร่มรื่นธรรมชาติสวยงามเพราะตั้งอยู่กลางหุบเขา ภูเขาล้อมรอบทั้งสี่ด้าน พระพุทธรูปสำคัญ 2 องค์ คือ พระพุทธรูปใหญ่ ที่หลวงพ่อลีสร้าง และพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงสร้างถวายซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขา ที่วัด แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อนชมธรรมชาติหรือไปแสวงบุญ มีโบสถ์รูปร่างแปลกสวยงามสำหรับให้บำเพ็ญธรรม มีสำนักชีคอยบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ไปเที่ยวและไปทำบุญและยังมีหอสมุดของวัดซึ่งมีหนังสือธรรมะต่าง ๆ มากมายไว้บริการ เวฬุวันหรือวัดเขาจีนแล เมื่อผ่านทุ่งทานตะวันไปแล้ว ก็จะตรงเข้าสู่เขตวัดเขาจีนแล โดยจะผ่านเข้าปากหนุมาน ที่อ้าปากทำเป็นซุ้มประตูรอรับศรัทธาที่จะมายังวัด สมกับที่ได้ชื่อว่าลพบุรีเป็นเมืองหนุมาน ผ่านเข้าปากหนุมานไปแล้ว ถนนก็ยังคงดิ่งสู่เชิงเขาเรื่อยไป วัดจะตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่เชิงเขาหรือบนเขา สร้างไว้สวย มีบันไดสำหรับทางขึ้นเขาจำนวน 439 ขั้น
จังหวัดลพบุรี
182
195
402
1
หอดูดาวที่มีกล้องโทรทรรศน์วิทยุเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่จังหวัดใดในเปอร์โตริโก
อาเรซีโบ อาเรซีโบ () เป็นจังหวัดหนึ่งใน 78 จังหวัดทางตอนเหนือของเปอร์โตริโก ตั้งอยู่บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศเหนือค่อนไปทางทิศตะวันตกของเกาะเปอร์โตริโก ห่างจากซานฮวน เมืองหลวงของเปอร์โตริโก ประมาณ 80 กิโลเมตร ชาวสเปนเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2099 และก่อตั้งเป็นเมืองอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2159 อาเรซีโบเป็นที่ตั้งของหอดูดาวอาเรซีโบ ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อาเรซีโบ
446
454
403
1
แม่ของบุญส่ง เทพพิมล คือใคร
บุญส่ง เทพพิมล นายบุญส่ง เทพพิมล เป็นหัวหน้าคณะมวย ณ ศรีวิชัย ซึ่งสืบสายเลือดมาจากเต็ง เทพพิมล และเป็นหลานของนุช เทพพิมล นักมวยชื่อดังของไชยา รวมทั้งเป็นหลานของตาเริก อดีตนายกองมวยบ้านวียง นักชกผู้นี้เคยต่อกรกับไอ้ยางตัน ทองใบ ยนตรกิจมาแล้ว บุญส่งเป็นบุตรแม่เอียด เทพพิมล ที่บ้านเวียง ตำบลตลาด เคยฝึกมวยตั้งแต่อายุประมาณ 16-17 ปี เคยชกมาไม่น้อยกว่า 90 ครั้ง โดยตระเวนชกตั้งแต่ชุมพรตลอดภาคใต้เขาเคยพิชิตไอ้ลิงดำ นบ ชมศรีเมฆ เป็นประวัติการณ์เพียงในยกแรก และหมัดแรก ท่ามกลางความตกตลึงพรึงเพริดของบรรดาผู้ไม่เคยคาดคิด นายนบ หรือลิงดำโซเซลุกขึ้นได้ ขณะที่ผู้ตัดสินนับยังไม่ถึงแปด นบลุกขึ้นมามิใช่เพื่อต่อสู้กับนายบุญส่ง เขาลุกขึ้นมายืนด้วยขาสั่นเทา หมัดห้อยข้างลำตัว ตาลอย แสยะปากเห็นฟันขาว เพื่อรับหมัดเหวี่ยงควายเข้าปุ่มแอก แล้วล้มตึงคว่ำหน้าไม่ไหวติงอีกเลย นายนบ ชมศรีเมฆ อ้ายลิงดำจอมทรหด ซึ่งมวยไทย และมวยเทศสมัยเป็นสวนสนุก ไม่เคยมีใครทำให้เขาหมอบได้เลย ต้องหมอบด้วยฝีมือนายแผลด หรือบุญส่ง เทพพิมล เมื่อกลับเข้ากรุงเทพฯ นายนบ ชมศรีเมฆ ต้องผละจากอาชีพการชกมวย เพราะเสียคนด้วยโรคเมาหมัดและอายุสั้น นอกจากนั้น นายบุญส่ง เทพพิมล ยังเคยชนะแก้ว เลือดเมืองกาญจน์, ปฐม บุญยเกียรติ เคยเสมอกับ อุดม สุขเลิศ และผลัดแพ้ผลัดชนะกับ อารีย์ แม่นดี แห่งเมืองสงขลา ถึง 6 ครั้ง ปัจจุบันอายุ 66 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ที่ 4 ต.ตลาด มีชีวิตอยู่อย่างสงบและสุขสบาย
แม่เอียด เทพพิมล
345
361
404
1
ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล เป็นละครเวทีที่ดัดแปลงบทประพันธ์ของใคร
ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล เป็นละครเวที โดย The Musicals Society of Bangkok ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อเดียวกัน ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชนักแสดงนักแสดง. - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงรับบทเป็น นางนิวฮูลู่ พระมารดาของซูสีไทเฮา - กานดา วิทยานุภาพยืนยง รับบท ซูสีไทเฮา - สุรุจ ทิพากรเสนี รับบท ลีเลียนยิง ขันทีคนสนิทของซูสีไทเฮา - สุวีระ บุญรอด รับบท จักรพรรดิเสียนเฟิง - ภูดิท ขุนชนะสงคราม รับบท ยุงลู - สุดาพิมพ์ โพธิภักติ รับบท ซูอันไทเฮา
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
229
256
405
1
ผู้ที่รับบทเป็นซูสีไทเฮาในละครเวทีเรื่องซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล คือใคร
ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล เป็นละครเวที โดย The Musicals Society of Bangkok ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อเดียวกัน ของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชนักแสดงนักแสดง. - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงรับบทเป็น นางนิวฮูลู่ พระมารดาของซูสีไทเฮา - กานดา วิทยานุภาพยืนยง รับบท ซูสีไทเฮา - สุรุจ ทิพากรเสนี รับบท ลีเลียนยิง ขันทีคนสนิทของซูสีไทเฮา - สุวีระ บุญรอด รับบท จักรพรรดิเสียนเฟิง - ภูดิท ขุนชนะสงคราม รับบท ยุงลู - สุดาพิมพ์ โพธิภักติ รับบท ซูอันไทเฮา
กานดา วิทยานุภาพยืนยง
379
400
406
1
อาเมเรีย จาคอปได้ตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 บ้านเกิดอยู่ในจังหวัดใด
อาเมเรีย จาคอป อาเมเรีย จาคอป (10 ตุลาคม พ.ศ. 2531 — ) เป็นนักแสดงและผู้ชนะการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เดอะกิ๊ก 2 และแสดงนำในละครช่อง 7 สีเรื่อง ธิดาวานร และ ธิดาวานรภาค 2 จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนสตรีภูเก็ต และสำเร็จการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก เป็นลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. เอมี่ ถือได้ว่าเป็นชาวภูเก็ตโดยกำเนิด เพราะเธอเติบโตและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นั่น และครอบครัวยังทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดโรงแรมอยู่ที่หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต ส่วนการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงนั้น เธอแจ้งเกิดมาจากเวทีการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ จากคำชักชวนของเพื่อน ๆ บวกกับการอยากเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง จึงทำให้เธอตัดสินใจเข้าประกวด และท้ายที่สุดเธอก็สามารถคว้าตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 มาครองได้สำเร็จ ปี 2556 กลับหวนคืนจอละครอีกครั้ง สำหรับสาว "'เอมี่ อาเมเรีย จาคอป"' หลังจากหายหน้าหายตาไปเรียน พร้อมทั้งช่วยธุรกิจที่บ้าน ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาบอกว่าไม่ได้ต่อสัญญากับช่อง 7 แล้ว เพราะทำใจผู้ใหญ่ดันเด็กใหม่มากกว่า กลับมาเล่นละครอีกครั้ง ห่างไปปี 1 ปี 2557 อาเมเรีย จาคอป ได้เซ็นสัญญากับค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เป็นเวลา 5 ปี แต่เธอก็ต้องถูกต้นสังกัดยกเลิกสัญญาในวันที่ 20 กันยายน 2560 เนื่องจากเธอถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ในคดียาเสพติดข้อหาเสพยาไอซ์ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560 เอมี่ถูกตำรวจจับกุมพร้อมกับแฟนหนุ่มของเธอในข้อหาเสพยาไอซ์ และมียาเสพติดไว้ในครอบครองผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3- ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5ผลงานละครสั้นผลงานละครสั้น. - พ.ศ. 2555 ฟ้ามีตา ตอน ทำไมต้องเธอ ช่อง 7ภาพยนตร์รางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 - ท็อปอวอร์ด 2008 สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม - พ.ศ. 2560 – รางวัลสยามมโนรีและอภิชาตบุตร จากสภาศิลปวัฒนธรรมจิตตานุภาพ
ภูเก็ต
452
458
407
1
อาเมเรีย จาคอป ผู้ชนะการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 ถูกจับกุมในคดีอะไร
อาเมเรีย จาคอป อาเมเรีย จาคอป (10 ตุลาคม พ.ศ. 2531 — ) เป็นนักแสดงและผู้ชนะการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 มีผลงานภาพยนตร์เรื่อง เดอะกิ๊ก 2 และแสดงนำในละครช่อง 7 สีเรื่อง ธิดาวานร และ ธิดาวานรภาค 2 จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนสตรีภูเก็ต และสำเร็จการศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกริก เป็นลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. เอมี่ ถือได้ว่าเป็นชาวภูเก็ตโดยกำเนิด เพราะเธอเติบโตและศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่นั่น และครอบครัวยังทำธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดโรงแรมอยู่ที่หาดกมลา จังหวัดภูเก็ต ส่วนการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงนั้น เธอแจ้งเกิดมาจากเวทีการประกวดมิสทีนไทยแลนด์ จากคำชักชวนของเพื่อน ๆ บวกกับการอยากเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง จึงทำให้เธอตัดสินใจเข้าประกวด และท้ายที่สุดเธอก็สามารถคว้าตำแหน่งมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 มาครองได้สำเร็จ ปี 2556 กลับหวนคืนจอละครอีกครั้ง สำหรับสาว "'เอมี่ อาเมเรีย จาคอป"' หลังจากหายหน้าหายตาไปเรียน พร้อมทั้งช่วยธุรกิจที่บ้าน ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาบอกว่าไม่ได้ต่อสัญญากับช่อง 7 แล้ว เพราะทำใจผู้ใหญ่ดันเด็กใหม่มากกว่า กลับมาเล่นละครอีกครั้ง ห่างไปปี 1 ปี 2557 อาเมเรีย จาคอป ได้เซ็นสัญญากับค่ายบรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น เป็นเวลา 5 ปี แต่เธอก็ต้องถูกต้นสังกัดยกเลิกสัญญาในวันที่ 20 กันยายน 2560 เนื่องจากเธอถูกตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 ในคดียาเสพติดข้อหาเสพยาไอซ์ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560 เอมี่ถูกตำรวจจับกุมพร้อมกับแฟนหนุ่มของเธอในข้อหาเสพยาไอซ์ และมียาเสพติดไว้ในครอบครองผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 - ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3- ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5ผลงานละครสั้นผลงานละครสั้น. - พ.ศ. 2555 ฟ้ามีตา ตอน ทำไมต้องเธอ ช่อง 7ภาพยนตร์รางวัลที่ได้รับรางวัลที่ได้รับ. - มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 - ท็อปอวอร์ด 2008 สาขาดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม - พ.ศ. 2560 – รางวัลสยามมโนรีและอภิชาตบุตร จากสภาศิลปวัฒนธรรมจิตตานุภาพ
คดียาเสพติด
1,275
1,286
408
1
วัดพระศรีสรรเพชญ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา เดิมเป็นที่ประทับของกษัตริย์พระองค์ใด
วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระศรีสรรเพชญ์ หรือ วัดพระศรีสรรเพชญ เป็นอดีตวัดหลวงประจำพระราชวังโบราณ อยุธยา ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทางทิศเหนือของวิหารพระมงคลบพิตรในเขตอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สร้างชึ้นราวปี พ.ศ. 1991 โดยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ วัดพระศรีสรรเพชญ์ มีจุดที่น่าสนใจที่สำคัญคือเจดีย์ทรงลังกา จำนวนสามองค์ที่วางตัวเรียงยาวตลอดทิศตะวันออกและทิศตะวันตก สร้างขึ้นเป็นองค์แรกทางฝั่งตะวันออก เมื่อปี พ.ศ. 2035 โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เพื่อบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พระราชบิดา) ต่อมาในปี พ.ศ. 2042 ก็ทรงให้สร้างเจดีย์องค์ต่อมา (องค์กลาง) ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเชษฐาต่างพระมารดาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) และเจดีย์ฝั่งตะวันตกของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 และในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 ก็ทรงสร้างเจดีย์อีกองค์ในฝั่งทิศตะวันตกให้ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระราชบิดา รวมเป็นสามองค์ตามปัจจุบัน วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นวัดประจำวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างจากวัดมหาธาตุ สุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา จึงกลายเป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ในเวลาต่อมาประวัติ ประวัติ. วัดพระศรีสรรเพชญ์ เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงสร้างพระราชมณเฑียรขึ้นใหม่ทางตอนเหนือ แล้วจึงโปรดฯให้ยกเป็นเขตพุทธาวาส เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงเป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างกับวัดมหาธาตุสุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ สุโขทัย วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างวัดเดียวกันนั่นคือสร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง ต่อมาในปี พ.ศ. 2035 รัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์องค์ตะวันออก เพื่อบรรจุพระอัฐิของพระราชบิดา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และพระสถูปเจดีย์องค์กลางเพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ผู้เป็นพระเชษฐา หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2042 พระองค์โปรดให้สร้างพระวิหารหลวงขึ้น ในปีต่อมา พ.ศ. 2043 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างพระวิหาร ทรงหล่อพระพุทธรูป ยืนสูง 8 วา (ประมาณ 16 เมตร) หุ้มด้วยทองคำหนัก 286 ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม) ประดิษฐานไว้ในวิหาร ถวายพระนามว่า พระศรีสรรเพชญดาญาณ ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 1โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาประดิษฐานวัดพระเชตุพน และบรรจุชิ้นส่วนซึ่งบูรณะไม่ได้เหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้วพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า เจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ เจดีย์องค์ที่ 3 ถัดมาจากด้านทิศตะวันตกเป็น เจดีย์บรรจุพระอัฐิ ของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4(พระหน่อพุทธางกูร) พระราชโอรสได้โปรดให้สร้างขึ้น เจดีย์ทั้งสามองค์นี้เป็นเจดีย์แบบลังกา ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมพระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้าง พระที่นั่งจอมทอง ตั้งอยู่ใกล้ๆ กำแพงทางด้านติดกับ วิหารพระมงคลบพิตร เพื่อให้เป็นสถานที่ให้พระสงฆ์บอกเล่าหนังสือพระสงฆ์ ราวรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลวงแห่งนี้เป็นครั้งแรก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าได้ดำเนิน การขุดสมบัติจากกรุภายในเจดีย์ พบพระพุทธรูป เครื่องทอง มากมาย และในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีการบูรณะวัดนี้จนมีสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบันระเบียงภาพ
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1
1,210
1,233
409
1
ประเทศบ้านเกิดของรูดอล์ฟ เชงเคอร์สมาชิกผู้ก่อตั้งวงเฮฟวี่เมทัล คือประเทศอะไร
รูดอล์ฟ เชงเคอร์ รูดอล์ฟ เชงเคอร์ () เกิดวันที่ 31 สิงหาคม 1948 ที่ฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน เขาเป็นมือกีต้าร์เยอรมันและสมาชิกผู้ก่อตั้งวงเฮฟวี่เมทัล วงสกอร์เปียนส์ เขาเป็นมือกีตาร์และนักแต่งเพลงหลักของวง เขาตั้งวงเมื่อปี 1965 ในขณะที่เขาอายุ 17 ปี หลังจากเริ่มฝึกโดย Fender Stratocaster เขาเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในตำแหน่ง กีตาร์ไฟฟ้า และกีตาร์โปร่งของวง ในการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับอัลบั้ม 'World Wide Live' เขากล่าวว่าเป้าหมายของเขาไม่ได้ที่จะกลายเป็นมือกีต้าร์ที่ดีที่สุดหรือเก่งที่สุด แต่ต้องการที่จะเป็นนักแต่งเพลงที่ดีที่สุด ในที่สุดวงสกอร์เปียนส์ก็ได้มือกีตาร์ฝีมือดีคือ Matthias Jabs มาเล่นโดยมีข้อแม้ว่าทุกเพลงที่เล่นจะต้องให้ตนเป็นผู้โซโลกีตาร์ เช่นเพลง"Wind of Change""Always Somewhere", "Still Loving You", "As Soon as the Good Times Roll", "Through My Eyes" "Coast to Coast" และ "Big City Nights" น้องชายของเขา Michael Schenker ที่เป็นสมาชิกของวงสกอร์เปียนส์ตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนที่จะออกจากวงเพื่อไปเล่นกีตาร์ให้กับวงUFO ในปี 2000เขาได้รับรางวัลเมืองที่เมืองฮันโนเวอร์คือแผ่นเสียงทองคำอีกด้วย
ประเทศเยอรมัน
170
183
410
1
พระที่นั่งใดในพระราชวังบางประอินที่ไม่อนุญาตให้เข้าชมภายในพระที่นั่งได้
พระราชวังบางปะอิน พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่ในตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ห่างจากเกาะเมืองลงมาทางทิศใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร เป็นพระราชวังโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เนื่องจากเป็นที่ประสูติของพระองค์ ใช้เป็นสถานที่ที่ทรงใช้ประทับแรม ของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ด้วยเป็นพระราชวังใกล้พระนครนั่นเอง หลังจากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระราชวังบางปะอินถูกปล่อยให้รกร้างมาระยะหนึ่ง แต่กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งโดยสุนทรภู่ซึ่งได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรีได้ประพันธ์ถึงพระราชวังบางปะอินไว้ในนิราศพระบาท จนกระทั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงได้เริ่มการบูรณะพระราชวังขึ้น และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้บูรณะครั้งใหญ่ โดยสร้างพระที่นั่ง พระตำหนัก และตำหนักต่าง ๆ ขึ้นมากมายเพื่อใช้เป็นที่ประทับรับรองพระราชอาคันตุกะ และพระราชทานเลี้ยงในโอกาสต่าง ๆ ปัจจุบัน พระราชวังบางปะอินอยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง และยังใช้เป็นสถานที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้าย แต่ได้เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมได้ โดยต้องแต่งกายให้สุภาพประวัติ ประวัติ. มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเอกาทศรถ ยังทรงดำรงพระยศพระมหาอุปราช วันหนึ่งพระองค์ได้เสด็จประพาสทางชลมารค เมื่อถึงบริเวณเกาะบางปะอิน เรือพระที่นั่งถูกพายุใหญ่พัด ทำให้เรือพระที่นั่งล่มลง สมเด็จพระเอกาทศรถทรงว่ายน้ำขึ้นไปบนเกาะนี้ ซึ่งเดิมชื่อ "เกาะบ้านเลน" และประทับอยู่กับชาวบ้าน ในระหว่างประทับอยู่ ณ ที่นี้ สมเด็จพระเอกาทศรถได้หญิงชาวเกาะเป็นบาทบริจาริกา มีนามว่า "อิน" จึงเป็นเหตุให้คนทั่วไปเรียกเกาะนี้ต่อมาว่า "เกาะบางปะอิน" ต่อมาเมื่อพระองค์จะเสด็จกลับ พระองค์ก็ทรงพานางอินนี้กลับไปกรุงศรีอยุธยาด้วย นางอินผู้นี้จึงเป็นพระสนมในเวลาต่อมา และมีพระราชโอรสด้วยกัน เล่ากันว่าพระราชโอรสพระองค์นั้น คือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง เมื่อปี พ.ศ. 2175 หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นตรงบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระมารดา และได้พระราชทานนามว่า "วัดชุมพลนิกายาราม" และได้สร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งเพื่อฉลองการที่พระราชเทวีประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระนารายณ์ราชกุมาร พระราชทานนามว่า "พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์" พระราชวังบางปะอินจึงเป็นสถานที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในฤดูร้อนสืบเนื่องกันมา จนกระทั่ง กรุงศรีอยุธยาได้เสียแก่พม่าเมื่อปี พ.ศ. 2310 ซึ่งทำให้พระราชวังแห่งนี้ถูกปล่อยให้รกร้างไป พระราชวังบางปะอินกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง เมื่อสุนทรภู่ได้ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ซึ่งได้เดินทางผ่านพระราชวังบางปะอิน และได้ประพันธ์ถึงพระราชวังแห่งนี้ในนิราศพระบาท ว่า ครั้นมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังกรุงศรีอยุธยา ประพาสผ่านพระราชวังบางปะอิน ทอดพระเนตรเห็นความร่มรื่นโดยรอบเป็นที่ต้องพระราชหฤทัย อีกทั้งยังเป็นเขตพระราชวังเก่าในสมัยกรุงศรีอยุธยา จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระราชวังบางปะอิน โดยสร้างพระที่นั่งองค์หนึ่งเป็นที่ประทับ เรือนแถวสำหรับเจ้านายฝ่ายในหนึ่งหลัง พลับพลาริมน้ำ และพลับพลากลางเกาะ พร้อมทั้งปฏิสังขรณ์วัดชุมพลนิกายารามขึ้นใหม่ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า บางปะอินเป็นเกาะกลางน้ำ มึความเงียบสงบ มีเส้นทางการเดินเรือได้หลายทาง สมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และเป็นสถานที่เสด็จประพาสของพระบรมชนกนาถ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ สำหรับแปรพระราชฐานดังที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้บริเวณพระราชวัง บริเวณพระราชวัง. พื้นที่ของพระราชวังบางปะอินนั้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นนอก. เขตพระราชฐานชั้นนอกนั้น เป็นบริเวณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้สำหรับการออกมหาสมาคมหรือประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วย- หอเหมมณเฑียรเทวราช หรือ ศาลพระเจ้าปราสาททอง สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2415 - 2419 มีลักษณะเป็นปรางค์ศิลา ซึ่งจำลองแบบจากปรางค์ขอม ภายในประดิษฐานเทวรูปพระเจ้าปราสาททอง ตั้งอยู่ ณ ริมสระน้ำใต้ต้นโพธิ์ - พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทโดยจำลองมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างพระบรมรูปหล่อสำริดของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขนาดเท่าพระองค์จริงในฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบกเพื่อนำมาประดิษฐาน ณ พระที่นั่งองค์นี้จนถึงปัจจุบัน - พระที่นั่งวโรภาษพิมาน รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2415 เพื่อใช้เป็นที่เสด็จออกว่าราชการ และใช้เป็นที่ประทับ เป็นตึก 2 ชั้น ศิลปะแบบคอรินเทียนออร์เดอร์ ปัจจุบัน พระที่นั่งองค์นี้ยังใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบรมวงศ์เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน - สภาคารราชประยูร เป็นตึกสองชั้น ตั้งอยู่ริมน้ำ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 สำหรับเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ ในรัชกาลที่ 5 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ และเจ้านายฝ่ายหน้า ปัจจุบัน ใช้เป็นที่แสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับพระราชวังบางปะอิน - กระโจมแตร เป็นกระโจมขนาดกลางแบบ Gazebo สร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งอยู่เยื้องกับพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ - เรือนแพพระที่นั่ง รัชกาลที่5ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สร้างขึ้นเป็นเรือนแพแบบไทยสร้างด้วยไม้สักทองหลังคามุงด้วยจากภายในจัดแบ่งห้องเป็นสัดเป็นส่วนรัชกาลที่5ใช้เป็นที่ประทับพักแรมในการเสด็จประพาสต้นและทรงสำราญพระอิริยาบถทางน้ำ โดยพระองค์เคยประทับเรือนแพพระที่นั่งไปทรงรับพระราชชายาเจ้าดารารัศมีจากเมืองเชียงใหม่ด้วยเขตพระราชฐานชั้นใน เขตพระราชฐานชั้นใน. เขตพระราชฐานชั้นใน เชื่อมต่อกับเขตพระราชฐานชั้นนอก ด้วยสะพานที่มีลักษณะพิเศษ คือมีแนวฉากคล้ายบานเกล็ดกั้นกลาง ตลอดแนวสะพาน เพื่อแบ่งเป็นทางเดินของฝ่ายหน้าด้านหนึ่งและฝ่ายในอีกด้านหนึ่ง ซึ่งฝ่ายในสามารถมองลอดออกมาโดยตัวเอง ไม่ถูกแลเห็น สะพานนี้เชื่อมจากพระที่นั่งวโรภาษพิมานกับประตูเทวราชครรไล ซึ่งเป็นประตูทางเข้าพระราชฐานชั้นในซึ่งเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระอัครมเหสี พระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน และข้าบาทบริจาริกา ประกอบด้วย- พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เป็นพระที่นั่งองค์ประธานของพระราชวังบางปะอิน เดิมเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น ทาสีเขียวอ่อนและเขียวแก่สลับกัน แต่เกิดไฟไหม้พระที่นั่งทั้งองค์ระหว่างการบูรณะเมื่อปี พ.ศ. 2481 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถจึงได้ขอพระบรมราชานุญาตให้สร้างพระที่นั่งองค์นี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นที่ประทับในการเสด็จแปรพระราชฐาน และรับรองพระราชอาคันตุกะ - หอวิฑูรทัศนา สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นที่ทอดพระเนตรโขลงช้างป่า และภูมิประเทศโดยรอบพระราชวัง เป็นหอสูง 3 ชั้น ทาสีเหลืองสลับแดง - เก๋งบุปผาประพาส สร้างขึ้นในรัชกาลที่5 ทรงใช้เป็นที่พักผ่อนพระราชอิริยาบถภายในพระราชอุทยาน - พระที่นั่งเวหาศน์จำรูญ เป็นพระที่นั่งองค์สุดท้ายที่สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมจีน เป็นพระที่นั่งที่สร้างขึ้นโดยชาวสยามเชื้อสายจีนฮากกาเพื่อถวายแด่รัชกาลที่ 5 พระที่นั่งองค์นี้ยังใช้ประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้ายจนถึงปัจจุบัน - พระตำหนักฝ่ายใน เป็นหมู่พระตำหนัก ตำหนัก และเรือนของพระบรมวงศ์ฝ่ายใน เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกชั้นเดียว และสองชั้น เรียงรายกัน แต่ในปัจจุบัน ได้มีการรื้อตำหนักลงบางส่วน - อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เป็นอนุสาวรีย์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสวรรคตในระหว่างการเสด็จแปรพระราชฐานมายังพระราชวังบางปะอิน - อนุสาวรีย์ราชานุสรณ์ เป็นอนุสาวรีย์ที่รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพาหุรัดมณีมัย และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตรีเพ็ชรุตม์ธำรง ซึ่งสิ้นพระชนม์ภายในปีเดียวกันประตูในเขตพระราชวัง ประตูในเขตพระราชวัง. พระราชวังบางปะอินมีประตูต่างๆดังนี้- ประตูราชกิจวิวรณ์ - ประตูสาครประพาส - ประตูเทวราชครรไล - ประตูอนงค์ในจรจรัล - ประตูเทวัญสถิต - ประตูสังฆสิทธิภัตรการ - ประตูนงคราญประเวศ - ประตูอัครเรศวรดิษฐ์เหตุการณ์สำคัญกรณีสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เหตุการณ์สำคัญ. กรณีสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี. สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เป็นพระราชธิดา ลำดับที่ 50 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2423 รัชกาลที่ 5 มีพระบรมราชโองการให้จัดเรือพระที่นั่งเพื่อเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์ แต่เนื่องจากพระองค์ทรงติดพระราชกิจ ไม่อาจเสด็จพระราชดำเนินไปตามกำหนดได้ จึงโปรดฯ ให้เรือพระที่นั่งของพระมเหสีเคลื่อนขบวนไปก่อน ระหว่างทางนั้น เรือพระประเทียบของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (พระยศขณะนั้น) ประสบอุบัติเหตุล่ม ทำให้พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ สิ้นพระชนม์ทั้งสองพระองค์ รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในพระครรภ์ (เวลานั้นทรงพระครรภ์ได้ 5 เดือน) หลังจากนั้น รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอนุสาวรีย์หินอ่อนขึ้น ณ พระราชวังบางปะอิน เพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ การต้อนรับพระราชอาคันตุกะ. พระราชวังบางปะอิน ใช้เป็นที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะหลายพระองค์ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการต้อนรับแกรนด์ดุ๊กซาร์วิตส์แห่งรัสเซีย (พระยศขณะนั้น) ณ พระราชวังบางปะอิน ในระหว่างวันที่ 20 - 24 มีนาคม พ.ศ. 2434 ซึ่งงานรับเสด็จในครั้งนั้นเป็นงานที่ใหญ่มาก จนกระทั่ง เกิดคำพูดสำหรับคนที่ทำอะไรใหญ่ ๆ โต ๆ ว่า "ยังกับรับซาร์แห่งรัสเซีย" นอกจากนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยังใช้รับรอง และพระราชทานเลี้ยงแก่พระราชอาคันตุกะ อาทิเช่น สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์แห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก แห่งประเทศเดนมาร์ก อินฟันตาเอเลนา ดัชเชสแห่งลูโก แห่งประเทศสเปน สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เจ้าชายฟุมิฮิโตะ เจ้าอะกิชิโนะแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นต้นงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของพระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ งานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของพระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติก่อนที่พระองค์จะเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระราชธิดาคู่ทุกข์คู่ยากของรัชกาลที่ 5 หลังจากการทรงกรมเป็น "กรมขุนสุพรรณภาควดี " ได้เพียง 1 ปี ก็สิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศล ณ พระราชวังบางปะอิน โดยใช้พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพยอาสน์เป็นที่ประดิษฐานพระศพ และโปรดให้จัดงานพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่ชาววังว่า ใครไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นคนนอกสังคมชาววัง ในระหว่างการจัดงานพระราชทานเพลิงพระศพนั้น สมเด็จเจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร ซึ่งทรงสนิทกับพระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์มาก เกิดทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ ณ วรนาฎเกษมสานต์ ภายในพระราชวังบางปะอินนั่นเอง ซึ่งในนวนิยายเรื่อง สี่แผ่นดิน ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ไว้ว่า “เชิญพระศพพระเจ้าลูกเธอพระองค์หนึ่งขึ้นไป แล้วก็กลับต้องเชิญพระศพอีกพระองค์หนึ่งลงมา ”การพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ การพระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชกรุณาฯ ให้ประกอบพระราชพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา (พระยศขณะนั้น) กับหม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ (พระยศขณะนั้น) ในวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2461 ณ พระที่นั่งวโรภาษพิมาน พระราชวังบางปะอิน ซึ่งถือเป็นพระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งแรก หลังจากการตรากฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการเสกสมรสแห่งเจ้านายในพระราชวงศ์ ในการเสกสมรสครั้งนี้ เป็นการแต่งงานแบบตะวันตกอย่างแท้จริง กล่าวคือมีการถามความสมัครใจของคู่บ่าวสาว กล่าวกันว่าของชำร่วยในงานเสกสมรสครั้งคือ แหวนเพชรพระราชพิธีสังเวยพระป้าย พระราชพิธีสังเวยพระป้าย. ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์เป็นภาษาจีนโดยให้ประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต และพระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระราชวังบางปะอิน เพื่อบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ต่อมา ในรัชกาลที่ 7 ได้มีการสร้างพระป้ายพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประดิษฐานไว้ ณ พระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระราชวังบางปะอิน พระราชพิธีสังเวยพระป้ายนั้น เริ่มมีตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 การสังเวยพระป้าย ณ พระที่นั่งเวหาศจำรูญ พระราชวังบางปะอิน จะกระทำก่อนวันตรุษจีน 1 วัน ซึ่งตรงกับวันไหว้ของจีน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาประกอบพระราชพิธีเป็นประจำทุกปี แต่ในปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ์เสด็จแทนพระองค์เพื่อประกอบพระราชพิธีการเข้าชม การเข้าชม. ถึงแม้ว่าพระราชวังบางปะอินยังคงใช้เป็นสถานที่เสด็จแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงเป็นสถานที่ในการประกอบพระราชพิธีสังเวยพระป้ายและต้อนรับพระราชอาคันตุกะ อย่างไรก็ตาม พระราชวังบางปะอินก็ยังเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมภายในพระราชวังได้ สำหรับพระที่นั่งวโรภาษพิมานนั้น ผู้ชายไม่ควรใส่กางเกงขาสั้น หรือสวมเสื้อที่ไม่สุภาพ สตรีต้องใส่กระโปรงเข้าชมภายในพระที่นั่ง โดยมีบริการให้ยืมเครื่องแต่งกายได้บริเวณอาคารการ์ดทหาร และพระที่นั่งวโรภาษพิมานและพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญนั้น มีวิทยากรบรรยายความรู้เกี่ยวกับพระที่นั่งแต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในพระที่นั่ง ส่วนพระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียรนั้น ไม่อนุญาตให้เข้าชมภายในพระที่นั่งได้ พระราชวังบางปะอิน เปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลาระหว่าง 08.00 - 17.00 น. โดยต้องแต่งกายในชุดสุภาพ และขณะเข้าชมผู้ชมไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่นการเดินทาง การเดินทาง. การเดินทางมายังพระราชวังบางปะอินนั้น สามารถทำได้หลายทาง เช่น การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ให้มาตามถนนพหลโยธิน เมื่อถึงประตูน้ำพระอินทร์ ให้ข้ามสะพานวงแหวนรอบนอก หลังจากนั้น ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณกิโลเมตรที่ 35 สู่ทางหลวงหมายเลข 308 อีกประมาณ 7 กิโลเมตรก็จะถึงพระราชวังบางปะอิน หรืออีกเส้นทางต้องผ่านเข้ามายังตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา เมื่อถึงเจดีย์วัดสามปลื้มให้เลี้ยวซ้ายซึ่งจะผ่านวัดใหญ่ชัยมงคลและวัดพนัญเชิง เมื่อถึงสถานีรถไฟบางปะอินให้เลี้ยวขวา แล้วขับไปตามทางจนถึงพระราชวังบางปะอิน การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง ถ้ามาจากกรุงเทพฯ สถานีขนส่งสายเหนือ (หมอชิต 2) นั่งรถสายกรุงเทพฯ-บางปะอิน มาลงที่บขส.บางปะอิน (สุดสาย) จากนั้นนั่งรถสามล้อเครื่องไปลงที่พระราชวังบางปะอิน นอกจากนี้ ยังสามารถเดินทางโดยรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟอำเภอบางปะอิน หรือเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง มาลงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วต่อรถโดยสารเข้าไปยังพระราชวังบางปะอิน
พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร
5,742
5,768
411
1
สโมสรฟุตบอลโกรโตเน เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของประเทศอะไร
สโมสรฟุตบอลโกรโตเน สโมสรฟุตบอลโกรโตเน เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอิตาลี ตั้งอยู่ที่เมืองโกรโตเน แคว้นคาลาเบรีย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1910 ลงเล่นที่สนามสตาดีโอ เอซีโอ สกิดา ซึ่งมีความจุ 16,547 ที่นั่ง ปัจจุบันลงเล่นในเซเรียอา หลังจากเลื่อนชั้นมาจากเซเรียบี ฤดูกาล 2015–16 สีประจำสโมสรคือสีน้ำเงินเข้มและสีแดงผู้เล่นชุดปัจจุบัน
อิตาลี
152
158
412
1
สีประจำสโมสรฟุตบอลโกรโตเน คือสีอะไร
สโมสรฟุตบอลโกรโตเน สโมสรฟุตบอลโกรโตเน เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอิตาลี ตั้งอยู่ที่เมืองโกรโตเน แคว้นคาลาเบรีย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1910 ลงเล่นที่สนามสตาดีโอ เอซีโอ สกิดา ซึ่งมีความจุ 16,547 ที่นั่ง ปัจจุบันลงเล่นในเซเรียอา หลังจากเลื่อนชั้นมาจากเซเรียบี ฤดูกาล 2015–16 สีประจำสโมสรคือสีน้ำเงินเข้มและสีแดงผู้เล่นชุดปัจจุบัน
สีน้ำเงินเข้มและสีแดง
368
389
413
1
ประเทศบ้านเกิดของแฟรงค์ เซเดโน หรือ Frank Cedeno คือประเทศอะไร
แฟรงค์ เซเดโน แฟรงค์ เซเดโน (Frank Cedeno) เกิดเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2501 ที่เมืองตาลีซาย ซิตี เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ สถิติการชก 56 ครั้ง ชนะ 43 (น็อค 23) เสมอ 3 แพ้ 10ประวัติ ประวัติ. เซเดโนขึ้นชกมวยครั้งแรกเมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 แพ้คะแนน ราย เด ลอส ซานโตส ที่ ฟิลิปปินส์ จากนั้น ขึ้นชกชนะเป็นส่วนใหญ่ จนได้ครองแชมป์ฟิลิปปินส์รุ่นฟลายเวทเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2523 ชนะคะแนน เมลชอร์ เดกซี และสามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ถึง 3 ครั้ง รวมทั้งชกชนะน็อค มนต์สยาม ฮ.มหาชัย ยก 7 เมื่อ พ.ศ. 2523 และชนะคะแนน แดน พิศาลชัย เมื่อ พ.ศ. 2525 ที่ ฟิลิปปินส์ ต่อมาได้ชิงแชมป์ OPBF ที่เกาหลีใต้เมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2525 แพ้คะแนน ฮอง ซูยาง ไม่ได้แชมป์ เซเดโนกลับมาชกป้องกันแชมป์ฟิลิปปินส์อีกครั้ง แล้วก็มีโอกาสได้ชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC ที่ อังกฤษเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2526 ซึ่งเซเดโนเป็นฝ่ายชนะน็อคชาร์ลี มากรี ยก 6 ได้แชมป์มาครอง แต่พอขึ้นชกป้องกันแชมป์ครั้งแรกเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2527 ก็เป็นฝ่ายแพ้น็อค โคจิ โคบายาชิ ยก 2 ที่ ญี่ปุ่น เสียแชมป์ไป หลังจากเสียแชมป์โลกไปแล้ว เซเดโนยังคงขึ้นชกชนะรวด รวมทั้งมาชกชนะน็อค ยืนยง ศิษย์ประสงค์ ยก 5 ในไทย จากนั้น เซเดโนได้ชิงแชมป์โลกอีกครั้งเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2530 ที่เม็กซิโก โดยขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBC แพ้คะแนน กิลเบอร์โต โรมันอย่างเป็นเอกฉันท์ หลังจากชิงแชมป์ไม่สำเร็จ เซเดโนขึ้นชกอีกไม่กี่ครั้ง รวมทั้งที่มาชกแพ้คะแนน ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ เมื่อ พ.ศ. 2530 เซเดโนขึ้นชกมวยครั้งสุดท้ายเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2531 แพ้น็อค มิน ยุงชุน ยก 4 ที่เกาหลีใต้ แล้วจึงแขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ฟิลิปปินส์รุ่นฟลายเวท - แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC- ชิง 27 กันยายน 2526 นะน็อคชาร์ลี มากรี ยก 6 - เสียแชมป์ 18 มกราคม 2527 แพ้น็อค โคจิ โคบายาชิ ยก 2 ที่ ญี่ปุ่น - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท เมื่อ 27 มิถุนายน 2525 แพ้คะแนน ฮอง ซูยางที่เกาหลีใต้ - งแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBC เมื่อ 20 มีนาคม 2530 แพ้คะแนน กิลเบอร์โต โรมัน ที่เม็กซิโก
ประเทศฟิลิปปินส์
188
204
414
1
เซเดโนขึ้นชกมวยครั้งสุดท้ายเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2531 แพ้น็อคให้กับนักมวยประเทศอะไร
แฟรงค์ เซเดโน แฟรงค์ เซเดโน (Frank Cedeno) เกิดเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2501 ที่เมืองตาลีซาย ซิตี เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ สถิติการชก 56 ครั้ง ชนะ 43 (น็อค 23) เสมอ 3 แพ้ 10ประวัติ ประวัติ. เซเดโนขึ้นชกมวยครั้งแรกเมื่อ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 แพ้คะแนน ราย เด ลอส ซานโตส ที่ ฟิลิปปินส์ จากนั้น ขึ้นชกชนะเป็นส่วนใหญ่ จนได้ครองแชมป์ฟิลิปปินส์รุ่นฟลายเวทเมื่อ 29 มีนาคม พ.ศ. 2523 ชนะคะแนน เมลชอร์ เดกซี และสามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้ถึง 3 ครั้ง รวมทั้งชกชนะน็อค มนต์สยาม ฮ.มหาชัย ยก 7 เมื่อ พ.ศ. 2523 และชนะคะแนน แดน พิศาลชัย เมื่อ พ.ศ. 2525 ที่ ฟิลิปปินส์ ต่อมาได้ชิงแชมป์ OPBF ที่เกาหลีใต้เมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2525 แพ้คะแนน ฮอง ซูยาง ไม่ได้แชมป์ เซเดโนกลับมาชกป้องกันแชมป์ฟิลิปปินส์อีกครั้ง แล้วก็มีโอกาสได้ชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC ที่ อังกฤษเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2526 ซึ่งเซเดโนเป็นฝ่ายชนะน็อคชาร์ลี มากรี ยก 6 ได้แชมป์มาครอง แต่พอขึ้นชกป้องกันแชมป์ครั้งแรกเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2527 ก็เป็นฝ่ายแพ้น็อค โคจิ โคบายาชิ ยก 2 ที่ ญี่ปุ่น เสียแชมป์ไป หลังจากเสียแชมป์โลกไปแล้ว เซเดโนยังคงขึ้นชกชนะรวด รวมทั้งมาชกชนะน็อค ยืนยง ศิษย์ประสงค์ ยก 5 ในไทย จากนั้น เซเดโนได้ชิงแชมป์โลกอีกครั้งเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2530 ที่เม็กซิโก โดยขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBC แพ้คะแนน กิลเบอร์โต โรมันอย่างเป็นเอกฉันท์ หลังจากชิงแชมป์ไม่สำเร็จ เซเดโนขึ้นชกอีกไม่กี่ครั้ง รวมทั้งที่มาชกแพ้คะแนน ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ เมื่อ พ.ศ. 2530 เซเดโนขึ้นชกมวยครั้งสุดท้ายเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2531 แพ้น็อค มิน ยุงชุน ยก 4 ที่เกาหลีใต้ แล้วจึงแขวนนวมไปเกียรติประวัติเกียรติประวัติ. - แชมป์ฟิลิปปินส์รุ่นฟลายเวท - แชมป์โลกรุ่นฟลายเวท WBC- ชิง 27 กันยายน 2526 นะน็อคชาร์ลี มากรี ยก 6 - เสียแชมป์ 18 มกราคม 2527 แพ้น็อค โคจิ โคบายาชิ ยก 2 ที่ ญี่ปุ่น - เคยชิงแชมป์ต่อไปนี้แต่ไม่สำเร็จ- ชิงแชมป์ OPBF รุ่นฟลายเวท เมื่อ 27 มิถุนายน 2525 แพ้คะแนน ฮอง ซูยางที่เกาหลีใต้ - งแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท WBC เมื่อ 20 มีนาคม 2530 แพ้คะแนน กิลเบอร์โต โรมัน ที่เม็กซิโก
เกาหลีใต้
1,476
1,485
415
1
น้ำตกห้วยชมพู อยู่ในเขตพื้นที่หมู่ 11 ตำบลสันโค้ง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดใด
น้ำตกห้วยชมพู น้ำตกห้วยชมพู ตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ตำบลสันโค้ง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น มีความตื้นและลาดชันไปตามแนวเทือกเขา มีต้นชมพู่ป่าตลอดแนวสองข้างทางลำห้วย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "ห้วยชมพู" บริเวณใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวคือ ตาน้ำพุด และถ้ำฝนแสนห่า สามารถท่องเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเมษายน ของทุกปี โดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน ถึงธันวาคม
จังหวัดพะเยา
163
175
416
1
นอกจากน้ำตกห้วยชมพูที่ตั้งอยู่อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยาแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงมีถ้ำเรียกว่าถ้ำอะไร
น้ำตกห้วยชมพู น้ำตกห้วยชมพู ตั้งอยู่ที่ หมู่ 11 ตำบลสันโค้ง อำเภอดอกคำใต้ จังหวัดพะเยา เป็นน้ำตกธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น มีความตื้นและลาดชันไปตามแนวเทือกเขา มีต้นชมพู่ป่าตลอดแนวสองข้างทางลำห้วย ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "ห้วยชมพู" บริเวณใกล้เคียง มีสถานที่ท่องเที่ยวคือ ตาน้ำพุด และถ้ำฝนแสนห่า สามารถท่องเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงเมษายน ของทุกปี โดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน ถึงธันวาคม
ถ้ำฝนแสนห่า
366
377
417
1
แอมานุแอล โลร็อง เปอตีอดีตนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส มีชื่อเล่นว่าอะไร
แอมานุแอล เปอตี แอมานุแอล โลร็อง เปอตี () อดีตนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1970 ที่เมืองเดียป ประเทศฝรั่งเศส มีชื่อเล่นว่า "มานูว์" () เปอตีเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมเออแอ็ส อาร์ก-ลา-บาตาอีย์ ก่อนจะย้ายไปเล่นกับโมนาโก ซึ่งที่นี่เปอตีได้ร่วมงานกับอาร์แซน แวงแกร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งต่อมาเมื่อเวนเกอร์ย้ายมาคุมทีมอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปอตีก็ได้ย้ายตามมาด้วย ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ เปอตีเป็นนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และเป็นผู้ยิงประตูปิดท้ายในนัดชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสเอาชนะบราซิลไปได้ 3-0 ทำให้ได้แชมป์โลกสมัยแรกเกียรติยศสโมสรเกียรติยศ. สโมสร. - โมนาโก - ลีกเอิง (1): 1996–97 - กุปเดอฟร็องส์ (1): 1990-91- อาร์เซนอล - พรีเมียร์ลีก (1): 1997–98 - เอฟเอคัพ (1): 1997–98 - เอฟเอแชริตีชีลด์ (2): 1998, 1999ทีมชาติทีมชาติ. - ฝรั่งเศส - ฟุตบอลโลก (1): 1998 - ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1): 2000ส่วนตัวส่วนตัว. - ผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือน (1): เมษายน 1998 - ทีมพรีเมียร์ลีกยอดเยี่ยมแห่งปีสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (1): 1998-99อื่น ๆอื่น ๆ. - เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์: 1998
มานูว์
253
259
418
1
ผู้ยิงประตูปิดท้ายในนัดชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสเอาชนะบราซิลไปได้ 3-0 ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 คือใคร
แอมานุแอล เปอตี แอมานุแอล โลร็อง เปอตี () อดีตนักฟุตบอลชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1970 ที่เมืองเดียป ประเทศฝรั่งเศส มีชื่อเล่นว่า "มานูว์" () เปอตีเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับทีมเออแอ็ส อาร์ก-ลา-บาตาอีย์ ก่อนจะย้ายไปเล่นกับโมนาโก ซึ่งที่นี่เปอตีได้ร่วมงานกับอาร์แซน แวงแกร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน ซึ่งต่อมาเมื่อเวนเกอร์ย้ายมาคุมทีมอาร์เซนอลในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปอตีก็ได้ย้ายตามมาด้วย ด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ เปอตีเป็นนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติฝรั่งเศสในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ และเป็นผู้ยิงประตูปิดท้ายในนัดชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสเอาชนะบราซิลไปได้ 3-0 ทำให้ได้แชมป์โลกสมัยแรกเกียรติยศสโมสรเกียรติยศ. สโมสร. - โมนาโก - ลีกเอิง (1): 1996–97 - กุปเดอฟร็องส์ (1): 1990-91- อาร์เซนอล - พรีเมียร์ลีก (1): 1997–98 - เอฟเอคัพ (1): 1997–98 - เอฟเอแชริตีชีลด์ (2): 1998, 1999ทีมชาติทีมชาติ. - ฝรั่งเศส - ฟุตบอลโลก (1): 1998 - ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1): 2000ส่วนตัวส่วนตัว. - ผู้เล่นยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือน (1): เมษายน 1998 - ทีมพรีเมียร์ลีกยอดเยี่ยมแห่งปีสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (1): 1998-99อื่น ๆอื่น ๆ. - เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์: 1998
เปอตี
533
538
419
1
แอร์โครยอ ก่อตั้งครั้งแรกภายใต้ชื่ออะไร ในปี ค.ศ. 1950
แอร์โครยอ แอร์โครยอ (, โครยอฮังกง; ชื่อเดิมคือ โชซ็อนมินฮัง (조선민항)) เป็นสายการบินประจำชาติของประเทศเกาหลีเหนือ ดำเนินการโดยรัฐบาล มีศูนย์บัญชาการในเขตซูนัน กรุงเปียงยาง และมีฐานการบินหลักอยู่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนัน (IATA: FNJ) โดยให้บริการเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินพิเศษไปยังจุดหมายปลายทางในทวีปเอเชียและยุโรป แอร์โครยอ มีสำนักงานสายการบินในกรุงปักกิ่ง กับนครเสิ่นหยาง ประเทศจีน, นครวลาดีวอสตอค ประเทศรัสเซีย, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และมีสำนักงานขายในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ประเทศสิงคโปร์, กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน, เขตบริหารพิเศษฮ่องกง, ประเทศคูเวต, ประเทศอิตาลี, ประเทศออสเตรีย และประเทศเยอรมนีประวัติการก่อตั้ง ประวัติ. การก่อตั้ง. แอร์โครยอ ก่อตั้งครั้งแรกภายใต้ชื่อ โซเกา (การบินโซเวียต-เกาหลีเหนือ) ในปี ค.ศ. 1950 เพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ กับกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย แต่การบริการได้หยุดชะงักลงช่วงหนึ่งระหว่างสงครามเกาหลี จนต่อมาในปี ค.ศ. 1953 สายการบินได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในชื่อ ยูแคมปส์ (เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ในคริสต์ทศวรรษ 1970) เริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1955 และถูกแทนที่ภายใต้การควบคุมของกรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ได้ให้บริการเครื่องบิน ลิซูโนฟ ลิ-2, อานโตนอฟ อาน-2 และอิลยูชิน อิล-12 ส่วนเครื่องบินเทอร์โบ อิลยูชิน อิล-14 และอิลยูชิน อิล-18 ก็ได้ถูกนำเข้ามาเพิ่มในคริสต์ทศวรรษ 1960การให้บริการเครื่องบินไอพ่น การให้บริการเครื่องบินไอพ่น. การให้บริการเครื่องบินไอพ่น เริ่มในปี ค.ศ. 1975 เมื่อเครื่องบินตูโปเลฟ ตู-154 ลำแรกได้ให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเปียงยาง ไปยังปราก, เบอร์ลินตะวันออก (ในขณะนั้น) และมอสโก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องบินตู-154 มีจำนวนไม่เพียงพอ เครื่องบินจึงจำเป็นต้องจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางที่อีร์คุตสค์และโนโวซีบีสค์เพิ่มด้วย ต่อมาเครื่องบิน ตู-154, ตู-134 และ อาน-24 ก็เริ่มให้บริการเที่ยวบินในประเทศ เครื่องบิน ตู-154 มีจำนวนมากขึ้นในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 และเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-62 ก็ได้ให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1982 (เป็นเครื่องบินของบุคคลสำคัญ) ในฐานะเที่ยวบินระหว่างประเทศ เปียงยาง-มอสโก โดยไม่หยุดรับผู้โดยสารระหว่างทาง ในช่วงนี้ โซเฟียและเบลเกรด ก็ได้เป็นจุดหมายปลายทางเพิ่มด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการควบคุมการบินในยุโรป ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมลพิษทางเสียง แอร์โครยอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงจอดที่ท่าอากาศยานใด ๆ ในทวีปยุโรปอีกเลย สกายแทร็กซ์ ได้ประเมินสายการบินแอร์โครยอให้เป็นสายการบินที่แย่ที่สุดในโลก (ในด้านการบริการและความปลอดภัย) และยังเป็นสายการบินเดียวในโลกที่ได้รับการประเมิน 1 ดาว เนื่องจากการบริการที่ไม่มีประสิทธิภาพการจัดซื้อเครื่องบินใหม่และขยายเที่ยวบิน การจัดซื้อเครื่องบินใหม่และขยายเที่ยวบิน. หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น และการล่มสลายของรัฐคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่งผลให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศน้อยลง กรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น แอร์โครยอ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1992 ต่อมาในปี ค.ศ. 1993 แอร์โครยอได้สั่งซื้อเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-76 จำนวน 3 ลำ เพื่อใช้ขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและรัสเซีย และยังซื้อเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-300 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 และมีนาคม ค.ศ. 2010 เพื่อนำมาใช้ในเที่ยวบินระหว่างประเทศแทนเครื่องเก่า หลังจากนั้น แอร์โครยอก็เริ่มปรับปรุงเครื่องบินให้ดีขึ้น และมีแผนเที่ยวบินไปยุโรป พร้อมกับเครื่องบินใหม่ ตู-204 ในเดือนกันยายน 2009 แอร์โครยอได้สั่งซื้อตัวอย่างเครื่องบิน ตู-204-300 และตู-204-100 และยังเจรจาในการสั่งซื้อเครื่องบินซุคฮอย ซูเปอร์เจ็ต 100 เพื่อใช้แทนที่เครื่องบิน ตู-134 และอาน-24 ต่อมา แอร์โครยอได้รับเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-100B จำนวน 210 ที่นั่ง และใช้เป็นเที่ยวบินไปยังเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน และในปี ค.ศ. 2010 ได้ทำพิธีเปิดเที่ยวบินเปียงยาง-เซี่ยงไฮ้ผู่ตง (เครื่องบิน ตู-134) โดยให้บริการ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2015 แอร์โครยอได้ทำการเปิดเที่ยวบินใหม่ไปยังปักกิ่ง, วลาดีวอสตอค และเสิ่นหยางการให้บริการในเส้นทางใหม่ การให้บริการในเส้นทางใหม่. ในปี ค.ศ. 2011 แอร์โครยอได้เปิดเที่ยวบินใหม่ไปยังกัวลาลัมเปอร์และคูเวตซิตี โดยเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 เปิดให้บริการช่วงฤดูการท่องเที่ยว คือช่วงเดือนเมษายน ถึงตุลาคม ในปี ค.ศ. 2012 แอร์โครยอได้กลับมาเปิดเที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์อีกครั้ง พร้อมกับการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน และในปีเดียวกัน บริษัทชูเช ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยว ก็ได้เปิดเส้นทางท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือโดยเครื่องบินส่วนตัว เครื่องบินที่ให้บริการได้แก่ อิล-76, มิล-17, อาน-24, ตู-134 และตู-154 ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ ใช้เครื่องบิน ตู-204 หรือไม่ก็ อิล-62จุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทาง. รายชื่อด้านล่างแสดงจุดหมายปลายทางของสายการบิน แอร์โครยอ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 ตารางด้านล่างนี้ยังรวมถึงจุดหมายปลายทางเฉพาะฤดูกาลอีกด้วยประวัติเที่ยวบินระหว่างเกาหลีเหนือ–เกาหลีใต้ ประวัติเที่ยวบินระหว่างเกาหลีเหนือ–เกาหลีใต้. เที่ยวบินระหว่างประเทศ เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2003 โดยเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-154 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน แอร์โครยอเคยให้บริการเที่ยวบิน 40 เที่ยวไปยังโซล, ยังยัง และปูซาน ในประเทศเกาหลีใต้ ส่วนเที่ยวบินจากท่าอากาศยานฮัมฮึง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติยังยังนั้น เริ่มในปี ค.ศ. 2002 แต่ต่อมาท่าอากาศยานยังยังได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2008 และไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้อีกเลยฝูงบิน ฝูงบิน. ณ เดือนมกราคม พ.ศ. 2558 ฝูงบินของแอร์โครยอทั้งหมดประกอบไปด้วยเครื่องบินดังต่อไปนี้การปรับให้ทันสมัย การปรับให้ทันสมัย. ในปัจจุบัน แอร์โครยออยู่ระหว่างการระดมหาเครื่องบินใหม่ โดยเครื่องบินใหม่อาจจะถูกสร้างโดยรัสเซีย เนื่องจากถูกปิดกั้นจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป แอร์โครยอได้เลือกเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-96 และซุคฮอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ส่วนเครื่องบินที่มีอยู่อย่าง ตูโปเลฟ ตู-204 ก็มีประสิทธิภาพในการบินไปยังมอสโกโดยไม่หยุดพัก นอกจากนี้ แอร์โครยอยังได้ติดตั้งจอโทรทัศน์ในเครื่องบินตูโปเลฟ ตู-204 อีกด้วย นิตรสาร แอร์ไลเนอร์เวิลด์ รายงานว่า แอร์โครยอ พยายามที่จะบินไปยังยุโรปอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะให้เกิดเที่ยวบินเปียงยาง-เบอร์ลินในอนาคต การบินไปยังยุโรปได้รับการยินยอมอีกครั้งในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 หลังจากถูกปิดกั้นมา 7 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 แอร์โครยอ ได้เปิดเที่ยวบินจากกรุงเปียงยางไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สัปดาห์ละ 2 เที่ยว โดยเครื่องบิน ตู-204 และเที่ยวบินไปยังคูเวตซิตี ทุกสัปดาห์ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 ได้มีการเปิดจองที่นั่งออนไลน์เป็นครั้งแรก และในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2013 แอร์โครยอได้รับเครื่องบินใหม่อีกครั้ง เป็นเครื่องบิน อานโตนอฟ อาน-148ตูโปเลฟ ตู-204 ตูโปเลฟ ตู-204. เครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 ลำแรก ถูกส่งมอบเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ซึ่งถูกส่งข้ามฟากจากอุลยานอฟสก์มายังเปียงยาง ประกอบไปด้วยที่นั่งชั้นธุรกิจ 16 ที่ และชั้นประหยัด 150 ที่ เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-300 ลำแรกที่ถูกส่งออกนอกประเทศรัสเซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 เครื่องบิน ตู-204 ถูกกำหนดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ระหว่างเปียงยาง-สิงคโปร์ และเปียงยาง-กรุงเทพมหานคร แอร์โครยอได้ให้บริการเครื่องบินไอพ่น ตู-204-100B ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเครื่องบิน ตู-204-300 และในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2010 แอร์โครยอได้รับมอบเครื่องบิน ตู-204-100B ลำที่สอง และเริ่มให้บริการในวันถัด ๆ มา วันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2010 เครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 จำนวน 2 ลำ ได้บินไปยังสหภาพยุโรป และมีโอกาสสูงที่เที่ยวบินเปียงยาง-เบอร์ลิน จะกลับมาให้บริการในอนาคตอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อุบัติเหตุและอุบัติการณ์. - วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1983 เครื่องบิน อิลยูชิน อิล-62M ของ CAAK (ในขณะนั้น) ซึ่งเดินทางจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ไปยังกรุงโกนากรี ประเทศกินี ได้ชนกับภูเขาเฟาตาจัลลอนในกินี ผู้โดยสาร 23 คนเสียชีวิตทั้งหมด และเครื่องบินได้ร่วงตกลงการถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป การถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป. เนื่องจากปัจจัยด้านความปลอดภัยและมลพิษทางเสียง แอร์โครยอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ได้พบข้อบกพร่องของเครื่องบินในหลุมจอดของท่าอากาศยานในประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี ทำให้แอร์โครยอถูกกล่าวหาด้านการให้บริการเครื่องบินที่บกพร่องมาก และยังล้มเหลวในการเจรจากับกรมการบินพลเรือนฝรั่งเศส ทำให้ฝ่ายฝรั่งเศสมองว่าสายการบินนี้มีประสิทธิภาพตกต่ำมาก นอกจากนี้ องค์กรอีซียังกล่าวว่า เกาหลีเหนือควบคุมสายการบินประจำชาติได้ไม่เพียงพอ และการประชุมที่ชิคาโก ก็ได้สรุปว่า ด้วยเหตุนี้ หากวัดกันด้วยพื้นฐานของเกณฑ์ตัดสินทั่วไปแล้ว คณะกรรมการจึงได้ประเมินผลว่า แอร์โครยอไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีพอ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 แอร์โครยอ ได้รับอนุญาตให้กลับไปบินเหนือน่านฟ้ายุโรปได้อีกครั้ง โดยเครื่องบิน ตู-204 ซึ่งมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม และเข้ากันกับมาตรฐานนานาชาติ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินประเภทอื่น ยังคงถูกสั่งห้ามการประเมินสายการบิน การประเมินสายการบิน. แอร์โครยอ เป็นเพียงสายการบินเดียวที่ได้รับการประเมินเพียง 1 ดาว จาก 681 สายการบิน ได้รับการประเมินโดย สกายแทร็กซ์ ซึ่งแอร์โครยอได้รับการประเมิน 1 ดาวมาแล้ว 4 ปีติดต่อกันสมุดภาพ
โซเกา (การบินโซเวียต-เกาหลีเหนือ)
832
865
420
1
สายการบินเดียวที่ได้รับการประเมินเพียง 1 ดาว ประเมินโดยสกายแทร็กซ์ คือสายการบินอะไร
แอร์โครยอ แอร์โครยอ (, โครยอฮังกง; ชื่อเดิมคือ โชซ็อนมินฮัง (조선민항)) เป็นสายการบินประจำชาติของประเทศเกาหลีเหนือ ดำเนินการโดยรัฐบาล มีศูนย์บัญชาการในเขตซูนัน กรุงเปียงยาง และมีฐานการบินหลักอยู่ที่ ท่าอากาศยานนานาชาติเปียงยางซูนัน (IATA: FNJ) โดยให้บริการเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินพิเศษไปยังจุดหมายปลายทางในทวีปเอเชียและยุโรป แอร์โครยอ มีสำนักงานสายการบินในกรุงปักกิ่ง กับนครเสิ่นหยาง ประเทศจีน, นครวลาดีวอสตอค ประเทศรัสเซีย, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย และกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี และมีสำนักงานขายในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ประเทศสิงคโปร์, กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน, เขตบริหารพิเศษฮ่องกง, ประเทศคูเวต, ประเทศอิตาลี, ประเทศออสเตรีย และประเทศเยอรมนีประวัติการก่อตั้ง ประวัติ. การก่อตั้ง. แอร์โครยอ ก่อตั้งครั้งแรกภายใต้ชื่อ โซเกา (การบินโซเวียต-เกาหลีเหนือ) ในปี ค.ศ. 1950 เพื่อเชื่อมต่อระหว่างกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ กับกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย แต่การบริการได้หยุดชะงักลงช่วงหนึ่งระหว่างสงครามเกาหลี จนต่อมาในปี ค.ศ. 1953 สายการบินได้กลับมาเปิดใหม่อีกครั้งในชื่อ ยูแคมปส์ (เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ในคริสต์ทศวรรษ 1970) เริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบินวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1955 และถูกแทนที่ภายใต้การควบคุมของกรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ได้ให้บริการเครื่องบิน ลิซูโนฟ ลิ-2, อานโตนอฟ อาน-2 และอิลยูชิน อิล-12 ส่วนเครื่องบินเทอร์โบ อิลยูชิน อิล-14 และอิลยูชิน อิล-18 ก็ได้ถูกนำเข้ามาเพิ่มในคริสต์ทศวรรษ 1960การให้บริการเครื่องบินไอพ่น การให้บริการเครื่องบินไอพ่น. การให้บริการเครื่องบินไอพ่น เริ่มในปี ค.ศ. 1975 เมื่อเครื่องบินตูโปเลฟ ตู-154 ลำแรกได้ให้บริการเที่ยวบินจากกรุงเปียงยาง ไปยังปราก, เบอร์ลินตะวันออก (ในขณะนั้น) และมอสโก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องบินตู-154 มีจำนวนไม่เพียงพอ เครื่องบินจึงจำเป็นต้องจอดรับผู้โดยสารระหว่างทางที่อีร์คุตสค์และโนโวซีบีสค์เพิ่มด้วย ต่อมาเครื่องบิน ตู-154, ตู-134 และ อาน-24 ก็เริ่มให้บริการเที่ยวบินในประเทศ เครื่องบิน ตู-154 มีจำนวนมากขึ้นในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 และเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-62 ก็ได้ให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1982 (เป็นเครื่องบินของบุคคลสำคัญ) ในฐานะเที่ยวบินระหว่างประเทศ เปียงยาง-มอสโก โดยไม่หยุดรับผู้โดยสารระหว่างทาง ในช่วงนี้ โซเฟียและเบลเกรด ก็ได้เป็นจุดหมายปลายทางเพิ่มด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการควบคุมการบินในยุโรป ได้มีข้อกำหนดเกี่ยวกับมลพิษทางเสียง แอร์โครยอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ลงจอดที่ท่าอากาศยานใด ๆ ในทวีปยุโรปอีกเลย สกายแทร็กซ์ ได้ประเมินสายการบินแอร์โครยอให้เป็นสายการบินที่แย่ที่สุดในโลก (ในด้านการบริการและความปลอดภัย) และยังเป็นสายการบินเดียวในโลกที่ได้รับการประเมิน 1 ดาว เนื่องจากการบริการที่ไม่มีประสิทธิภาพการจัดซื้อเครื่องบินใหม่และขยายเที่ยวบิน การจัดซื้อเครื่องบินใหม่และขยายเที่ยวบิน. หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น และการล่มสลายของรัฐคอมมิวนิสต์ ซึ่งส่งผลให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศน้อยลง กรมการบินพลเรือนเกาหลี (CAAK) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น แอร์โครยอ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1992 ต่อมาในปี ค.ศ. 1993 แอร์โครยอได้สั่งซื้อเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-76 จำนวน 3 ลำ เพื่อใช้ขนส่งสินค้าไปยังประเทศจีนและรัสเซีย และยังซื้อเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-300 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 และมีนาคม ค.ศ. 2010 เพื่อนำมาใช้ในเที่ยวบินระหว่างประเทศแทนเครื่องเก่า หลังจากนั้น แอร์โครยอก็เริ่มปรับปรุงเครื่องบินให้ดีขึ้น และมีแผนเที่ยวบินไปยุโรป พร้อมกับเครื่องบินใหม่ ตู-204 ในเดือนกันยายน 2009 แอร์โครยอได้สั่งซื้อตัวอย่างเครื่องบิน ตู-204-300 และตู-204-100 และยังเจรจาในการสั่งซื้อเครื่องบินซุคฮอย ซูเปอร์เจ็ต 100 เพื่อใช้แทนที่เครื่องบิน ตู-134 และอาน-24 ต่อมา แอร์โครยอได้รับเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-100B จำนวน 210 ที่นั่ง และใช้เป็นเที่ยวบินไปยังเมืองต้าเหลียน ประเทศจีน และในปี ค.ศ. 2010 ได้ทำพิธีเปิดเที่ยวบินเปียงยาง-เซี่ยงไฮ้ผู่ตง (เครื่องบิน ตู-134) โดยให้บริการ 2 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2015 แอร์โครยอได้ทำการเปิดเที่ยวบินใหม่ไปยังปักกิ่ง, วลาดีวอสตอค และเสิ่นหยางการให้บริการในเส้นทางใหม่ การให้บริการในเส้นทางใหม่. ในปี ค.ศ. 2011 แอร์โครยอได้เปิดเที่ยวบินใหม่ไปยังกัวลาลัมเปอร์และคูเวตซิตี โดยเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 เปิดให้บริการช่วงฤดูการท่องเที่ยว คือช่วงเดือนเมษายน ถึงตุลาคม ในปี ค.ศ. 2012 แอร์โครยอได้กลับมาเปิดเที่ยวบินกัวลาลัมเปอร์อีกครั้ง พร้อมกับการขยายเที่ยวบินไปยังเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน และในปีเดียวกัน บริษัทชูเช ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยว ก็ได้เปิดเส้นทางท่องเที่ยวในเกาหลีเหนือโดยเครื่องบินส่วนตัว เครื่องบินที่ให้บริการได้แก่ อิล-76, มิล-17, อาน-24, ตู-134 และตู-154 ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ ใช้เครื่องบิน ตู-204 หรือไม่ก็ อิล-62จุดหมายปลายทาง จุดหมายปลายทาง. รายชื่อด้านล่างแสดงจุดหมายปลายทางของสายการบิน แอร์โครยอ ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2014 ตารางด้านล่างนี้ยังรวมถึงจุดหมายปลายทางเฉพาะฤดูกาลอีกด้วยประวัติเที่ยวบินระหว่างเกาหลีเหนือ–เกาหลีใต้ ประวัติเที่ยวบินระหว่างเกาหลีเหนือ–เกาหลีใต้. เที่ยวบินระหว่างประเทศ เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ ให้บริการครั้งแรกในปี ค.ศ. 2003 โดยเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-154 ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติอินช็อน แอร์โครยอเคยให้บริการเที่ยวบิน 40 เที่ยวไปยังโซล, ยังยัง และปูซาน ในประเทศเกาหลีใต้ ส่วนเที่ยวบินจากท่าอากาศยานฮัมฮึง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติยังยังนั้น เริ่มในปี ค.ศ. 2002 แต่ต่อมาท่าอากาศยานยังยังได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 2008 และไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างเกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้อีกเลยฝูงบิน ฝูงบิน. ณ เดือนมกราคม พ.ศ. 2558 ฝูงบินของแอร์โครยอทั้งหมดประกอบไปด้วยเครื่องบินดังต่อไปนี้การปรับให้ทันสมัย การปรับให้ทันสมัย. ในปัจจุบัน แอร์โครยออยู่ระหว่างการระดมหาเครื่องบินใหม่ โดยเครื่องบินใหม่อาจจะถูกสร้างโดยรัสเซีย เนื่องจากถูกปิดกั้นจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป แอร์โครยอได้เลือกเครื่องบิน อิลยูชิน อิล-96 และซุคฮอย ซูเปอร์เจ็ต 100 ส่วนเครื่องบินที่มีอยู่อย่าง ตูโปเลฟ ตู-204 ก็มีประสิทธิภาพในการบินไปยังมอสโกโดยไม่หยุดพัก นอกจากนี้ แอร์โครยอยังได้ติดตั้งจอโทรทัศน์ในเครื่องบินตูโปเลฟ ตู-204 อีกด้วย นิตรสาร แอร์ไลเนอร์เวิลด์ รายงานว่า แอร์โครยอ พยายามที่จะบินไปยังยุโรปอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะให้เกิดเที่ยวบินเปียงยาง-เบอร์ลินในอนาคต การบินไปยังยุโรปได้รับการยินยอมอีกครั้งในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 หลังจากถูกปิดกั้นมา 7 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2011 แอร์โครยอ ได้เปิดเที่ยวบินจากกรุงเปียงยางไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สัปดาห์ละ 2 เที่ยว โดยเครื่องบิน ตู-204 และเที่ยวบินไปยังคูเวตซิตี ทุกสัปดาห์ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 ได้มีการเปิดจองที่นั่งออนไลน์เป็นครั้งแรก และในช่วงไตรมาสแรกของปี ค.ศ. 2013 แอร์โครยอได้รับเครื่องบินใหม่อีกครั้ง เป็นเครื่องบิน อานโตนอฟ อาน-148ตูโปเลฟ ตู-204 ตูโปเลฟ ตู-204. เครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 ลำแรก ถูกส่งมอบเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2007 ซึ่งถูกส่งข้ามฟากจากอุลยานอฟสก์มายังเปียงยาง ประกอบไปด้วยที่นั่งชั้นธุรกิจ 16 ที่ และชั้นประหยัด 150 ที่ เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204-300 ลำแรกที่ถูกส่งออกนอกประเทศรัสเซีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 เครื่องบิน ตู-204 ถูกกำหนดให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ระหว่างเปียงยาง-สิงคโปร์ และเปียงยาง-กรุงเทพมหานคร แอร์โครยอได้ให้บริการเครื่องบินไอพ่น ตู-204-100B ซึ่งเป็นรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเครื่องบิน ตู-204-300 และในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2010 แอร์โครยอได้รับมอบเครื่องบิน ตู-204-100B ลำที่สอง และเริ่มให้บริการในวันถัด ๆ มา วันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 2010 เครื่องบิน ตูโปเลฟ ตู-204 จำนวน 2 ลำ ได้บินไปยังสหภาพยุโรป และมีโอกาสสูงที่เที่ยวบินเปียงยาง-เบอร์ลิน จะกลับมาให้บริการในอนาคตอุบัติเหตุและอุบัติการณ์อุบัติเหตุและอุบัติการณ์. - วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1983 เครื่องบิน อิลยูชิน อิล-62M ของ CAAK (ในขณะนั้น) ซึ่งเดินทางจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ไปยังกรุงโกนากรี ประเทศกินี ได้ชนกับภูเขาเฟาตาจัลลอนในกินี ผู้โดยสาร 23 คนเสียชีวิตทั้งหมด และเครื่องบินได้ร่วงตกลงการถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป การถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป. เนื่องจากปัจจัยด้านความปลอดภัยและมลพิษทางเสียง แอร์โครยอจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในสหภาพยุโรป ตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป ได้พบข้อบกพร่องของเครื่องบินในหลุมจอดของท่าอากาศยานในประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี ทำให้แอร์โครยอถูกกล่าวหาด้านการให้บริการเครื่องบินที่บกพร่องมาก และยังล้มเหลวในการเจรจากับกรมการบินพลเรือนฝรั่งเศส ทำให้ฝ่ายฝรั่งเศสมองว่าสายการบินนี้มีประสิทธิภาพตกต่ำมาก นอกจากนี้ องค์กรอีซียังกล่าวว่า เกาหลีเหนือควบคุมสายการบินประจำชาติได้ไม่เพียงพอ และการประชุมที่ชิคาโก ก็ได้สรุปว่า ด้วยเหตุนี้ หากวัดกันด้วยพื้นฐานของเกณฑ์ตัดสินทั่วไปแล้ว คณะกรรมการจึงได้ประเมินผลว่า แอร์โครยอไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่ดีพอ ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2010 แอร์โครยอ ได้รับอนุญาตให้กลับไปบินเหนือน่านฟ้ายุโรปได้อีกครั้ง โดยเครื่องบิน ตู-204 ซึ่งมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม และเข้ากันกับมาตรฐานนานาชาติ อย่างไรก็ตาม เครื่องบินประเภทอื่น ยังคงถูกสั่งห้ามการประเมินสายการบิน การประเมินสายการบิน. แอร์โครยอ เป็นเพียงสายการบินเดียวที่ได้รับการประเมินเพียง 1 ดาว จาก 681 สายการบิน ได้รับการประเมินโดย สกายแทร็กซ์ ซึ่งแอร์โครยอได้รับการประเมิน 1 ดาวมาแล้ว 4 ปีติดต่อกันสมุดภาพ
สายการบินแอร์โครยอ
2,353
2,371
421
1
คู ฮาราเป็นนักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ เกิดที่เมืองใดของประเทศเกาหลีใต้
คู ฮา-รา คู ฮารา (; เกิด 13 มกราคม 1991) หรือชื่อการแสดงว่า ฮาราเป็นนักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ เป็นที่รู้จักในสถานะสมาชิกวงคาราประวัติ ประวัติ. ฮาราเกิด ณ วันที่ 13 มกราคม 1991 ที่เมืองควังจู ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนเข้าเป็นสมาชิกวงคารา ฮาราเข้าประกวดในรายการหนึ่งของบริษัทเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์เมื่อปี 2005 ครั้นปี 2007 เธอได้เข้าทดสอบการแสดงกับบริษัทเจวายพีเอนเตอร์เทนเมนต์ แต่ไม่ผ่าน ฮารายังเคยเป็นนางแบบสินค้าออนไลน์ โดยมีผู้มาเชิญชวนหลังต้องตาต้องใจภาพถ่ายของเธอบนเว็บไซต์แห่งหนึ่ง เพราะการเป็นนางแบบนี้ ฮาราจึงได้เป็นสมาชิกวงคาราซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2007 นั้นเอง ปัจจุบัน ฮาราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสตรีซ็องชิน วันที่ 5 มกราคม 2010 ฮารารับว่า ไปทำศัลยกรรมใบหน้าและฟันมา โดยไปฉีดสารเสริมดั้ง และปรับรูปฟันใหม่ เธอยังว่า เธอไปทำศัลยกรรมบริเวณดวงตาเพื่อให้ตาสองชั้นของเดิมนั้นเห็นชัดขึ้นชีวิตส่วนตัว ชีวิตส่วนตัว. วันที่ 28 มิถุนายน 2554 มีประกาศว่า ฮารากับยง จุน-ฮย็อง สมาชิกวงบีสต์ คบหากันเป็นคู่รัก ครั้นวันที่ 27 มีนาคม 2556 มีประกาศว่า ทั้งสองคนแยกทางกันแล้ว แต่สัญญาณจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันผลงานละครวาไรตีโชว์พิธีกรซิงเกิลเพลงประกอบละครผลงาน. ซิงเกิลเพลงประกอบละคร. - 2013: Magic Of Love (Galileo 2 OST, Korean version) - 2012: Secret Love (Kara Collection) - 2011: I Love U, I Want U, I Need U ( City Hunter OST, Acoustic version)รางวัล
เมืองควังจู
267
278
422
1
ต้นไม้ประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี คือต้นอะไร
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี (; อักษรย่อ: ส.ก.น., S.K.N.) เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ประเภทสหศึกษา ในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย ลำดับที่สอง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ โดยกรมสามัญศึกษา (ปัจจุบัน : สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ได้รับบริจาคที่ดิน จากนายผาสุก และนางเง็ก มณีจักร สองสามีภรรยา คหบดีชาวอำเภอปากเกร็ด ที่มีความประสงค์ให้สร้างโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย บนพื้นที่ดังกล่าว จึงเกิดการประสานงานจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2521 เดิมให้ชื่อไว้ว่า “โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๒ (ผาสุก มณีจักร)” และมอบหมายให้ผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รักษาราชการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน จนถึงปลายปีถัดมา จึงเปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็นชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และในปีเดียวกัน นางอัมพา แสนทวีสุข ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก และเลื่อนฐานะขึ้นเป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียนฯ ในเวลาต่อมา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด อาคารเรียน “สธ ๑, สธ ๒ และ สธ ๓” เมื่อกลางปี พ.ศ. 2525 และปลายปี พ.ศ. 2529 ตามลำดับ รวมทั้งพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อกลางปี พ.ศ. 2555 ตลอดจนโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอาคารเรียน “สธ ๔” และอาคารหอประชุม “สิรินธราลัย” ด้วย นอกจากนี้ โรงเรียนฯ ยังได้รับรางวัลสถานศึกษาพระราชทาน ประจำปีการศึกษา 2532 และ 2544 และในปี พ.ศ. 2541 นักเรียนของโรงเรียนฯ ยังได้รับรางวัลเหรียญทองแดง จากการเข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก ที่ประเทศอิตาลี ในฐานะผู้แทนประเทศไทย ขณะที่นักกีฬาของโรงเรียนฯ ได้รับรางวัลเหรียญทอง ในฐานะผู้แทนทีมชาติไทย จากการเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 อีกด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ถือกำเนิดขึ้น โดยเจตจำนงของผาสุก และเง็ก มณีจักร คหบดีชาวปากเกร็ดสองสามีภรรยา ซึ่งมีบุตรชายและหลานชายเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย บริจาคที่ดินบริเวณใกล้กับถนนติวานนท์เป็นจำนวน 25 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา เพื่อสร้างโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อต้นปีการศึกษา 2520 โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งคือ สุวรรณ จันทร์สม อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผู้อำนวยการกองการมัธยมศึกษาในขณะนั้น, สมพงษ์ พูลสวัสดิ์ และกว้าง รอบคอบ อดีตอธิบดีกรมสามัญศึกษา ขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนปากเกร็ด เป็นผู้ประสานงานจัดตั้ง ในระยะเริ่มแรก โรงเรียนยังไม่มีอาคารเรียนถาวร มีเพียงที่ดินซึ่งกำลังถมและปรับสภาพ จึงต้องไปอาศัยใช้โรงเรียนชลประทานสงเคราะห์ เป็นสถานที่ในการรับสมัครเข้าเรียน และเมื่อกระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งโรงเรียนฯ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2521 โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๒ (ผาสุก มณีจักร) มีคณาจารย์ชุดแรก 22 คน นักเรียนชั้น ม.ศ.1 และ ม.1 รุ่นแรก จำนวน 12 ห้อง รวม 527 คน ครู-อาจารย์ 22 ท่าน ได้ฝากนักเรียนชายให้เรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และฝากนักเรียนหญิงให้เรียนที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี โดยอยู่ในความดูแลของคณาจารย์ชายหญิง รวม 9 ท่าน ต่อมาในปีการศึกษา 2522 โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว จำนวน 25 ห้องเรียน และอาคารเรียนถาวร จึงได้ย้ายนักเรียนกลับคืนมาทั้งหมด แต่เนื่องจากบริเวณที่ตั้งของโรงเรียนไม่ติดถนน ประพัฒน์ แก่นรัตนะ เจ้าของที่ดินด้านหน้าโรงเรียนที่ติดถนนติวานนท์ จึงได้อนุญาตให้ที่ดินเพื่อสร้าง “ถนนแก่นรัตนะ” (ถนนส่วนบุคคล) เป็นทางเข้าออกโรงเรียน ขนาดของถนน กว้าง 12 เมตร ยาว 343 เมตร และได้ทำหนังสือมอบไว้ต่อกรมสามัญศึกษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้บริจาคที่ดินในส่วนที่เป็นถนนให้กับทางโรงเรียน โดยเทศบาลนครปากเกร็ดจัดงบประมาณจัดสร้างถนนคอนกรีตให้กับทางโรงเรียน ทำให้พื้นที่ของโรงเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 25 ไร่ 3 งาน 18 ตารางวา จนถึงปัจจุบัน ต่อมา ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2522 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อโรงเรียน จาก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ๒ (ผาสุก มณีจักร) เป็น โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2525 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระนามาภิไธยย่อ สธ ให้เป็นนามของอาคารเรียนสองหลังแรกของโรงเรียนฯ คือ สธ ๑ และ สธ ๒ พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเรียนทั้งสองหลังด้วยพระองค์เอง โดยอักษรพระนามาภิไธยย่อ สธ ที่ประดับอยู่บนอาคารในวันนั้น ทำขึ้นจากโฟมพ่นสีทอง ซึ่งเป็นผลงานของนายอมร นิพันธ์ประศาสน์ อาจารย์หัวหน้าหมวดวิชาศิลปศึกษาในขณะนั้น ปีการศึกษา 2526 โรงเรียนฯ ได้รับงบประมาณให้สร้างถนนลาดยาง จากริมถนนติวานนท์ ถึงทางเข้าประตูโรงเรียน ต่อมาในปีการศึกษา 2527 โรงเรียนฯ ได้รับงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการ และเงินสมทบจากสมาคมผู้ปกครองและครูของโรงเรียนฯ เพื่อสร้างอาคารหอประชุม และในปีการศึกษา 2528 โรงเรียนฯ ได้รับงบประมาณจากกรมสามัญศึกษา และเงินสมทบ จากสมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัยฯ, สมาคมผู้ปกครองและครูฯ และเงินบำรุงการศึกษา เพื่อจัดสร้างถนนคอนกรีต ภายในบริเวณโรงเรียนฯ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามอาคารหอประชุมโรงเรียนฯ ว่า หอประชุม สิรินธราลัย และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ศาสตราจารย์ ดร.ธานินทร์ กรัยวิเชียร องคมนตรี ผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีเปิดหอประชุมฯ วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามอาคารเรียนหลังใหม่ว่า สธ ๓ พร้อมทั้งได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคารเรียนดังกล่าว พร้อมทั้งสวนเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษามหาราชินี, ห้องสมุดสวนเสริมปัญญา และศาลากลางน้ำ ด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ ยังทรงเยี่ยมชมห้องสมุดติณสูลานนท์ รวมถึงนิทรรศการและกิจกรรมทางวิชาการของคณาจารย์และนักเรียนด้วย รวมเวลาที่ประทับอยู่ที่โรงเรียนราว 4 ชั่วโมงเศษ จากนั้น ในปีการศึกษา 2537 โรงเรียนฯ ได้จัดตั้ง ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ และ ศูนย์อินเทอร์เน็ตกุหลาบนนท์ เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ในปีการศึกษา 2538 โรงเรียนฯ ยังได้ทดลองระบบการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม ไปยัง โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จังหวัดตาก อีกด้วย ปัจจุบัน เป็นโรงเรียนคู่พัฒนา ร่วมกับโรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนฯ อย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งทอดพระเนตรความก้าวหน้าของโรงเรียนฯ ตลอดจนกิจกรรมต่างๆ ของนักเรียนด้วย นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโรงเรียนฯ เป็นครั้งที่สามนับแต่ก่อตั้งเป็นต้นมาสัญลักษณ์ประจำโรงเรียนหลวงพ่อสวนกุหลาบ สัญลักษณ์ประจำโรงเรียน. หลวงพ่อสวนกุหลาบ. เนื่องในโอกาส ครบรอบ 100 ปี โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดำเนินการจัดสร้างพระพุทธรูปหลวงพ่อสวนกุหลาบจำลองขึ้น และทางโรงเรียนได้รับหลวงพ่อสวนกุหลาบจำลององค์ดังกล่าว จากการอุปการะของ คุณบุญมา และคุณไพเราะห์ พึ่งทอง โดยจัดพิธีอัญเชิญมาประดิษฐานยังโรงเรียน เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2525 ต่อมา เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ร่วมกับ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกเททองหล่อหลวงพ่อสวนกุหลาบ เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ โดยมีขนาดหน้าตักกว้าง 19 นิ้ว เพื่อมอบให้กับโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย สำหรับเป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียน ในวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 นายสุโข วุฑฒิโชติ ผู้อำนวยการโรงเรียนในขณะนั้น พร้อมด้วยคณาจารย์ และนักเรียน ได้จัดกระบวนอัญเชิญหลวงพ่อสวนกุหลาบมาประดิษฐานชั่วคราว ณ ห้องผู้อำนวยการ เมื่อหอพระจัดสร้างเสร็จสมบูรณ์ จึงได้อัญเชิญหลวงพ่อสวนกุหลาบมาประดิษฐาน ณ หอพระหน้าโรงเรียน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543พระพุทธรูป ปาง 25 พุทธศตวรรษ พระพุทธรูป ปาง 25 พุทธศตวรรษ. นางดุษฎี พงศ์ศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน มีดำริให้จัดสร้างพระพุทธรูปปางลีลา ในพุทธลักษณะใกล้เคียงกับพระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ขึ้น เพื่อประดิษฐานบริเวณหน้าโรงเรียน เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของบุคลากรภายในโรงเรียน เมื่อองค์พระจัดสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว จึงได้ขนานนามว่า พระพุทธรูปปาง 25 พุทธศตวรรษ มีความหมายว่า พระพุทธรูปอันสร้างเป็นที่ระลึก ในโอกาสที่พระพุทธศาสนาบรรจบสองพันห้าร้อยปี โดยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเคียงเบื้องขวาของหลวงพ่อสวนกุหลาบ ณ หอพระหน้าโรงเรียน จนถึงปัจจุบันพระกริ่งปัญจพร พระกริ่งปัญจพร. พระกริ่งปัญจพรนี้ มีชนวนเก่ามาแต่สมัย สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) เจ้าคุณสนธิ์ เจ้าคุณศรีประหยัด ชนวนพระชินราชอินโดจีน และโลหะอาถรรพณ์ รวมทั้งแผ่นพระยันต์ จากเกจิอาจารย์อีกหลายรูป โดยประกอบพิธีปลุกเสก ที่พระอุโบสถ วัดพระยาทำวรวิหาร กรุงเทพมหานคร พระกริ่งปัญจพรองค์นี้ ประสิทธิ์และทวีรัตน์ สุขโชติ อดีตอาจารย์ของโรงเรียน เป็นผู้อุปการะมอบให้แก่ทางโรงเรียน เพื่ออัญเชิญมาประดิษฐาน ภายในหอพระบริเวณหน้าโรงเรียน เป็นสิริมงคลแก่บุคลากรของโรงเรียนสืบไปตราประจำโรงเรียน ตราประจำโรงเรียน. เป็นรูปหนังสือเล่มหนา หน้าปกหนังสือมี พระเกี้ยวยอด และอักษรพระปรมาภิไธยย่อ “จปร” มีไม้บรรทัด ดินสอ ปากกา คั่นอยู่ ด้านขวามีช่อดอกกุหลาบ มุมซ้ายล่างมีริบบิ้นผูกช่อดอกกุหลาบ ซึ่งมีตัวอักษรกำกับว่า “โรงเรียน หลวง สวนกุหลาบ”คติพจน์ คติพจน์. เป็นพุทธศาสนสุภาษิตความว่า “สุวิชาโน ภวํ โหติ” แปลว่า “ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ”พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5. เป็นพระบรมรูปประทับยืนเต็มพระองค์ ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง ฉลองพระองค์ชุดสากล พระหัตถ์ซ้ายถือธารพระกร พระหัตถ์ขวาถือพระมาลา ความสูง 267 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 800-1,000 กิโลกรัม รมสีเนื้อมันปู หรือสีเม็ดมะขามสุก บนแผ่นจารึกที่ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ อัญเชิญตราพระปรมาภิไธยย่อ จปร ไว้เหนือข้อความดังต่อไปนี้ :- ปัจจุบัน อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนเวทีหน้าลานอเนกประสงค์ของโรงเรียนฯ ซึ่งเดิมทีเดียว โรงเรียนฯ มีเพียงพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประดิษฐานบนเวทีหน้าลานเอนกประสงค์เท่านั้นจริยธรรมประจำโรงเรียน จริยธรรมประจำโรงเรียน. จริยธรรมประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี แต่งขึ้นโดย นางอัมพา แสนทวีสุข อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับนักเรียนของโรงเรียนฯ มีทั้งหมด 3 ประการคือ1. ลูก สวนฯ นนท์ ต้องรู้จักกล่าวคำว่า “สวัสดี” “ขอบคุณ” “ขอโทษ” “เสียใจ” ได้เองจนเป็นนิสัย 2. ลูก สวนฯ นนท์ ต้องรู้จักจัดอันดับตัวเอง ตามก่อน-หลังได้ 3. ลูก สวนฯ นนท์ ต้องรู้จักรักสะอาด ไม่ทิ้งขยะในที่ต่างๆสีประจำโรงเรียนสีประจำโรงเรียน. - สีชมพู คือ สีประจำวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ทั้งยังเป็น สีแห่งความรัก ความสามัคคี - สีฟ้า คือ สีประจำวันพระบรมราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทั้งยังเป็น สีแห่งความดีงาม มีความนึกคิดที่สูงส่ง - สีชมพู-ฟ้า จึงมีความหมายถึง องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และพระบรมราชินีนาถ ทั้งยังหมายถึง เป็นแหล่งที่มีความรัก ความสามัคคี ของผู้ที่มีความดีงาม มีความนึกคิดที่สูงส่งต้นไม้ประจำโรงเรียนต้นไม้ประจำโรงเรียน. - ต้นกัลปพฤกษ์ ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูก เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2525 ในโอกาสเสด็จฯ ทรงเปิดอาคารเรียน สธ 1 และ สธ 2เพลงประจำโรงเรียน เพลงประจำโรงเรียน. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ใช้เพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นเพลงประจำโรงเรียน ร่วมกับโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย ทั้ง 10 แห่ง โดยหม่อมราชวงศ์เลื่อน สิงหรา เป็นผู้ประพันธ์คำร้อง จากทำนองแขกต่อยหม้อ จังหวะสองชั้นและในวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งตรงกับวันสถาปนาโรงเรียน ครบรอบ 22 ปี นายสุโข วุฑฒิโชติ ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้มีดำริในการจัดทำอัลบั้มเพลงของโรงเรียนขึ้น หนึ่งในจำนวนดังกล่าวนั้น คือเพลงมาร์ชสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี ซึ่งแต่งขึ้นเพื่อเป็นเพลงมาร์ชประจำโรงเรียนด้วยรายนามอาจารย์ใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรีรายนามอาจารย์ใหญ่และผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. 1. กมล ธิโสภา (พ.ศ. 2521-พ.ศ. 2522) 2. ประยูร ธีระพงษ์ (พ.ศ. 2522) ทั้งสองท่านเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยในขณะนั้น ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการแต่งตั้งให้รักษาการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนอีกตำแหน่งหนึ่ง 3. อัมพา แสนทวีสุข (พ.ศ. 2522-พ.ศ. 2531) นางอัมพาดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนท่านแรก ดำรงตำแหน่งอยู่ถึง 9 ปี ซึ่งยาวนานที่สุดนับแต่ก่อตั้งโรงเรียน และเฝ้าฯ รับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเปิดอาคาร สธ ๑ และ สธ ๒ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2525 ท่านถึงแก่กรรมขณะดำรงตำแหน่ง ต่อมา โรงเรียนจึงได้ตั้งชื่ออาคารกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารีเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่า “อาคารทศวรรษ อัมพา แสนทวีสุข” 4. สมหมาย วัฒนะคีรี (พ.ศ. 2532-พ.ศ. 2535) นางสมหมายดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ในปีที่ได้รับรางวัลสถานศึกษาพระราชทานสมัยแรก เมื่อปีการศึกษา 2532 และเฝ้าฯ รับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเปิดอาคาร สธ ๓ เมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2535 นางสมหมาย พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 5. ผ่องศรี บัวประชุม (พ.ศ. 2535-พ.ศ. 2537) นางสาวผ่องศรีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองปีเท่านั้น 6. ดุษฎี พงศ์ศาสตร์ (พ.ศ. 2537-พ.ศ. 2540) นางดุษฎีดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ในปีที่ห้องสมุดของโรงเรียนได้รับเลือกให้เป็น “ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก” เมื่อปีการศึกษา 2539 และเป็นผู้ริเริ่มการจัดสร้างพระพุทธรูปปาง 25 พุทธศตวรรษ ท่านเป็นภริยาของนายบรรจง พงศ์ศาสตร์ อดีตอธิบดีกรมสามัญศึกษา นางดุษฎีพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเกษียณอายุราชการ 7. กรองทอง ด้วงสงค์ (พ.ศ. 2540-พ.ศ. 2542) นางกรองทองดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองปีเท่านั้นก็พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสายน้ำผึ้ง 8. สุโข วุฑฒิโชติ (พ.ศ. 2542-พ.ศ. 2545) นายสุโขถือเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนที่เป็นสุภาพบุรุษท่านแรก ท่านจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษา และเคยเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการเป็นท่านแรก จากนั้นจึงมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน ท่านเป็นผู้พัฒนา และนำพาโรงเรียนเข้าสู่ความเป็นยุคใหม่อย่างแท้จริง ด้วยโครงการต่างๆ มากมาย ทั้งทางวัตถุ และทางจิตใจ เช่น พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5, ซุ้มทางเข้าหน้าโรงเรียน, สถานเชิญธง, หอพระหน้าโรงเรียน, ห้องจาริกานุสรณ์, อาคารฝ่ายปกครองและประชาสัมพันธ์หลังใหม่, ห้องวิทยาศาสตร์โอลิมปิก, สนามวอลเลย์บอลชายหาด “สนามถึงฝั่ง”, ศาลากลางน้ำในสวนเสริมปัญญา, ปรับปรุงภูมิทัศน์ในส่วนต่างๆ ของโรงเรียน เป็นต้น จนกระทั่งโรงเรียนได้รับรางวัลสถานศึกษาพระราชทานเป็นสมัยที่สอง ในปีการศึกษา 2544 นายสุโขพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากเกษียณอายุราชการ นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่ง สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างปี พ.ศ. 2551-2557 9. อุทัย รัตนพงศ์ (พ.ศ. 2545-พ.ศ. 2547) นายอุทัย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนในระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองปีเท่านั้น แต่ก็ได้สานต่อนโยบายต่างๆ เมื่อครั้งที่ นายสุโข ยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการจนสำเร็จลุล่วงทั้งหมด ก่อนจะพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากเกษียณอายุราชการ 10. สุทธิศักดิ์ เฟื่องเกษม (พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2552) นายสุทธิศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน และเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา หลังการเปลี่ยนแปลงระบบการบริหารสถานศึกษา ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเวลาประมาณ 6 ปี ก่อนจะย้ายไปเป็นผู้อำนวยการสถานศึกษา ที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ กรุงเทพมหานคร 11. ปรเมษฐ์ โมลี (พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2555) นายปรเมษฐ์ เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาฯ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553 12. สุนีย์ สอนตระกูล (พ.ศ. 2556-พ.ศ. 2557) 13. วิทยา ศรีชมภู (พ.ศ. 2557-2559) 14. โพยม จันทร์น้อย (พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน)สถานที่ตั้ง อาคาร และ สถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียนสถานที่ตั้ง สถานที่ตั้ง อาคาร และ สถานที่ต่างๆ ภายในโรงเรียน. สถานที่ตั้ง. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 51/4 หมู่ที่ 5 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ใกล้กับห้าแยกปากเกร็ด โดยมาตามถนนติวานนท์ ทางที่มุ่งหน้าไปยังจังหวัดปทุมธานี ประมาณ 1 กิโลเมตร หรือหากมาจากสี่แยกสวนสมเด็จฯ ให้มาตามถนนติวานนท์ ทางที่มุ่งหน้าไปอำเภอปากเกร็ด ประมาณ 5 กิโลเมตร สามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางร่วมบริการ ของ ขสมก สาย 33 และ 90อาคารต่างๆ ภายในโรงเรียนอาคารต่างๆ ภายในโรงเรียน. 1. อาคารเรียน “สธ ๑” สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2522 เป็นอาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียน เป็นอาคาร 4 ชั้น มีจำนวน 32 ห้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ โรงอาหารนักเรียน และห้องอาหารอาจารย์ “สุโขสโมสร”, ห้องพักอาจารย์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ สังคมศึกษา และห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์ 2. อาคารเรียน “สธ ๒” สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2524 เป็นอาคารเรียนหลังที่สองของโรงเรียน เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น มีจำนวน 40 ห้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ลักษณะเหมือนกับ อาคาร สธ 1 ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม อาคาร สธ 1 โดยมี ลานอเนกประสงค์ คั่นกลาง โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ ห้องพักอาจารย์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาต่างประเทศ ห้องพิพิธภัณฑ์โรงเรียนฯ และห้องพระพุทธศาสนา 3. อาคารเรียน “สธ ๓” สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2533 เป็นอาคารเรียนหลังที่สามของโรงเรียน เป็นอาคาร 4 ชั้น มีจำนวน 24 ห้อง หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ ห้องจาริกานุสรณ์ฯ ห้องผู้อำนวยการ ห้องวิชาการ และห้องพักอาจารย์ ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ 4. อาคารเรียน “สธ ๔” สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2539 เพื่อทดแทนอาคารชั่วคราว บริเวณติดกับอาคาร สธ ๑ และ สธ ๓ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เป็นอาคารเรียนหลังที่ห้าของโรงเรียน โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ ห้องฝ่ายบริการ ห้องแผนงานและสารสนเทศ ห้องประชุม ห้องพยาบาล ห้องโสตทัศนศึกษา ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา (Sound Lab) และห้องพักอาจารย์ งานแนะแนว หมวดพาณิชยกรรม 5. อาคารหอประชุม “สิรินธราลัย” สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2527 บริเวณติดกับถนนรอบลานอเนกประสงค์ ฝั่งตรงข้ามกับพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หันหน้าไปทางทิศตะวันตก เพื่อเป็นอาคารหอประชุมของโรงเรียน โดยหอประชุมอยู่บนชั้น 2 นอกจากนี้ยังมี ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก (เดิมชื่อ ห้องสมุดติณสูลานนท์ เพื่อเป็นเกียรติแด่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) และห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ที่ชั้นล่างของอาคารอีกด้วย 6. อาคารอเนกประสงค์ (ตึก 6) สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2535 บริเวณติดกับอาคาร สธ ๑ เป็นอาคารเรียนหลังที่สี่ของโรงเรียน หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เป็นห้องเรียน และห้องกิจกรรม โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ ร้านสหกรณ์ ห้องปฏิบัติการนาฏศิลป์ ห้องปฏิบัติการเบเกอรี่ ศูนย์ปฏิบัติการวิชาศิลปศึกษา ก ห้องกิจกรรมเทควันโด โรงยิมเนเซียม และห้องพักอาจารย์ หมวดคหกรรม หมวดศิลปศึกษา 7. อาคารโรงฝึกงาน สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2525 บริเวณใกล้ทางออกด้านหลังโรงเรียน หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทางซ้ายมือของอาคารอเนกประสงค์ เพื่อเป็นอาคารปฏิบัติการ ห้องเรียน ห้องพักอาจารย์ ของ หมวดช่างอุตสาหกรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ และเทคโนโลยี 8. อาคารศูนย์เกษตรกรรม สร้างขึ้นใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2545 ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังห้องสมุดสวนเสริมปัญญา เพื่อเป็นอาคารและพื้นที่ปฏิบัติการ ห้องเรียน และห้องพักอาจารย์ หมวดวิชาเกษตรกรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ และเทคโนโลยี 9. อาคาร 6 ชั้น อาคารเรียนอบจ.นนทบุรี สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2550 แทนที่อาคารทศวรรษ อัมพา แสนทวีสุข และเรือนเกษตรกรรม ที่ได้รื้อถอนไป เป็นอาคารเรียน 5 ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีลักษณะแตกต่างไปจากอาคารเรียนหลังอื่นๆ อยู่ติดกับ อาคาร สธ 2 และมีสนามฟุตบอลอยู่หน้าอาคาร ปัจจุบันเปิดใช้ทำการเรียนการสอนแล้ว โดยในอาคารนี้มีห้องสำคัญคือ ห้องพักอาจารย์ ม.2 และห้องเรียน ม.1 (บางห้อง) ม.2 (ทั้งระดับ) ห้องผู้อำนวยการ ห้องทะเบียนและวัดผล ห้องวิชาการ นโยบายและแผนงาน และห้องธุรการ 10. อาคาร7ชั้น อาคารเรียนอบจ.นนทบุรี 40 ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ระยะเวลาการสร้าง 2560-2561 เป็นโครงการจัดสร้างซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติมในปีการศึกษา 2554-2555 เพื่อรองรับและบริการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นอาคารเรียนในอดีตอาคารเรียนในอดีต. 1. อาคารทศวรรษ อัมพา แสนทวีสุข สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2530 บริเวณใกล้กับข้างอาคาร สธ ๒ เพื่อเป็นอาคารกิจกรรมลูกเสือ-เนตรนารี หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยชื่ออาคารนั้นตั้งขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ นางอัมพา แสนทวีสุข อดีตผู้อำนวยการผู้ล่วงลับ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นอาคารกิจกรรมวงโยธวาธิตของโรงเรียน ที่มีสภาพทรุดโทรมมาก โรงเรียนจึงได้รื้อถอน เพื่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2549 2. เรือนเกษตรกรรม ตั้งอยู่ใกล้บริเวณหน้าโรงเรียน ติดถนนรอบสนามฟุตบอล ติดกับอาคารทศวรรษ อัมพา แสนทวีสุข หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เคยเป็นเรือนปฏิบัติการ ห้องเรียน ห้องพักอาจารย์ ของ หมวดวิชาเกษตรกรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ และเทคโนโลยี ที่มีสภาพทรุดโทรมมาก โรงเรียนจึงได้รื้อถอน เพื่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2549 3. อาคารชั่วคราว สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2522 เดิมมีจำนวน 3 หลัง รวม 25 ห้องเรียน แต่ยังเหลือเป็นอาคารสุดท้าย ตั้งอยู่บริเวณระหว่างอาคาร สธ ๑ และ สธ ๓ เป็นอาคารโครงเหล็ก หลังคามุงกระเบื้องลอนคู่ ยึดลูกกรงเหล็กกั้นเป็นกำแพงด้านหน้าและหลัง กั้นห้องด้วยไม้อัด ซึ่งเรียกกันในหมู่ศิษย์เก่าว่า ห้องเรียนเล้าไก่ ที่มีสภาพทรุดโทรมมาก โรงเรียนจึงได้รื้อถอน เพื่อสร้างอาคาร สธ ๔ เมื่อปี พ.ศ. 2538สถานที่สำคัญภายในโรงเรียนสถานที่สำคัญภายในโรงเรียน. 1. ลานอเนกประสงค์ อยู่บริเวณหน้าหอประชุมสิรินธราลัย คั่นกลางระหว่างอาคาร สธ ๑ และ สธ ๒ ประกอบด้วยลานคอนกรีตขนาดกว้างใหญ่ ยกสูงจากพื้นถนน และอัฒจันทร์รูปครึ่งวงกลม ขนาบโอบสองข้างเสมือนปีก จากฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่เดิมเป็นเวทีขนาดเล็ก ตั้งอยู่หน้าแท่นประดิษฐานพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เท่านั้น) สถานที่แห่งนี้ใช้สำหรับทำกิจกรรม และพิธีการต่างๆ ของโรงเรียน ที่สำคัญคือ พิธีหน้าเสาธง โดยในปีการศึกษา 2550 ผู้อำนวยการสถานศึกษา อนุมัติให้สร้างหลังคาปกคลุมสูง 4 ชั้นตึก และในปีการศึกษาถัดมา (พ.ศ. 2551) ยังดำเนินการต่อเติมออกไปยังบริเวณสวนเสริมปัญญาด้วย 2. ห้องสมุด “สวนเสริมปัญญา” สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2534 ด้านข้างหอประชุมสิรินธราลัย เพื่อเป็นห้องสมุดธรรมชาติ มีศาลาพักผ่อนจำนวน 7 หลัง ทาสีตามวันในสัปดาห์ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเปิดในโอกาสเสด็จฯ ทรงเปิดอาคาร สธ 3 ทรงชื่นชมการจัดห้องสมุดธรรมชาติเช่นนี้อย่างมาก 3. สวนเฉลิมพระเกียรติ “60 พรรษา มหาราชินี” ตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงเรียน ข้างอาคาร สธ ๓ เนื่องในวโรกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมายุ ครบ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดสวนฯ ในโอกาสเสด็จฯ ทรงเปิดอาคาร สธ ๓ เมื่อปี พ.ศ. 2535 ปัจจุบันเป็นเพียงสวนหย่อมรอบหอพระเท่านั้น 4. ห้องจาริกานุสรณ์ (ลพชัย แก่นรัตนะ) ตั้งอยู่ใต้อาคาร สธ ๓ ติดกับบันไดทางขึ้นอาคารเรียนทางขวา ในอดีตเป็นห้องฝ่ายปกครอง ก่อนจะปรับปรุงขึ้นใหม่ เพื่อเป็นห้องเกียรติยศของโรงเรียน ประกอบด้วยศูนย์รวมเกียรติประวัติของโรงเรียน ภายในมีภาพถ่ายของผาสุก และเง็ก มณีจักร ผู้มอบที่ดินสำหรับจัดสร้างโรงเรียน รูปปั้นของอัมพา แสนทวีสุข ผู้อำนวยการคนแรกของโรงเรียน ซึ่งพัฒนาโรงเรียนไว้อย่างมากในระยะเริ่มก่อตั้ง ทำเนียบลำดับอาจารย์ใหญ่และผู้อำนวยการ รวมทั้งแผ่นศิลาฤกษ์และแบบจำลอง อาคารทั้งหมดภายในโรงเรียน ตลอดจนกระทั่ง ถ้วยรางวัล โล่รางวัล และเกียรติยศต่างๆ ซึ่งได้รับจากการแข่งขัน ทั้งเชิงวิชาการและกีฬา อันเป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียน 5. สถานเชิญธง “ลี้กุลเจริญ” สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2545 บริเวณริมถนนตรงข้ามลานอเนกประสงค์ ฝั่งเบื้องหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นเสาเชิญธงชาติไทย และ ธงประจำโรงเรียน สีชมพู-ฟ้า อนุเคราะห์การจัดสร้างโดย นายอภิสิทธิ์ ลี้กุลเจริญ จึงใช้นามสกุลของนายอภิสิทธิ์เป็นชื่อสถานเชิญธงแห่งนี้ 6. หอพระพุทธรูปประจำโรงเรียน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 บริเวณกลางสวนเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษามหาราชินี เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญประจำโรงเรียน 3 องค์ ได้แก่ หลวงพ่อสวนกุหลาบจำลอง พระพุทธรูปปาง 25 พุทธศตวรรษ 7. อาคารบริหารกิจการนักเรียนและประชาสัมพันธ์ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 บริเวณข้างสวนหย่อมหอพระ ฝั่งติดริมกำแพงหน้าโรงเรียนฯ จำนวน 2 ชั้น เพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงานของกลุ่มงานบริหารกิจการนักเรียน และงานประชาสัมพันธ์โรงเรียนฯ 8. สนามถึงฝั่ง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 บริเวณข้างประตูหน้าด้านนอกกำแพงโรงเรียนฯ ฝั่งซ้ายของถนนทางเข้า เป็นสนามสำหรับแข่งขันและฝึกซ้อมวอลเลย์บอลชายหาด อนุเคราะห์การจัดสร้างโดย นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนนทบุรี อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี จึงได้ใช้นามสกุลของนายดิเรกเป็นชื่อสนาม 9. อัฒจันทร์ ตั้งอยู่ข้างสนามฟุตบอล ฝั่งตรงข้ามกับสถานเชิญธงลี้กุลเจริญ เป็นอัฒจันทร์ก่ออิฐถือปูนอย่างถาวร สร้างขึ้นเพื่อทดแทนอัฒจันทร์ชั่วคราว ที่ใช้เหล็กฉากเชื่อมต่อกัน เปิดใช้เป็นครั้งแรก ในงานวันแม่แห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2550 10. ศาลาแก่นรัตนะ เดิมเรียกว่า ศาลากลางน้ำ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 บนเกาะกลางสระน้ำ หลังห้องสมุดสวนเสริมปัญญา เพื่อเป็นอนุสรณ์ ในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ โรงเรียน โดยได้ทรงพระนิพนธ์บทสักวาสด เพื่อทรงขับร้องร่วมกับคณะนักเรียน ภายในศาลา เมื่อวันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2535 โดยต้นฉบับลายพระหัตถ์สักวาบทนี้ ได้จัดใส่กรอบเก็บรักษาไว้ ที่ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก มีเนื้อความดังต่อไปนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ เป็นเรือนไทยสวยงาม สำหรับให้นักเรียนได้ศึกษาสถาปัตยกรรมไทย โดยให้ชื่อตามนามสกุลของผู้มีพระคุณจัดสร้าง นอกจากนี้ ยังมีบริการเรือถีบในสระน้ำด้วยลักษณะชุมชนโดยรอบโรงเรียน ลักษณะชุมชนโดยรอบโรงเรียน. ชุมชนที่อยู่ล้อมรอบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เป็นการผสมผสานระหว่างชุมชนพื้นบ้านดั้งเดิม ที่ประกอบอาชีพทำสวนเป็นหลัก และชุมชนใหม่ ในรูปแบบหมู่บ้านจัดสรร (เมืองทองธานี, บ้านสวนกุหลาบ) แวดล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน (ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ) โรงพยาบาล (โรงพยาบาลชลประทาน, โรงพยาบาลปากเกร็ด, โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ฯลฯ) ธนาคาร โรงงานอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษาต่างๆ ทั้งของรัฐบาล และเอกชน (โรงเรียนปากเกร็ด, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ หอวัง นนทบุรี, โรงเรียนชลประทานวิทยา, โรงเรียนชลประทานสงเคราะห์, ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด ฯลฯ) ห้างสรรพสินค้า (เซ็นทรัล พลาซา แจ้งวัฒนะ, โรงภาพยนตร์เมเจอร์ฮอลลีวูด แจ้งวัฒนะ) วัด (วัดชลประทานรังสฤษฎ์, วัดกู้) (สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี, เกาะเกร็ด ฯลฯ) สิ่งก่อสร้างสำคัญ (สะพานพระราม 4, อุโมงค์ปากเกร็ด) เป็นต้นเกียรติยศของโรงเรียน เกียรติยศของโรงเรียน. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้พัฒนาการจัดการศึกษา และการอำนวยประโยชน์ทางการศึกษา ให้แก่นักเรียนอย่างต่อเนื่อง จนทัดเทียมและนำหน้าสถานศึกษาอื่นๆ โดยได้รับรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น รางวัลสถานศึกษาพระราชทาน ประจำปีการศึกษา 2532 และ ปีการศึกษา 2544, รางวัลโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษดีเด่น ประจำปีการศึกษา 2532 นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลการจัดบรรยากาศห้องสมุดดีเด่น และรางวัลการใช้ห้องสมุดเพื่อการเรียนการสอนดีเด่น จากกรมสามัญศึกษา ประจำปีการศึกษา 2533, รางวัลโรงเรียนพัฒนาห้องสมุดดีเด่น จากกรมสามัญศึกษา ประจำปีการศึกษา 2534, รางวัลห้องสมุดโรงเรียนที่มีผลงานดีเด่น จากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2535, ห้องสมุดโรงเรียนได้รับการคัดเลือกให้เป็น ห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ของกลุ่มโรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนกลาง กลุ่มที่ 9 จากกรมสามัญศึกษา, เป็นห้องสมุดโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา จากจำนวน 11 แห่ง ที่ได้รับการคัดเลือกจาก สถาบันองค์การสหพันธ์ห้องสมุดนานาชาติ ให้เป็นสถานที่ศึกษาดูงานของคณะบรรณารักษ์จากทั่วโลก ที่เข้าร่วมการประชุมบรรณารักษ์นานาชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2542, โล่ประกาศเกียรติคุณ โรงเรียนมัธยมศึกษาส่วนกลางขนาดใหญ่พิเศษ ที่จัดกิจกรรมการอ่านเฉลิมพระเกียรติได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อปีการศึกษา 2542 เป็นต้นเกียรติยศทางการศึกษา เกียรติยศทางการศึกษา. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้จัดส่งนักเรียนที่มีความสามารถในด้านต่างๆ เข้าประกวดและแข่งขันในกิจกรรมที่หน่วยงานภายนอกจัดขึ้นมาโดยตลอด และประสบความสำเร็จมากมาย ทั้งในระดับอำเภอ ระดับจังหวัด ระดับประเทศ และระดับนานาชาติ มาเป็นลำดับ โดยเริ่มสร้างชื่อเสียงมาตั้งแต่ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหาจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน โดยพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2524 ต่อมาในปี พ.ศ. 2526 ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหา ในรายการ 180 ไอคิว ทาง ททบ.5 และได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหา ในรายการ ธรรมะกับเยาวชน ทาง ช่อง 9 อ.ส.ม.ท. อีกด้วย ในปี พ.ศ. 2529 ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ในรายการ เสาร์สโมสร ทาง ททบ.5 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2530 ได้รับประทานเกียรติบัตร ในการตอบปัญหาธรรมะกับเยาวชน จาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ในปีเดียวกันนั้น ยังได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหาภาษาอังกฤษ ในรายการ เชลล์ ควิซ ทางช่อง 9 และเป็นแชมป์ 9 สมัย จากการตอบปัญหาในรายการ เยาวชนคนเก่ง ทางช่อง 9 เช่นกัน ในปี พ.ศ. 2531 ได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นการทัศนศึกษาที่ประเทศอังกฤษ จากรายการ เก่งจริงๆ ทาง ททบ.5 ในปีต่อมา (พ.ศ. 2532) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ การแข่งขันทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ และในปี พ.ศ. 2534 ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวด โครงการเยาวชนช้างเผือก ของเครือซิเมนต์ไทย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ในการแข่งขันตอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จากงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ในปีถัดมา ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในงานวันเกษตรแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2542 ในระดับชาติ พ.ศ. 2543 นักเรียนของโรงเรียน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นลำดับที่ 1 ของคณะสหเวชศาสตร์ สาขากายภาพบำบัด และคณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังได้รับทุนการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ที่ประเทศเยอรมนี และญี่ปุ่น และศึกษาในระดับปริญญาตรีถึงปริญญาโท ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน อีกด้วย ในระดับนานาชาติ นักเรียนของโรงเรียน ได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนประเทศไทย เข้าร่วมการแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิก ประจำปี พ.ศ. 2541 ที่ประเทศอิตาลี ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง และการแข่งขันชีววิทยาโอลิมปิก ประจำปี พ.ศ. 2542 ซึ่งสามารถผ่านเข้าถึงรอบ 12 คนสุดท้ายเกียรติยศทางการกีฬา เกียรติยศทางการกีฬา. นักกีฬาของโรงเรียน ได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขันในนามทีมชาติไทย ในหลายชนิดกีฬา เช่น วอลเลย์บอล, วอลเลย์บอลชายหาด (เอเชียนเกมส์ 1998 ประเทศไทย), เทควันโด (ซีเกมส์ 2003 ประเทศเวียดนาม), ฟันดาบ (ซีเกมส์ 2001 ประเทศมาเลเซีย) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล จากการส่งทีมโรงเรียนเข้าแข่งขัน ในระดับอำเภอ จนถึงระดับประเทศ เช่น ฟุตบอล (รองชนะเลิศอันดับ 1 ฟุตบอลนักเรียนกรุงเทพมหานคร รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี), วอลเลย์บอล (ประเภทหญิง ชนะเลิศ กีฬานักเรียนกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2540 รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี), วอลเลย์บอลชายหาด (ประเภทหญิง ชนะเลิศ สิงห์ไทยแลนด์โอเพ่น ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2544 จังหวัดขอนแก่น), กรีฑา (6 เหรียญทอง การแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 22 และ โล่รางวัลนักกรีฑาดีเด่น กีฬานักเรียนกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2542), ว่ายน้ำ (2 เหรียญทอง กีฬานักเรียนกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2543), แบดมินตัน (ชนะเลิศ กีฬานักเรียนจังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2543) เป็นต้นเกียรติยศทางกิจกรรม เกียรติยศทางกิจกรรม. กิจกรรมเชียร์และแปรอักษร มีการตั้งชมรมขึ้นภายในโรงเรียน เพื่อเป็นผู้แทนโรงเรียนไปจัดกิจกรรมภายนอก มีผลงานสำคัญคือ ในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ พ.ศ. 2543 และ พิธีเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียนจังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2542 นอกจากนี้ กิจกรรมวงโยธวาทิต ยังได้รับรางวัลเหรียญเงิน จากการแข่งขันวงโยธวาทิตแห่งประเทศไทย และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 (ประเภท ก) จากการประกวดวงโยธวาทิตนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2544กิจกรรมของโรงเรียน กิจกรรมของโรงเรียน. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ได้จัดให้มีกิจกรรมภายในโรงเรียน ส่งผู้แทนนักเรียนออกไปร่วมกิจกรรมภายนอกโรงเรียน ทั้งกับโรงเรียนใกล้เคียง และโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการฝึกฝนให้นักเรียนกล้าคิด กล้าแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี ตลอดจนการใช้ชีวิตร่วมกับบุคคลที่มีความแตกต่างกันในสังคมกิจกรรมภายในโรงเรียน กิจกรรมภายในโรงเรียน. กิจกรรมชุมนุมเชียร์และแปรอักษรที่ ม.1 และ ม.2 ทุกคนต้องผ่านการเข้าร่วม และเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมของนักเรียนสวนกุหลาบทุกแห่งต้องรู้จักและปฏิบัติการแข่งขันกีฬาภายใน การแข่งขันกีฬาภายใน. การแข่งขันกีฬาภายในของโรงเรียนฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 5 คณะสีคือ คณะสีเขียว คณะสีแดง คณะสีเหลือง คณะสีม่วง และ คณะสีน้ำเงิน ต่อมา (ตั้งแต่ พ.ศ. 2545) มีการแต่งชื่อคณะสี ให้ไพเราะและคล้องจองกันด้วยคือ พฤกษาขจี, รพีจรัส, ปภัสอำพัน, อัญชันรุจี และ นทีพิสุทธิ์ ตามลำดับ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในหลายชนิดกีฬา เช่น ฟุตบอล, บาสเกตบอล, วอลเลย์บอล, วอลเลย์บอลชายหาด, กรีฑา, แบดมินตัน, เทควันโด เป็นต้น รวมถึงจัดกิจกรรมเชียร์และแปรอักษร วัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในโรงเรียนฯ ส่งเสริมการออกกำลังกาย ตลอดจนก่อให้เกิดความสนุกสนานระหว่างเพื่อนนักเรียนนิทรรศการทางวิชาการ นิทรรศการทางวิชาการ. การจัดงานสัปดาห์นิทรรศการทางวิชาการของโรงเรียนฯ มีชื่องานว่า สวนฯนนท์ปริทรรศน์ จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงกลางเดือนมกราคมของทุกปี โดยเป็นการแสดงผลงานต่างๆ ของอาจารย์และนักเรียน เพื่อให้บุคคลภายในและภายนอกโรงเรียนฯ ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของบุคลากรของโรงเรียนฯ ตลอดจนเป็นเวทีกลาง ในการแลกเปลี่ยนทรรศนะ และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงาน และแนวคิดทางวิชาการต่างๆกิจกรรมชุมนุม กิจกรรมชุมนุม. กิจกรรมชุมนุม เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ทำกิจกรรมตามจินตนาการของตน ภายใต้เหตุผล และความควบคุมของอาจารย์ที่ปรึกษาชุมนุม เพื่อสร้างผลงานออกสู่สาธารณะต่อไป โดยภายในโรงเรียนฯ ได้มีการก่อตั้งชุมนุมขึ้นเป็นจำนวนมาก ตามความสนใจของนักเรียนที่มีหลากหลาย ทั้งด้านภาษา กีฬา สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม สังคม พาณิชยกรรม คอมพิวเตอร์ ศิลปศึกษา เป็นต้นวารสารสวนกุหลาบนนท์ วารสารสวนกุหลาบนนท์. วารสารสวนกุหลาบนนท์ เดิมออกเป็นรายภาคเรียน ปีละสองครั้ง มีสมาคมผู้ปกครองและครูของโรงเรียนฯ เป็นเจ้าของ ปัจจุบันเป็นวารสารรายปี ซึ่งโรงเรียนฯ รับเป็นเจ้าของ โดยมีชุมนุมประชาสัมพันธ์ เป็นกองบรรณาธิการ มีเนื้อหาข่าวสาร รวมไปถึงกิจกรรม และภาพบรรยากาศต่างๆ ตลอดทั้งปีการศึกษาวงโยธวาทิตของโรงเรียน วงโยธวาทิตของโรงเรียน. วงโยธวาทิต โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2523 โดยได้รับการสนับสนุนจาก นางอัมพา แสนทวีสุข ผู้อำนวยการในขณะนั้น และในปัจจุบัน ได้รับการสนับสนุนจาก สมาคมผู้ปกครองและครูของโรงเรียนฯ คณะผู้บริหารและคุณครูของโรงเรียนฯ กิจกรรมการแสดงของวงโยธวาทิตโรงเรียนฯ มีทั้งรูปแบบ Marching และ Concert โดยออกงานทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ซึ่งเป็นการแสดงเพื่อกิจกรรมของโรงเรียน และการบริการชุมชน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนตลอดมา อาทิเช่น ในการประกวดวงโยธวาทิต ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ณ สนามศุภชลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ ระหว่างปี พ.ศ. 2544-2547 วงโยธวาทิตของโรงเรียนฯ ได้รับรางวัลทุกปี ประกอบด้วย- 21 ธันวาคม พ.ศ. 2544 - รางวัลเหรียญเงิน ระดับประเทศ (จัดโดย บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ) - 12 มกราคม พ.ศ. 2545 - รางวัลเหรียญทอง และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ (จัดโดย กรมพลศึกษา ร่วมกับ บมจ.ธนาคารทหารไทย) - 10 มกราคม พ.ศ. 2546 - รางวัลเหรียญทอง ประเภทบรรเลงเพลงไทยดีเด่น และ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับประเทศ (จัดโดย สำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ ร่วมกับ บมจ.ธนาคารทหารไทย) - 30 มกราคม พ.ศ. 2547 - รางวัลเหรียญทอง ระดับประเทศ (จัดโดย บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ)กิจกรรมเชียร์และแปรอักษร กิจกรรมเชียร์และแปรอักษร. ชุมนุมเชียร์และแปรอักษร สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เป็นกิจกรรมที่เริ่มจัดตั้ง เป็นกลุ่มงานเล็กๆ โดยยังไม่เป็นชุมนุม ในปีการศึกษา 2539 (ส.ก.น.รุ่น 16) เพื่อรองรับ งานกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ ในขณะนั้นมีเพียงการใช้เพลงเชียร์ การแปรอักษรด้วยรีบรุก และเพลต 1:1 ต่อมา มีการก่อตั้งเป็นชุมนุมขึ้น ในปีการศึกษา 2541 (ส.ก.น. รุ่นที่ 18) และในปีถัดมา (พ.ศ. 2542) ในสมัยผู้อำนวยการสุโข วุฑฒิโชติ ได้มีการนำเพลต 1:16 มาประกอบการแปรอักษร ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2552 ชุมนุมฯ ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ฝึกซ้อม และควบคุมการแปรอักษร ให้แก่นักเรียน โรงเรียนบ้านบางกะปิ ในการแข่งขันกีฬานักเรียนนักศึกษาแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2553 หรือ "กรุงเทพเกมส์" นอกจากการแปรอักษร ในงานกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีแล้ว ทางชุมนุมเชียร์และแปรอักษร สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ยังได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานระดับชาติอีกมากมาย อาทิ- ปีการศึกษา 2543 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ สนามศุภชลาศัย - ปีการศึกษา 2545 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานชุมนุมลูกเสือโลก ร่วมกับโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ ในอัฒจันทร์เดียวกัน - ปีการศึกษา 2547 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ สนามศุภชลาศัย ร่วมกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย - ปีการศึกษา 2548 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ร่วมกับโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี - ปีการศึกษา 2552 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ร่วมกับโรงเรียนเทพศิรินทร์ - ปีการศึกษา 2553 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานชุมนุมเยาวชนคนรักชาติรักประชาธิปไตย ณ สนามศุภชลาศัย ร่วมกับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต - ปีการศึกษา 2553 - ได้รับเกียรติให้แปรอักษร ในงานวันคล้ายวันสถาปนายุวกาชาดไทย ณ สนามศุภชลาศัย ในปัจจุบันชุมนุมเชียร์และแปรอักษรฯ ถือเป็น 1 ใน 5 ชุมนุมวัฒนธรรมของโรงเรียน และเป็นชุมนุมที่มีสมาชิกชุมนุมมากที่สุดในโรงเรียน เนื่องจากนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ทุกคน ต้องเป็นสมาชิกชุมนุม โดยมีจุดประสงค์เพื่อรักษา ส่งเสริม ประเพณีวัฒนธรรมของโรงเรียน และแสดงศักยภาพความเป็นสวนกุหลาบ ให้เป็นที่ประจักษ์ มีอาจารย์สุจินตรา ผริตะโกมล รองผู้อำนวยการ กลุ่มการบริหารวิชาการและแผนงาน, อาจารย์ชาญ บัณฑิตสิงห์ อดีตหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นที่ปรึกษาของชุมนุมกิจกรรมร่วมกับกลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กิจกรรมร่วมกับกลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย. ดูบทความหลักที่ กิจกรรมร่วมของกลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม เพื่อเชื่อมความสามัคคีระหว่างสถาบันคือ งานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารี สวนกุหลาบสัมพันธ์ ที่เป็นกิจกรรมเข้าค่ายพักแรมลูกเสือเนตรนารีร่วมกัน และ การแข่งขันกรีฑา สวนกุหลาบสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกิจกรรมแข่งขันกีฬาประเภทลู่และลานร่วมกันบุคคลที่มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนอาจารย์บุคคลที่มีชื่อเสียงที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน. อาจารย์. - อนุสรณ์ เกิดจนา - อาจารย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม แชมป์ 10 สมัย จาก รายการเกมเศรษฐี เดอะ แชมเปียน ทาง ไอทีวี - ครรชิต อมรภักดี - อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา ผู้ฝึกสอนเทควันโดแก่เยาวภา บุรพลชัย เมื่อครั้งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา - เสมอ ทองดอนอ่อน - อาจารย์กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา อดีตหัวหน้าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมวอลเลย์บอลหญิง และวอลเลย์บอลชายหาดหญิงของโรงเรียนฯศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน. - กิตติกร เลียวศิริกุล (เรียว) OSKN1 - ผู้กำกับภาพยนตร์ - ธัญญะ วงศ์นาค (แมน) OSKN2 - ผู้จัดการทีม สโมสรฟุตบอลบีอีซี เทโรศาสน, ผู้ประกาศข่าวกีฬา และพิธีกรรายการ ทันโลกกีฬา ทางไทยทีวีสีช่อง 3 - ปรเมศวร์ มินศิริ OSKN3 - ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ สนุก.คอม กระปุก.คอม และ พริตตี้แก๊ง.คอม - สุวิน ไกรภูเบศ OSKN3 - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Beauty Buffet - วาสนา นาน่วม (เล็ก) OSKN4 - ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์, ผู้เขียนหนังสือชุด ลับ ลวง พราง - สบชัย ไกรยูรเสน (ฟอร์ด) OSKN5 - นักร้อง เพลงไทยสากล, นักดนตรี - เศกพล อุ่นสำราญ (โก้ มิสเตอร์แซ็กซ์แมน) OSKN9 - นักร้องเพลงไทยสากล, นักดนตรี - สุรุจ (จุลพงษ์) ปรีดารัตน์ (จุ้ย) OSKN10 - นักร้องเพลงสากล - แอนณา ไพจินดา (แอนนา) OSKN11 - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - ศรัญญา ศรีสาคร (จุ๋ม) OSKN11 - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - ลัดดาวัลย์ ศรีสาคร (จ๋อม) OSKN11 - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - พัชรี แสงเมือง (ต๋อย) OSKN** - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - ว่าที่ร้อยเอก ดร. ศรัณย์ อมาตยกุล OSKN11 นักวิชาการและนักธุรกิจ - มนัสนันท์ แพงขะ (หมู) OSKN13 - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - รัตนาภรณ์ อาลัยสุข (อ้อย) OSKN** - นักกีฬาวอลเลย์บอล ทีมชาติไทย - สายใจ แสนเสนีย์ (สายใจ วลี) - OSKN14 นักร้องเพลงลูกทุ่ง - ชื่นชอบ คงอุดม OSKN1* สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ - มินดา (ศรินทรา) นิตยวรรธนะ (ปู) OSKN15 - ผู้ดำเนินรายการ ตู้ ปณ.ข่าว 3 คู่กับกฤต เจนพานิชการ ทางช่อง 3 ,อดีตผู้ดำเนินรายการข่าว เจาะเกาะติด ทางช่อง 7 สี, อดีตผู้ประกาศข่าว โมเดิร์นไนน์ทีวี, พิธีกรรายการโทรทัศน์ - ภารดี อยู่ผาสุข (เปิ้ล) OSKN18 - นักแสดง - รณกรณ์ บุญมี OSKN19 - อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - ภูวเนตรนรินทร์ (เจษฎา) จันทรนาคี (เจษ) OSKN19 - ผู้ประกาศข่าว สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมทีเอ็นเอ็น - เยาวภา บุรพลชัย (วิว) OSKN20 - นักกีฬาเทควันโด ทีมชาติไทย - อัมภิกา ชวนปรีชา (กุ่กกุ๊ก) OSKN20 - รองอันดับสอง มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ประจำปี พ.ศ. 2549, นางงามทูตการท่องเที่ยวนานาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2549, ผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 - อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ (ต๊อบ) OSKN21 - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด - ประสิทธิ์ พูนสิริไพบูลย์ (บุ๊ง) OSKN24 - ผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุกรมการรักษาดินแดน สปอร์ตเรดิโอ เอฟเอ็ม 96.0 เมกะเฮิร์ตซ ในเครือสยามสปอร์ต - ณฉัตร จันทพันธ์ (นิกกี) OSKN26 - ผู้ชนะเลิศการประกวด แอลจี สตาร์ส ทาเลนต์ ประจำปี พ.ศ. 2551, พิธีกรและนักแสดง - ณัฐชา จันทพันธ์ (เมาส์) OSKN27 - นักร้อง สมาชิกวงบี-โอ-วาย และพิธีกร - คียาภัทร โพธิ์วงศ์ไพรเลิศ (คี) OSKN** - มือเบสวงเคลียร์ สังกัดค่ายเพลงจีนี่เรคอร์ดส - กรรวี แก้วกอ (อุ๋มอิ๋ม)-นักแสดงจากเรื่องแม่ยายคงกระพัน - มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ (โม) OSKN28 - นักแสดง - อภิษฐา คล้ายอุดม (มีน) OSKN28 - นักแสดงองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนฯสมาคมผู้ปกครองและครู สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี องค์กรที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนฯ. สมาคมผู้ปกครองและครู สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. สมาคมผู้ปกครองและครู สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี () ก่อตั้งในนามชมรม เมื่อวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2523 ตามมติของที่ประชุมร่วมกันระหว่าง นางอัมพา แสนทวีสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ, ศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และผู้มีอุปการคุณต่อโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เพื่อเป็นหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานพัฒนาโรงเรียนในด้านต่างๆ ให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากศักยภาพของภาครัฐมีจำกัด โดยมี นาวาอากาศเอก ยุทธพงศ์ กิตติขจร (ยศในขณะนั้น) เป็นประธานชมรม (และนายกสมาคมฯ คนแรก) ต่อมา คณะกรรมการชมรมฯ จึงยื่นคำขออนุญาตจดทะเบียนในรูปสมาคม เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2526 ปัจจุบันมีนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นนายกสมาคมฯมูลนิธิ สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี มูลนิธิ สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. มูลนิธิ สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี (ชื่อย่อ: ม.สกน.; ) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2533 เพื่อส่งเสริมการศึกษาแก่นักเรียนของโรงเรียนฯ ด้วยการมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงให้ความสนับสนุนช่วยเหลือโรงเรียนฯ ในกิจการส่งเสริมการศึกษา ทางการเงินและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนดำเนินงานสาธารณประโยชน์ โดยมูลนิธิฯ มีทรัพย์สินประกอบด้วย เงินสดจำนวน 314,432 บาท 66 สตางค์ เป็นทุนประเดิม พร้อมด้วยโฉนดที่ดิน 1 ฉบับ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมูลนิธิฯ เลขที่ 77/20 หมู่ที่ 5 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มีคณะกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน แต่ไม่เกิน 15 คน ประธานมูลนิธิฯ คนแรกคือ พลโท จันทรคุปต์ สิริสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2533-3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541 ปัจจุบัน (ตั้งแต่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2541) มีนายไพโรจน์ นพทีปกังวาล เป็นประธานชมรมครูเก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ชมรมครูเก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. ชมรมครูเก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 เพื่อเป็นหน่วยประสานงานกลาง ระหว่างอดีตครู-อาจารย์ของโรงเรียนฯ รวมทั้งจัดสวัสดิการให้แก่สมาชิกชมรมฯ ตลอดจนให้การสนับสนุน ส่งเสริมโดยประการต่างๆ แก่สมาชิก โรงเรียนฯ และชุมชน โดยมีการประสานงานจัดประชุมครูเก่าเป็นครั้งแรก เพื่อลงมติจัดตั้งชมรมฯ อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ กลุ่มอดีตคณาจารย์ จำนวน 18 ท่าน ลงความเห็นให้ นางกอบเกื้อ โคกสีอำนวย อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ ทำหน้าที่รักษาการประธานชมรมฯ เป็นการชั่วคราวสมาคมศิษย์เก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี สมาคมศิษย์เก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. สมาคมศิษย์เก่า สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2544 ตามหนังสืออนุญาตจัดตั้งสมาคม โดยคณะศิษย์เก่าของโรงเรียนฯ จำนวน 18 คน มีมติร่วมกันก่อตั้งเป็นสมาคม โดยผู้อำนวยการโรงเรียนฯ อนุญาตให้ใช้สถานที่ของโรงเรียนฯ เป็นที่ทำการของสมาคมฯ รวมถึงขออนุญาตใช้ชื่อโรงเรียนเป็นชื่อสมาคมฯ จากสำนักงานสามัญศึกษาจังหวัดนนทบุรีด้วย นายกสมาคมฯ คนที่ 1 คือ นายประถม ศิริวงศ์วานงาม ศิษย์เก่ารุ่น 4 (2544 - 2548) นายกสมาคมฯ คนที่ 2 คือ นายณัฐวงศ์ เจียมบุรเศรษฐ์ ศิษย์เก่ารุ่น 4 (2548 - 2552) นายกสมาคมฯ คนที่ 3 คือ นายการุณ แก่นรัตนะ ศิษย์เก่ารุ่น 6 (ถาวร)เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี. เครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี ก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2550 เพื่อเป็นองค์กรประสานงานกลาง และจัดกิจกรรมต่างๆ ระหว่างผู้ปกครองนักเรียน ให้การสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนฯ ตลอดจนประชาสัมพันธ์กิจกรรมของโรงเรียนและเครือข่ายฯ ปัจจุบัน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2557) มีนายวรวุฒิ สุขแสวง เป็นประธานเครือข่ายฯ
ต้นกัลปพฤกษ์
10,178
10,190
423
1
วัดทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่หมู่ 7 บ้านห้วยบง ตำบลป่าเซ่า อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ มีชื่อเดิมว่าอะไร
วัดทุ่งเศรษฐี (อุตรดิตถ์) วัดทุ่งเศรษฐี หรือ วัดห้วยบง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 7 บ้านห้วยบง ตำบลป่าเซ่า อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ห่างจากตัวอำเภอ 12 กิโลเมตร มีชื่อเดิมว่า "วัดห้วยบง" วัดทุ่งเศรษฐี มีฐานะเป็นวัดที่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา (ยังไม่มีอุโบสถ) สังกัดสังกัดการปกครองคณะสงฆ์มหานิกาย ภาค 4 ตัววัดมีความร่มรื่นและเงียบสงบ วัดนี้ตั้งอยู่ริมบึงทุ่งกะโล่ แหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ จากตัววัดสามารถมองเห็นทัศนียของบึงทุ่งกะโล่ได้ชัดเจนสภาพวัด สภาพวัด. วัดทุ่งเศรษฐี เดิมชื่อ วัดห้วยบง มีฐานะเป็นวัดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พุทธศักราช 2505 (ไม่มีวิสุงคามสีมา) มีพื้นที่ 49 ไร่เศษ มีศาสนสถาน - ถาวรวัตถุอยู่ประปรายกระจายไปตามป่าภายในอาณาบริเวณวัด ตัววัดตั้งอยู่ริมบึงทุ่งกะโล่ แหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ มีบรรยากาศที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมประวัติวัดรายนามเจ้าอาวาสวัดทุ่งเศรษฐี รายนามเจ้าอาวาสวัดทุ่งเศรษฐี. ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ถึงปัจจุบันพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาพระสังฆาธิการจำนวนพระภิกษุสามเณรจำพรรษา พระภิกษุสงฆ์จำพรรษา. จำนวนพระภิกษุสามเณรจำพรรษา. ปัจจุบันวัดทุ่งเศรษฐีมีพระภิกษุจำนวน 3 รูป สามเณร 1 รูป รวม 4 รูปรายนามพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๕๐ รายนามพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาปี พ.ศ. ๒๕๕๐. เรียงตามลำดับพรรษาไวยาวัจกร ไวยาวัจกร. ปัจจุบันวัดคุ้งตะเภามีไวยาวัจกร 2 ท่านคือ นายแจ้ว บุญมาก แต่งตั้งเมื่อ พ.ศ. 2549 - ปัจจุบัน ส.อบต.เสน่ห์ ตันจ่าง แต่งตั้งเมื่อ พ.ศ. 2549 - ปัจจุบันอาณาเขตที่ตั้งวัด อาณาเขตที่ตั้งวัด. วัดทุ่งเศรษฐีมีพื้นที่ทั้งหมด 49 ไร่- ทิศเหนือ จดสระน้ำสาธารณะบ้านห้วยบง - ทิศใต้ จดโรงเรียนวัดทุ่งเศรษฐี - ทิศตะวันออก จดป่าชุมชนบ้านห้วยบง - ทิศตะวันตก จดบึงทุ่งกะโล่ศาสนสถาน-ถาวรวัตถุข้อมูลจำเพาะ ข้อมูลจำเพาะ. ได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างวัด ตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ ร.ศ. ๑๒๑
วัดห้วยบง
269
278
424
1
ไชยา สุริยัน มีชื่อจริงว่าอะไร
ไชยา สุริยัน ไชยา สุริยัน หรือชื่อจริง หม่อมหลวงอภิรัฐ จรูญโรจน์ (7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2533) นักแสดงเจ้าบทบาท เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 3 ปี ซ้อน ระหว่างปี พ.ศ. 2505 - พ.ศ. 2507ประวัติ ประวัติ. ไชยา สุริยัน เป็นบุตรชายของหม่อมราชวงศ์เจริญ จรูญโรจน์ และคุณระเบียบ จรูญโรจน์ ณ อยุธยา มีพี่สาว 1 คน คือ หม่อมหลวงบุญสนอง จรูญโรจน์ เข้าสู่วงการโดยการชักนำของสุรพงศ์ โปร่งมณี และศิริ ศิริจินดา แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "เห่าดง" บทประพันธ์เรื่องแรกของพนมเทียนคู่กับอมรา อัศวนนท์ เมื่อ พ.ศ. 2500 ไชยาได้สมรสกับเทียมแข กุญชร ณ อยุธยา บุตรสาวของหม่อมหลวงขาบ กุญชร และถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2533 อายุ 56 ปี มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาสรางวัล รางวัล. ไชยา สุริยัน เป็นพระเอกคนแรกที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ปีซ้อน- พ.ศ. 2505 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2505 จากเรื่อง "เรือนแพ" คู่กับมาเรีย จาง (ดาราของชอว์ บราเดอร์ส) - พ.ศ. 2506 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2506 จากเรื่อง "ภูติพิศวาส" คู่กับเพชรา เชาวราษฎร์ - พ.ศ. 2507 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2507 จากเรื่อง "ธนูทอง" คู่กับพิศมัย วิไลศักดิ์ผลงานภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - 2501: เห่าดง - 2502: สี่คิงส์ ,ซาเซียน ,พล นิกร กิมหงวน ตะลุยฮาเร็ม - 2503: สุดชีวิต ,ชายต้องสู้ ,ยอดมนุษย์ - 2504: เรือนแพ (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2505) - 2505: ดอกแก้ว - 2506: ฝนแรก ,เก้ามังกร ,วันปืน ,หนึ่งในทรวง - 2507: ภูติพิศวาส (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2506) ,ลูกทาส ,เก้ามหากาฬ - 2508: ธนูทอง (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2507) ,เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ,ลูกนก ,จามรีสีฟ้า ,มัจจุราชเปลือย ,ปลาบู่ทอง ,บัวน้อย ,ลูกหญิง ,นางพรายคะนอง ,พระรถ-เมรี ,ค่ายบางระจัน ,อรัญญิก - 2509: ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ยอดขุนพล ,โสนน้อยเรือนงาม ,น้อยใจยา ,จามเทวี - 2510: ผู้ชนะสิบทิศ ตอน บุเรงนองลั่นกลองรบ , ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ถล่มหงสาวดี ,สองสิงห์สองแผ่นดิน (กำกับและนำแสดง) - 2511: เป็ดน้อย ,สิงห์เหนือเสือใต้ - 2513: ฟ้าคะนอง ,โทน - 2514: ค่าของคน ,ราชินีบอด ,แหวนทองเหลือง ,วิมานสีทอง ,กว่าจะรักกันได้ ,สะใภ้หัวนอก ,ไอ้หนุ่มบ้านนา ,ดาบคู่สะท้านโลกันต์ (ไทย-ฮ่องกง) ,รุ้งทอง ,ยั่วรัก ,น้องนางบ้านนา - 2515: นางฟ้าชาตรี ,หยาดฝน ,แม่งู ,วิวาห์ลูกทุ่ง - 2516: ธนูสวาท ,ผาเวียงทอง ,พรานเพชฌฆาต - 2517: ยักษ์วัดแจ้งพบจัมโบ้เอ - 2518: งิ้วราย (กำกับการแสดง) - 2519: มหาอุตม์ ,แซ่บ ,คมเฉือนคม - 2520: หัวใจที่ไม่อยากเต้น ,ขยี้มือปืน - 2521: สืบยัดไส้ ,พ่อเสือลูกสิงห์ (กำกับและนำแสดง) - 2526: มรกตดำ ,นักเลงร้อยคม ,เหยี่ยวดง - 2527: เพลิงพิศวาส ,สาวบัวตอง (กำกับและร่วมแสดง),นักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ,ลวดหนาม ,ไอ้โหด.375 ,พูดด้วยปืน - 2528: สวัสดีความรัก ,ขุมทองแม่น้ำแคว - 2530: ปล้นข้ามโลก
หม่อมหลวงอภิรัฐ จรูญโรจน์
127
152
425
1
พ่อตาของไชยา สุริยัน คือใคร
ไชยา สุริยัน ไชยา สุริยัน หรือชื่อจริง หม่อมหลวงอภิรัฐ จรูญโรจน์ (7 มิถุนายน พ.ศ. 2477 - 26 ตุลาคม พ.ศ. 2533) นักแสดงเจ้าบทบาท เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 3 ปี ซ้อน ระหว่างปี พ.ศ. 2505 - พ.ศ. 2507ประวัติ ประวัติ. ไชยา สุริยัน เป็นบุตรชายของหม่อมราชวงศ์เจริญ จรูญโรจน์ และคุณระเบียบ จรูญโรจน์ ณ อยุธยา มีพี่สาว 1 คน คือ หม่อมหลวงบุญสนอง จรูญโรจน์ เข้าสู่วงการโดยการชักนำของสุรพงศ์ โปร่งมณี และศิริ ศิริจินดา แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ "เห่าดง" บทประพันธ์เรื่องแรกของพนมเทียนคู่กับอมรา อัศวนนท์ เมื่อ พ.ศ. 2500 ไชยาได้สมรสกับเทียมแข กุญชร ณ อยุธยา บุตรสาวของหม่อมหลวงขาบ กุญชร และถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2533 อายุ 56 ปี มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดเทพศิรินทราวาสรางวัล รางวัล. ไชยา สุริยัน เป็นพระเอกคนแรกที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง 3 ปีซ้อน- พ.ศ. 2505 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2505 จากเรื่อง "เรือนแพ" คู่กับมาเรีย จาง (ดาราของชอว์ บราเดอร์ส) - พ.ศ. 2506 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2506 จากเรื่อง "ภูติพิศวาส" คู่กับเพชรา เชาวราษฎร์ - พ.ศ. 2507 ได้รางวัลตุ๊กตาทอง ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2507 จากเรื่อง "ธนูทอง" คู่กับพิศมัย วิไลศักดิ์ผลงานภาพยนตร์ผลงาน. ภาพยนตร์. - 2501: เห่าดง - 2502: สี่คิงส์ ,ซาเซียน ,พล นิกร กิมหงวน ตะลุยฮาเร็ม - 2503: สุดชีวิต ,ชายต้องสู้ ,ยอดมนุษย์ - 2504: เรือนแพ (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2505) - 2505: ดอกแก้ว - 2506: ฝนแรก ,เก้ามังกร ,วันปืน ,หนึ่งในทรวง - 2507: ภูติพิศวาส (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2506) ,ลูกทาส ,เก้ามหากาฬ - 2508: ธนูทอง (ตุ๊กตาทองดารานำชาย ครั้งที่ 7 พ.ศ. 2507) ,เกียรติศักดิ์ทหารเสือ ,ลูกนก ,จามรีสีฟ้า ,มัจจุราชเปลือย ,ปลาบู่ทอง ,บัวน้อย ,ลูกหญิง ,นางพรายคะนอง ,พระรถ-เมรี ,ค่ายบางระจัน ,อรัญญิก - 2509: ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ยอดขุนพล ,โสนน้อยเรือนงาม ,น้อยใจยา ,จามเทวี - 2510: ผู้ชนะสิบทิศ ตอน บุเรงนองลั่นกลองรบ , ผู้ชนะสิบทิศ ตอน ถล่มหงสาวดี ,สองสิงห์สองแผ่นดิน (กำกับและนำแสดง) - 2511: เป็ดน้อย ,สิงห์เหนือเสือใต้ - 2513: ฟ้าคะนอง ,โทน - 2514: ค่าของคน ,ราชินีบอด ,แหวนทองเหลือง ,วิมานสีทอง ,กว่าจะรักกันได้ ,สะใภ้หัวนอก ,ไอ้หนุ่มบ้านนา ,ดาบคู่สะท้านโลกันต์ (ไทย-ฮ่องกง) ,รุ้งทอง ,ยั่วรัก ,น้องนางบ้านนา - 2515: นางฟ้าชาตรี ,หยาดฝน ,แม่งู ,วิวาห์ลูกทุ่ง - 2516: ธนูสวาท ,ผาเวียงทอง ,พรานเพชฌฆาต - 2517: ยักษ์วัดแจ้งพบจัมโบ้เอ - 2518: งิ้วราย (กำกับการแสดง) - 2519: มหาอุตม์ ,แซ่บ ,คมเฉือนคม - 2520: หัวใจที่ไม่อยากเต้น ,ขยี้มือปืน - 2521: สืบยัดไส้ ,พ่อเสือลูกสิงห์ (กำกับและนำแสดง) - 2526: มรกตดำ ,นักเลงร้อยคม ,เหยี่ยวดง - 2527: เพลิงพิศวาส ,สาวบัวตอง (กำกับและร่วมแสดง),นักเพลงผู้ยิ่งใหญ่ ,ลวดหนาม ,ไอ้โหด.375 ,พูดด้วยปืน - 2528: สวัสดีความรัก ,ขุมทองแม่น้ำแคว - 2530: ปล้นข้ามโลก
หม่อมหลวงขาบ กุญชร
659
677
426
1
สบู่หอมนกแก้วเริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2490 ผู้คิดค้นส่วนผสมคือใคร
สบู่หอมนกแก้ว สบู่หอมนกแก้ว เป็นสบู่เริ่มเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยส่วนผสมคิดค้นโดย วอลเตอร์ เลโอ ไมเยอร์ ประธานกรรมการบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ สบู่หอมนกแก้วผลิตขึ้นครั้งแรก ในนามของบริษัทรูเบียอุตสาหกรรม มีโรงงานตั้งอยู่ในซอยรูเบีย เขตคลองเตย โดยมีบริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์เป็นผู้จัดจัดจำหน่าย โดยเริ่มขายก้อนละ 3 บาทลักษณะเด่น ลักษณะเด่น. สบู่เป็นเนื้อแข็งสีเขียว มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใช้หัวน้ำหอมที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศส ปัจจุบันมีแบบกลิ่นจำปีด้วย
วอลเตอร์ เลโอ ไมเยอร์
166
187
427
1
ผู้ก่อตั้งบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตคือใคร
บัญชา ล่ำซำ บัญชา ล่ำซำ ( 12 มกราคม พ.ศ. 2468 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ) ผู้ก่อตั้งบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติสมัยที่ 1 และสมัยที่ 2 ในสมัยที่บัญชายังมีชีวิตอยู่สามารถขยายกิจการธนาคารกสิกรไทย จากการที่มีสินทรัพย์ 700 ล้านบาทมาเป็น 600,000 ล้านบาท จนได้การยกย่องเป็นนายธนาคารแห่งปี 2527 จาก วารสารการเงินธนาคารและนิตยสารดอกเบี้ย และยังได้รับรางวัลนักการตลาดไทยแห่งปี 2534 จากสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยอีกด้วยประวัติ ประวัติ. เป็นบุตรคนโตของนาย โชติ-นางน้อม (สกุลเดิม อึ้งภากรณ์) ล่ำซำ เกิดวันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2468 ที่บ้านในซอยผักกาด ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกถนนเสือป่า (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประทานชื่อให้ บัญชามีน้องชายและน้องสาวรวมแล้ว 7 คนดังนี้- นางชูจิตร สีบุญเรือง - คุณหญิงชัชนี (รัชนี) จาติกวณิช - นางชนาทิพย์ จูตระกูล - นายบรรยงค์ ล่ำซำ - นายบรรจบ ล่ำซำ - นางยุพิน ล่ำซำ - น ายยุตติ ล่ำซำ ด้านครอบครัว บัญชาสมรสกับ ม.ร.ว. สำอางวรรณ เทวกุล (15 กรกฎาคม พ.ศ. 2471 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560) บุตรีของ พล.ต.ม.จ. ปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล กับ ม.ร.ว. สอางค์ เทวกุล (ราชสกุลเดิมคือปราโมช) และยังเป็นพี่สาวต่างมารดาของ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2495 มีบุตรธิดา 3 คนคือ- นายบัณฑูร ล่ำซำ เกิดวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2496 สมรสกับ อุษา จิระพงศ์ - นางสุภรรณ ปันยารชุน เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 สมรสกับ กฤติ ปันยารชุน - นางวรางคณา เดอเลออน เกิดวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2503 สมรสกับ แอนโทนี เดอเลออน บัญชาถึงแก่กรรม ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 รวมอายุได้ 67 ปีการศึกษา การศึกษา. บัญชาจบการศึกษาระดับประถมและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ (เลขประจำตัว อสช 9950) มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์ (แผนกเคมี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (เคมี) มหาวิทยาลัยมิชิแกน แอนน์ อาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาการทำงานการทำงาน. - กรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (2495 - 2505) - กรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัดและประธานกรรมการ บริษัท ล่ำซำประกันภัยและคลังสินค้า จำกัด (2505 - 2520) - กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (2505 - 2519) - ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (2519 - 2534) - ประธานกิตติมศักดิ์ ธนาคารกสิกรไทย (2535)ประสบการณ์ประสบการณ์. - กรรมการปูนซีเมนต์ไทย - กรรมการมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - กรรมการการบินพลเรือน - กรรมการธนาคารกสิกรไทย - สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ - ผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย - กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์. (ฝ่ายหน้า)
บัญชา ล่ำซำ
99
110
428
1
ภรรยาของบัญชา ล่ำซำ คือใคร
บัญชา ล่ำซำ บัญชา ล่ำซำ ( 12 มกราคม พ.ศ. 2468 - 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 ) ผู้ก่อตั้งบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกสิกรไทย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภามหาวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติสมัยที่ 1 และสมัยที่ 2 ในสมัยที่บัญชายังมีชีวิตอยู่สามารถขยายกิจการธนาคารกสิกรไทย จากการที่มีสินทรัพย์ 700 ล้านบาทมาเป็น 600,000 ล้านบาท จนได้การยกย่องเป็นนายธนาคารแห่งปี 2527 จาก วารสารการเงินธนาคารและนิตยสารดอกเบี้ย และยังได้รับรางวัลนักการตลาดไทยแห่งปี 2534 จากสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยอีกด้วยประวัติ ประวัติ. เป็นบุตรคนโตของนาย โชติ-นางน้อม (สกุลเดิม อึ้งภากรณ์) ล่ำซำ เกิดวันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2468 ที่บ้านในซอยผักกาด ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกถนนเสือป่า (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอาคารบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต) สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ประทานชื่อให้ บัญชามีน้องชายและน้องสาวรวมแล้ว 7 คนดังนี้- นางชูจิตร สีบุญเรือง - คุณหญิงชัชนี (รัชนี) จาติกวณิช - นางชนาทิพย์ จูตระกูล - นายบรรยงค์ ล่ำซำ - นายบรรจบ ล่ำซำ - นางยุพิน ล่ำซำ - น ายยุตติ ล่ำซำ ด้านครอบครัว บัญชาสมรสกับ ม.ร.ว. สำอางวรรณ เทวกุล (15 กรกฎาคม พ.ศ. 2471 - 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560) บุตรีของ พล.ต.ม.จ. ปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล กับ ม.ร.ว. สอางค์ เทวกุล (ราชสกุลเดิมคือปราโมช) และยังเป็นพี่สาวต่างมารดาของ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2495 มีบุตรธิดา 3 คนคือ- นายบัณฑูร ล่ำซำ เกิดวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2496 สมรสกับ อุษา จิระพงศ์ - นางสุภรรณ ปันยารชุน เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2497 สมรสกับ กฤติ ปันยารชุน - นางวรางคณา เดอเลออน เกิดวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2503 สมรสกับ แอนโทนี เดอเลออน บัญชาถึงแก่กรรม ในวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 รวมอายุได้ 67 ปีการศึกษา การศึกษา. บัญชาจบการศึกษาระดับประถมและมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนอัสสัมชัญ (เลขประจำตัว อสช 9950) มัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นศึกษาต่อในคณะวิทยาศาสตร์ (แผนกเคมี) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (เคมี) มหาวิทยาลัยมิชิแกน แอนน์ อาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาการทำงานการทำงาน. - กรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (2495 - 2505) - กรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัดและประธานกรรมการ บริษัท ล่ำซำประกันภัยและคลังสินค้า จำกัด (2505 - 2520) - กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (2505 - 2519) - ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (2519 - 2534) - ประธานกิตติมศักดิ์ ธนาคารกสิกรไทย (2535)ประสบการณ์ประสบการณ์. - กรรมการปูนซีเมนต์ไทย - กรรมการมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - กรรมการการบินพลเรือน - กรรมการธนาคารกสิกรไทย - สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ - ผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์แห่งประเทศไทย - กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์. (ฝ่ายหน้า)
ม.ร.ว. สำอางวรรณ เทวกุล
1,185
1,208
429
1
กิบซัน เลส พอล เป็นกีตาร์ไฟฟ้าตัวตัน ที่ผลิตครั้งแรกโดยกิบซันในปีใด
กิบซัน เลส พอล กิบซัน เลส พอล () เป็นกีตาร์ไฟฟ้าตัวตัน ที่ผลิตครั้งแรกโดยกิบซันในปี 1952 รุ่นเลส พอลถูกออกแบบโดย เทด แม็กคาร์ที ร่วมกับ จอห์น ยูส์ กับทีมของพวกเขา รวมทั้ง เลส พอล ด้วย แต่เดิมรุ่นเลส พอล ผลิตโดยใช้สีทอง (gold) และติดปิกอัปรุ่น P-90 ในปี 1957 ได้เปลี่ยนปิกอัปฮัมบักกิง (humbucking) สองตัวแทนพร้อมกับสีซันเบิรสต์ (sunburst) ที่ออกในปี 1958 ปัจจุบันกีตาร์ทรงเลส พอล เป็นประเภทกีตาร์ไฟฟ้าที่รู้จักกันมากที่สุดในโลก ซึ่งเคยมล้มเหลวทั่งการขายและการการผลิตที่น้อย ต่อมาได้ผลิตกีตาร์ กิบซัน เอสจี (Gibson SG) มาแทนในปี 1961 ที่แยกจากทรงเลส พอล คอเว้าเดี่ยว เลส พอลถูกผลิตอีกครั้งในปี 1968 และผลิตอย่างต่อเนื่องนับไม่ถ้วน พร้อมกับกีตาร์เฟนเดอร์ เทเลแคสเตอร์และสตราโตแคสเตอร์ กีตาร์เลส พอล มักจะเอาไปเล่นในหลายแนวเพลง ตั่งแต่ ร็อก คันทรี ป็อป โซล ริทึมแอนด์บลูส์ บลูส์ แจ๊ส เร็กเก พังก์ และเฮฟวีเมทัล
ปี 1952
171
178
430
1
ภรรยาของยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ คือใคร
ยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ นายยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ (26 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยอง 5 สมัยประวัติ ประวัติ. นายยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 เป็นบุตรของนายอุดม กับ นางไหม อรุณเวสสะเศรษฐ สำเร็จการศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จาก กศน. สมรสกับนางอุไร อรุณเวสสะเศรษฐ มีธิดา 1 คน ยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553 สิริอายุรวม 50 ปีงานการเมือง งานการเมือง. ยงยศ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระยองครั้งแรก เมื่อ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมา จนถึง พ.ศ. 2548 รวม 5 สมัยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร. ยงยศ อรุณเวสสะเศรษฐ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 5 สมัย คือ1. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดระยอง สังกัดพรรคสามัคคีธรรม 2. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดระยอง สังกัดพรรคชาติพัฒนา (พ.ศ. 2535) 3. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดระยอง สังกัดพรรคชาติไทย 4. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดระยอง สังกัดพรรคชาติพัฒนา (พ.ศ. 2535) 5. การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 จังหวัดระยอง สังกัดพรรคไทยรักไทย
นางไหม อรุณเวสสะเศรษฐ
327
348
431
1
เจมส์ กิบสันเป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ใช้ชื่อในวงการมวยปล้ำว่าอะไร
เจมี โนเบิล เจมส์ กิบสัน () เกิดวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1976 เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน ในชื่อวงการมวยปล้ำชื่อว่า เจมี โนเบิล () ปัจจุบันเซ็นสัญญากับดับเบิลยูดับเบิลยูอี(WWE) ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ผลิตอยู่ใน WWE เป็นสมาชิกของกลุ่มดิออธอริตี และเป็นส่วนหนึ่งของ J&J Security พร้อมกับ โจอี เมอร์คิวรี อดีตแชมป์ HWA Cruiserweight Championship และแชมป์ WWE Cruiserweight Championshipผลงานผลงาน. - Heartland Wrestling Association- HWA Cruiserweight Championship (1 time) - Independent Professional Wrestling- IPW Light Heavyweight Championship (1 time) - Pro Wrestling Illustrated- PWI ranked him #42 of the top 500 singles wrestlers of the year in the PWI 500 in 2002 - Ring of Honor- ROH World Championship (1 time) - World Wrestling Entertainment- WWE Cruiserweight Championship (1 time)
เจมี โนเบิล
204
215
432
1
ภรรยาของกันตธีร์ ศุภมงคล คือใคร
กันตธีร์ ศุภมงคล ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล (3 เมษายน พ.ศ. 2495 -) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร และอดีตโฆษกพรรคไทยรักไทยคนแรกประวัติ ประวัติ. ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล เกิดเมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2495 ที่เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายกนต์ธีร์ ศุภมงคล อดีตเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอน,อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (จอมพงถนอม กิตติจร) กับคุณหญิงดุษฎี ศุภมงคล สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส เมื่อปี พ.ศ. 2519 ระดับปริญญาโท สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยอเมริกัน (AU) ปี พ.ศ. 2520 และปริญญาเอก สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ในปี พ.ศ. 2527การทำงาน การทำงาน. ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล เริ่มรับราชการหลังจากเรียนจบปริญญาเอก สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมระยะเวลาในการรับราชการเกือบ 10 ปี จนได้รับตำแหน่งสูงสุด คือ ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผน จึงตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ คือ บริษัท กันตสหกิจ จำกัดการดำรงตำแหน่งทางการเมือง การดำรงตำแหน่งทางการเมือง. ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล เริ่มเข้าสู่งานการเมือง โดยการชักชวนของทักษิณ ชินวัตร หัวหน้าพรรคพลังธรรมและได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 6 สังกัดพรรคพลังธรรม ต่อมา ดร.กันตธีร์ ศุภมงคล จึงเข้าร่วมกับทักษิณ ชินวัตร ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และได้รับตำแหน่งเป็นโฆษกพรรคคนแรก (คณะกรรมการชุดที่ขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง) กระทั่งในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ ผู้แทนการค้าไทย และต่อมาจึงได้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
คุณหญิงดุษฎี ศุภมงคล
504
524
433
1
นายสมชาย เบญจรงคกุล เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลของใคร
สมชาย เบญจรงคกุล นายสมชาย เบญจรงคกุล เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และเป็นนักธุรกิจที่เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารหลายบริษัทประวัติ ประวัติ. สมชาย เบญจรงคกุล เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2500 เป็นบุตรของนายสุจินต์ เบญจรงคกุล กับนางกาญจนา เบญจรงคกุล มีพี่น้องรวม 4 คน คือ- นายบุญชัย เบญจรงคกุล นักธุรกิจโทรคมนาคม สมรสกับ บงกช คงมาลัย - นางวรรณา จิรกิติ (เบญจรงคกุล) สมรสกับ ประกอบ จิรกิติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ - นายสมชาย - นายวิชัย เบญจรงคกุล เขาสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และระดับปริญญาตรีจาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงการทำงาน การทำงาน. สมชาย เบญจรงคกุล เป็นนักธุรกิจชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้บริหารบริษัทหลายแห่ง อาทิ เป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยเซทเทิลไลท์ บริษัท ยูคอมอินเตอร์เนชั่นแนล คอมมูนิเกชั่น จำกัด บริษัท ยูไนเต็ด เรดิโอ จำกัด และเป็นกรรมการบริหารบริษัท ยูไนเต็ดคอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเกชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท เดลคอม เซอร์วิส (ประเทศไทย) บริษัท เวิร์ล เทเลคอม โฮลดิ้ง จำกัด ประธานกรรมการบริหาร บริษัทยูไนเต็ด เทเลคอม เซลส์ แอนด์ เซอร์วิสเซส จำกัด (ยูเทล) และเป็นผู้บริหารของกลุ่มบริษัทยูคอม เขาเคยเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายบุญพันธ์ แขวัฒนะ) ในปี พ.ศ. 2538 เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายมนตรี พงษ์พานิช) ในปี พ.ศ. 2539 และในปี พ.ศ. 2540 ในรัฐบาลของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2555 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม) - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
183
202
434
1
ภรรยาของวิสาร เตชะธีราวัฒน์ คือใคร
วิสาร เตชะธีราวัฒน์ นายกองเอก วิสาร เตชะธีราวัฒน์ เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย 8 สมัยประวัติ ประวัติ. วิสาร เตชะธีราวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2499 ที่จังหวัดเชียงราย เป็นบุตรของนายวันชัย กับนางสมรวย เตชะธีราวัฒน์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาด้านบริหารรัฐกิจ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวิสาร สมรสกับ นางสมสะอาด เตชะธีราวัฒน์ มีบุตรสาวคนเดียวคือ วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายการทำงาน การทำงาน. วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงรายครั้งแรกในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2529 สังกัดพรรครวมไทย ต่อมาย้ายมาสังกัดพรรคเอกภาพ พรรคสามัคคีธรรม และพรรคชาติพัฒนา ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 สังกัดพรรคนำไทย และได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรค จากนั้นในปี พ.ศ. 2539 ย้ายมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคไทยรักไทย และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองพร้อมกับกรรมการบริหารพรรค 111 คน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
นางสมสะอาด เตชะธีราวัฒน์
538
562
435
1
วิสันต์ ไกรเกรียงยุค มีชื่อจริงว่าอะไร
วิสันต์ ไกรเกรียงยุค วิสันต์ ไกรเกรียงยุค มีชื่อจริงว่า วิสันต์ ไพรอนันต์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2492 ที่อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ในครอบครัวที่มีพี่น้อง 5 คนเป็นนักมวยหรือบุคคลในวงการมวยทั้งหมด ตั้งแต่ พี่ชายคนโต ไพรอนันต์ สนั่นเมือง, วิสันต์ ไกรเกรียงยุค, วิชิต ลูกบางปลาสร้อย, ณรงค์ ไพรอนันต์ และ วิรัตน์ ไพรอนันต์ (ปัจจุบันรู้จักดีในชื่อของ เชน เมืองชล โปรโมเตอร์มวยไทยชื่อดัง) วิสันต์ฝึกหัดมวยกับ จรัล แสงจำรัส เจ้าของค่าย ลูกบางปลาสร้อย เพียงแต่ใช้ชื่อค่ายว่า ไกรเกรียงยุค ซึ่งเป็นชื่อซอยเล็ก ๆ ซอยหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองชลบุรีนั่นเอง วิสันต์เป็นนักมวยรูปร่างผอมสูง ผิวขาว บอบบาง แต่เป็นมวยในสไตล์ไฟเตอร์ ชอบเดินชกแบบลุยแลกแข้งแลกหมัดอย่างไม่เกรงใคร หลายต่อหลายครั้งที่หน้าแตกเลือดอาบใบหน้า ไม่ทำให้วิสันต์เกิดอาการท้อแท้ แต่ยิ่งกลับทำให้วิสันต์เดินลุยเข้าแลกหนักขึ้นไปอีก สื่อมวลชนจึงให้ฉายาว่า "สุริยาบ้าเลือด" วิสันต์เคยปะทะกับนักมวยไทยฝีมือดีร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, ขุนพล สาครพิทักษ์, บุรีรัมย์ สวนมิสกวัน และแสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ โดยเฉพาะการชกกับแสนศักดิ์ที่สนามมวยเวทีลุมพินีเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2515 วิสันต์ถูกหมัดของแสนศักดิ์ลงไปให้กรรมการนับก่อน แต่ลุกขึ้นมาแลกหมัดกับแสนศักดิ์ซึ่งเป็นนักมวยหมัดหนักอย่างไม่กลัวแพ้น็อก จนได้นับแสนศักดิ์บ้างในยกที่ 4 และเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปในที่สุด ปัจจุบัน วิสันต์ทำงานประจำอยู่แผนกดับเพลิงเทศบาลเมืองชลบุรี
วิสันต์ ไพรอนันต์
152
169
436
1
น้องเขยของนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ คือใคร
นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เป็นอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา 6 สมัย นายนิพนธ์ เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงเลื่อย เช่น โรงเลื่อยจักรไทยพูนสิน บ.ไทยประสิทธิ์ทำไม้ และ บ.ชนาพันธ์ นับเป็นแหล่งทุนเก่าแก่รายหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ และยังเป็นพี่ชายของศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยาสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วยประวัติ ประวัติ. นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2495 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายประสิทธิ์ และนางตุ๊ พร้อมพันธุ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จากนั้นได้ไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ โดยเป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่บาร์เกอร์คอลเลจ ประเทศออสเตรเลีย จนได้ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อปี พ.ศ. 2515 หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ยังไม่ทันได้เข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย บิดาได้ขยายธุรกิจการลงทุนของครอบครัวในหลายกิจการ เช่น โรงเลื่อย การค้าไม้ ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค้าขายที่ดินที่มีจำนวนมากในจังหวัดภาคอีสาน และกรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์จึงถูกเรียกตัวกลับให้มาทำงานสืบต่อธุรกิจขณะที่มีอายุเพียง 20 ปี การกลับเข้ามาบริหารธุรกิจของครอบครัว ทำให้นายนิพนธ์ได้เรียนรู้ประสบการณ์ทางธุรกิจจากการบริหารธุรกิจค้าไม้ของครอบครัว เช่น โรงเลื่อยจักรไทยพูนสิน บริษัทไทยประสิทธิ์ค้าไม้ และธุรกิจอื่นๆ เช่น บริษัทชนาพันธ์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ทำโครงการบ้านเดี่ยว “ไม้ล้อมเรือน” เป็นโครงการแรกย่านสวนหลวง ร.9 นอกจากนี้ยังได้ดูแลธุรกิจก่อสร้าง กระทั่งสามารถเข้าไปแข่งขันสัมปทานในประเทศเพื่อนบ้านหลายโครงการ ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา และพม่า ด้านชีวิตส่วนตัว นายนิพนธ์ สมรสกับนวนิตย์ ไชยกูล มีบุตรธิดาด้วยกัน 3 คน คือ ชนาธิป ภากมล และ ธีร์พร พร้อมพันธุ์ ปัจจุบันนายนิพนธ์เป็นหม้ายเนื่องจากนางนวนิตย์ ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งงานการเมือง งานการเมือง. นายนิพนธ์ เข้าสู่วงการเมืองได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้รับการเลือกตั้งอีกหลายสมัย เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2537 ขณะดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ถูก พรรคชาติไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โจมตีกรณีเกิดทุจริตในการแจกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 พร้อมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น นายนิพนธ์ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่พรรคฝ่ายค้านยังคงนำมาเป็นประเด็นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นเหตุให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนมีการลงมติ แม้ว่านับตั้งแต่ถูกโจมตีในปี พ.ศ. 2537 นายนิพนธ์จะไม่เคยถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดีในชั้นศาลเกี่ยวกับกรณี ส.ป.ก. 4-01 แต่อย่างใดจนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงมีการนำกรณีดังกล่าวมาอ้างอิง เพื่อโจมตีทางการเมืองต่อ พรรคประชาธิปัตย์ มาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2540 หลังการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคประชาธิปัตย์สามารถกลับขั้วการเมืองจัดตั้งรัฐบาล นายนิพจน์ได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน หลีกภัย ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2551 นายนิพนธ์ได้กลับมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อีกครั้งในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์สามารถกลับขั้วการเมืองจัดตั้งรัฐบาล ในการดำรงตำแหน่งครั้งนี้นายนิพนธ์ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อพยายามขับรถฝ่าคนกลุ่มเสื้อแดงที่หน้ากระทรวงมหาดไทย แต่ถูกรุมทุบรถและทำร้ายร่างกายโดยกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552 ต่อมา นายนิพนธ์ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เหตุเนื่องจากไม่พอใจเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้นายนิพนธ์ให้การสนับสนุน พลตำรวจเอก จุมพล มั่นหมาย แต่นายอภิสิทธิ์ ให้การสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป เป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในที่สุดเครื่องราชอิสริยาภรณ์
สุเทพ เทือกสุบรรณ
530
547
437
1
นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนอะไร
นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เป็นอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา 6 สมัย นายนิพนธ์ เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโรงเลื่อย เช่น โรงเลื่อยจักรไทยพูนสิน บ.ไทยประสิทธิ์ทำไม้ และ บ.ชนาพันธ์ นับเป็นแหล่งทุนเก่าแก่รายหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ และยังเป็นพี่ชายของศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยาสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วยประวัติ ประวัติ. นิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2495 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของนายประสิทธิ์ และนางตุ๊ พร้อมพันธุ์ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล จากนั้นได้ไปศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่ โรงเรียนมิลฟิลด์ แคว้นซอมเมอร์เซท ประเทศอังกฤษ โดยเป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่บาร์เกอร์คอลเลจ ประเทศออสเตรเลีย จนได้ประกาศนียบัตรมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อปี พ.ศ. 2515 หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ยังไม่ทันได้เข้าศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย บิดาได้ขยายธุรกิจการลงทุนของครอบครัวในหลายกิจการ เช่น โรงเลื่อย การค้าไม้ ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ค้าขายที่ดินที่มีจำนวนมากในจังหวัดภาคอีสาน และกรุงเทพมหานคร นายนิพนธ์จึงถูกเรียกตัวกลับให้มาทำงานสืบต่อธุรกิจขณะที่มีอายุเพียง 20 ปี การกลับเข้ามาบริหารธุรกิจของครอบครัว ทำให้นายนิพนธ์ได้เรียนรู้ประสบการณ์ทางธุรกิจจากการบริหารธุรกิจค้าไม้ของครอบครัว เช่น โรงเลื่อยจักรไทยพูนสิน บริษัทไทยประสิทธิ์ค้าไม้ และธุรกิจอื่นๆ เช่น บริษัทชนาพันธ์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ทำโครงการบ้านเดี่ยว “ไม้ล้อมเรือน” เป็นโครงการแรกย่านสวนหลวง ร.9 นอกจากนี้ยังได้ดูแลธุรกิจก่อสร้าง กระทั่งสามารถเข้าไปแข่งขันสัมปทานในประเทศเพื่อนบ้านหลายโครงการ ทั้งในประเทศลาว กัมพูชา และพม่า ด้านชีวิตส่วนตัว นายนิพนธ์ สมรสกับนวนิตย์ ไชยกูล มีบุตรธิดาด้วยกัน 3 คน คือ ชนาธิป ภากมล และ ธีร์พร พร้อมพันธุ์ ปัจจุบันนายนิพนธ์เป็นหม้ายเนื่องจากนางนวนิตย์ ได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งงานการเมือง งานการเมือง. นายนิพนธ์ เข้าสู่วงการเมืองได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529 และได้รับการเลือกตั้งอีกหลายสมัย เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทั่งในปี พ.ศ. 2537 ขณะดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายนิพนธ์ถูก พรรคชาติไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โจมตีกรณีเกิดทุจริตในการแจกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 พร้อมกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น นายนิพนธ์ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่พรรคฝ่ายค้านยังคงนำมาเป็นประเด็นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เป็นเหตุให้นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนมีการลงมติ แม้ว่านับตั้งแต่ถูกโจมตีในปี พ.ศ. 2537 นายนิพนธ์จะไม่เคยถูกฟ้องร้อง ดำเนินคดีในชั้นศาลเกี่ยวกับกรณี ส.ป.ก. 4-01 แต่อย่างใดจนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงมีการนำกรณีดังกล่าวมาอ้างอิง เพื่อโจมตีทางการเมืองต่อ พรรคประชาธิปัตย์ มาโดยตลอด ในปี พ.ศ. 2540 หลังการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และพรรคประชาธิปัตย์สามารถกลับขั้วการเมืองจัดตั้งรัฐบาล นายนิพจน์ได้ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลชวน หลีกภัย ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2551 นายนิพนธ์ได้กลับมาดำรงตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อีกครั้งในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์สามารถกลับขั้วการเมืองจัดตั้งรัฐบาล ในการดำรงตำแหน่งครั้งนี้นายนิพนธ์ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอีกครั้ง เมื่อพยายามขับรถฝ่าคนกลุ่มเสื้อแดงที่หน้ากระทรวงมหาดไทย แต่ถูกรุมทุบรถและทำร้ายร่างกายโดยกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552 ต่อมา นายนิพนธ์ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เหตุเนื่องจากไม่พอใจเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้นายนิพนธ์ให้การสนับสนุน พลตำรวจเอก จุมพล มั่นหมาย แต่นายอภิสิทธิ์ ให้การสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ และแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ปทีป เป็นรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในที่สุดเครื่องราชอิสริยาภรณ์
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
746
767
438
1
อาสนวิหารแม่พระบังเกิดแห่งว็องส์ อยู่ในประเทศอะไร
อาสนวิหารว็องส์ อาสนวิหารว็องส์ () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระบังเกิดแห่งว็องส์ () ในปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริชนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำมุขมณฑลว็องส์ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบลงเป็นส่วนหนึ่งของมุขมณฑลนิสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ตั้งอยู่ที่เมืองว็องส์ในจังหวัดอาลป์-มารีตีม แคว้นพรอว็องซาลป์โกตดาซูร์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่การบังเกิดของพระแม่มารีย์ อาสนวิหารแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1944ประวัติ ประวัติ. อาสนวิหารแห่งนี้สร้างบนวัดเก่าในสมัยโบราณเพื่อใช้บูชาเทพมาร์ส ซึ่งต่อมากลายเป็นโบสถ์ในสมัยราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง ประกอบด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์, กอทิก และบาโรก ภายในอาสนวิหารแบ่งเป็นบริเวณกลางโบสถ์ทั้งหมด 5 ช่วง บริเวณช่องทางเดินข้างเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนักบุญล็องแบร์พร้อมคำสดุดี เป็นงานในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 5 และยังพบโลงหินซึ่งปรากฏคำจารึกว่าเป็นหลุมศพของนักบุญเวร็อง (อดีตมุขนายกในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 5) นอกจากนี้ยังพบฉากประดับแท่นบูชาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเดินข้างอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณเสาต่าง ๆ ยังพบหินสลักแบบสมัยราชวงศ์การอแล็งเฌียง หอล้างบาปยังมีงานกระเบื้องโมเสกผลงานของมาร์ก ชากาล เกี่ยวกับโมเสสแหวกน้ำทะเล
ประเทศฝรั่งเศส
457
471
439
1
อาสนวิหารว็องส์ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. ใด
อาสนวิหารว็องส์ อาสนวิหารว็องส์ () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระบังเกิดแห่งว็องส์ () ในปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริชนิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำมุขมณฑลว็องส์ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบลงเป็นส่วนหนึ่งของมุขมณฑลนิสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ตั้งอยู่ที่เมืองว็องส์ในจังหวัดอาลป์-มารีตีม แคว้นพรอว็องซาลป์โกตดาซูร์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่การบังเกิดของพระแม่มารีย์ อาสนวิหารแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1944ประวัติ ประวัติ. อาสนวิหารแห่งนี้สร้างบนวัดเก่าในสมัยโบราณเพื่อใช้บูชาเทพมาร์ส ซึ่งต่อมากลายเป็นโบสถ์ในสมัยราชวงศ์เมรอแว็งเฌียง ประกอบด้วยลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างโรมาเนสก์, กอทิก และบาโรก ภายในอาสนวิหารแบ่งเป็นบริเวณกลางโบสถ์ทั้งหมด 5 ช่วง บริเวณช่องทางเดินข้างเป็นที่ตั้งของหลุมฝังศพของนักบุญล็องแบร์พร้อมคำสดุดี เป็นงานในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 5 และยังพบโลงหินซึ่งปรากฏคำจารึกว่าเป็นหลุมศพของนักบุญเวร็อง (อดีตมุขนายกในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 5) นอกจากนี้ยังพบฉากประดับแท่นบูชาในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเดินข้างอีกด้วย นอกจากนี้บริเวณเสาต่าง ๆ ยังพบหินสลักแบบสมัยราชวงศ์การอแล็งเฌียง หอล้างบาปยังมีงานกระเบื้องโมเสกผลงานของมาร์ก ชากาล เกี่ยวกับโมเสสแหวกน้ำทะเล
ปี ค.ศ. 1944
592
604
440
1
พระโอรสของเจ้าชายวิคตอริโอ เอ็มมานูเอล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ มีพระนามว่าอะไร
เจ้าชายเอมานูเอเล ฟีลีแบร์โตแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเวนิซ เจ้าชายเอ็มมานูเอล ฟิลิแบร์โตแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเวนิซ เป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวใน เจ้าชายวิคตอริโอ เอ็มมานูเอล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ และ เจ้าหญิงมารินา เจ้าหญิงแห่งเนเปิลส์ ด้วยพระราชวงศ์แห่งอิตาลีถูกล้มล้างไปแล้วก็ตาม แต่สมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์ซาวอย ก็ยังสามารถดำรงพระอิสริยยศนี้ไปได้ตลอดพระชนม์ชีพ เจ้าชายเอ็มมานูเอล ทรงเสกสมรสกับนางสาวคลอทิลด์ มารี ปาสคาลล์ คูโร่ (ภายหลัง เจ้าหญิงคลอทิลด์ เจ้าหญิงแห่งเวนิซ) ทรงมีพระธิดาร่วมกัน 2 พระองค์เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - House of Savoy: Grand Master Knight Grand Collar of the Supreme Order of the Most Holy Annunciation - House of Savoy: Grand Master Knight Grand Cordon of the Order of Saints Maurice and Lazarus - Sovereign Military Order of Malta: Bailiff Knight Grand Cross of Justice of the Sovereign Military Order of Malta, 1st Class - Castroan Royal Family of Two Sicilies: Bailiff Knight Grand Cross of Justice of the Castroan-Two Sicilian Sacred Military Constantinian Order of Saint George - : Knight Grand Officer of the Order of Saint-Charles - Montenegrin Royal Family: Knight of the Order of Petrovic Njegos - Montenegrin Royal Family: Knight Grand Cross of the Order of Prince Danilo I - Montenegrin Royal Family: Knight of the Order of Saint Peter of Cetinje - Russian Imperial Family: Knight Grand Cordon of the Order of St. Alexander Nevsky - Abanyiginya Dynasty: Knight Grand Collar of the Royal Order of the Drum (Rwanda)
เจ้าชายเอ็มมานูเอล ฟิลิแบร์โตแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเวนิซ
185
240
441
1
เจ้าหญิงคลอทิลด์ เจ้าหญิงแห่งเวนิซ มีพระนามเดิมว่าอะไร
เจ้าชายเอมานูเอเล ฟีลีแบร์โตแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเวนิซ เจ้าชายเอ็มมานูเอล ฟิลิแบร์โตแห่งซาวอย เจ้าชายแห่งเวนิซ เป็นพระโอรสเพียงพระองค์เดียวใน เจ้าชายวิคตอริโอ เอ็มมานูเอล เจ้าชายแห่งเนเปิลส์ และ เจ้าหญิงมารินา เจ้าหญิงแห่งเนเปิลส์ ด้วยพระราชวงศ์แห่งอิตาลีถูกล้มล้างไปแล้วก็ตาม แต่สมาชิกพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์ซาวอย ก็ยังสามารถดำรงพระอิสริยยศนี้ไปได้ตลอดพระชนม์ชีพ เจ้าชายเอ็มมานูเอล ทรงเสกสมรสกับนางสาวคลอทิลด์ มารี ปาสคาลล์ คูโร่ (ภายหลัง เจ้าหญิงคลอทิลด์ เจ้าหญิงแห่งเวนิซ) ทรงมีพระธิดาร่วมกัน 2 พระองค์เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - House of Savoy: Grand Master Knight Grand Collar of the Supreme Order of the Most Holy Annunciation - House of Savoy: Grand Master Knight Grand Cordon of the Order of Saints Maurice and Lazarus - Sovereign Military Order of Malta: Bailiff Knight Grand Cross of Justice of the Sovereign Military Order of Malta, 1st Class - Castroan Royal Family of Two Sicilies: Bailiff Knight Grand Cross of Justice of the Castroan-Two Sicilian Sacred Military Constantinian Order of Saint George - : Knight Grand Officer of the Order of Saint-Charles - Montenegrin Royal Family: Knight of the Order of Petrovic Njegos - Montenegrin Royal Family: Knight Grand Cross of the Order of Prince Danilo I - Montenegrin Royal Family: Knight of the Order of Saint Peter of Cetinje - Russian Imperial Family: Knight Grand Cordon of the Order of St. Alexander Nevsky - Abanyiginya Dynasty: Knight Grand Collar of the Royal Order of the Drum (Rwanda)
นางสาวคลอทิลด์ มารี ปาสคาลล์ คูโร่
530
564
442
1
พระราชบิดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ มีพระนามว่าอะไร
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380) ประสูติเมื่อวันอังคาร เดือน 9 แรม 3 ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช 1147 ตรงกับวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ทรงเป็นพระเชษฐาแท้ๆของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ เมื่อทรงพระเยาว์ชาววังออกพระนามเรียกพระองค์กันว่า "พระองค์ชายเสือ" พ.ศ. 2350 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "กรมหมื่นเทพพลภักดิ์" ต่อมาในรัชกาลที่ 2 ได้ทรงกำกับกรมพระคชบาล และในปี พ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนกรมขึ้นเป็น "กรมหลวงเทพพลภักดิ์" สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 เมื่อวันอังคาร เดือน 3 แรม 11 ค่ำ ปีระกา นพศก จุลศักราช 1199 ตรงกับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380 พระชันษา 51 ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พระโกศทองใหญ่ ทรงพระศพ และ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
413
451
443
1
พี่น้องร่วมบิดามารดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ มีพระนามว่าอะไร
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอภัยทัต กรมหลวงเทพพลภักดิ์ (23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380) ประสูติเมื่อวันอังคาร เดือน 9 แรม 3 ค่ำ ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช 1147 ตรงกับวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2328 เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และเจ้าจอมมารดาน้อยแก้ว ทรงเป็นพระเชษฐาแท้ๆของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ เมื่อทรงพระเยาว์ชาววังออกพระนามเรียกพระองค์กันว่า "พระองค์ชายเสือ" พ.ศ. 2350 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "กรมหมื่นเทพพลภักดิ์" ต่อมาในรัชกาลที่ 2 ได้ทรงกำกับกรมพระคชบาล และในปี พ.ศ. 2375 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนกรมขึ้นเป็น "กรมหลวงเทพพลภักดิ์" สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 3 เมื่อวันอังคาร เดือน 3 แรม 11 ค่ำ ปีระกา นพศก จุลศักราช 1199 ตรงกับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2380 พระชันษา 51 ปี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน พระโกศทองใหญ่ ทรงพระศพ และ พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุท้องสนามหลวง
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไกรสร กรมหลวงรักษ์รณเรศ
499
551
444
1
มิโตะ ฮอลลีฮอก เป็นสโมสรฟุตบอลระดับอาชีพของประเทศญี่ปุ่น ประจำอยู่ที่เมืองมิโตะ จังหวัดอะไร
มิโตะ ฮอลลีฮอก มิโตะ ฮอลลีฮอก (; ) เป็นสโมสรฟุตบอลระดับอาชีพของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันรายการเจลีก ดิวิชัน 2 ทีมนี้ประจำอยู่ที่เมืองมิโตะ จังหวัดอิบะระกิ นามสมญา "ฮอลลีฮอก" มาจากเครื่องยอดแห่งตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองจากมิโตะในยุคเอะโดะประวัติ ประวัติ. สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ในนามพรีม่าอาเซโน เอฟซี โดยพนักงานโรงงานของพรีม่าแฮม (ซึ่งเป็นบริษัทอาหาร) ในสึชิอุระ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรีม่าแฮม เอฟซี สึชิอุระ และได้รับการเลื่อนชั้นสู่ฟุตบอลลีกญี่ปุ่นหลังจากจบการแข่งในฐานะรองชนะเลิศในการแข่งขันเพลย์ออฟลีกภูมิภาคปี ค.ศ. 1996 ทีมนี้ได้รวมกับสโมสรฟุตบอลมิโตะ (ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1994) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมิโตะ ฮอลลีฮอก ก่อนเริ่มฤดูกาล 1997 เมื่อพรีม่าแฮมตัดสินใจเลิกการสนับสนุนทางการเงินให้แก่สโมสร การร้องขอของทีมมิโตะในการเปิดตัวเจลีก ดิวิชัน 2 ฤดูกาล 1999 ได้รับการปฏิเสธในขั้นต้น เนื่องจากฐานการเงินและฐานแฟน ๆ ที่ไม่เสถียร อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการแข่งในอันดับที่ 3 ในฟุตบอลลีกญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1999 และได้รับการสนับสนุน ทางสโมสรก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งเจลีกในปี ค.ศ. 2000 ส่วนในปี ค.ศ. 2016 มิโตะ ฮอลลีฮอก ได้จัดทำทีมฟุตบอลหญิง ในคันโตลีก ดิวิชัน 2 และทีมฮอกกี้น้ำแข็ง ในลีกของจังหวัดอิบะระกิระเบียงภาพ (จากสนามเหย้าในอดีต)
จังหวัดอิบะระกิ
242
257
445
1
สมญานาม ฮอลลีฮอก มาจากเครื่องยอดแห่งตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองจากมิโตะในยุคใด
มิโตะ ฮอลลีฮอก มิโตะ ฮอลลีฮอก (; ) เป็นสโมสรฟุตบอลระดับอาชีพของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันกำลังแข่งขันรายการเจลีก ดิวิชัน 2 ทีมนี้ประจำอยู่ที่เมืองมิโตะ จังหวัดอิบะระกิ นามสมญา "ฮอลลีฮอก" มาจากเครื่องยอดแห่งตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่งเป็นผู้ปกครองจากมิโตะในยุคเอะโดะประวัติ ประวัติ. สโมสรก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1990 ในนามพรีม่าอาเซโน เอฟซี โดยพนักงานโรงงานของพรีม่าแฮม (ซึ่งเป็นบริษัทอาหาร) ในสึชิอุระ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรีม่าแฮม เอฟซี สึชิอุระ และได้รับการเลื่อนชั้นสู่ฟุตบอลลีกญี่ปุ่นหลังจากจบการแข่งในฐานะรองชนะเลิศในการแข่งขันเพลย์ออฟลีกภูมิภาคปี ค.ศ. 1996 ทีมนี้ได้รวมกับสโมสรฟุตบอลมิโตะ (ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1994) แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นมิโตะ ฮอลลีฮอก ก่อนเริ่มฤดูกาล 1997 เมื่อพรีม่าแฮมตัดสินใจเลิกการสนับสนุนทางการเงินให้แก่สโมสร การร้องขอของทีมมิโตะในการเปิดตัวเจลีก ดิวิชัน 2 ฤดูกาล 1999 ได้รับการปฏิเสธในขั้นต้น เนื่องจากฐานการเงินและฐานแฟน ๆ ที่ไม่เสถียร อย่างไรก็ตาม หลังจากจบการแข่งในอันดับที่ 3 ในฟุตบอลลีกญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1999 และได้รับการสนับสนุน ทางสโมสรก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการแข่งเจลีกในปี ค.ศ. 2000 ส่วนในปี ค.ศ. 2016 มิโตะ ฮอลลีฮอก ได้จัดทำทีมฟุตบอลหญิง ในคันโตลีก ดิวิชัน 2 และทีมฮอกกี้น้ำแข็ง ในลีกของจังหวัดอิบะระกิระเบียงภาพ (จากสนามเหย้าในอดีต)
ยุคเอะโดะ
339
348
446
1
ผลงานการแสดงครั้งแรกกับบทร้ายของปราปต์ปฎล สุวรรณบาง คือเรื่องอะไร
ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง เป็นนักแสดงและนายแบบชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ที่จังหวัดนครสวรรค์ประวัติ ประวัติ. ปราปต์ปฎลเข้าสู่วงการบันเทิงในขณะที่ยังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อยู่ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยได้พบกับดีไซเนอร์ซึ่งเป็นแมวมองที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว จึงเริ่มงานด้วยการถ่ายแบบ, เดินแฟชั่น และถ่ายมิวสิควีดีโอ จากนั้นจึงได้มีผลงานการแสดงครั้งแรกกับบทร้ายในเรื่อง สุภาพบุรุษที่สุดในโลก ในปี พ.ศ. 2532 ปัจจุบัน ปราปต์ปฎล มักได้รับบทเป็นขุนศึก แม่ทัพ นายกอง จากภาพยนตร์และละครในแนวอิงประวัติศาสตร์ หรือตัวร้ายในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ การก้าวเข้าสู่วงการดนตรีถือเป็นงานอีกด้านหนึ่งที่ปราปต์รักและชื่นชอบ ด้วยบุคลิกภาพที่ชัดเจนและเป็นผู้ทำประโยชน์ในกิจกรรมสาธารณกุศลมากมาย ทำให้ปราปต์ปฎลสร้างสรรค์ผลงานเพลงของตัวเอง ในปี 2557 กับซิงเกิ้ลแรก 'แล้วพบกันเมื่อเจอ'ไมรับผิดชอบ...ผลงานละครโทรทัศน์ / ละครเวทีผลงาน. ละครโทรทัศน์ / ละครเวที. - "ตาเบบูญ่า" (2542) ช่อง 5 - "หลวงตา" (2543) ช่อง 3 - "อาจารย์โกย" (2544) ช่อง 3 - "มนต์รักส้มตำ" (2545) ช่อง 5 - ท้าลิขิต ตอน กรรมตัดตอน (2547) - "ข้ามฟ้าเฉือนคม Split Second" (2547) ร่วมทุนระหว่างบรอดคาซไทยเทเลวิชั่นกับ TVB ฮ่องกง ออกอากาศทั้งที่ฮ่องกงและช่อง 3 - "นางสาวสัปเหร่อ" รับบท ชาคริต (2549) ช่อง 3 ช่วงแกะกล่องละครบ่าย - "ละครเทิดเกียรติทหารวันกองทัพไทย "แด่ทหารกล้า" รับบท พ.ต.วีระพล แย้มอำพล " (สร้างโดยบริษัทกันตนา ออกอากาศทางช่อง 5) (ปี 2550) - "Laksamana Cheng Ho" รับบทสมเด็จพระรามราชาธิราช (เป็นละครโทรทัศน์ที่ทางกันตนาร่วมทุนกับประเทศอินโดนีเซีย ไม่ได้ออกอากาศในประเทศไทย) (2550) - "ตากสินมหาราช" (2550) ช่อง 3 รับบท เมฆราโบ - "โก๊ะซ่า ท้ามิติ (2552) รับบท เหิน - "พยัคฆ์ยี่เก" (2552) รับบท พ.ต.ต.มงคล ช่อง 7 - "ตำรวจเหล็ก" (2553) รับบท ยอดชาย ช่อง 7 - "ไทยเธียเตอร์ ชุด หลายชีวิต ตอน ละม่อม" (2553-2554) รับบท สนิท ช่อง ทีวีไทย - "ตะวันเดือด" (2554) รับบท ก้อน ช่อง 3 - โก๊ะ 7 (2554) รับบท จอระเด - ละครเวที "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" (2554) รับบท นันทสู / พระเอกาทศรถ (ขึ้นอยู่กับรอบการแสดง) - ละครซีรีส์ เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ ตอน บทละครผี รับบท นนท์ นักเขียนบทละคร (2555) ช่อง 5 - "ละครซีรีส์ สัมผัสพิศวง ตอน สาบานกับความตาย" ช่อง 3 รับบท สิงห์ (2555) - เสือสมิง (2555-2556) ช่อง 7 รับบท พรานป่าอองไชย - "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร (2556) รับบท พรานสม ช่อง 3 - ซิทคอม "ครัวซองทำนองรัก" ช่อง 3 (9 มิ.ย.2556) รับเชิญ ในบทเสี่ย - ผู้ชนะสิบทิศ (2556-2557) ช่อง 8 รับบท ปะขันหวุ่นญี - ลูกสาวพ่อมด (2557) ช่อง 3 รับบท พรานป่า - เสือ (2557) รับบท พ่อใหญ่แห่งหมู่บ้านผาสมิง - บางระจัน รับบท สุรินทจอข่อง เริ่มออกอากาศ 6 มกราคม 2558 ทางช่อง 3 - "ชาติเจ้าพระยา 2 (สิงห์สี่แคว)" รับบท ไพฑูรย์ เพิ่มพูน/หัวหน้าองค์กร ACE โค้ดเนม A ข้าวหลามตัด (รุ่นบุกเบิก) เริ่มออกอากาศ 23 มกราคม 2558 ทางช่อง 3 - "แม้เลือกเกิดได้" รับบท ตง เริ่มออกอากาศวันที่ 15 มกราคม 2558 ทางช่อง 8 - "รายการเกิดเพราะกรรม ตอน ผีนางตานี]รับบทพ่อเลี้ยงของมณี (2558) ช่องไบรท์ทีวี - ข้าบดินทร์ (2558) ช่อง 3 รับบท ขุนสิทธิสงคราม/พระศรีสิทธิสงคราม ออกอากาศตอนแรก 30 พฤษภาคม 2558 - "สิงห์รถบรรทุก"(2558) ช่อง 7 รับบท เสือเล็ก แห่ง ผาพยัคฆ์ ออกอากาศตอนแรก 5 มิถุนายน 2558 - "ข้ามากับพระ" (2558) ช่อง 7 รับบท เสือทอง ออกอากาศตอนแรก 14 สิงหาคม 2558 - "บ้านนี้ผีไม่ปอบ" (2558) ช่อง 3 รับบท ระทม ออกอากาศตอนแรก 23 กันยายน 2557 (ช่วง Prime time 1) - "มนต์รักอสูร" (2559) ช่อง 8 รับบท น้าผัน ออกอากาศตอนแรก 4 มีนาคม 2559 - "พันท้ายนรสิงห์" (2559) ช่อง workpoint รับบท หลวงกำแหง ออกอากาศตอนแรก 4 เมษายน 2559 - "เจ้าพายุ" (2559) ช่อง 7 รับบท จ่าชานนท์ ออกอากาศตอนแรก 10 มิถุนายน 2559 - "คงกระพันนารี" (2559) ช่อง 3 รับบท โจรโก้ (รับเชิญ) ออกอากาศตอนแรก 5 กรกฎาคม 2559 - "เจ้าจอม" (2559) ช่อง 3 เอสดี รับบท เต็ม ออกอากาศตอนแรก 6 ธันวาคม 2559 - "เชลยศึก" (2560) ช่อง 8 รับบท พระเจ้าเอกทัศ ออกอากาศตอนแรก 25 มกราคม 2560 - "มหาหิน" (2560) ช่อง 7 รับบท นายพลเก้ายอด ออกอากาศตอนแรก 8 ธันวาคม 2560 - "บุพเพสันนิวาส (นวนิยาย)" (2561) ช่อง 3 รับบท สมเด็จพระนารายณ์มหาราช คู่กับ เจนจิรา จันทรศร ออกอากาศตอนแรก 21 กุมภาพันธ์​ 2561ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - สุภาพบุรุษที่สุดในโลก (2532) - "สองอันตราย ล่าหักเหลี่ยม" (2543) รับบท อาณัฐ - ขวัญ-เรียม (2544) รับบท จ้อย - "เปรต ร.ศ.69" (2544) รับบท หลวงยศ - "ผีหัวขาด" (2545) รับบท สมพงษ์ - 'ขุนศึก' (2546) รับบท หมู่ขัน - "เจ้าตาก" (2547) รับบท หลวงพิชัย หรือ ทองดี - "Children in the dark เด็กน้อยในเงามืด"(2548)รับบท ชิด (สร้างร่วมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ไม่ได้เข้าฉายในประเทศไทย) - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ (2550) รับบท ออกพระชัยบุรี - คู่แรด (2550) รับบท เคน ซาคาโมโตะ - ผีตุ๋มติ๋ม (2552) - "หนังสั้นเรื่อง "เปลือก""2553) - คนไททิ้งแผ่นดิน (2553) รับบท ลิตงเจีย - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี (2554) รับบท ออกพระชัยบุรี - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง (2554) รับบท ออกพระชัยบุรี - "Largowinch II" รับบท "กาดจา" (เป็นหนึ่งในนักแสดงไทยที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของประเทศฝรั่งเศสเรื่องนี้) (2554) - "เค้าเรียกผมว่าความรัก"(2555) รับบท สารวัตรลาภ - กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้ (2557) รับบท ชัย - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี (2557) รับบท ออกพระชัยบุรี - "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 6 อวสานหงสา" (2558) รับบท พระชัยบุรี เข้าฉาย 9 เมษายน 2558 - "พันท้ายนรสิงห์" (2558) รับบท หลวงกำแหง เข้าฉาย 30 ธันวาคม 2558 ละคร / ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเสร็จแล้วรอออนแอร์- "ลมไพรผูกรัก" ช่อง 3 - "สารวัตรใหญ่" ช่อง 7 - "จ้าวสมิง" ช่อง 7 - "บ่วงนฤมิต" ช่อง 3 ผลงานเพลง- แล้วพบกันเมื่อเจอ released on 29/9/2014 ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงมากความสามารถคว้าไมค์ทำซิงเกิ้ลแรกในชีวิต กับซิงเกิ้ล แล้วพบกันเมื่อเจอ ที่มาของเพลงเริ่มจากเค้าได้มีโอกาสร้องเพลงและสามารถสร้างความสุขกับเสียงเพลงที่นำมาร้อง คำถามที่มักได้รับประจำคือ...ร้องเพลงอะไร...ร้องเพลงใคร จึงทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ขึ้นมา โดยเนื้อหาของเพลงอยากบอกว่าเราไม่อาจเปลี่ยนตัวตนของเราได้ ขอแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นแค่นี้คำว่าผิดหวังและเสียใจกับความรักก็จะไม่มีอีกแล้ว.. รางวัลที่ได้รับ- รางวัลพลอยคเณศ สาขาศิลปินผู้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณกุศล ประจำปี 2558 จากสมาคมคเณศรีศิลปินเพื่อสังคม (11 มิถุนายน 2558)
เรื่อง สุภาพบุรุษที่สุดในโลก
502
530
447
1
ภาพยนตร์เรื่อง "พันท้ายนรสิงห์" ในปี 2558 ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง รับบทเป็นใคร
ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง เป็นนักแสดงและนายแบบชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 ที่จังหวัดนครสวรรค์ประวัติ ประวัติ. ปราปต์ปฎลเข้าสู่วงการบันเทิงในขณะที่ยังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อยู่ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยได้พบกับดีไซเนอร์ซึ่งเป็นแมวมองที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว จึงเริ่มงานด้วยการถ่ายแบบ, เดินแฟชั่น และถ่ายมิวสิควีดีโอ จากนั้นจึงได้มีผลงานการแสดงครั้งแรกกับบทร้ายในเรื่อง สุภาพบุรุษที่สุดในโลก ในปี พ.ศ. 2532 ปัจจุบัน ปราปต์ปฎล มักได้รับบทเป็นขุนศึก แม่ทัพ นายกอง จากภาพยนตร์และละครในแนวอิงประวัติศาสตร์ หรือตัวร้ายในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ การก้าวเข้าสู่วงการดนตรีถือเป็นงานอีกด้านหนึ่งที่ปราปต์รักและชื่นชอบ ด้วยบุคลิกภาพที่ชัดเจนและเป็นผู้ทำประโยชน์ในกิจกรรมสาธารณกุศลมากมาย ทำให้ปราปต์ปฎลสร้างสรรค์ผลงานเพลงของตัวเอง ในปี 2557 กับซิงเกิ้ลแรก 'แล้วพบกันเมื่อเจอ'ไมรับผิดชอบ...ผลงานละครโทรทัศน์ / ละครเวทีผลงาน. ละครโทรทัศน์ / ละครเวที. - "ตาเบบูญ่า" (2542) ช่อง 5 - "หลวงตา" (2543) ช่อง 3 - "อาจารย์โกย" (2544) ช่อง 3 - "มนต์รักส้มตำ" (2545) ช่อง 5 - ท้าลิขิต ตอน กรรมตัดตอน (2547) - "ข้ามฟ้าเฉือนคม Split Second" (2547) ร่วมทุนระหว่างบรอดคาซไทยเทเลวิชั่นกับ TVB ฮ่องกง ออกอากาศทั้งที่ฮ่องกงและช่อง 3 - "นางสาวสัปเหร่อ" รับบท ชาคริต (2549) ช่อง 3 ช่วงแกะกล่องละครบ่าย - "ละครเทิดเกียรติทหารวันกองทัพไทย "แด่ทหารกล้า" รับบท พ.ต.วีระพล แย้มอำพล " (สร้างโดยบริษัทกันตนา ออกอากาศทางช่อง 5) (ปี 2550) - "Laksamana Cheng Ho" รับบทสมเด็จพระรามราชาธิราช (เป็นละครโทรทัศน์ที่ทางกันตนาร่วมทุนกับประเทศอินโดนีเซีย ไม่ได้ออกอากาศในประเทศไทย) (2550) - "ตากสินมหาราช" (2550) ช่อง 3 รับบท เมฆราโบ - "โก๊ะซ่า ท้ามิติ (2552) รับบท เหิน - "พยัคฆ์ยี่เก" (2552) รับบท พ.ต.ต.มงคล ช่อง 7 - "ตำรวจเหล็ก" (2553) รับบท ยอดชาย ช่อง 7 - "ไทยเธียเตอร์ ชุด หลายชีวิต ตอน ละม่อม" (2553-2554) รับบท สนิท ช่อง ทีวีไทย - "ตะวันเดือด" (2554) รับบท ก้อน ช่อง 3 - โก๊ะ 7 (2554) รับบท จอระเด - ละครเวที "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" (2554) รับบท นันทสู / พระเอกาทศรถ (ขึ้นอยู่กับรอบการแสดง) - ละครซีรีส์ เซน...สื่อรักสื่อวิญญาณ ตอน บทละครผี รับบท นนท์ นักเขียนบทละคร (2555) ช่อง 5 - "ละครซีรีส์ สัมผัสพิศวง ตอน สาบานกับความตาย" ช่อง 3 รับบท สิงห์ (2555) - เสือสมิง (2555-2556) ช่อง 7 รับบท พรานป่าอองไชย - "สุภาพบุรุษจุฑาเทพ ตอน คุณชายธราธร (2556) รับบท พรานสม ช่อง 3 - ซิทคอม "ครัวซองทำนองรัก" ช่อง 3 (9 มิ.ย.2556) รับเชิญ ในบทเสี่ย - ผู้ชนะสิบทิศ (2556-2557) ช่อง 8 รับบท ปะขันหวุ่นญี - ลูกสาวพ่อมด (2557) ช่อง 3 รับบท พรานป่า - เสือ (2557) รับบท พ่อใหญ่แห่งหมู่บ้านผาสมิง - บางระจัน รับบท สุรินทจอข่อง เริ่มออกอากาศ 6 มกราคม 2558 ทางช่อง 3 - "ชาติเจ้าพระยา 2 (สิงห์สี่แคว)" รับบท ไพฑูรย์ เพิ่มพูน/หัวหน้าองค์กร ACE โค้ดเนม A ข้าวหลามตัด (รุ่นบุกเบิก) เริ่มออกอากาศ 23 มกราคม 2558 ทางช่อง 3 - "แม้เลือกเกิดได้" รับบท ตง เริ่มออกอากาศวันที่ 15 มกราคม 2558 ทางช่อง 8 - "รายการเกิดเพราะกรรม ตอน ผีนางตานี]รับบทพ่อเลี้ยงของมณี (2558) ช่องไบรท์ทีวี - ข้าบดินทร์ (2558) ช่อง 3 รับบท ขุนสิทธิสงคราม/พระศรีสิทธิสงคราม ออกอากาศตอนแรก 30 พฤษภาคม 2558 - "สิงห์รถบรรทุก"(2558) ช่อง 7 รับบท เสือเล็ก แห่ง ผาพยัคฆ์ ออกอากาศตอนแรก 5 มิถุนายน 2558 - "ข้ามากับพระ" (2558) ช่อง 7 รับบท เสือทอง ออกอากาศตอนแรก 14 สิงหาคม 2558 - "บ้านนี้ผีไม่ปอบ" (2558) ช่อง 3 รับบท ระทม ออกอากาศตอนแรก 23 กันยายน 2557 (ช่วง Prime time 1) - "มนต์รักอสูร" (2559) ช่อง 8 รับบท น้าผัน ออกอากาศตอนแรก 4 มีนาคม 2559 - "พันท้ายนรสิงห์" (2559) ช่อง workpoint รับบท หลวงกำแหง ออกอากาศตอนแรก 4 เมษายน 2559 - "เจ้าพายุ" (2559) ช่อง 7 รับบท จ่าชานนท์ ออกอากาศตอนแรก 10 มิถุนายน 2559 - "คงกระพันนารี" (2559) ช่อง 3 รับบท โจรโก้ (รับเชิญ) ออกอากาศตอนแรก 5 กรกฎาคม 2559 - "เจ้าจอม" (2559) ช่อง 3 เอสดี รับบท เต็ม ออกอากาศตอนแรก 6 ธันวาคม 2559 - "เชลยศึก" (2560) ช่อง 8 รับบท พระเจ้าเอกทัศ ออกอากาศตอนแรก 25 มกราคม 2560 - "มหาหิน" (2560) ช่อง 7 รับบท นายพลเก้ายอด ออกอากาศตอนแรก 8 ธันวาคม 2560 - "บุพเพสันนิวาส (นวนิยาย)" (2561) ช่อง 3 รับบท สมเด็จพระนารายณ์มหาราช คู่กับ เจนจิรา จันทรศร ออกอากาศตอนแรก 21 กุมภาพันธ์​ 2561ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - สุภาพบุรุษที่สุดในโลก (2532) - "สองอันตราย ล่าหักเหลี่ยม" (2543) รับบท อาณัฐ - ขวัญ-เรียม (2544) รับบท จ้อย - "เปรต ร.ศ.69" (2544) รับบท หลวงยศ - "ผีหัวขาด" (2545) รับบท สมพงษ์ - 'ขุนศึก' (2546) รับบท หมู่ขัน - "เจ้าตาก" (2547) รับบท หลวงพิชัย หรือ ทองดี - "Children in the dark เด็กน้อยในเงามืด"(2548)รับบท ชิด (สร้างร่วมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ไม่ได้เข้าฉายในประเทศไทย) - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๒ ประกาศอิสรภาพ (2550) รับบท ออกพระชัยบุรี - คู่แรด (2550) รับบท เคน ซาคาโมโตะ - ผีตุ๋มติ๋ม (2552) - "หนังสั้นเรื่อง "เปลือก""2553) - คนไททิ้งแผ่นดิน (2553) รับบท ลิตงเจีย - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๓ ยุทธนาวี (2554) รับบท ออกพระชัยบุรี - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๔ ศึกนันทบุเรง (2554) รับบท ออกพระชัยบุรี - "Largowinch II" รับบท "กาดจา" (เป็นหนึ่งในนักแสดงไทยที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์ของประเทศฝรั่งเศสเรื่องนี้) (2554) - "เค้าเรียกผมว่าความรัก"(2555) รับบท สารวัตรลาภ - กาลครั้งหนึ่ง...จนวันนี้ (2557) รับบท ชัย - ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๕ ยุทธหัตถี (2557) รับบท ออกพระชัยบุรี - "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชภาค 6 อวสานหงสา" (2558) รับบท พระชัยบุรี เข้าฉาย 9 เมษายน 2558 - "พันท้ายนรสิงห์" (2558) รับบท หลวงกำแหง เข้าฉาย 30 ธันวาคม 2558 ละคร / ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำเสร็จแล้วรอออนแอร์- "ลมไพรผูกรัก" ช่อง 3 - "สารวัตรใหญ่" ช่อง 7 - "จ้าวสมิง" ช่อง 7 - "บ่วงนฤมิต" ช่อง 3 ผลงานเพลง- แล้วพบกันเมื่อเจอ released on 29/9/2014 ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงมากความสามารถคว้าไมค์ทำซิงเกิ้ลแรกในชีวิต กับซิงเกิ้ล แล้วพบกันเมื่อเจอ ที่มาของเพลงเริ่มจากเค้าได้มีโอกาสร้องเพลงและสามารถสร้างความสุขกับเสียงเพลงที่นำมาร้อง คำถามที่มักได้รับประจำคือ...ร้องเพลงอะไร...ร้องเพลงใคร จึงทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ขึ้นมา โดยเนื้อหาของเพลงอยากบอกว่าเราไม่อาจเปลี่ยนตัวตนของเราได้ ขอแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นแค่นี้คำว่าผิดหวังและเสียใจกับความรักก็จะไม่มีอีกแล้ว.. รางวัลที่ได้รับ- รางวัลพลอยคเณศ สาขาศิลปินผู้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณกุศล ประจำปี 2558 จากสมาคมคเณศรีศิลปินเพื่อสังคม (11 มิถุนายน 2558)
หลวงกำแหง
5,023
5,032
448
1
บ้านเกิดของสวัสดิ์ จำปาศรี อยู่ในอำเภอใด
สวัสดิ์ จำปาศรี พันตำรวจเอกสวัสดิ์ จำปาศรี เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2495 ที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา โดยเป็นบุตรของพ่อซึ่งเป็นกำนัน ชื่อ นายทองคำ และแม่คือ นางกองศรี จำปาศรี พ.ต.อ.สวัสดิ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโท บริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เริ่มรับราชการตำรวจ โดยเริ่มตั้งแต่เป็นลูกแถวและผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน และเป็นสารวัตรประจำแผนกสืบสวนสอบสวนในสถานีตำรวจแถบฝั่งธนบุรีหลายท้องที่นานถึง 25 ปี เช่น หนองค้างพลู, บางขุนเทียน เป็นต้น จนกระทั่งได้ลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2548 ในยศ พันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) เพื่อออกมาเล่นการเมือง โดยในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 พ.ต.อ.สวัสดิ์ ได้ลงรับสมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตบางขุนเทียน โดยได้เป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์อย่างกะทันหัน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัคร และ พ.ต.อ.สวัสดิ์ ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนั้น จากนั้น พ.ต.อ.สวัสดิ์ จำปาศรี ก็ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 พ.ต.อ.สวัสดิ์ ก็ยังคงสมัครในพื้นที่เดิมกับทางพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ชีวิตส่วนตัว สมรสแล้วกับ นางรัตนา จำปาศรี (นามสกุลเดิม สุวภาพ) มีบุตรสาว 2 คน ปัจจุบัน พ.ต.อ.สวัสดิ์ มีทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
อ.ชุมพวง
174
182
449
1
ภรรยาของสวัสดิ์ จำปาศรี มีนามสกุลเดิมว่าอะไร
สวัสดิ์ จำปาศรี พันตำรวจเอกสวัสดิ์ จำปาศรี เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2495 ที่ อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา โดยเป็นบุตรของพ่อซึ่งเป็นกำนัน ชื่อ นายทองคำ และแม่คือ นางกองศรี จำปาศรี พ.ต.อ.สวัสดิ์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ปริญญาโท บริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เริ่มรับราชการตำรวจ โดยเริ่มตั้งแต่เป็นลูกแถวและผู้บังคับหมู่ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน และเป็นสารวัตรประจำแผนกสืบสวนสอบสวนในสถานีตำรวจแถบฝั่งธนบุรีหลายท้องที่นานถึง 25 ปี เช่น หนองค้างพลู, บางขุนเทียน เป็นต้น จนกระทั่งได้ลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2548 ในยศ พันตำรวจเอก (พ.ต.อ.) เพื่อออกมาเล่นการเมือง โดยในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 พ.ต.อ.สวัสดิ์ ได้ลงรับสมัคร ส.ส. ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตบางขุนเทียน โดยได้เป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์อย่างกะทันหัน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัคร และ พ.ต.อ.สวัสดิ์ ก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนั้น จากนั้น พ.ต.อ.สวัสดิ์ จำปาศรี ก็ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ในการเลือกตั้งในปลายปี พ.ศ. 2550 พ.ต.อ.สวัสดิ์ ก็ยังคงสมัครในพื้นที่เดิมกับทางพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ชีวิตส่วนตัว สมรสแล้วกับ นางรัตนา จำปาศรี (นามสกุลเดิม สุวภาพ) มีบุตรสาว 2 คน ปัจจุบัน พ.ต.อ.สวัสดิ์ มีทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร
สุวภาพ
1,189
1,195
450
1
กึนเทอร์ กลอมบ์เป็นทั้งนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลเชื่้อชาติอะไร
กึนเทอร์ กลอมบ์ กึนเทอร์ กลอมบ์ (; 17 สิงหาคม ค.ศ. 1930 — ) เป็นทั้งนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวเยอรมัน รวมถึงเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยเมื่อครั้งที่เข้าร่วมการแข่งกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968ผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. กึนเทอร์ กลอมบ์ เริ่มเล่นฟุตบอลในสโมสรฟุตบอลพรอยอูสเซนฮินเดนบูร์ก ในไซลีเซียตอนบน ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้ลี้ภัยไปยังเนือร์นแบร์ก และเล่นให้แก่สโมสรฟุตบอลทุสโพเนือร์นแบร์ก เขายังได้เรียนรู้ถึงอาชีพช่างเครื่อง โดยใน ค.ศ. 1951 เขาได้เรียนวิศวกรรมเครื่องกล ที่ซึ่งเขาสำเร็จหลักสูตรใน ค.ศ. 1954 เขาเป็นกองหน้าที่มีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก โดยกลอมบ์กล่าวกับตัวเองว่า “ผมเล่นแบบเข้าถึงผู้รักษาประตูได้ทั้งหมด”ผลงานการฝึกสอน ผลงานการฝึกสอน. เขาได้เป็นผู้ฝึกสอนให้แก่ทีมบอนเนอร์เอสทเซ (ค.ศ. 1965-1966) และเอสเพเฟาเกเฟรเชน 20 ค.ศ. 1968 กึนเทอร์ กลอมบ์ ได้รับการทาบทามจากเดทท์มาร์ คราเมอร์ ให้เข้าทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนแก่ทีมชาติไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาฝึกสอนในกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 และกลอมบ์ยังคงใช้เวลา 17 ปีในการฝึกสอนให้แก่ทีมชาติไทย โดยทีมชาติไทยที่เขาฝึกสอนสามารถประสบความสำเร็จเป็นอันดับสามในเอเชียนคัพ 1972หนังสืออ่านเพิ่มหนังสืออ่านเพิ่ม. - Glomb, Günther in: Lorenz Knierim, Hardy Grüne: Enzyklopädie des deutschen Ligafußballs. Spielerlexikon 1890 - 1963. Agon Sportverlag, Kassel 2006, ISBN 3-89784-148-7, S. 110.
เยอรมัน
192
199
451
1
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกึนเทอร์ กลอมบ์เป็นทั้งนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวเยอรมัน ได้ลี้ภัยไปยังอยู่เมืองอะไร
กึนเทอร์ กลอมบ์ กึนเทอร์ กลอมบ์ (; 17 สิงหาคม ค.ศ. 1930 — ) เป็นทั้งนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวเยอรมัน รวมถึงเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยเมื่อครั้งที่เข้าร่วมการแข่งกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968ผลงานในระดับอาชีพ ผลงานในระดับอาชีพ. กึนเทอร์ กลอมบ์ เริ่มเล่นฟุตบอลในสโมสรฟุตบอลพรอยอูสเซนฮินเดนบูร์ก ในไซลีเซียตอนบน ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้ลี้ภัยไปยังเนือร์นแบร์ก และเล่นให้แก่สโมสรฟุตบอลทุสโพเนือร์นแบร์ก เขายังได้เรียนรู้ถึงอาชีพช่างเครื่อง โดยใน ค.ศ. 1951 เขาได้เรียนวิศวกรรมเครื่องกล ที่ซึ่งเขาสำเร็จหลักสูตรใน ค.ศ. 1954 เขาเป็นกองหน้าที่มีความคล่องตัวเป็นอย่างมาก โดยกลอมบ์กล่าวกับตัวเองว่า “ผมเล่นแบบเข้าถึงผู้รักษาประตูได้ทั้งหมด”ผลงานการฝึกสอน ผลงานการฝึกสอน. เขาได้เป็นผู้ฝึกสอนให้แก่ทีมบอนเนอร์เอสทเซ (ค.ศ. 1965-1966) และเอสเพเฟาเกเฟรเชน 20 ค.ศ. 1968 กึนเทอร์ กลอมบ์ ได้รับการทาบทามจากเดทท์มาร์ คราเมอร์ ให้เข้าทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนแก่ทีมชาติไทย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาฝึกสอนในกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 และกลอมบ์ยังคงใช้เวลา 17 ปีในการฝึกสอนให้แก่ทีมชาติไทย โดยทีมชาติไทยที่เขาฝึกสอนสามารถประสบความสำเร็จเป็นอันดับสามในเอเชียนคัพ 1972หนังสืออ่านเพิ่มหนังสืออ่านเพิ่ม. - Glomb, Günther in: Lorenz Knierim, Hardy Grüne: Enzyklopädie des deutschen Ligafußballs. Spielerlexikon 1890 - 1963. Agon Sportverlag, Kassel 2006, ISBN 3-89784-148-7, S. 110.
เนือร์นแบร์ก
456
468
452
1
ศรชัย เมฆวิเชียร มีหน้าตาคล้ายคลึงกับพระเอกดังแห่งยุคคนหนึ่งคือใคร
ศรชัย เมฆวิเชียร ศรชัย เมฆวิเชียร (11 มีนาคม พ.ศ. 2496 - ) เป็นนักร้องลูกทุ่งชายเสียงดี และมีหน้าตาที่ดีเข้ามาเสริมความโด่งดัง รวมทั้งมีผลงานเพลงเป็นที่นิยมและรู้จักของแฟนเพลงมากมาย เขาเป็นศิษย์เอกอีกคนของครูฉลอง ภู่สว่าง และโด่งดังอย่างมากจากเพลง “ อ้อนจันทร์ และ “พายงัด “ประวัติ ประวัติ. ศรชัย เมฆวิเชียร ผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายคลึง ยอดชาย เมฆสุวรรณ ยอดพระเอกดังแห่งยุคอีกคน มีชื่อจริงว่า ยง ปราบไชยโจร เป็นชาว อ.จักราช จ.นครราชสีมา เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งไทยเหมือนกับนักร้องอีกหลายคนในยุคนั้น คือการตระเวนประกวดตามเวทีประกวดต่างๆจนเป็นที่รู้จักของวงการประกวดทั่วภาคอีสาน รวมทั้งเคยได้ร้องเพลงของศรคีรี ศรีประจวบ ที่โทรทัศน์ช่อง 5 ขอนแก่น จนไม่มีเวทีในภูมิภาคให้ขึ้นประกวดมากนัก ต่อเมื่อมีคนชวนไปขึ้นร้องเพลงในงานวันเกษียณอายุพ่อของ อ.พรศักดิ์ จันทร์สีสุข ซึ่งรู้จักกับ สุเทพ วงศ์กำแหง นักร้องลูกกรุงชื่อดัง จึงออกปากฝากฝังให้สุเทพ วงศ์กำแหง ดูช่องทางการเป็นนักร้องให้ แต่สุเทพ วงศ์กำแหง ซึ่งอยู่ในวงการลูกกรุง ไม่กว้างขวางในวงการลูกทุ่ง จึงไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก ศรชัย เมฆวิเชียรจึงต้องเดินหน้าการประกวดร้องเพลงต่อไปเจอครูที่อู่ซ่อมรถ เจอครูที่อู่ซ่อมรถ. ต่อมา ศรชัย เมฆวิเชียรมีโอกาสมาประกวดร้องเพลงที่เสียงสามยอด หลังวัดลาดพร้าว งานนี้เขาได้ที่ 2 เพราะร้องคร่อมจังหวะ อันเป็นจุดอ่อนสำคัญในการร้องเพลงของเขา จากนั้นศรชัยก็มาศึกษาเรื่องดนตรีกับครูฉลอง การะเกด และแดน สนธยา ที่ทำวง“ พัทยานายก “ พร้อมกับทำงานในอู่ซ่อมรถ การทำงานที่อู่ซ่อมรถ ทำให้ศรชัย เมฆวิเชียร ได้เจอกับครูฉลอง ภู่สว่าง ครูเพลงชื่อดังแห่งยุคโดยบังเอิญ เนื่องจากรถของครูเกิดมาเสียแถวนั้นระหว่างที่จะไปแสดงดนตรีที่ต่างจังหวัด เพื่อนรุ่นพี่ที่แผนกช่างเครื่องยนต์ของอู่เห็นว่าข้างรถเขียนว่า “วงดนตรีฉลอง ภู่สว่าง ก็เลยมาตามและพาไปฝาก แต่ครูก็ไม่รับโดยบอกกับศรชัย เมฆวิเชียรว่า “มีงานทำอย่างนี้ดีแล้ว ไม่เสี่ยง” อีก 3 วันต่อมา ครูฉลอง ภู่สว่าง มารับรถที่อู่ เพื่อนของศรชัย เมฆวิเชียร ก็พาไปฝากอีกครั้ง คราวนี้ ครูฉลอง ภู่สว่าง ลองให้ร้องเพลง “คิดถึงพี่ไหม “ ของศรคีรี ศรีประจวบให้ฟัง หลังร้องจบครูก็ตกลงใจที่จะไม่รับ แต่ภรรยาของครู ที่ตามมาด้วยเกิดติดใจน้ำเสียง และเลยให้ครูรับเขาไว้ เมื่อมาอยู่กับครูฉลอง ภู่สว่าง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาการร้องคร่อมจังหวะให้เขาได้แล้ว ครูก็แต่งเพลงให้เขา ครูฉลอง ภู่สว่างนั้นถนัดในแนวเพลงต่อว่าผู้หญิง แต่เห็นว่า ศรชัย เมฆวิเชียรมีหน้าตาหล่อเหลา ไม่เหมาะกับเพลงต่อว่าผู้หญิง ก็เลยแต่งเพลงแนวหวานให้ ก็เลยมอบเพลง “จูบไม่หวาน” ที่แต่เดิมกะจะแต่งให้ ชินกร ไกรลาศ ส่วนเพลงสร้างชื่อของเขานั้น ได้แก่เพลง “ลำดวนลืมดง” และเพลง ” ทหารเกณฑ์ผลัด 2 “ ก่อนจะมาดังอย่างสุดๆกับ “อ้อนจันทร์” และ”พายงัด “ สำหรับชื่อ ศรชัย เมฆวิเชียร นั้น หลวงพ่อสุด วัดกาหลง และหลวงพ่อวัดช่องลมเป็นคนตั้งให้ โดยเลียนแบบมาจากชื่อ ยอดชาย เมฆสุวรรณผลงานเพลงดังผลงานเพลงดัง. - จูบไม่หวาน (ฉลอง ภู่สว่าง) - ทหารเกณฑ์ผลัดสอง (สุรินทร์ ภาคศิริ) - คนงานลืมง่าย - ลำดวนลืมดง (สุรินทร์ ภาคศิริ) - อ้อนจันทร์ (ฉลอง ภู่สว่าง) - พายงัด - มาน้องมา - บัวหลวงบึงพลาญ - รอทั้งปี - รักแรมไกล - นักรบลาแฟน - บ.ข.ส.รอรัก - จงคอยพี่ที่อีสานปัจจุบัน ปัจจุบัน. ศรชัย เมฆวิเชียร ในวัย 54 ปี (2550) พักอยู่หลังวัดลาดพร้าว และยังคงรับงานร้องเพลงอยู่เหมือนเดิม โดยมีโรคไตเป็นโรคประจำตัว
ยอดชาย เมฆสุวรรณ
427
443
453
1
แมทธิว เฮทเซนาวเออร์เป็นพลซุ่มยิงชาวออสเตรียในกองทัพเวร์มัคท์แห่งนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่เท่าไร
แมทธิว เฮทเซนาวเออร์ แมทธิว เฮทเซนาวเออร์ (23 ธันวาคม ค.ศ. 1924 – 3 ตุลาคม ค.ศ. 2004) เป็นพลซุ่มยิงชาวออสเตรียในกองทัพเวร์มัคท์แห่งนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้รับหน้าที่ในกองพลทหารภูเขาที่ 3 บนแนวรบด้านตะวันออกในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้มีชื่อเสียงด้วยการสังหาร 345 คน การสังหารที่ยาวที่สุดของเขาได้ถูกเขียนรายงานอยู่ที่ 1,100 เมตร(12,00 หลา) เฮทเซนาวเออร์ยังเป็นผู้ที่ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยเหรียญกางเขนเหล็กกางเขนอัศวิน
สงครามโลกครั้งที่สอง
324
344
454
1
ภรรยาของนายแพทย์วิชัย ชัยจิตวณิชกุล คือใคร
วิชัย ชัยจิตวณิชกุล นายแพทย์วิชัย ชัยจิตวณิชกุล เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยประวัติ ประวัติ. วิชัย ชัยจิตวณิชกุล เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2498 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และแพทยศาสตร์ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลเช่นเดียวกัน นายแพทย์วิชัย สมรสกับนางจารุวรรณ ชัยจิตวณิชกุล อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดินการทำงาน การทำงาน. วิชัย ชัยจิตวณิชกุล มีอาชีพหลักเป็นแพทย์ เคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอเพ็ญ ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคความหวังใหม่ เป็นสมัยแรก และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาอีกในปี พ.ศ. 2535 (กันยายน) พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 จากนั้นในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 เขาได้รับเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนา และได้เข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ในครั้งนั้นเขาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองพร้อมกับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ด้วย นายแพทย์วิชัย เคยดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง และในปี พ.ศ. 2540 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ในปี พ.ศ. 2561 เขาได้ร่วมกับนักการเมืองหลายคนในการจัดตั้งพรรคการเมืองในชื่อพรรคพลังพลเมืองไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
นางจารุวรรณ ชัยจิตวณิชกุล
532
557
455
1
นายแพทย์วิชัย ชัยจิตวณิชกุล ได้ดำรงตำแหน่งใดในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
วิชัย ชัยจิตวณิชกุล นายแพทย์วิชัย ชัยจิตวณิชกุล เป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยประวัติ ประวัติ. วิชัย ชัยจิตวณิชกุล เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2498 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านวิทยาศาสตร์ จากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และแพทยศาสตร์ จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลเช่นเดียวกัน นายแพทย์วิชัย สมรสกับนางจารุวรรณ ชัยจิตวณิชกุล อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดินการทำงาน การทำงาน. วิชัย ชัยจิตวณิชกุล มีอาชีพหลักเป็นแพทย์ เคยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลอำเภอเพ็ญ ต่อมาได้เข้ามาทำงานการเมืองโดยได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มีนาคม พ.ศ. 2535 สังกัดพรรคความหวังใหม่ เป็นสมัยแรก และได้รับเลือกตั้งเรื่อยมาอีกในปี พ.ศ. 2535 (กันยายน) พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 จากนั้นในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 เขาได้รับเลือกตั้งในนามพรรคชาติพัฒนา และได้เข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 ในครั้งนั้นเขาได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารพรรค และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองพร้อมกับสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ด้วย นายแพทย์วิชัย เคยดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง และในปี พ.ศ. 2540 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ซึ่งเป็นช่วงหลังเกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ในปี พ.ศ. 2561 เขาได้ร่วมกับนักการเมืองหลายคนในการจัดตั้งพรรคการเมืองในชื่อพรรคพลังพลเมืองไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาประมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
151
183
456
1
แมทธิว เฮทเซนาวเออร์เป็นพลซุ่มยิงชาวออสเตรียในกองทัพเวร์มัคท์แห่งนาซีเยอรมนี รับการปูนบำเหน็จด้วยเหรียญอะไร
แมทธิว เฮทเซนาวเออร์ แมทธิว เฮทเซนาวเออร์ (23 ธันวาคม ค.ศ. 1924 – 3 ตุลาคม ค.ศ. 2004) เป็นพลซุ่มยิงชาวออสเตรียในกองทัพเวร์มัคท์แห่งนาซีเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้รับหน้าที่ในกองพลทหารภูเขาที่ 3 บนแนวรบด้านตะวันออกในสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งได้มีชื่อเสียงด้วยการสังหาร 345 คน การสังหารที่ยาวที่สุดของเขาได้ถูกเขียนรายงานอยู่ที่ 1,100 เมตร(12,00 หลา) เฮทเซนาวเออร์ยังเป็นผู้ที่ได้รับการปูนบำเหน็จด้วยเหรียญกางเขนเหล็กกางเขนอัศวิน
เหรียญกางเขนเหล็กกางเขนอัศวิน
507
536
457
1
ท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบอยู่ที่เมืองอะไรในประเทศแอฟริกาใต้
ท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ ท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ (OR Tambo International Airport) ตั้งอยู่ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นท่าอากาศยานที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดในแอฟริกาใต้ และทวีปแอฟริกา รวมถึงเป็นท่าอากาศยานหลักของสายการบินเซาแอฟริกันแอร์เวย์ เดิมท่าอากาศยานแห่งนี้ชื่อว่า ท่าอากาศยานนานาชาติแจน สมัตส์ ตั้งชื่อตามรัฐบุรุษของแอฟริกาใต้ จนกระทั่งได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อท่าอากาศยานนานาชาติโจฮันเนสเบิร์ก ในปีพ.ศ. 2537 และได้เปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในปีพ.ศ. 2549 ตามชื่อของอดีตประธานสภาครองเกรสแห่งชาติแอฟริกาใต้ โอลิเวอร์ เรจินัลด์ แทมโบ (Oliver Reginald Tambo)อาคารผู้โดยสาร และสายการบินอาคารผู้โดยสาร และสายการบิน. - กาตาร์แอร์เวย์ - กาน่าอินเตอร์เนชั่นเนลแอร์ไลน์ - กาบอนแอร์ไลน์ - การบินไทย - กูลูลาดอตคอม - คาเธย์แปซิฟิก - เคนย่าแอร์เวย์ - เคแอลเอ็ม - แควนตัส - แคเมอรูนแอร์ไลน์ - ซาอุดิอาระเบียนแอร์ไลน์ - เซโฟเฟน - เซาแอฟริกันแอร์เวย์- แมงโก - แอร์ลิงก์ - เซาแอฟริกันเอ็กซ์เพรส - แซมเบียนแอร์เวย์ - เดลต้า แอร์ไลน์ - เนชั่นไวด์แอร์ไลน์ - บริติชแอร์เวย์- คอมแอร์ - เบลล์วิวแอร์ไลน์ - ฟลายโกลบสแปน - มาเลเซียนแอร์ไลน์ - เยเมเนีย - ราวันดาร์เอ็กซ์เพรส - ลุฟต์ฮันซา - แลงฮาสแอร์ เดอ โมแซมบิก - วันไทม์ - เวอร์จิ้นไนจีเรียแอร์เวย์ - เวอร์จิ้นแอตแลนติกแอร์เวย์ - สวิสอินเตอร์เนชั่นเนลแอร์ไลน์ - สิงคโปร์แอร์ไลน์ - อินเตอร์แอร์เซาแอฟริกา - อียิปต์แอร์ - เอติฮัดแอร์ไลน์ - เอธิโอเปียนแอร์ไลน์ - เอมิเรตส์ - เอลอัล - แองโกลาแอร์ชาร์เตอร์ - แอร์โคโมเรสอินเตอร์เนชั่นเนล - แอร์ซิมบับเว - แอร์ซีย์เคลเลส - แอร์แทนซาเนีย - แอร์นามิเบีย - แอร์บอตสวานา - แอร์ฟรานซ์ - แอร์มอริเทียส - แอร์มาดากัสการ์ - แอร์มาลาวี - แอร์ออสตรัล - โอลิมปิกแอร์ไลน์ - ไอบีเรีย - เฮวาโบราแอร์เวย์สายการบินขนส่งสินค้าสายการบินขนส่งสินค้า. - คาร์โกลักซ์ - ดีเอเอสแอร์คาร์โก - ทรามอนแอร์ - ฟาสต์แอร์ - มาร์ตินแอร์ คาร์โก - ลุฟต์ฮันซาคาร์โก - วิมบีดีราแอร์เวย์ - สิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก - เอ็มเคแอร์ไลน์ - เอมิเรตส์สกายคาร์โก - แอตลาสแอร์ - แอฟริกันอินเตอร์เนชั่นเนลแอร์เวย์ - โอเชียนแอร์ไลน์
เมืองโจฮันเนสเบิร์ก
213
232
458
1
พระราชบิดาของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช หรือ น้อย ณ นคร มีพระนามว่าอะไร
เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) หรือ เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชชัย มไหสุริยาธิบดี หรือ เจ้าพระยานครน้อย เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชสมัยกรุงรัตนโกสินทร์คนที่ 3 บุตรบุญธรรมในเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) เป็นพระราชโอรสองค์รองสุดท้ายในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชประวัติ ประวัติ. เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2319 ที่เมืองนครศรีธรรมราช ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี เป็นพระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเจ้าหญิงปราง และยังเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์ ณ นคร) ซึ่งมีบันทึกในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี ตอนที่ตรัสถึงเจ้าพระยานคร (น้อย) และเจ้าจอมมารดาปรางในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชว่า "เจ้าจอมมารดาปรางในพระเจ้ากรุงธนบุรี พระราชทานแก่อุปราชพัฒน์ มีความชอบชนะศึกชายาถึงแก่กรรม รับสั่งว่าอย่าเสียใจนักเลยจะให้เลี้ยงหลาน ท้าวนางกราบทูลว่า เริ่มตั้งครรภ์ได้ ๒ เดือนแล้ว แต่รับสั่งตรัสแล้วไม่คืนคำ พระราชวิจารณ์รัชกาลที่ ๕ ว่าไม่ทรงทราบหรือเป็นราโชบายให้เชื้อสายไปครองเมืองให้กว้างขวางออกไป แนวเดียวกับให้กรมขุนอินทรพิทักษ์ไปครองเขมร เจ้าพัฒน์รับตั้งไว้เป็นนางเมือง มิได้เป็นภรรยาเป็นเรื่องเล่ากระซิบกันอย่างเปิดเผย บุตรติดครรภ์เป็นชายชื่อ น้อย เป็นเจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช สำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราช มีอำนาจวาสนากว่าเจ้านครทุกคน" ครั้นโตขึ้นเจ้าพระยานคร (พัฒน์) ได้นำเข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นนายสรรพวิไชย มหาดเล็กหุ้มแพร ปฏิบัติราชการสนองเบื้องยุคลบาทจนเป็นที่โปรดปราน พระราชทานบรรดาศักดิ์เลื่อนขึ้นเป็นพระบริรักษ์ภูเบศร์ ตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองนครศรีธรรมราช โปรดเกล้าให้กลับไปปฏิบัติราชการ ณ เมืองนครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีลายพระหัตถเลขาเรียกชื่อเจ้าพระยานคร (น้อย) ตอนนี้ว่า "น้อยคืนเมือง" ต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์และตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้นเป็นพระยานครศรีธรรมราช และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สุดท้ายที่ เจ้าพระยาศรีธรรมาโศกราช ชาติเดโชชัย มไหสุริยาธิบดี ผู้สำเร็จราชการเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อบั้นปลายเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย ณ นคร) กำลังทหารไปปราบปรามเมืองไทรบุรีครั้งหลังสุด ป่วยเป็นไข้มาแล้ว เมื่อปราบปรามเสร็จอาการไข้กำเริบจนถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2381
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
385
410
459
1
บ้านเกิดของหลวงกาจสงครามอยู่ที่จังหวัดใด
หลวงกาจสงคราม (กาจ กาจสงคราม) พลโท พลอากาศโท กาจ กาจสงคราม หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ หลวงกาจสงคราม หนึ่งในสมาชิกคณะราษฎร สมาชิกขบวนการเสรีไทย อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ของกองทัพบกไทย ช่วงปี พ.ศ. 2491-พ.ศ. 2492 และอดีตอธิบดีกรมศุลกากร พ.ศ. 2481-2485 หลวงกาจสงคราม เกิดที่จังหวัดลำพูน เมื่อปีพ.ศ. 2446 มีชื่อเดิมว่า เทียน เก่งระดมยิง จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก และเข้ารับราชการทหารที่เชียงใหม่และที่พระนคร ได้ร่วมกับหลวงพิบูลสงคราม (จอมพล ป. พิบูลสงคราม) เข้าร่วมในคณะราษฎรฝ่ายทหาร ผู้ก่อการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ภายหลังการปฏิวัติ หลวงกาจสงครามได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 2 ในพระนคร ในเหตุการณ์กบฏบวรเดช เดือนตุลาคม พ.ศ. 2476 หลวงกาจสงคราม ได้นำกำลังทหารฝ่ายรัฐบาล ขึ้นรถจักรดีเซลที่สถานีรถไฟบางซื่อ เพื่อเดินทางไปกวาดล้างทหารกบฏของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช ที่จังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชได้ใช้รถจักรฮาโนแม็ก เบอร์ 277 หรือที่เรียกว่า “รถตอปิโดบก” พุ่งชนรถไฟของกองทัพรัฐบาล ทำให้ทหารฝ่ายรัฐบาลบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก และทำให้หลวงกาจสงครามได้รับบาดเจ็บ หูแหว่ง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐบาลได้ปูนบำเหน็จและย้ายให้ไปควบคุม กรมอากาศยาน (กองทัพอากาศ) และหลังจากนั้นหลวงกาจสงครามได้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการกองทัพอากาศคนแรก แต่เนื่องด้วยหลวงกาจสงครามมีความขัดแย้งกับนายทหารในกองทัพอากาศ ทำให้รัฐบาลย้ายหลวงกาศสงครามไปเป็นอธิบดีกรมศุลกากร ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 หลวงกาจสงครามเป็น คนหนึ่งในคณะเสรีไทยโดยร่วมมือกับนายปรีดี พนมยงค์ ในการตั้งขบวนการต่อต้านญี่ปุ่น โดยยอมลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2486 เป็นตัวแทนเสรีไทยเดินทางไปประเทศจีน และเมื่อสงครามยุติแล้วหลวงกาจสงครามก็ร่วมกับนายปรีดี พนมยงค์ ก่อตั้งพรรคสหชีพ ซึ่งเป็นพรรคที่ก้าวหน้าที่มีนโยบายเป็นประชาธิปไตยของฝ่ายพลเรือนในขณะนั้น ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงกาจสงครามในฐานะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล เมื่อ พ.ศ. 2484 ภายหลังจากเกิดกรณีวิกฤตเหตุการณ์สวรรคตของรัชกาลที่ 8 หลวงกาจสงครามได้โจมตีนายปรีดี พนมยงค์ ว่ามีแผนการจัดตั้ง "มหาชนรัฐ" ที่มีเป้าหมายเพื่อเปลี่ยนประเทศไทยเป็น "สาธารณรัฐ" จนเป็นที่โจษจันไปทั่ว และเกิดการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายซึ่งล้วนแต่เป็นกลุ่มของนายปรีดี หลวงกาจสงครามอ้างเรื่องแผนมหาชนรัฐว่าจะก่อให้เกิดการวินาศกรรมครั้งใหญ่ จึงได้ตัดสินใจรัฐประหารเสียก่อน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 พ.อ. กาจ กาจสงคราม เป็นรองหัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งประกอบด้วยนายทหารนอกราชการที่นำโดย พล.ท. ผิน ชุณหะวัณ พ.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ พ.อ. สฤษดิ์ ธนะรัชต์ พ.อ. ถนอม กิตติขจร พ.ท. ประภาส จารุเสถียร และ ร.อ. สมบูรณ์ (ชาติชาย) ชุณหะวัณ ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ จากรัฐบาลของหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ และตั้งนายควง อภัยวงศ์ เป็นนายกรัฐมนตรี หลวงกาจสงครามมีส่วนอย่างสำคัญในการยกร่าง และเก็บซ่อนไว้ใต้ตุ่ม จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ารัฐธรรมนูญฉบับ “ใต้ตุ่ม” หรือ “ตุ่มแดง” และหลวงกาจสงคราม ได้รับฉายาจากการรัฐประหารครั้งนี้ว่า “นายพลตุ่มแดง” หลังจากการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2491 นายควง อภัยวงศ์ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่หลังจากการบริหารประเทศเพียงไม่นาน เกิดเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2491 ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 หลวงกาจสงครามพร้อมทหารสี่นาย ได้บุกเข้าพบนายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล และบีบบังคับให้นายควงลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งนายควงก็ลาออกแต่โดยดี การรัฐประหารครั้งนี้เรียกว่า “รัฐประหารเงียบ” เนื่องจากไม่มีการใช้กำลังทหาร และเสียเลือดเนื้อแต่อย่างใด และตั้งจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี หลวงกาจสงคราม สมรสครั้งแรกกับคุณหญิงฟองสมุทร เก่งระดมยิง มีบุตร-ธิดา 7 คน รวมทั้ง ท่านผู้หญิงสายหยุด ดิฐการภักดี (สายหยุด บุณยรัตพันธุ์) , หม่อมวิภา จักรพันธุ์ ณ อยุธยา (หม่อมใน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ) และ พันเอก (พิเศษ) การุณ เก่งระดมยิง หลังจากนั้นได้สมรสกับนางประดับ กาจสงคราม มีบุตร-ธิดา 4 คน รวมทั้ง นายชัยพฤณท์ กาจสงคราม ในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2493 หลวงกาจสงคราม ได้ถูกกล่าวหาว่าจะก่อการกบฏล้มล้างรัฐบาล โดยทาง พ.ต.อ. เผ่า ศรียานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจ ได้ถูกจับขังคุก และในเช้าวันรุ่งขึ้น ได้ถูกเนรเทศไปที่ฮ่องกงทันที จนกระทั่งหลัง พ.ศ. 2500 ที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแล้ว จึงได้เดินทางกลับมาพำนักยังประเทศไทย หลวงกาจสงคราม ถึงแก่อนิจกรรมในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริอายุได้ 64 ปี ได้รับพระราชทานเพลิงศพจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2510ผลงานหนังสือผลงานหนังสือ. 1. ข้อปรารถนาของประเทศชาติ, พระนคร : โรงพิมพ์วัฐภักดี, 2492, เลขเรียกหนังสือ: 172 ก414ข 2. กำลังและอำนาจของประเทศชาติ, พระนคร : โรงพิมพ์รัฐภักดี, 2492, เลขเรียกหนังสือ: 355 ก414ก 3. ภาวะคับขันแห่งมหาสงครามอาเซียบูรพา 2484, พระนคร : โรงพิมพ์รัฐภักดี, 2492, เลขเรียกหนังสือ: 940.3 ก414ภ 4. เรื่องของวันชาติ 2492 , พระนคร : โรงพิมพ์รัฐภักดี, 2492, เลขเรียกหนังสือ: 172 ก414ร 5. สารคดีลึกลับ เรื่องสถานะการณ์ของผู้ลืมตัว , พระนคร : โรงพิมพ์บริษัทรัฐภักดี, 2492, เลขเรียกหนังสือ: 320.9593 ก421ส 6. ปาฐกถาโฆษณา เรื่องเกี่ยวกับการทหาร, พระนคร : โรงพิมพ์อักษรนิติ์, 2480, เลขเรียกหนังสือ: 895.915 ก415ปข 7. ข้อสังเกตบางประการในคราวเดินทางไปราชการรอบโลก พ.ศ. 2479 เล่ม 1 ว่าด้วยเรื่องอะไรที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นก้าวหน้า ,พระนคร : โรงพิมพ์กรมรถไฟ, 2484,เลขเรียกหนังสือ: 915.2 ก415ห 8. ข้อสังเกตบางประการในคราวเดินทางไปราชการรอบโลก พ.ศ. 2479 เล่ม 2 ว่าด้วยสหรัฐอเมริกา, พระนคร : บริษัทรัฐภักดี, 2490, เลขเรียกหนังสือ: 917.3 ก414ข 9. ความรู้ทั่วไปในการทหาร โดย สรวุฒิสมรรถ, หลวง, สินธุสงครามชัย, หลวง, กาจสงคราม, หลวง, พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์ 2478, เลขเรียกหนังสือ: 355 ส341ค
จังหวัดลำพูน
367
379
460
1
หมู่เกาะแชทัมเป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรใด
หมู่เกาะแชทัม หมู่เกาะแชทัม () เป็นกลุ่มเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ห่างจากเกาะใต้ราว 680 กม. (420 ไมล์) มีเกาะราว 10 เกาะ ในรัศมี 40 กม. (25 ไมล์) เกาะใหญ่สุดคือเกาะแชทัมและรองลงมาคือเกาะพิตต์ เกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศนิวซีแลนด์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1842 ชาวยุโรปเดินทางมาถึงเกาะนี้เป็นครั้งแรกใน ค.ศ. 1791
มหาสมุทรแปซิฟิก
135
150
461
1
ยุนะ อิโต หรืออาจรู้จักในชื่อ อิโต คริสติน นักร้องเพลงป็อปชาวญี่ปุ่น เกิดที่ไหน
ยุนะ อิโต ยุนะ อิโต (, , ) หรืออาจรู้จักในชื่อ อิโต คริสติน ( อิโต คุริซุตีน) เป็นนักร้องเพลงป็อป มีบิดาเป็นชาวญี่ปุ่น กับมารดาชาวอเมริกันเชื้อสายเกาหลี รวมทั้งยังเป็นนักแต่งเพลงและนักแสดงในประเทศญี่ปุ่น ยุนะเกิดที่ลอสแอนเจลิสวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1983 แต่ไปเติบโตที่ฮาวาย ปัจจุบันเป็นนักร้องในค่ายโซนี่ มิวสิค เจแปน ยุนะโด่งดังจากการแสดงภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง นานะ และยังเป็นผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ที่มีชื่อเพลงว่า "Endless Story" ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากการติดชาร์ตเพลงฮิตอันดับ 2 ในชาร์ตของโอริคอน
ลอสแอนเจลิส
300
311
462
1
ผู้แต่งหนังสือการ์ตูนเรื่องจอมโหดกระทะเหล็ก ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นช่วง พ.ศ. 2538 - พ.ศ. 2543 คือใคร
จอมโหดกระทะเหล็ก จอมโหดกระทะเหล็ก () เป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารจีน เขียนโดย ชินจิ ไซโจ โดยเคย์โกะ โอยามา เป็นผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นช่วง พ.ศ. 2538 - พ.ศ. 2543 ปัจจุบันมีการออกภาคต่อ ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "จอมโหดกระทะเหล็ก! สุดยอดกลยุทธ"เนื้อเรื่องตัวละครตัวละคร. - อากิยามะ จาง - อากิยามะ ไคอิจิโร่ - โกบังโจ คิริโกะ - โกบังโจ มิซึจู - โกบังโจ ยาอิจิ - โอโกโนงิ ทาคาโอะ - เซเรนุ ยังรายชื่อตอน
ชินจิ ไซโจ
199
209
463
1
ผู้ที่ให้ข้อมูลด้านอาหารและโภชนาการ กับชินจิ ไซโจ เพื่อเขียนการ์ตูนเรื่องจอมโหดกระทะเหล็ก คือใคร
จอมโหดกระทะเหล็ก จอมโหดกระทะเหล็ก () เป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำอาหาร โดยเฉพาะอาหารจีน เขียนโดย ชินจิ ไซโจ โดยเคย์โกะ โอยามา เป็นผู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ ตีพิมพ์ในประเทศญี่ปุ่นช่วง พ.ศ. 2538 - พ.ศ. 2543 ปัจจุบันมีการออกภาคต่อ ใช้ชื่อภาษาไทยว่า "จอมโหดกระทะเหล็ก! สุดยอดกลยุทธ"เนื้อเรื่องตัวละครตัวละคร. - อากิยามะ จาง - อากิยามะ ไคอิจิโร่ - โกบังโจ คิริโกะ - โกบังโจ มิซึจู - โกบังโจ ยาอิจิ - โอโกโนงิ ทาคาโอะ - เซเรนุ ยังรายชื่อตอน
เคย์โกะ โอยามา
213
227
464
1
เคียวโกะ ฮินะมิ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น แสดงภาพยนตร์ในปี 2016 มีชื่อเรื่องว่าอะไร
เคียวโกะ ฮินะมิ เคียวโกะ ฮินะมิ  เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 เป็นนักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่นผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - Hammer Session! (2010) - Rokudenashi Blues (2011) - Unofficial Sentai Akibaranger as Mitsuki Aoyagi/Akiba Blue (2012) - Unofficial Sentai Akibaranger: Season 2 as Mitsuki Aoyagi/Akiba Blue (2013, episode 1)ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - Vanished: Age 7 (2011) - Princess Sakura: Forbidden Pleasures (2013) - Shimauma (2016)
Shimauma
525
533
465
1
ลูกชายของ ฟุจิวะระ โนะ ทาคาชิ เคอิ มีชื่อว่าอะไร
ฟุจิวะระ โนะ อะกิซุเอะ ฟุจิวะระ โนะ อาคิสุอิ (ญ๊ปุ่น:藤原顕季) (ค.ศ. 1055 – 27 กันยายน ค.ศ. 1123) เป็นสมาชิกของตระกูลฟุจิวะระ และเป็นขุนนางในยุคเฮอัง เขาเป็นบุตรชายของ ฟุจิวะระ โนะ ทาคาชิ เคอิ (藤原隆経) อาคิอิสุ เป็นคนสนิทใน สมเด็จพระจักรพรรดิชิรากาวะ เพราะมารดาของเขาเป็น พระพี่เลี้ยงในพระจักรพรรดิ เขามีบุตรชายหนึ่งคนชื่อ ฟุจิวะระ โนะ อาคิสุเนะ ในสมัยของอาคิสุอิ อำนาจของตระกูลฟุจิวะระเริ่มอ่อนแอ อันเนื่องจากเกิดปัญหาในทางการเมือง
ฟุจิวะระ โนะ อาคิสุอิ
121
142
466
1
พ่อของฟุจิวะระ โนะ อาคิสุเนะ มีชื่อว่าอะไร
ฟุจิวะระ โนะ อะกิซุเอะ ฟุจิวะระ โนะ อาคิสุอิ (ญ๊ปุ่น:藤原顕季) (ค.ศ. 1055 – 27 กันยายน ค.ศ. 1123) เป็นสมาชิกของตระกูลฟุจิวะระ และเป็นขุนนางในยุคเฮอัง เขาเป็นบุตรชายของ ฟุจิวะระ โนะ ทาคาชิ เคอิ (藤原隆経) อาคิอิสุ เป็นคนสนิทใน สมเด็จพระจักรพรรดิชิรากาวะ เพราะมารดาของเขาเป็น พระพี่เลี้ยงในพระจักรพรรดิ เขามีบุตรชายหนึ่งคนชื่อ ฟุจิวะระ โนะ อาคิสุเนะ ในสมัยของอาคิสุอิ อำนาจของตระกูลฟุจิวะระเริ่มอ่อนแอ อันเนื่องจากเกิดปัญหาในทางการเมือง
ฟุจิวะระ โนะ ทาคาชิ เคอิ
262
286
467
1
ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล แพทย์เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโรคเลือด เป็นคนจังหวัดใด
สุรพล อิสรไกรศีล นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล แพทย์เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโรคเลือดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับของแพทย์ไทย และแพทย์ต่างชาติ และท่านยังเป็นราชบัณฑิตยสภาอีกด้วยประวัติ ประวัติ. ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรชายคนโตของนายกิมฮง และนางสมพร อิสรไกรศีล มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน สมรสกับรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรัตนา อิสรไกรศีล มีบุตรและธิดาทั้งหมด 3 คน คือ นางสาวฤชุตา อิสรไกรศีล, นางสาววิชญา อิสรไกรศีล และนายแพทย์ภคภณ อิสรไกรศีลการศึกษา การศึกษา. สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดอมรญาติสมาคม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเมธีชุณหะวัณวิทยาลัย อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และระดับปริญญาตรีที่คณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลเมื่อปี พ.ศ. 2515 และ 2517 ตามลำดับ จากนั้นจึงได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์ แพทยสภาในปี พ.ศ. 2521 ก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่ University of Ulm ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และได้รับประกาศนียบัตร ในสาขา Experimental Hematology เมื่อปี พ.ศ. 2525 ต่อมาจึงได้รับประกาศนียบัตรจาก Fred Hutchinson Cancer Research Center มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2529 และได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวเมื่อปี พ.ศ. 2528ประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 11 สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปลูกถ่ายไขกระดูกจุฬาภรณ์ , ผู้อำนวยการศูนย์โลหิตวิทยา โรงพยาบาลวัฒโนสถ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคเลือด โรงพยาบาลธนบุรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2543 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) - พ.ศ. 2551 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาแพทยศาสตร์รางวัลเกียรติคุณรางวัลเกียรติคุณ. - พ.ศ. 2535 ผลงานวิจัยดีเด่นทางคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล - พ.ศ. 2536 ผลงานวิจัยดีเยี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สภาวิจัยแห่งชาติ - พ.ศ. 2536 รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ เพื่อการแพทย์และสาธารณสุขไทย (ร่วมรับรางวัล) - พ.ศ. 2537 ศิษย์เก่าดีเด่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล - พ.ศ. 2538 ผลงานวิจัยดีเยี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สภาวิจัยแห่งชาติ (ร่วมรับรางวัล) - พ.ศ. 2538 รางวัลนักวิจัยอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) - พ.ศ. 2539 ศิษย์เก่าดีเด่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๓๙ - พ.ศ. 2541 รางวัลจาก National Heart, Lung and Blood Institute (NHLBI),National Institute of Health (NIH) สหรัฐอเมริกา ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ของ NHLBI - พ.ศ. 2548 เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย - พ.ศ. 2549 หัวหน้ากลุ่มวิจัยโครงการเครือข่ายกลยุทธ์เพื่อการผลิตและพัฒนาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา - พ.ศ. 2551 รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการวิจัยผลงานผลงาน. - ผู้ก่อตั้ง Asia Pacific Bone Marrow Transplantation, เมื่อปี พ.ศ. 2531 - ผู้ก่อตั้ง Asian Hematology Association- การค้นคว้าวิจัยเรื่องโรคโลหิตจางอะพลาสติกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2546 - ผลงานวิจัยเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกและการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด - การศึกษาวิจัยเรื่อง เซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์ต้นกำเนิดบำบัด (stem cell and stem cell ther
จังหวัดราชบุรี
376
390
468
1
ภรรยาของนายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล คือใคร
สุรพล อิสรไกรศีล นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล แพทย์เชี่ยวชาญด้านมะเร็งโรคเลือดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักและยอมรับของแพทย์ไทย และแพทย์ต่างชาติ และท่านยังเป็นราชบัณฑิตยสภาอีกด้วยประวัติ ประวัติ. ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2493 ที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เป็นบุตรชายคนโตของนายกิมฮง และนางสมพร อิสรไกรศีล มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน สมรสกับรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรัตนา อิสรไกรศีล มีบุตรและธิดาทั้งหมด 3 คน คือ นางสาวฤชุตา อิสรไกรศีล, นางสาววิชญา อิสรไกรศีล และนายแพทย์ภคภณ อิสรไกรศีลการศึกษา การศึกษา. สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดอมรญาติสมาคม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเมธีชุณหะวัณวิทยาลัย อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และระดับปริญญาตรีที่คณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลเมื่อปี พ.ศ. 2515 และ 2517 ตามลำดับ จากนั้นจึงได้รับวุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาอายุรศาสตร์ แพทยสภาในปี พ.ศ. 2521 ก่อนที่จะไปศึกษาต่อที่ University of Ulm ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และได้รับประกาศนียบัตร ในสาขา Experimental Hematology เมื่อปี พ.ศ. 2525 ต่อมาจึงได้รับประกาศนียบัตรจาก Fred Hutchinson Cancer Research Center มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2529 และได้รับการอนุมัติให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวเมื่อปี พ.ศ. 2528ประวัติการทำงาน ประวัติการทำงาน. นายแพทย์สุรพล อิสรไกรศีล ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ระดับ 11 สาขาวิชาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปลูกถ่ายไขกระดูกจุฬาภรณ์ , ผู้อำนวยการศูนย์โลหิตวิทยา โรงพยาบาลวัฒโนสถ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคเลือด โรงพยาบาลธนบุรีเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2543 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) - พ.ศ. 2540 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.) - พ.ศ. 2551 - เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา สาขาแพทยศาสตร์รางวัลเกียรติคุณรางวัลเกียรติคุณ. - พ.ศ. 2535 ผลงานวิจัยดีเด่นทางคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล - พ.ศ. 2536 ผลงานวิจัยดีเยี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สภาวิจัยแห่งชาติ - พ.ศ. 2536 รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล-บี บราวน์ เพื่อการแพทย์และสาธารณสุขไทย (ร่วมรับรางวัล) - พ.ศ. 2537 ศิษย์เก่าดีเด่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล - พ.ศ. 2538 ผลงานวิจัยดีเยี่ยม สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ สภาวิจัยแห่งชาติ (ร่วมรับรางวัล) - พ.ศ. 2538 รางวัลนักวิจัยอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) - พ.ศ. 2539 ศิษย์เก่าดีเด่น คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ๒๕๓๙ - พ.ศ. 2541 รางวัลจาก National Heart, Lung and Blood Institute (NHLBI),National Institute of Health (NIH) สหรัฐอเมริกา ในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี ของ NHLBI - พ.ศ. 2548 เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย - พ.ศ. 2549 หัวหน้ากลุ่มวิจัยโครงการเครือข่ายกลยุทธ์เพื่อการผลิตและพัฒนาอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา - พ.ศ. 2551 รางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการวิจัยผลงานผลงาน. - ผู้ก่อตั้ง Asia Pacific Bone Marrow Transplantation, เมื่อปี พ.ศ. 2531 - ผู้ก่อตั้ง Asian Hematology Association- การค้นคว้าวิจัยเรื่องโรคโลหิตจางอะพลาสติกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2546 - ผลงานวิจัยเรื่องการปลูกถ่ายไขกระดูกและการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด - การศึกษาวิจัยเรื่อง เซลล์ต้นกำเนิดและเซลล์ต้นกำเนิดบำบัด (stem cell and stem cell ther
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงรัตนา อิสรไกรศีล
469
508
469
1
พระมหากษัตริย์พระองค์ใดเป็นผู้สร้างพระราชวังดุสิต
ดุสิตธานี ดุสิตธานี เป็นเมืองจำลองรูปแบบระบอบประชาธิปไตย ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 บริเวณพระราชวังพญาไท ดุสิตธานีเป็นเมืองเล็ก ๆ มีเนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณรอบพระที่นั่งอุดร ในพระราชวังดุสิต มีลักษณะเป็นเมืองเล็ก ๆ คล้ายเมืองตุ๊กตา มีขนาดพื้นที่ 1 ใน 20 เท่าของเมืองจริง ประกอบด้วย พระราชวัง ศาลารัฐบาล วัดวาอาราม สถานที่ราชการ โรงทหาร โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาดร้านค้า ธนาคาร โรงละคร ประมาณเกือบสองร้อยหลัง เพื่อเป็นแบบทดลองของการปกครองระบอบประชาธิปไตย โดยโปรดให้มีพระธรรมนูญการปกครองลักษณะนัคราภิบาล ซึ่งเปรียบลักษณะของเมือง มีพรรคการเมือง 2 พรรค การเลืองตั้งนัคราภิบาล หรือนายกเทศมนตรี(ตำแหน่งนี้ปัจจุบันเปรียบได้กับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน) และมีสภาการเมือง(หรือรัฐสภาในปัจจุบัน)แบบระบอบประชาธิปไตย ต่อมาดุสิตธานีได้โตขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีที่จะสร้างบ้านเรือน พอดีกับเวลาที่จะสร้างพระราชฐานใหม่ที่พระราชวังพญาไทจึงได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองทั้งเมืองไปตั้งที่บริเวณพระราชวังพญาไท เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2462 ในจำนวนบ้านเล็ก ๆ นั้น มีศาลาว่าการมณฑลดุสิตธานี(ปัจจุบันเทียบเท่ากับศาลากลางจังหวัด)และมีนาคาศาลา(เทียบได้กับศาลากลางบ้านหรือศาลากลางชุมชน) ซึ่งมีความหมายว่า ศาลาของประชาชน เท่ากับว่าเป็นที่ตั้งสภาจังหวัด รัชกาลที่ 6 ทรงเป็นนาคาแห่งดุสิตธานีผู้หนึ่ง ทรงใช้พระนามแฝงว่า นายราม ณ กรุงเทพ ทรงเป็นทนายและทรงเป็นมรรคนายกวัดพระบรมธาตุ ทรงเป็นพระราชมุนี เจ้าอาวาสวัดธรรมธิปไตย และทรงแสดงพระธรรมเทศนาจริง ๆ ด้วย นอกจากนี้ทรงให้คำปรึกษาเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องที่ดินที่มาและประวัติ ที่มาและประวัติ. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเริ่มโครงการเมืองทดลอง หรือ เมืองตุ๊กตานี้ ตั้งแต่สมัยที่ดำรงตำแหน่งองค์มกุฎราชกุมาร ประมาณกลางปี พ.ศ. 2446 ได้สร้างเมืองมัง นับได้ว่าเป็นเมืองดุสิตธานี สมัยที่หนึ่ง ณ พระตำหนักอัมพวา โดยทำเป็นเมืองขนาดเล็กเรียกว่า เมืองตุ๊กตา และเมืองมัง ก็ยุติลง เมื่อพระองค์ทรงผนวช เมื่อปี พ.ศ. 2448 ต่อมาเมื่อพระองค์ได้เป็นผู้สำเร็จราชการในปี พ.ศ. 2450 จึงได้ทรงทดลองวิธีการปกครองบ้านเมืองแบบเมืองมัง อีกครั้งหนึ่ง โดยทรงสร้างเป็นเรือนแถวขึ้นตลอดแนวกำแพงที่กั้นพระตำหนักจิตรลดารโหฐานกับวังปารุสกวันเก่า โดยทรงสมมุติว่าเป็นหมู่บ้านและสมมุติให้มหาดเล็กเป็นเจ้าของบ้าน มีลักษณะการบริหารแบบนี้ว่า นคราภิบาล(ตำแหน่งนี้ปัจจุบันเปรียบได้กับตำแหน่งนายกเทศมนตรีในปัจจุบัน) นับได้ว่าเป็นดุสิติธานีสมัยที่ 2 ของสยามประเทศ ภายหลังการเถลิงถวัลยราชสมบัติเมื่อปี พ.ศ. 2453 ก็ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย จึงทำให้โครงการเมืองทดลองชะงักไปชั่วคราว จนในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 ก็ได้ทรงสร้างเมืองดุสิตธานีขึ้นต่ออีก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2461 ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ทวยนาครดุสิตธานีมาประชุม เพื่อการเลือกตั้งให้ถูกต้องตามพระธรรมนูญในคราวนี้ พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) ได้รับเลือกเป็นนคราภิบาลอย่างถูกต้องเป็นคนแรก และป็นการเลือกเป็นครั้งที่สองข้อวิพากษ์วิจารณ์ ข้อวิพากษ์วิจารณ์. นอกจากนี้ในเมืองดุสิตธานีมีการออกหนังสือพิมพ์วิพากษ์วิจารณ์ และเสนอข่าวในเมืองจำลอง เพื่อเพียรพยายามปลูกฝังหัดการปกครองระบอบรัฐสภา กระนั้นก็ตามมีผู้วิจารณ์ว่า การสร้างเมืองจำลองดุสิตธานี เป็นการละเล่นอย่างหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เหมือนกับทรงเล่นละครเรื่องอื่น พระองค์ทรงหาได้ตั้งใจที่จะก่อตั้งรูปการปกครองแบบประชาธิปไตยที่จะก่อตั้งรูปแบบการปกครองประชาธิปไตยอย่างจริงจังหรือไม่ สถานการณ์ช่วงนั้น นับวันผู้ที่มีความรู้เพิ่มมากขึ้นอยู่ตลอดเวลาหลายคนมีความเห็นและให้ทัศนะไปในทางเดียวกันว่า การปกครองระบอบราชาธิปไตย ที่องค์พระมหากษัตริย์ใช้ในทางนิติบัญญัติ ใช้ในทางบัญญัติ ใช้ในทางบริหารและใช้ในทางตุลาการแต่พระองค์เองนั้น เป็นการพ้นสมัยเสียแล้ว ไม่อาจพารัฐก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็นไป โดยกลุ่มคนยุคใหม่(ในสมัยนั้น) ได้ยกตัวอย่างเช่น อังกฤษ ในสมัยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ประเทศฝรั่งเศสได้เกิดการปฏิวัติใหญ่ เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ราชาธิราช ในปี ค.ศ. 1689เป็นต้น แม้แต่ในประเทศญี่ปุ่นที่อยู่ในเอเชียด้วยกันก็ยังมีการเปลี่ยนแปลง
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
143
179
470
1
เมืองหลวงของประเทศเซเนกัลมีชื่อว่าอะไร
ดาการ์ ดาการ์ () เป็นเมืองหลวงของประเทศเซเนกัล ตั้งอยู่บริเวณแหลมกัปแวร์ ทางชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศ ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเซเนกัล ตำแหน่งของเมืองอยู่ทางปลายทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกา (ถือเป็นเมืองตะวันตกของแอฟริกา) ซึ่งเป็นจุดค้าขายของแถบมหาสมุทรแอตแลนติกและยุโรป และเป็นเมืองท่าสำคัญของละแวกนี้ จากข้อมูลเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 เมืองดาการ์มีประชากรอยู่ที่ 1,030,594 คน ที่ในย่านผู้อาศัยแถบเมืองดาการ์ตกราว 2.45 ล้านคน ดาการ์ยังเป็นศูนย์กลางการบริหาร เป็นที่ตั้งของสภาแห่งชาติเซเนกัล
ดาการ์
89
95
471
1
สภาแห่งชาติเซเนกัล ตั้งอยู่ที่เมืองอะไร
ดาการ์ ดาการ์ () เป็นเมืองหลวงของประเทศเซเนกัล ตั้งอยู่บริเวณแหลมกัปแวร์ ทางชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกของประเทศ ถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของเซเนกัล ตำแหน่งของเมืองอยู่ทางปลายทิศตะวันตกของทวีปแอฟริกา (ถือเป็นเมืองตะวันตกของแอฟริกา) ซึ่งเป็นจุดค้าขายของแถบมหาสมุทรแอตแลนติกและยุโรป และเป็นเมืองท่าสำคัญของละแวกนี้ จากข้อมูลเดือนธันวาคม ค.ศ. 2008 เมืองดาการ์มีประชากรอยู่ที่ 1,030,594 คน ที่ในย่านผู้อาศัยแถบเมืองดาการ์ตกราว 2.45 ล้านคน ดาการ์ยังเป็นศูนย์กลางการบริหาร เป็นที่ตั้งของสภาแห่งชาติเซเนกัล
เมืองดาการ์
485
496
472
1
นิทานคำกลอนจักรๆ วงศ์ๆ เรื่อง ลักษณวงศ์ ผู้ประพันธ์คือใคร
ลักษณวงศ์ ลักษณวงศ์ เป็นนิทานคำกลอน เรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ประพันธ์โดย สุนทรภู่ สันนิษฐานว่ามีสำนวนของผู้อื่นแต่งเติม สำนวนกลอนบางตอนคล้ายกับดัดแปลงมาจากเรื่อง โคบุตรเรื่องย่อ เรื่องย่อ. ท้าวพรหมทัต มีมเหสี ชื่อ สุวรรณอำภา และมีพระราชโอรส ชื่อ ลักษณวงศ์ ทรงพามเหสีพร้อมด้วยพระราชโอรสเสด็จประพาสป่า ได้พบนางยักษ์แปลงเป็นสาวสวยทำเล่ห์กลจนท้าวพรหมทัตลุ่มหลง ต่อมาจึงสั่ง ประหาร มเหสี และพระโอรส แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยไป นางสุวรรณอำภาถูกพระยายักษ์พาตัวไป ฤๅษีนำลักษณวงศ์ไปเลี้ยงคู่กับนางทิพย์เกสร เมื่อโตขึ้นเรียนวิชาจนสำเร็จและได้นางทิพย์เกสรเป็นชายา ได้ฝากนางไว้กับฤๅษี ออกตามหามารดาจนพบและ กู้บ้านเมืองได้ และได้นางยี่สุ่น เป็นชายา นางทิพย์เกสรปลอมเป็นพราหมณ์ติดตามมาพบพระลักษณวงศ์ ด้วยความน้อยใจ จึงไม่แสดงตนให้พระลักษณวงศ์รู้ นางยี่สุ่นริษยาที่สามี ใส่ใจพราหมณ์มากจึงวางอุบาย กำจัดพราหมณ์เกสร ในที่สุดพราหมณ์ถูกประหาร ร่างของนางจึงกายเป็นหญิง ลักษณวงศ์เสียใจมากต่อมา พระลักษณวงศ์ได้นำโอรสน้อยไปเลี้ยงดู ตั้งชื่อให้ว่า เกสรสุริยวงศ์ จนถึงวันเผาศพนางทิพเกสร วิญญาณของ ฤๅษีมหาเมฆ พระอาจารย์ของพระลักษณวงศ์และนางทิพเกสรได้ลงมาเปิดโกศนำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น นางจันทรังสี เมื่อพระลักษณวงศ์พบว่า ศพของนางทิพเกสรหายไป ก็ให้โหราจารย์ทำนายดู โหราจารย์ก็ทำนายว่า มีผู้นำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิต ทำให้พระลักษณวงศ์ดีใจมาก และคิดจะออกไปตามหานางทิพเกสรเมื่อเกสรสุริยวงศ์โตแล้ว ซึ่งกว่าจะตามหานางทิพเกสรพบก็ผ่านเรื่องราวอีกมากมาย จนเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข
สุนทรภู่
153
161
473
1
พระราชบิดาของลักษณวงศ์ ในนิทานคำกลอนที่แต่งโดยสุนทรภู่ มีพระนามว่าอะไร
ลักษณวงศ์ ลักษณวงศ์ เป็นนิทานคำกลอน เรื่องจักร ๆ วงศ์ ๆ ประพันธ์โดย สุนทรภู่ สันนิษฐานว่ามีสำนวนของผู้อื่นแต่งเติม สำนวนกลอนบางตอนคล้ายกับดัดแปลงมาจากเรื่อง โคบุตรเรื่องย่อ เรื่องย่อ. ท้าวพรหมทัต มีมเหสี ชื่อ สุวรรณอำภา และมีพระราชโอรส ชื่อ ลักษณวงศ์ ทรงพามเหสีพร้อมด้วยพระราชโอรสเสด็จประพาสป่า ได้พบนางยักษ์แปลงเป็นสาวสวยทำเล่ห์กลจนท้าวพรหมทัตลุ่มหลง ต่อมาจึงสั่ง ประหาร มเหสี และพระโอรส แต่เพชฌฆาตสงสารจึงปล่อยไป นางสุวรรณอำภาถูกพระยายักษ์พาตัวไป ฤๅษีนำลักษณวงศ์ไปเลี้ยงคู่กับนางทิพย์เกสร เมื่อโตขึ้นเรียนวิชาจนสำเร็จและได้นางทิพย์เกสรเป็นชายา ได้ฝากนางไว้กับฤๅษี ออกตามหามารดาจนพบและ กู้บ้านเมืองได้ และได้นางยี่สุ่น เป็นชายา นางทิพย์เกสรปลอมเป็นพราหมณ์ติดตามมาพบพระลักษณวงศ์ ด้วยความน้อยใจ จึงไม่แสดงตนให้พระลักษณวงศ์รู้ นางยี่สุ่นริษยาที่สามี ใส่ใจพราหมณ์มากจึงวางอุบาย กำจัดพราหมณ์เกสร ในที่สุดพราหมณ์ถูกประหาร ร่างของนางจึงกายเป็นหญิง ลักษณวงศ์เสียใจมากต่อมา พระลักษณวงศ์ได้นำโอรสน้อยไปเลี้ยงดู ตั้งชื่อให้ว่า เกสรสุริยวงศ์ จนถึงวันเผาศพนางทิพเกสร วิญญาณของ ฤๅษีมหาเมฆ พระอาจารย์ของพระลักษณวงศ์และนางทิพเกสรได้ลงมาเปิดโกศนำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น นางจันทรังสี เมื่อพระลักษณวงศ์พบว่า ศพของนางทิพเกสรหายไป ก็ให้โหราจารย์ทำนายดู โหราจารย์ก็ทำนายว่า มีผู้นำศพของนางทิพเกสรไปทำพิธีชุบชีวิต ทำให้พระลักษณวงศ์ดีใจมาก และคิดจะออกไปตามหานางทิพเกสรเมื่อเกสรสุริยวงศ์โตแล้ว ซึ่งกว่าจะตามหานางทิพเกสรพบก็ผ่านเรื่องราวอีกมากมาย จนเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข
ท้าวพรหมทัต
269
280
474
1
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่รองศาสตราจารย์โคทม อารียา ได้จัดอยู่ในชั้นอะไร
โคทม อารียา รองศาสตราจารย์ โคทม อารียา เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2486 เป็นอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต. 2540-2544) ฝ่ายการมีส่วนร่วมของประชาชน และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2549 ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล จบการศึกษา DIPLÔME INGÉNIEUR ÉCOLE SUPÉRIEURE D’ÉLECTRICITÉ, FRANCE Dr.Ing. มหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส เคยเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประธานสภาคณาจารย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี พ.ศ. 2521-2522 ในเหตุการณ์การประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงล่าสุด รองศาสตราจารย์ ดร.โคทม อารียา ผอ. ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เรียกร้องให้เขตวัดปทุมวนารามเป็นเขตอภัยทาน จนเป็นข่าวในแวดวงสังคมไทยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์. - พ.ศ. 2541 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
895
928
475
1
ในปี ค.ศ. 2014 นักร้องสาวชาวอเมริกันที่ร้องเพลง เชกอิตออฟ คือใคร
เชกอิตออฟ (เพลงเทย์เลอร์ สวิฟต์) "เชกอิตออฟ" () เป็นเพลงของนักร้องอเมริกัน เทย์เลอร์ สวิฟต์ จากสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ห้า 1989 (ค.ศ. 2014) เพลงเขียนโดยสวิฟต์, แมกซ์ มาร์ติน และเชลล์แบ็ก เป็นเพลงแนวอัปเทมโปป็อป ไม่ได้เป็นแนวคันทรีป็อปอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ "เชกอิตออฟ" เป็นเพลงลำดับที่หกในอัลบั้มและเป็นซิงเกิลนำของอัลบั้ม เพลงออกอากาศครั้งแรกในรายการสดรายการหนึ่งของยาฮู! เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2014 มิวสิกวิดีโอออกอากาศในวันเดียวกัน หลังจากนั้นหลายชั่วโมง "เชกอิตออฟ" ออกให้ดาวน์โหลด "เชกอิตออฟ" ได้รับคำชมเป็นส่วนใหญ่จากนักวิจารณ์เพลงที่ยกย่องแนวดนตรีของเพลง ขณะเดียวกัน มิวสิกวิดีโอได้รับคำวิจารณ์แบบคละกัน "เชกอิตออฟ" เปิดตัวที่อันดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ดฮอต 100 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 2014 กลายเป็นซิงเกิลที่สองของสวิฟต์ที่ขึ้นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และเป็นเพลงลำดับที่ 22 ในประวัติศาสตร์ที่เปิดตัวที่อันดับหนึ่งบนชาร์ตดังกล่าว เพลงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลพีเพิลส์ช้อยส์อะวอดส์ 2015 สาขาเพลงยอดเยี่ยม และได้เข้าชิงรางวัลสาขาบันทึกเสียงแห่งปี เพลงแห่งปี และการแสดงเดี่ยวป็อปยอดเยี่ยม ในงานประกาศรางวัลแกรมมี่ 2015 ด้วย
เทย์เลอร์ สวิฟต์
183
199
476
1
นักแสดงหญิงชาวอินเดีย มีชื่อเสียงโด่งดังจากบท พระนางคานธารี มีชื่อว่าอะไร
ริยา ทิปสี ริยา ทิปสี () เป็นนักแสดงสาวชาวอินเดีย มีชื่อเสียงโด่งดังจากบท พระนางคานธารี จากซีรีส์เรื่อง มหาภารตะ และบทบาท เจ้าหญิงบาร์ซิน บุตรสาวของ พระเจ้าดาไรอัสที่ 3 ในซีรีส์เรื่อง ศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์ (โปรุส ศึกสองราชันย์)ผลงานละครโทรทัศน์
ริยา ทิปสี
97
107
477
1
ริยา ทิปสี รับบทบาทเป็นเจ้าหญิงบาร์ซิน ในซีรีส์เรื่องอะไร
ริยา ทิปสี ริยา ทิปสี () เป็นนักแสดงสาวชาวอินเดีย มีชื่อเสียงโด่งดังจากบท พระนางคานธารี จากซีรีส์เรื่อง มหาภารตะ และบทบาท เจ้าหญิงบาร์ซิน บุตรสาวของ พระเจ้าดาไรอัสที่ 3 ในซีรีส์เรื่อง ศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์ (โปรุส ศึกสองราชันย์)ผลงานละครโทรทัศน์
ศึกสองราชันย์ โปรุส VS อเล็กซานเดอร์
270
306
478
1
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ใช้ชื่อย่อว่าอะไร
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อังกฤษ: Prince of Songkla University; อักษรย่อ: ม.อ.) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ของประเทศไทย ตาม พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 จึงถือว่าวันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสงขลานครินทร์ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552 ในระยะแรกของการก่อตั้ง ได้รับนักศึกษาเข้าศึกษาครั้งแรกในคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยมหิดล) เป็นสถานที่ศึกษา และปีต่อมา พ.ศ. 2511 ก็เริ่มย้ายนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มาเรียนที่จังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. 2514 ย้ายนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเรียนที่ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาเขตที่ใหญ่ที่สุด พ.ศ. 2520 เปิดวิทยาเขตภูเก็ต พ.ศ. 2533 เปิดวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และ พ.ศ. 2534 เปิดวิทยาเขตตรังประวัติ ประวัติ. เมื่อปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มต้นจากการจัดตั้ง "วิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์" เพื่อรอการพัฒนาขึ้นเป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2508 คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติหลักการในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภาคใต้ขึ้นที่ ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยจะใช้เป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "มหาวิทยาลัยภาคใต้" ซึ่งมีสำนักงานชั่วคราวของมหาวิทยาลัยอยู่ที่อาคารคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (อาคารคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน) หลังจากนั้น คณะกรรมการพัฒนาภาคใต้ โดย พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานชื่อให้แก่มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ตามพระนามทรงกรมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงถือว่าวันที่ 22 กันยายน ของทุกปีเป็น "วันสงขลานครินทร์" ในปี พ.ศ. 2510 มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีก่อสร้างเสร็จในบางส่วนแล้วนั้น ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข และคณะ ได้เดินทางไปตรวจการก่อสร้าง พบว่า บริเวณดังกล่าวไม่เหมาะสมสำหรับเป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดังนั้น จึงมีความเห็นว่า มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีนั้นควรใช้เป็นอาคารของคณะศึกษาศาสตร์ และคณะทางศิลปศาสตร์ และได้ย้ายคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปตั้งที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ต่อมา วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขึ้น มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น "วันสถาปนามหาวิทยาลัย" ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2559 ซึ่งมีสาระสำคัญคือได้ยกเลิก พ.ร.บ. ฉบับปี พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2541 และได้กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาคือวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยได้เปิดคณะวิชาต่าง ๆ 25 คณะ โดยเปิดสอนสาขาวิชาการต่าง ๆ จำนวน 236 สาขา เป็นการศึกษาระดับปริญญาเอกและเทียบเท่า 20 สาขา หลักสูตรฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง 9 สาขา ปริญญาโท 86 สาขา ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 สาขา และปริญญาตรี (4-6 ปี) 121 สาขาสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย. - ชื่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย สงขลานครินทร์ คือ พระนามฐานันดรศักดิ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ดำรงพระนามอิสริยยศฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้ากรม โดยพระราชทานชื่อ เมืองสงขลา เป็นพระนามทรงกรม เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองสงขลา เมื่อ พ.ศ. 2446 เสมือนเป็นเจ้าแห่งนครสงขลา - ตราประจำสถาบัน ได้แก่ อักษร ม.อ. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฏ และ จักรกับตรีศูล- พระมหาพิชัยมงกุฏ คือ ศิราภรณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญแสดงว่าเป็นพระมหากษัตริย์ - จักรกับตรีศูล คือ ตราเครื่องหมายประจำราชวงศ์จักรี - ม.อ. คือ อักษรย่อมาจากพระนาม "มหิดลอดุลเดช" อันเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก - ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกศรีตรัง - สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงินอธิการบดี อธิการบดี. นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีอธิการบดีมาแล้ว 12 คน ดังรายนามต่อไปนี้ หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เป็นคำนำหน้านามในขณะดำรงตำแหน่งวิทยาเขต วิทยาเขต. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่ภาคใต้ ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยจึงมีเจตนาที่จะเป็นมหาวิทยาลัยหลายวิทยาเขต ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตปัตตานี, วิทยาเขตหาดใหญ่, วิทยาเขตภูเก็ต, วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี, และวิทยาเขตตรังวิทยาเขตปัตตานีวิทยาเขตปัตตานี. - บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาเขตปัตตานี - คณะศึกษาศาสตร์ - คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - วิทยาลัยอิสลามศึกษา- คณะศิลปกรรมศาสตร์ - คณะวิทยาการสื่อสาร - คณะรัฐศาสตร์ - คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาเขตปัตตานีวิทยาเขตหาดใหญ่วิทยาเขตหาดใหญ่. - คณะวิศวกรรมศาสตร์ - คณะวิทยาศาสตร์ - คณะแพทยศาสตร์ - คณะทันตแพทยศาสตร์ - คณะการแพทย์แผนไทย - คณะเภสัชศาสตร์ - คณะเทคนิคการแพทย์ - คณะพยาบาลศาสตร์ - คณะอุตสาหกรรมเกษตร - คณะทรัพยากรธรรมชาติ - คณะวิทยาการจัดการ- คณะนิติศาสตร์ - คณะศิลปศาสตร์ - คณะเศรษฐศาสตร์ - คณะสัตวแพทยศาสตร์ - คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม - วิทยาลัยนานาชาติ - บัณฑิตวิทยาลัย - สถาบันสันติศึกษา - สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้ - สถาบันทรัพยากรทะเลและชายฝั่งวิทยาเขตภูเก็ตวิทยาเขตภูเก็ต. - คณะการบริการและการท่องเที่ยว - คณะวิเทศศึกษา - ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ - บัณฑิตวิทยาลัยสหวิทยาการวิทยาศาสตร์ระบบโลกและการจัดการภัยธรรมชาติอันดามัน- คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม - วิทยาลัยชุมชนภูเก็ต - วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี. - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม - คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ- วิทยาลัยชุมชนสุราษฎร์ธานีวิทยาเขตตรังวิทยาเขตตรัง. - คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ - คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์- วิทยาลัยนวัตกรรมการแสดงและการจัดการสถาบันสมทบ สถาบันสมทบ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เข้าสมทบในมหาวิทยาลัย ดังนี้- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานีสถาบันเรียนร่วม สถาบันเรียนร่วม. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับนักศึกษาแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) ชั้นปีที่ 2-3 มาเรียนในรายวิชาปรีคลินิก เช่น ชีวเคมีการแพทย์พื้นฐาน มหกายวิภาคศาสตร์ จุลกายวิภาคศาสตร์ คัพภวิทยา ประสาทกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยาทางการแพทย์ จุลชีววิทยาทางการแพทย์และวิทยาอิมมูน ปรสิตวิทยาทางการแพทย์ เภสัชวิทยาการแพทย์ พยาธิวิทยากายวิภาค พยาธิวิทยาคลินิก และเวชพันธุศาสตร์ โดยมีคณาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอาจารย์รับเชิญพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียนการสอนเครือข่ายวิจัย เครือข่ายวิจัย. สาขาความเป็นเลิศ/สถานวิจัยความเป็นเลิศ/สถานวิจัย/หน่วยวิจัยที่ได้รับ- สาขาความเป็นเลิศ (Discipline of Excellence ; DoE)- ชีวเคมี (ปี 44-53) - อุตสาหกรรมเกษตร (สิ้นสุดโครงการปี 49) - อิสลามศึกษา (สิ้นสุดโครงการปี 49) - ระบาดวิทยา (ปี 47-56) - วิศวกรรมเคมี (ก.ค.52-ก.ค.57) - โครงการสู่ความเป็นเลิศสาขาเภสัชศาสตร์ ระยะ 2 - สถานวิจัยความเป็นเลิศ (Center of Excellence;CoE)- สถานวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย (ปี49- 53) Centre for Biopersity of Peninsular Thailand - ศูนย์เครือข่ายความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีภาคใต้ (สิ้นสุดโครงการปี 54) NANOTEC Center of Excellence at PSU - สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยียางพารา (พ.ย.50-พ.ย.55) Center of Excellence in Natural Rubber Technology - สถานวิจัยความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ ระยะที่2 (ส.ค.57-.ส.ค.62) Center of Excellence in Agricultural and Natural Resources Biotechnology please II - สถานวิจัยความเป็นเลิศระบบนำส่งยา (ก.พ.52-ก.พ.57) Drug Delivery System Excellence Center - สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีเพื่อการพลังงาน Center of Excellence in Nanotechnology for Energy (CENE) - สถานวิจัย (Research Center ; RC) - หน่วยวิจัย (Research Unit; RU)การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อ การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อ. โดยวิธีรับตรงจากนักเรียนที่กำลังศึกษาในโรงเรียน 14 จังหวัดภาคใต้ โครงการรับตรงต่าง ๆ ที่เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย และร่วมสอบคัดเลือกกับสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย โดยสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ งานรับนักศึกษา สังกัดกองทะเบียนและประมวลผล ที่เว็บไซต์ http://www.entrance.psu.ac.th/อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัยการประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัย อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย. การประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัย. ในปี พ.ศ. 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยใน "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย" โดยในภาพรวมผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยกลุ่มดัชนีชี้วัดด้านการวิจัยและกลุ่มดัชนีชี้วัดตามด้านการเรียนการสอน ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอยู่ในกลุ่มที่ 3 ในด้านการเรียนการและด้านการวิจัยของประเทศไทยได้คะแนนร้อยละ 65-69 จากคะแนนเต็ม 100% ส่วนการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการโดย สกว. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยครั้งที่ 3 ในปีพ.ศ. 2554 พบว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการประเมินในระดับ 5 หรือในระดับดีเยี่ยมในกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร และสัตวแพทยศาสตร์ (วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และระดับ 4 หรือในระดับดีในกลุ่มสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรม คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี , ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร และสัตวแพทยศาสตร์ (Plant and Soil Science) ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ (อายุรศาสตร์) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ ชีวเวชศาสตร์ พยาธิวิทยา หน่วยระบาดวิทยา รังสีวิทยา เวชศาสตร์ฉุกเฉิน และสถาบันโรคระบบทางเดินอาหารและตับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (เภสัชศาสตร์) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อันดับมหาวิทยาลัย อันดับมหาวิทยาลัย. นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน ได้แก่การจัดอันดับโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies การจัดอันดับโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies หรือ CWTS Leiden University ประจำปี 2016 ของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารที่ปรากฏชื่ออยู่ในฐานข้อมูล Web of Science database มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 5 ของประเทศไทย และอันดับที่ 822 ของโลกการจัดอันดับโดย Center for World University Rankings การจัดอันดับโดย Center for World University Rankings. การจัดอันดับโดย Center for World University Rankings หรือ CWUR ที่มีเกณฑ์การจัดอันดับคือ คุณภาพงานวิจัย ศิษย์เก่าที่จบไป คุณภาพการศึกษา คุณภาพของอาจารย์ และภาควิชาต่าง ๆ ประจำปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่ติดอันดับการจัดอันดับโดย Quacquarelli Symonds การจัดอันดับโดย Quacquarelli Symonds. แควกเควเรลลี ไซมอนด์ส หรือ QS จัดอันดับมหาวิทยาลัยในสองส่วน คือ การจัดอันดับเป็นระดับโลก(QS World University Rankings) และระดับทวีปเอเชีย(QS University Rankings: Asia) มีระเบียบวิธีจัดอันดับ ดังนี้ QS World1. ชื่อเสียงทางวิชาการ จากการสำรวจมหาวิทยาลัยทั่วโลก ผลของการสำรวจคัดกรองจาก สาขาที่ได้รับการตอบรับว่ามีความเป็นเลิศโดยมหาวิทยาลัยสามารถส่งสาขาให้ได้รับการคัดเลือกตั้งแต่ 2 สาขาขึ้นไป โดยจะมีผู้เลือกตอบรับเพียงหนึ่งสาขาจากที่มหาวิทยาลัยเลือกมา 2. การสำรวจผู้ว่าจ้าง เป็นการสำรวจในลักษณะคล้ายกับในด้านชื่อเสียงทางวิชาการแต่จะไม่แบ่งเป็นคณะหรือสาขาวิชา โดยนายจ้างจะได้รับการถามให้ระบุ 10 สถาบันภายในประเทศ และ 30 สถาบันต่างประเทศที่จะเลือกรับลูกจ้างที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันนั้น ๆ รวมถึงคุณสมบัติสำคัญที่ต้องการ 2 ข้อ 3. งานวิจัยที่อ้างต่อ 1 ชิ้นรายงาน โดยข้อมูลที่อ้างอิงจะนำมาจาก Scopus ในระยะ 5 ปี 4. H-index ซึ่งคือการชี้วัดจากทั้งผลผลิต และ อิทธิพลจากการตีพิมพ์ผลงานทั้งจากนักวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 5 ของประเทศไทย และอยู่ช่วงอันดับที่ 701+ ของโลก น้ำหนักการชี้วัด การแบ่งคะแนนจะต่างกันในแต่ละสาขาวิชา เช่น ทางด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นสาขาที่มีอัตราการเผยแพร่งานวิจัยสูง การวัดการอ้างอิงและh-index ก็จะคิดเป็น 25 เปอร์เซนต์ สำหรับแต่ละมหาวิทยาลัย ในทางกลับกันสาขาที่มีการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่น้อยกว่า เช่น สาขาประวัติศาสตร์ จะคิดเป็นร้อยละที่ต่ำกว่าคือ 15 เปอร์เซนต์ จากคะแนนทั้งหมด ในขณะเดียวกันสาขาศิลปะและการออกแบบ ซึ่งมีผลงานตีพิมพ์น้อยก็จะใช้วิธีการวัดจากผู้ว่าจ้างและการสำรวจด้านวิชาการ QS Asia1. ชื่อเสียงทางวิชาการ (30 เปอร์เซนต์) เป้าหมายของตัวชี้วัดนี้เพื่อจะบอกว่ามหาวิทยาลัยใดมีชื่อเสียงในในระดับนานาชาติ 2. การสำรวจผู้จ้างงาน (20 เปอร์เซนต์) 3. อัตราส่วนของคณะต่อนักศึกษา (15 เปอร์เซนต์) วัดจากอัตราส่วนของบุคลากรทางการศึกษาต่อจำนวนนักศึกษา และการติดต่อและให้การสนับสนุนของบุคลากรที่มีต่อนักศึกษา 4. การอ้างอิงในรายงาน (10 เปอร์เซนต์) และผลงานของคณะ (10 เปอร์เซนต์) เป็นการรวมทั้งงานที่อ้างอิงใน scopusและ การตีพิมพ์ผลงานโดยคณะนั้นๆเอง 5. บุคลากรระดับดุษฎีบัณฑิต (5 เปอร์เซนต์) 6. สัดส่วนคณะที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ (2.5 เปอร์เซนต์) และนักศึกษาต่างชาติ (2.5 เปอร์เซนต์) 7. สัดส่วนของรับนักศึกษาและเปลี่ยนที่เข้ามาศึกษา (2.5 เปอร์เซนต์) และการส่งนักศึกษาออกไปแลกเปลี่ยน (2.5 เปอร์เซนต์) โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 8 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 185 ของเอเชียการจัดอันดับโดย Round University Rankings การจัดอันดับโดย Round University Rankings. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก Round University Rankings 2016 โดย RUR Rankings Agency ของประเทศรัสเซีย เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก (a ranking of leading world universities) ในปี ค.ศ. 2016 มีเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับโดยการพิจารณาตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยในระดับสากล 4 ด้าน 20 ตัวชี้วัด คือด้านการสอน (Teaching) 5 ตัวชี้วัด คิดเป็น 40% การวิจัย (Research) 5 ตัวชี้วัด 40% ด้านความเป็นนานาชาติ (International Diversity) 5 ตัวชี้วัด 10% และด้านความยั่งยืนทางการเงิน (Financial Sustainability) 5 ตัวชี้วัด 10% มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของประเทศไทย และอันดับที่ 618 ของโลกการจัดอันดับโดย SCImago Institutions Ranking การจัดอันดับโดย SCImago Institutions Ranking. อันดับมหาวิทยาลัยโดย SCImago Institutions Ranking หรือ SIR ซึ่งเป็นการจัดอันดับสถาบันที่มีผลงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งจะไม่ใด้นับเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่จะนับสถาบันเฉพาะทางด้วย เช่น สถาบันเทคโนโลยี วิทยาลัย โรงพยาบาล ในปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 552 ของโลก และเป็นอันดับ 7 ของประเทศไทยการจัดอันดับโดย The Times Higher Education การจัดอันดับโดย The Times Higher Education. The Times Higher Education หรือ THE มีระเบียบวิธีการจัดอันดับโดยแบ่งตัวชี้วัดเป็น 5 ประการ วัดคะแนนเป็นเปอร์เซนต์ การสอน (บรรยากาศการเรียน) คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ประกอบไปด้วย การสำรวจชื่อเสียงทางวิชาการ 15 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนของจำนวนบุคลากรต่อนักศึกษา 4.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนผู้สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตต่อบัณฑิต 2.25 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนบุคลากรระดับดุษฎีบัณฑิต 6 เปอร์เซนต์ รายรับของมหาวิทยาลัย 2.25 เปอร์เซนต์ การวิจัย (ปริมาณ รายรับ และชื่อเสียง) 30 เปอร์เซนต์ ประกอบไปด้วย สำรวจความมีชื่อเสียงทุกปี โดย Academic Reputation Survey 18 เปอร์เซนต์ รายรับจากงานวิจัย 6 เปอร์เซนต์ ปริมาณงานวิจัย 6 เปอร์เซนต์ การอ้างอิง อิทธิพลของงานวิจัย 30 เปอร์เซนต์ ทัศนะจากนานาชาติ (บุคลากร นักศึกษาและงานวิจัย) 7.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนนักศึกษาต่างชาติต่อนักศึกษาในประเทศ 2.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนบุคลากรต่างชาติต่อในประเทศ 2.5 เปอร์เซนต์ ความร่วมมือระดับนานาชาติ 2.5 เปอร์เซนต์ การส่งต่อความรู้ 2.5เปอร์เซนต์ การที่มหาวิทยาลัยมีนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่นำไปใช้ต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย และอันดับที่ 801+ ของโลกการจัดอันดับโดย University Ranking by Academic Performance การจัดอันดับโดย University Ranking by Academic Performance. อันดับที่จัดโดย University Ranking by Academic Performance หรือ URAP ปี พ.ศ. 2558 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย และอันดับ 904 ของโลก โดยมีพื้นฐานทางด้านวิชาการตรงตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คุณภาพและปริมาณของบทความตีพิมพ์ทางวิชาการ บทความวิจัย การเผยแพร่ และการอ้างอิงการจัดอันดับโดย U.S. News & World Report การจัดอันดับโดย U.S. News & World Report. U.S. News & World Report นิตยสารการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกล่าสุด “Best Global Universities Rankings 2017” จากการสำรวจมหาวิทยาลัย 60 ประเทศทั่วโลก และมีเกณฑ์จัดอันดับหลายด้าน เช่น ชื่อเสียงการวิจัยในระดับโลก และระดับภูมิภาค สื่อสิ่งพิมพ์ การถูกนำไปอ้างอิง ความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวนบุคลากรระดับปริญญาเอก เป็นต้น โดยมีมหาวิทยาลัยของไทยติดอันดับ 6 แห่ง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และอันดับที่ 933 ของโลกอันดับมหาวิทยาลัยด้านอื่นๆการจัดอันดับโดย Webometrics อันดับมหาวิทยาลัยด้านอื่นๆ. การจัดอันดับโดย Webometrics. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของเว็บโอเมตริกซ์ ประจำปี พ.ศ. 2559 จัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก อันดับ Webometrics จะบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ของสถาบัน โดยพิจารณาจากจำนวน Link ที่เชื่อมโยงเข้าสู่เว็บนั้น ๆ จากเว็บภายนอกโดยวัดจากการสืบค้นด้วยSearch Engine และนับจำนวนเอกสารตีพิมพ์ออนไลน์ในกลุ่มของไฟล์ .pdf .ps .ppt และ .doc และจำนวนเอกสารที่มีการอ้างอิง (Citation) แบบออนไลน์ผ่านกูเกิลสกอลาร์ (Google Scholar) โดยจะจัดอันดับปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ เดือนมกราคม และ เดือนกรกฎาคม โดยล่าสุดการจัดอันดับรอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 7 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 834 ของโลกการจัดอันดับสอบแข่งขันตำแหน่งครูผู้ช่วย การจัดอันดับสอบแข่งขันตำแหน่งครูผู้ช่วย. ข้อมูลจากการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2560 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่า 10 อันดับสูงสุดของสถาบันการศึกษาที่ผลิตครู ที่มีนักศึกษาสอบผ่านเกณฑ์และขึ้นบัญชีในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู อันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มากที่สุด จำนวน 1,320 คน รองลงมาคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จำนวน 1,247 คน และมหาวิทยาลัยทักษิณ จำนวน 1,189 คน ตามลำดับวันสำคัญวันสถาปนามหาวิทยาลัย วันสำคัญ. วันสถาปนามหาวิทยาลัย. วันที่ 12 มีนาคม 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 85 ตอน 24 โดยเรียกว่า “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2511” และวันที่ 13 มีนาคม เป็นวันที่พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีผลบังคับใช้ ดังนั้น มหาวิทยาลัย จึงได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัย โดยถือว่าวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคล้าย “วันสถาปนามหาวิทยาลัย”วันสงขลานครินทร์ วันสงขลานครินทร์. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยคือวัน “สงขลานครินทร์” เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพระราชทานชื่อแก่มหาวิทยาลัยภาคใต้ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2510 ว่า “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทอดทูนเกียรติของสมเด็จพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีมหากรุณาธิคุณแด่การศึกษาแพทย์และการพยาบาลของไทยวันมหิดล วันมหิดล. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 24 กันยายนของทุกปีเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยเรียกว่า “วันมหิดล” เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเสด็จทิวงคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ โดยมหาวิทยาลัยร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนจะจัดให้มีกิจกรรมวางพวงมาลา หน้าพระบรมรูป ฯ ในทุกวิทยาเขต เพื่อเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรม "วันถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก ในการสร้างความเจริญแก่ประเทศชาติโดยไม่หวังผลตอบแทน เพิ่มอีกหนึ่งกิจกรรมด้วยวันรูสะมิแล วันรูสะมิแล. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เริ่มดำเนินการก่อตั้งที่ตำบลรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2509 โดยในเวลาดังกล่าวมหาวิทยาลัยมีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ต่อมาในปี 2510 มหาวิทยาลัย ได้เปิดรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะแรก และในปี 2511 ก็เปิดรับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ โดยอาศัยพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นที่ทำการเช่นเดียวกัน เมื่อการก่อสร้างอาคารที่ปัตตานีแล้วเสร็จเป็นบางส่วนในภาคการศึกษาที่ 2 นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยก็ได้ย้ายมาอยู่ที่วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมกันเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2511 ดังนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปีจึงเรียกว่าวัน “รูสะมิแล” ซึ่งมีความหมายว่า “สนเก้าต้น” ตามชื่อตำบลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเพื่อระลึกถึงการมาอยู่ที่ตำบลรูสะมิแลวันแรกพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พิธีพระราชทานปริญญาบัตร. พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดให้มีขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาเขตปัตตานี และวิทยาเขตหาดใหญ่ จนถึงปีพุทธศักราช 2530 หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร และในปีพุทธศักราช 2541 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แต่หลังจากปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาได้จัดขึ้นที่วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญาบัตรแต่บัณฑิตกิตติมศักดิ์ และบัณฑิตจากทุกวิทยาเขต โดยตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 เป็นต้นมาสถานที่จัดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คือ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีบุคคลสำคัญ บุคคลสำคัญ. ดูเพิ่ม รายนามบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (อดีตอาจารย์พิเศษคณะศึกษาศาสตร์) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2536 - สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ (ศิษย์เก่าศึกษาศาสตร์) พิธีกร, โปรดิวเซอร์, ผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด - วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (ศิษย์เก่ามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ผู้ก่อตั้ง นิตยสาร A Day - ฐปณีย์ เอียดศรีไชย (ศิษย์เก่าวิทยาการจัดการ) - อัครพล ทองธราดล (ศิษย์เก่าคณะวิทยาการจัดการ) หนุ่มแพรว ประจำปี พ.ศ. 2546
ม.อ.
195
199
479
1
มหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ของประเทศไทย คือมหาวิทยาลัยอะไร
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อังกฤษ: Prince of Songkla University; อักษรย่อ: ม.อ.) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในภาคใต้ของประเทศไทย ตาม พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๑๑ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2510 ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานชื่อเมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 จึงถือว่าวันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสงขลานครินทร์ ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 9 มหาวิทยาลัยวิจัยแห่งชาติ จาก กระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2552 ในระยะแรกของการก่อตั้ง ได้รับนักศึกษาเข้าศึกษาครั้งแรกในคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยใช้อาคารเรียนของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยมหิดล) เป็นสถานที่ศึกษา และปีต่อมา พ.ศ. 2511 ก็เริ่มย้ายนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์มาเรียนที่จังหวัดปัตตานี ในปี พ.ศ. 2514 ย้ายนักศึกษาของคณะวิศวกรรมศาสตร์มาเรียนที่ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นวิทยาเขตที่ใหญ่ที่สุด พ.ศ. 2520 เปิดวิทยาเขตภูเก็ต พ.ศ. 2533 เปิดวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และ พ.ศ. 2534 เปิดวิทยาเขตตรังประวัติ ประวัติ. เมื่อปี พ.ศ. 2505 รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่ภาคใต้ โดยเริ่มต้นจากการจัดตั้ง "วิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์" เพื่อรอการพัฒนาขึ้นเป็นระดับมหาวิทยาลัย ต่อมา ในปี พ.ศ. 2508 คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติหลักการในการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภาคใต้ขึ้นที่ ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี โดยจะใช้เป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "มหาวิทยาลัยภาคใต้" ซึ่งมีสำนักงานชั่วคราวของมหาวิทยาลัยอยู่ที่อาคารคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (อาคารคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน) หลังจากนั้น คณะกรรมการพัฒนาภาคใต้ โดย พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราชทานชื่อให้แก่มหาวิทยาลัย เพื่อเป็นสิริมงคลแก่มหาวิทยาลัย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่า "มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์" เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2510 ตามพระนามทรงกรมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงถือว่าวันที่ 22 กันยายน ของทุกปีเป็น "วันสงขลานครินทร์" ในปี พ.ศ. 2510 มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีก่อสร้างเสร็จในบางส่วนแล้วนั้น ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข และคณะ ได้เดินทางไปตรวจการก่อสร้าง พบว่า บริเวณดังกล่าวไม่เหมาะสมสำหรับเป็นที่ตั้งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ดังนั้น จึงมีความเห็นว่า มหาวิทยาลัยที่จังหวัดปัตตานีนั้นควรใช้เป็นอาคารของคณะศึกษาศาสตร์ และคณะทางศิลปศาสตร์ และได้ย้ายคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปตั้งที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ต่อมา วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ขึ้น มหาวิทยาลัยจึงกำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น "วันสถาปนามหาวิทยาลัย" ในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ได้มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2559 ซึ่งมีสาระสำคัญคือได้ยกเลิก พ.ร.บ. ฉบับปี พ.ศ. 2522 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี พ.ศ. 2541 และได้กำหนดให้มหาวิทยาลัยเป็นนิติบุคคล มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ซึ่งไม่ใช่ส่วนราชการและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ โดยพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาคือวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยได้เปิดคณะวิชาต่าง ๆ 25 คณะ โดยเปิดสอนสาขาวิชาการต่าง ๆ จำนวน 236 สาขา เป็นการศึกษาระดับปริญญาเอกและเทียบเท่า 20 สาขา หลักสูตรฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทาง 9 สาขา ปริญญาโท 86 สาขา ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 สาขา และปริญญาตรี (4-6 ปี) 121 สาขาสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย. - ชื่อมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดย สงขลานครินทร์ คือ พระนามฐานันดรศักดิ์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช ดำรงพระนามอิสริยยศฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้ากรม โดยพระราชทานชื่อ เมืองสงขลา เป็นพระนามทรงกรม เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองสงขลา เมื่อ พ.ศ. 2446 เสมือนเป็นเจ้าแห่งนครสงขลา - ตราประจำสถาบัน ได้แก่ อักษร ม.อ. ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฏ และ จักรกับตรีศูล- พระมหาพิชัยมงกุฏ คือ ศิราภรณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญแสดงว่าเป็นพระมหากษัตริย์ - จักรกับตรีศูล คือ ตราเครื่องหมายประจำราชวงศ์จักรี - ม.อ. คือ อักษรย่อมาจากพระนาม "มหิดลอดุลเดช" อันเป็นพระนามเดิมของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก - ดอกไม้ประจำมหาวิทยาลัย คือ ดอกศรีตรัง - สีประจำมหาวิทยาลัย คือ สีน้ำเงินอธิการบดี อธิการบดี. นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีอธิการบดีมาแล้ว 12 คน ดังรายนามต่อไปนี้ หมายเหตุ คำนำหน้านามของผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี เป็นคำนำหน้านามในขณะดำรงตำแหน่งวิทยาเขต วิทยาเขต. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาสู่ภาคใต้ ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยจึงมีเจตนาที่จะเป็นมหาวิทยาลัยหลายวิทยาเขต ปัจจุบันมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตปัตตานี, วิทยาเขตหาดใหญ่, วิทยาเขตภูเก็ต, วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี, และวิทยาเขตตรังวิทยาเขตปัตตานีวิทยาเขตปัตตานี. - บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาเขตปัตตานี - คณะศึกษาศาสตร์ - คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - วิทยาลัยอิสลามศึกษา- คณะศิลปกรรมศาสตร์ - คณะวิทยาการสื่อสาร - คณะรัฐศาสตร์ - คณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาเขตปัตตานีวิทยาเขตหาดใหญ่วิทยาเขตหาดใหญ่. - คณะวิศวกรรมศาสตร์ - คณะวิทยาศาสตร์ - คณะแพทยศาสตร์ - คณะทันตแพทยศาสตร์ - คณะการแพทย์แผนไทย - คณะเภสัชศาสตร์ - คณะเทคนิคการแพทย์ - คณะพยาบาลศาสตร์ - คณะอุตสาหกรรมเกษตร - คณะทรัพยากรธรรมชาติ - คณะวิทยาการจัดการ- คณะนิติศาสตร์ - คณะศิลปศาสตร์ - คณะเศรษฐศาสตร์ - คณะสัตวแพทยศาสตร์ - คณะการจัดการสิ่งแวดล้อม - วิทยาลัยนานาชาติ - บัณฑิตวิทยาลัย - สถาบันสันติศึกษา - สถาบันการจัดการระบบสุขภาพภาคใต้ - สถาบันทรัพยากรทะเลและชายฝั่งวิทยาเขตภูเก็ตวิทยาเขตภูเก็ต. - คณะการบริการและการท่องเที่ยว - คณะวิเทศศึกษา - ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ - บัณฑิตวิทยาลัยสหวิทยาการวิทยาศาสตร์ระบบโลกและการจัดการภัยธรรมชาติอันดามัน- คณะเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม - วิทยาลัยชุมชนภูเก็ต - วิทยาลัยการคอมพิวเตอร์วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีวิทยาเขตสุราษฎร์ธานี. - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม - คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการจัดการ- วิทยาลัยชุมชนสุราษฎร์ธานีวิทยาเขตตรังวิทยาเขตตรัง. - คณะพาณิชยศาสตร์และการจัดการ - คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์- วิทยาลัยนวัตกรรมการแสดงและการจัดการสถาบันสมทบ สถาบันสมทบ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับวิทยาลัยพยาบาลในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข เข้าสมทบในมหาวิทยาลัย ดังนี้- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ตรัง - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา- วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สงขลา - วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สุราษฎร์ธานีสถาบันเรียนร่วม สถาบันเรียนร่วม. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับนักศึกษาแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) ชั้นปีที่ 2-3 มาเรียนในรายวิชาปรีคลินิก เช่น ชีวเคมีการแพทย์พื้นฐาน มหกายวิภาคศาสตร์ จุลกายวิภาคศาสตร์ คัพภวิทยา ประสาทกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยาทางการแพทย์ จุลชีววิทยาทางการแพทย์และวิทยาอิมมูน ปรสิตวิทยาทางการแพทย์ เภสัชวิทยาการแพทย์ พยาธิวิทยากายวิภาค พยาธิวิทยาคลินิก และเวชพันธุศาสตร์ โดยมีคณาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอาจารย์รับเชิญพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบในการเรียนการสอนเครือข่ายวิจัย เครือข่ายวิจัย. สาขาความเป็นเลิศ/สถานวิจัยความเป็นเลิศ/สถานวิจัย/หน่วยวิจัยที่ได้รับ- สาขาความเป็นเลิศ (Discipline of Excellence ; DoE)- ชีวเคมี (ปี 44-53) - อุตสาหกรรมเกษตร (สิ้นสุดโครงการปี 49) - อิสลามศึกษา (สิ้นสุดโครงการปี 49) - ระบาดวิทยา (ปี 47-56) - วิศวกรรมเคมี (ก.ค.52-ก.ค.57) - โครงการสู่ความเป็นเลิศสาขาเภสัชศาสตร์ ระยะ 2 - สถานวิจัยความเป็นเลิศ (Center of Excellence;CoE)- สถานวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพแห่งคาบสมุทรไทย (ปี49- 53) Centre for Biopersity of Peninsular Thailand - ศูนย์เครือข่ายความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีภาคใต้ (สิ้นสุดโครงการปี 54) NANOTEC Center of Excellence at PSU - สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยียางพารา (พ.ย.50-พ.ย.55) Center of Excellence in Natural Rubber Technology - สถานวิจัยความเป็นเลิศเทคโนโลยีชีวภาพเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ ระยะที่2 (ส.ค.57-.ส.ค.62) Center of Excellence in Agricultural and Natural Resources Biotechnology please II - สถานวิจัยความเป็นเลิศระบบนำส่งยา (ก.พ.52-ก.พ.57) Drug Delivery System Excellence Center - สถานวิจัยความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยีเพื่อการพลังงาน Center of Excellence in Nanotechnology for Energy (CENE) - สถานวิจัย (Research Center ; RC) - หน่วยวิจัย (Research Unit; RU)การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อ การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อ. โดยวิธีรับตรงจากนักเรียนที่กำลังศึกษาในโรงเรียน 14 จังหวัดภาคใต้ โครงการรับตรงต่าง ๆ ที่เป็นไปตามประกาศของมหาวิทยาลัย และร่วมสอบคัดเลือกกับสมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย โดยสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ งานรับนักศึกษา สังกัดกองทะเบียนและประมวลผล ที่เว็บไซต์ http://www.entrance.psu.ac.th/อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัยการประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัย อันดับและมาตรฐานของมหาวิทยาลัย. การประเมินคุณภาพมหาวิทยาลัย. ในปี พ.ศ. 2549 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของประเทศไทยใน "โครงการฐานข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยไทย" โดยในภาพรวมผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยกลุ่มดัชนีชี้วัดด้านการวิจัยและกลุ่มดัชนีชี้วัดตามด้านการเรียนการสอน ซึ่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยอยู่ในกลุ่มที่ 3 ในด้านการเรียนการและด้านการวิจัยของประเทศไทยได้คะแนนร้อยละ 65-69 จากคะแนนเต็ม 100% ส่วนการประเมินคุณภาพผลงานวิจัยเชิงวิชาการโดย สกว. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยครั้งที่ 3 ในปีพ.ศ. 2554 พบว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการประเมินในระดับ 5 หรือในระดับดีเยี่ยมในกลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร และสัตวแพทยศาสตร์ (วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร) ภาควิชาเทคโนโลยีอาหาร คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และระดับ 4 หรือในระดับดีในกลุ่มสาขาเทคโนโลยีชีวภาพ ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพอุตสาหกรรม คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี , ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการเกษตร และสัตวแพทยศาสตร์ (Plant and Soil Science) ภาควิชาพืชศาสตร์ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ (อายุรศาสตร์) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ ชีวเวชศาสตร์ พยาธิวิทยา หน่วยระบาดวิทยา รังสีวิทยา เวชศาสตร์ฉุกเฉิน และสถาบันโรคระบบทางเดินอาหารและตับ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , กลุ่มสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (เภสัชศาสตร์) คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์อันดับมหาวิทยาลัย อันดับมหาวิทยาลัย. นอกจากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยหน่วยงานในประเทศไทยแล้ว ยังมีหน่วยงานจัดอันดับมหาวิทยาลัยจากต่างประเทศอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งแต่ละหน่วยงานมีเกณฑ์การจัดอันดับและการให้คะแนนที่แตกต่างกัน ได้แก่การจัดอันดับโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies การจัดอันดับโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย Centrum voor Wetenschap en Technologie Studies หรือ CWTS Leiden University ประจำปี 2016 ของประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยใช้เกณฑ์พิจารณาจากผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารที่ปรากฏชื่ออยู่ในฐานข้อมูล Web of Science database มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 5 ของประเทศไทย และอันดับที่ 822 ของโลกการจัดอันดับโดย Center for World University Rankings การจัดอันดับโดย Center for World University Rankings. การจัดอันดับโดย Center for World University Rankings หรือ CWUR ที่มีเกณฑ์การจัดอันดับคือ คุณภาพงานวิจัย ศิษย์เก่าที่จบไป คุณภาพการศึกษา คุณภาพของอาจารย์ และภาควิชาต่าง ๆ ประจำปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่ติดอันดับการจัดอันดับโดย Quacquarelli Symonds การจัดอันดับโดย Quacquarelli Symonds. แควกเควเรลลี ไซมอนด์ส หรือ QS จัดอันดับมหาวิทยาลัยในสองส่วน คือ การจัดอันดับเป็นระดับโลก(QS World University Rankings) และระดับทวีปเอเชีย(QS University Rankings: Asia) มีระเบียบวิธีจัดอันดับ ดังนี้ QS World1. ชื่อเสียงทางวิชาการ จากการสำรวจมหาวิทยาลัยทั่วโลก ผลของการสำรวจคัดกรองจาก สาขาที่ได้รับการตอบรับว่ามีความเป็นเลิศโดยมหาวิทยาลัยสามารถส่งสาขาให้ได้รับการคัดเลือกตั้งแต่ 2 สาขาขึ้นไป โดยจะมีผู้เลือกตอบรับเพียงหนึ่งสาขาจากที่มหาวิทยาลัยเลือกมา 2. การสำรวจผู้ว่าจ้าง เป็นการสำรวจในลักษณะคล้ายกับในด้านชื่อเสียงทางวิชาการแต่จะไม่แบ่งเป็นคณะหรือสาขาวิชา โดยนายจ้างจะได้รับการถามให้ระบุ 10 สถาบันภายในประเทศ และ 30 สถาบันต่างประเทศที่จะเลือกรับลูกจ้างที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันนั้น ๆ รวมถึงคุณสมบัติสำคัญที่ต้องการ 2 ข้อ 3. งานวิจัยที่อ้างต่อ 1 ชิ้นรายงาน โดยข้อมูลที่อ้างอิงจะนำมาจาก Scopus ในระยะ 5 ปี 4. H-index ซึ่งคือการชี้วัดจากทั้งผลผลิต และ อิทธิพลจากการตีพิมพ์ผลงานทั้งจากนักวิทยาศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 5 ของประเทศไทย และอยู่ช่วงอันดับที่ 701+ ของโลก น้ำหนักการชี้วัด การแบ่งคะแนนจะต่างกันในแต่ละสาขาวิชา เช่น ทางด้านการแพทย์ ซึ่งเป็นสาขาที่มีอัตราการเผยแพร่งานวิจัยสูง การวัดการอ้างอิงและh-index ก็จะคิดเป็น 25 เปอร์เซนต์ สำหรับแต่ละมหาวิทยาลัย ในทางกลับกันสาขาที่มีการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการที่น้อยกว่า เช่น สาขาประวัติศาสตร์ จะคิดเป็นร้อยละที่ต่ำกว่าคือ 15 เปอร์เซนต์ จากคะแนนทั้งหมด ในขณะเดียวกันสาขาศิลปะและการออกแบบ ซึ่งมีผลงานตีพิมพ์น้อยก็จะใช้วิธีการวัดจากผู้ว่าจ้างและการสำรวจด้านวิชาการ QS Asia1. ชื่อเสียงทางวิชาการ (30 เปอร์เซนต์) เป้าหมายของตัวชี้วัดนี้เพื่อจะบอกว่ามหาวิทยาลัยใดมีชื่อเสียงในในระดับนานาชาติ 2. การสำรวจผู้จ้างงาน (20 เปอร์เซนต์) 3. อัตราส่วนของคณะต่อนักศึกษา (15 เปอร์เซนต์) วัดจากอัตราส่วนของบุคลากรทางการศึกษาต่อจำนวนนักศึกษา และการติดต่อและให้การสนับสนุนของบุคลากรที่มีต่อนักศึกษา 4. การอ้างอิงในรายงาน (10 เปอร์เซนต์) และผลงานของคณะ (10 เปอร์เซนต์) เป็นการรวมทั้งงานที่อ้างอิงใน scopusและ การตีพิมพ์ผลงานโดยคณะนั้นๆเอง 5. บุคลากรระดับดุษฎีบัณฑิต (5 เปอร์เซนต์) 6. สัดส่วนคณะที่เป็นหลักสูตรนานาชาติ (2.5 เปอร์เซนต์) และนักศึกษาต่างชาติ (2.5 เปอร์เซนต์) 7. สัดส่วนของรับนักศึกษาและเปลี่ยนที่เข้ามาศึกษา (2.5 เปอร์เซนต์) และการส่งนักศึกษาออกไปแลกเปลี่ยน (2.5 เปอร์เซนต์) โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 8 ของประเทศไทย และเป็นอันดับที่ 185 ของเอเชียการจัดอันดับโดย Round University Rankings การจัดอันดับโดย Round University Rankings. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก Round University Rankings 2016 โดย RUR Rankings Agency ของประเทศรัสเซีย เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก (a ranking of leading world universities) ในปี ค.ศ. 2016 มีเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับโดยการพิจารณาตามพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัยในระดับสากล 4 ด้าน 20 ตัวชี้วัด คือด้านการสอน (Teaching) 5 ตัวชี้วัด คิดเป็น 40% การวิจัย (Research) 5 ตัวชี้วัด 40% ด้านความเป็นนานาชาติ (International Diversity) 5 ตัวชี้วัด 10% และด้านความยั่งยืนทางการเงิน (Financial Sustainability) 5 ตัวชี้วัด 10% มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของประเทศไทย และอันดับที่ 618 ของโลกการจัดอันดับโดย SCImago Institutions Ranking การจัดอันดับโดย SCImago Institutions Ranking. อันดับมหาวิทยาลัยโดย SCImago Institutions Ranking หรือ SIR ซึ่งเป็นการจัดอันดับสถาบันที่มีผลงานวิจัยในระดับนานาชาติ ซึ่งจะไม่ใด้นับเฉพาะมหาวิทยาลัย แต่จะนับสถาบันเฉพาะทางด้วย เช่น สถาบันเทคโนโลยี วิทยาลัย โรงพยาบาล ในปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 552 ของโลก และเป็นอันดับ 7 ของประเทศไทยการจัดอันดับโดย The Times Higher Education การจัดอันดับโดย The Times Higher Education. The Times Higher Education หรือ THE มีระเบียบวิธีการจัดอันดับโดยแบ่งตัวชี้วัดเป็น 5 ประการ วัดคะแนนเป็นเปอร์เซนต์ การสอน (บรรยากาศการเรียน) คิดเป็น 30 เปอร์เซนต์ ประกอบไปด้วย การสำรวจชื่อเสียงทางวิชาการ 15 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนของจำนวนบุคลากรต่อนักศึกษา 4.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนผู้สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิตต่อบัณฑิต 2.25 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนบุคลากรระดับดุษฎีบัณฑิต 6 เปอร์เซนต์ รายรับของมหาวิทยาลัย 2.25 เปอร์เซนต์ การวิจัย (ปริมาณ รายรับ และชื่อเสียง) 30 เปอร์เซนต์ ประกอบไปด้วย สำรวจความมีชื่อเสียงทุกปี โดย Academic Reputation Survey 18 เปอร์เซนต์ รายรับจากงานวิจัย 6 เปอร์เซนต์ ปริมาณงานวิจัย 6 เปอร์เซนต์ การอ้างอิง อิทธิพลของงานวิจัย 30 เปอร์เซนต์ ทัศนะจากนานาชาติ (บุคลากร นักศึกษาและงานวิจัย) 7.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนนักศึกษาต่างชาติต่อนักศึกษาในประเทศ 2.5 เปอร์เซนต์ อัตราส่วนบุคลากรต่างชาติต่อในประเทศ 2.5 เปอร์เซนต์ ความร่วมมือระดับนานาชาติ 2.5 เปอร์เซนต์ การส่งต่อความรู้ 2.5เปอร์เซนต์ การที่มหาวิทยาลัยมีนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์ที่นำไปใช้ต่อยอดในภาคอุตสาหกรรม โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย และอันดับที่ 801+ ของโลกการจัดอันดับโดย University Ranking by Academic Performance การจัดอันดับโดย University Ranking by Academic Performance. อันดับที่จัดโดย University Ranking by Academic Performance หรือ URAP ปี พ.ศ. 2558 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 6 ของประเทศไทย และอันดับ 904 ของโลก โดยมีพื้นฐานทางด้านวิชาการตรงตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คุณภาพและปริมาณของบทความตีพิมพ์ทางวิชาการ บทความวิจัย การเผยแพร่ และการอ้างอิงการจัดอันดับโดย U.S. News & World Report การจัดอันดับโดย U.S. News & World Report. U.S. News & World Report นิตยสารการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกล่าสุด “Best Global Universities Rankings 2017” จากการสำรวจมหาวิทยาลัย 60 ประเทศทั่วโลก และมีเกณฑ์จัดอันดับหลายด้าน เช่น ชื่อเสียงการวิจัยในระดับโลก และระดับภูมิภาค สื่อสิ่งพิมพ์ การถูกนำไปอ้างอิง ความร่วมมือระหว่างประเทศ จำนวนบุคลากรระดับปริญญาเอก เป็นต้น โดยมีมหาวิทยาลัยของไทยติดอันดับ 6 แห่ง และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ถูกจัดอันดับให้เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และอันดับที่ 933 ของโลกอันดับมหาวิทยาลัยด้านอื่นๆการจัดอันดับโดย Webometrics อันดับมหาวิทยาลัยด้านอื่นๆ. การจัดอันดับโดย Webometrics. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยของเว็บโอเมตริกซ์ ประจำปี พ.ศ. 2559 จัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก อันดับ Webometrics จะบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ในเว็บไซต์ของสถาบัน โดยพิจารณาจากจำนวน Link ที่เชื่อมโยงเข้าสู่เว็บนั้น ๆ จากเว็บภายนอกโดยวัดจากการสืบค้นด้วยSearch Engine และนับจำนวนเอกสารตีพิมพ์ออนไลน์ในกลุ่มของไฟล์ .pdf .ps .ppt และ .doc และจำนวนเอกสารที่มีการอ้างอิง (Citation) แบบออนไลน์ผ่านกูเกิลสกอลาร์ (Google Scholar) โดยจะจัดอันดับปีละ 2 ครั้ง ได้แก่ เดือนมกราคม และ เดือนกรกฎาคม โดยล่าสุดการจัดอันดับรอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ. 2559 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 7 ของประเทศไทย และอยู่ในอันดับที่ 834 ของโลกการจัดอันดับสอบแข่งขันตำแหน่งครูผู้ช่วย การจัดอันดับสอบแข่งขันตำแหน่งครูผู้ช่วย. ข้อมูลจากการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2560 สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) พบว่า 10 อันดับสูงสุดของสถาบันการศึกษาที่ผลิตครู ที่มีนักศึกษาสอบผ่านเกณฑ์และขึ้นบัญชีในการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู อันดับ 1 ได้แก่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มากที่สุด จำนวน 1,320 คน รองลงมาคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา จำนวน 1,247 คน และมหาวิทยาลัยทักษิณ จำนวน 1,189 คน ตามลำดับวันสำคัญวันสถาปนามหาวิทยาลัย วันสำคัญ. วันสถาปนามหาวิทยาลัย. วันที่ 12 มีนาคม 2511 ได้มีพระบรมราชโองการประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 85 ตอน 24 โดยเรียกว่า “พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2511” และวันที่ 13 มีนาคม เป็นวันที่พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีผลบังคับใช้ ดังนั้น มหาวิทยาลัย จึงได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัย โดยถือว่าวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันคล้าย “วันสถาปนามหาวิทยาลัย”วันสงขลานครินทร์ วันสงขลานครินทร์. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 22 กันยายนของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยคือวัน “สงขลานครินทร์” เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพระราชทานชื่อแก่มหาวิทยาลัยภาคใต้ (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2510 ว่า “มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์” ตามพระนามฐานันดรศักดิ์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก คือ กรมหลวงสงขลานครินทร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเทอดทูนเกียรติของสมเด็จพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีมหากรุณาธิคุณแด่การศึกษาแพทย์และการพยาบาลของไทยวันมหิดล วันมหิดล. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กำหนดให้วันที่ 24 กันยายนของทุกปีเป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของมหาวิทยาลัยเรียกว่า “วันมหิดล” เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเสด็จทิวงคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ โดยมหาวิทยาลัยร่วมกับส่วนราชการและภาคเอกชนจะจัดให้มีกิจกรรมวางพวงมาลา หน้าพระบรมรูป ฯ ในทุกวิทยาเขต เพื่อเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากนี้ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 เป็นต้นไป มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรม "วันถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก ในการสร้างความเจริญแก่ประเทศชาติโดยไม่หวังผลตอบแทน เพิ่มอีกหนึ่งกิจกรรมด้วยวันรูสะมิแล วันรูสะมิแล. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้เริ่มดำเนินการก่อตั้งที่ตำบลรูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2509 โดยในเวลาดังกล่าวมหาวิทยาลัยมีสำนักงานชั่วคราวอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดล ต่อมาในปี 2510 มหาวิทยาลัย ได้เปิดรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะแรก และในปี 2511 ก็เปิดรับนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ โดยอาศัยพื้นที่ของมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นที่ทำการเช่นเดียวกัน เมื่อการก่อสร้างอาคารที่ปัตตานีแล้วเสร็จเป็นบางส่วนในภาคการศึกษาที่ 2 นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ และบุคลากรมหาวิทยาลัยก็ได้ย้ายมาอยู่ที่วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมกันเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2511 ดังนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปีจึงเรียกว่าวัน “รูสะมิแล” ซึ่งมีความหมายว่า “สนเก้าต้น” ตามชื่อตำบลที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเพื่อระลึกถึงการมาอยู่ที่ตำบลรูสะมิแลวันแรกพิธีพระราชทานปริญญาบัตร พิธีพระราชทานปริญญาบัตร. พิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จัดให้มีขึ้นในเดือนกันยายนของทุกปี โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานปริญญาบัตร ณ วิทยาเขตปัตตานี และวิทยาเขตหาดใหญ่ จนถึงปีพุทธศักราช 2530 หลังจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร และในปีพุทธศักราช 2541 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตร แต่หลังจากปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมาได้จัดขึ้นที่วิทยาเขตหาดใหญ่ โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญาบัตรแต่บัณฑิตกิตติมศักดิ์ และบัณฑิตจากทุกวิทยาเขต โดยตั้งแต่ปีการศึกษา 2550 เป็นต้นมาสถานที่จัดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตร คือ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีบุคคลสำคัญ บุคคลสำคัญ. ดูเพิ่ม รายนามบุคคลสำคัญจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ (อดีตอาจารย์พิเศษคณะศึกษาศาสตร์) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2536 - สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ (ศิษย์เก่าศึกษาศาสตร์) พิธีกร, โปรดิวเซอร์, ผู้ก่อตั้ง บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด - วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ (ศิษย์เก่ามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) ผู้ก่อตั้ง นิตยสาร A Day - ฐปณีย์ เอียดศรีไชย (ศิษย์เก่าวิทยาการจัดการ) - อัครพล ทองธราดล (ศิษย์เก่าคณะวิทยาการจัดการ) หนุ่มแพรว ประจำปี พ.ศ. 2546
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
121
145
480
1
การแข่งขันในรายการแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2010 ทีมชาติกาบอง ชนะประเทศอะไรในนัดเปิดเกมส์
ดีดีเย โอโวโน ดีดีเย ฌ็องวีเย โอโวโน เอบัง (; 23 มกราคม ค.ศ. 1983 — ) เป็นผู้รักษาประตูทีมชาติกาบอง ผู้ซึ่งปัจจุบันเล่นให้กับเลอม็องยูเนียนคลับ 72ในสายอาชีพ ในสายอาชีพ. ใน ค.ศ. 2008 เขาได้รับชัยชนะในรายการลีกจอร์เจียร่วมกับสโมสรฟุตบอลดีนาโมทบิลิซี และในวันที่ 22 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เขาก็ได้ย้ายจากทีมดีนาโมทบิลิซี มายังเลอม็องยูเนียนคลับ 72 ในลีกเอิง ที่ซึ่งเขาได้รับการทำสัญญาเป็นระยะเวลา 3 ปีจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 เขาได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 2010 ให้แก่ประเทศกาบอง ซึ่งสามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าทึ่งโดยเป็นฝ่ายมีชัยเหนือแคเมอรูนในการเปิดเกม
แคเมอรูน
641
649
481
1
เลโอนิด เลวิน เป็นนักวิทยาศาสตร์ เกิดที่ประเทศอะไร
เลโอนิด เลวิน เลโอนิด เลวิน นักวิทยาศาสตร์ชาวยูเครน เกิดเมื่อ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2491 มีชื่อเสียงอย่างมากในด้านของ ทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณ และ ทฤษฎีพื้นฐานของการเข้ารหัส นอกจากนี้ เลวินยังมีชื่อเสียงมากในด้านของการเขียนผลงานวิจัยที่สั้นมาก เลวินเป็นผู้ที่ค้นพบปัญหาเอ็นพีบริบูรณ์ เช่นเดียวกับ สตีเฟน คุก (โดยการค้นพบของทั้งสองท่านไม่ขึ้นต่อกัน และเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันโดยบังเอิญ) เลโอนิด เลวิน เกิดที่ยูเครน และได้ย้ายมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University)
ยูเครน
132
138
482
1
ขนมปูโตเป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าซึ่งนำไปนึ่ง เป็นขนมของชาติใด
ปูโต ปูโต (puto) หรือ ขนมปูโต เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าซึ่งนำไปนึ่ง เป็นขนมฟิลิปปินส์ รสชาติคล้ายขนมถ้วยฟูของไทย สามารถบริโภคแบบเปล่าๆ หรือกับเนยและมะพร้าวขูด หรืออาจนำไปรับประทานกับอาหารคาวอื่นๆ เช่น ดีนูกูอาน (dinuguan) ก็ได้เช่นกัน
ฟิลิปปินส์
157
167
483
1
ขนมปูโตเป็นขนมฟิลิปปินส์ มีรสชาติคล้ายขนมอะไรของไทย
ปูโต ปูโต (puto) หรือ ขนมปูโต เป็นขนมที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าซึ่งนำไปนึ่ง เป็นขนมฟิลิปปินส์ รสชาติคล้ายขนมถ้วยฟูของไทย สามารถบริโภคแบบเปล่าๆ หรือกับเนยและมะพร้าวขูด หรืออาจนำไปรับประทานกับอาหารคาวอื่นๆ เช่น ดีนูกูอาน (dinuguan) ก็ได้เช่นกัน
ขนมถ้วยฟู
179
188
484
1
มะตูมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าอะไร
มะตูม มะตูม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Aegle marmelos ภาคเหนือเรียกว่า มะปิน ภาคใต้เรียกว่า กะทันตาเถร, ตูม และตุ่มตัง ภาคอีสานเรียกว่า หมากตูม ภาษาเขมรเรียกว่า พะโนงค์ ชาวกะเหรี่ยงเรียกว่า มะปีส่า เป็นไม้ผลยืนต้นพื้นเมืองในพื้นที่ป่าดิบแล้วบนเนินเขาและที่ราบในอินเดียตอนกลางและตอนใต้ พม่า ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล เวียดนาม ลาว และกัมพูชา มีการนำไปเพาะปลูกทั่วไปในอินเดีย รวมทั้งในศรีลังกา แหลมมลายูตอนเหนือ เกาะชวา และฟิลิปปินส์ จัดเป็นพืชเพียงสปีชีส์เดียวที่อยู่ในจีนัส Aegleลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์. ลำต้นมีความสูง 18 เมตร เปลือกลำต้นมีสีเทาเรียบเป็นร่องตื้น เนื้อไม้แข็ง มีสีขาวแกมเหลือง และมีกลิ่นหอม โคนต้นและกิ่งก้านมีหนามแหลม ยาว แข็ง ออกเดี่ยวหรือเป็นคู่ตามกิ่ง ใบประกอบแบบขนนก ใบย่อยรูปไข่หรือรูปหอกมี 3 ใบ มองดูคล้ายตรีศูลของพระศิวะ ดอกสีขาวหรือขาวอมเขียว มีกลิ่นหอม ผลมีเปลือกแข็งเรียบและมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 5-15 เซนติเมตร บางผลมีเปลือกแข็งมากจนต้องกระเทาะเปลือกออกโดยใช้ค้อนทุบ เนื้อผลเหนียวข้น มีกลิ่นหอม และมีเมล็ดจำนวนมากแทรกอยู่ในเนื้อผล โดยเมล็ดจะมีขนหนาปกคลุมการใช้ประโยชน์ การใช้ประโยชน์. ผลมะตูมใช้รับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบแห้ง น้ำจากผลเมื่อนำไปกรองและเติมน้ำตาลจะได้เครื่องดื่มคล้ายน้ำมะนาว และยังใช้ในการทำ Sharbat ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากการนำเนื้อผลมะตูมไปผสมกับมะขาม ผลอ่อนฝานแล้วตากแห้งนำไปต้มกับน้ำเป็นน้ำมะตูม นำมายำ ใบอ่อนและยอดอ่อนใช้รับประทานเป็นผักสลัด กินกับน้ำพริก ลาบ และข้าวยำ ผลแก่แต่เปลือกยังนิ่มนำมาฝานแล้วทำเป็นมะตูมเชื่อม ซึ่งนำไปเป็นส่วนผสมของขนมอื่นอีกหลยอย่าง มะตูมสุก เนื้อเละใช้รับประทานเป็นผลไม้ และใช้เป็นยารักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน โรคลำไส้ ตาแห้งไข้หวัดธรรมดา และยังใช้รักษาอาการท้องผูกเรื้อรังได้เป็นอย่างดีความเชื่อ ความเชื่อ. คนไทยถือว่ามะตูมเป็นไม้มงคล นิยมปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ้าน ศาสนาฮินดู เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ ดังนั้นจึงพบต้นมะตูมได้ทั่วไปในสวนของวิหารในประเทศอินเดีย และใบมะตูมยังเป็นส่วนประกอบในพิธีกรรมทางศาสนา เช่นการทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์หรือครอบครูสัญลักษณ์ สัญลักษณ์. ต้นมะตูมเป็นพันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัดชัยนาท ผู้ที่ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงหรืองานสมรสพระราชทานจะได้รับพระราชทานใบมะตูมเพื่อเป็นสิริมงคลชื่อท้องถิ่นของมะตูม ชื่อท้องถิ่นของมะตูม. ชื่อสามัญของมะตูมในภาษาต่างๆ ได้แก่- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้- /ou' shi'/ หรือ /oʊʔ ʃiʔ/ - /pnɨv/ - /mȁːk tuːm/ - (ต้นไม้) - เอเชียใต้- ภาษาเบงกาลี: বেল - ภาษาฮินดี: बिल्व [Bilva] - ภาษากันนาดา: ಬೇಲದ ಹಣ್ಣು - ภาษากงกณี: gorakamli - ภาษามาลายาลัม: കൂവളം - ภาษามราฐี: बेल or कवीठ (Kaveeth) - ภาษาปัญจาบ: Beel - ภาษาสันสกฤต : बिल्वम् - ภาษาสินธี: ڪاٺ گدرو - ภาษาสิงหล: බෙලි (Beli) - ภาษาทมิฬ: வில்வம் (Vilvam) - ภาษาเตลูกู: మారేడు (maredu) - Sir Phal (ภาษาฮินดีโบราณ)
Aegle marmelos
114
128
485
1
Belem Tower ตั้งอยู่ที่เมืองลิสบอนซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศอะไร
หอคอยบีเล็ม หอคอยบีเล็ม (Belem Tower) ตั้งอยู่เมืองลิสบอน เมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส หอคอยบีเล็มแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกกับองค์กรยูเนสโกในปี 1983 หอคอยแห่งถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าคิงจอร์นที่สอง (King John II) ในศตรวรรตที่ 16 โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบโปรตุเกส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันเมืองริมฝั่งแม่น้ำทากัส (Tagus River) ตัวหอคอยบีเล็มประกอบไปด้วยหินอ่อนและตัวป้อมปราการมีความสูงกว่า 30 เมตร
ประเทศโปรตุเกส
157
171
486
1
อเล็กซิส ซิปราส จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาอะไร
อเล็กซิส ซิปราส อเล็กซิส ซิปราส (, ; เกิด 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1974) เป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐกรีซ เมื่อวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 2015 ก่อนหน้านี้เขาก็ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 2015 จนถึง 27 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ซปราสเป็นผู้นำที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบฝ่ายซ้าย พรรคการเมืองของเขาชื่อ พรรคซีรีซา ก่อตั้งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2009 ซิปราสเกิดที่เมืองเอเธนส์เมื่อปี ค.ศ. 1974 เขาเข้าร่วมกับขบวนการเยาวชนคอมมิวนิสต์แห่งกรีซ ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1980 และต้นทศวรรษที่ 1990 ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองในนักศึกษา ซิปราสจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อปี ค.ศ. 2000 สาขาวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยเทคนิคแห่งชาติเอเธนส์ และภายหลังจบปริญญาโท สาขาวิชาการวางแผนชนบทและภูมิภาค  ในปี ค.ศ. 1999 ถึง ค.ศ. 2003 ซิปราสทำหน้าที่เป็นเลขาธิการขบวนการเยาวชนซินาสพิสมอส เขาได้รับการเลือกให้เป็นสมาชิกกรรมการกลางของซินาสพิสมอส ในปี ค.ศ. 2004 และในปี ค.ศ. 2006 ได้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าการเอเธนส์ แต่ได้รับคะแนนเสียงเพียง 10.5% ในปี ค.ศ. 2008 เขาได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค ซีรีซา และเขาได้เลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน จากการเลือกตั้งซ่อมในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ค.ศ. 2012 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะรัฐมนตรีเงา ในช่วงเวลานั้น
สาขาวิชาการวางแผนชนบทและภูมิภาค
735
766
487
1
พระประมุขมาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 แห่งรัฐเอกราชซามัว ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคอะไร
มาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 พระประมุขมาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 () (4 มกราคม พ.ศ. 2456 – 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550) เป็นพระประมุขแห่งรัฐเอกราชซามัว ทรงพระราชสมภพในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2456 เป็นพระราชโอรสใน มาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 1 และโมโมเอ ลูเปอูลูอีวา มาเลอิเซอา ทรงขึ้นครองราชย์พร้อมกับ พระราชาธิบดีประมุขแห่งรัฐมุขตูปัว ตามาเซเซ ซึ่งครองราชย์อยู่ 2 ปี โดยส่วนพระองค์นับถือศาสนาบาไฮ พระราชาธิบดีประมุขแห่งรัฐมาลีเอตัว ขณะครองราชย์ทรงเคยเป็นประมุขแห่งรัฐ ที่มีพระชนมพรรษามากที่สุดในโลก และ ครองราชย์ยาวนานเป็นอันดับ 3 ของโลก พระองค์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ซามัวเป็นเอกราชจากนิวซีแลนด์ได้สิ้นพระชนม์ สิ้นพระชนม์. พระประมุข มาลีเอตัว สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ด้วยพระชันษา 94 พรรษา ด้วยโรคนิวโมเนีย
โรคนิวโมเนีย
793
805
488
1
พระประมุขมาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 แห่งรัฐเอกราชซามัว ทรงนับถือคือศาสนาอะไร
มาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 พระประมุขมาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 2 () (4 มกราคม พ.ศ. 2456 – 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550) เป็นพระประมุขแห่งรัฐเอกราชซามัว ทรงพระราชสมภพในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2456 เป็นพระราชโอรสใน มาลีเอตัว ตานุมาฟิลิที่ 1 และโมโมเอ ลูเปอูลูอีวา มาเลอิเซอา ทรงขึ้นครองราชย์พร้อมกับ พระราชาธิบดีประมุขแห่งรัฐมุขตูปัว ตามาเซเซ ซึ่งครองราชย์อยู่ 2 ปี โดยส่วนพระองค์นับถือศาสนาบาไฮ พระราชาธิบดีประมุขแห่งรัฐมาลีเอตัว ขณะครองราชย์ทรงเคยเป็นประมุขแห่งรัฐ ที่มีพระชนมพรรษามากที่สุดในโลก และ ครองราชย์ยาวนานเป็นอันดับ 3 ของโลก พระองค์มีส่วนสำคัญที่ทำให้ซามัวเป็นเอกราชจากนิวซีแลนด์ได้สิ้นพระชนม์ สิ้นพระชนม์. พระประมุข มาลีเอตัว สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ด้วยพระชันษา 94 พรรษา ด้วยโรคนิวโมเนีย
ศาสนาบาไฮ
468
477
489
1
เมืองหลวงของประเทศเอลซัลวาดอร์ มีชื่อว่าอะไร
ประเทศเอลซัลวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ () หรือชื่อทางการ สาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ (สเปน: ) เป็นประเทศในแถบอเมริกากลาง มีจำนวนประชากรเกือบ 6.7 ล้านคน เป็นประเทศที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในแผ่นดินใหญ่ของ (ทวีป) อเมริกา (โดยเฉพาะในเขตเมืองหลวงซานซัลวาดอร์) และเป็นประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมมากที่สุดในภูมิภาค ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้ยกเลิกสกุลเงินโกลอนและเปลี่ยนมาใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแทนในปี ค.ศ. 2001ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์. ประเทศเอลซัลวาดอร์ได้รับประกาศอิสรภาพจากสเปนในปี ค.ศ. 1821 และจากสหรัฐอเมริกากลางในปี ค.ศ. 1839การเมืองการปกครองการแบ่งเขตการปกครอง การแบ่งเขตการปกครอง. เอลซัลวาดอร์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 14 จังหวัด (department) ได้แก่ภูมิศาสตร์ ภูมิศาสตร์. ประเทศเอลซัลวาดอร์ตั้งอยู่ในอเมริกากลาง มีพื้นที่ประเทศมาณ 21,040 ตารางกิโลเมตร หรือ 8,123 ตารางไมล์ เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในอเมริกากลาง ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ. ประเทศเอลซัลวาดอร์มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในอเมริกากลางรองจาก กัวเตมาลา และ คอสตาริกา เมื่อเปรียบเทียบกันด้วยขนาดจีดีพี เศรษฐกิจของเอลซัลวาดอร์แยกเป็น ด้านบริการ 64.1% อุตสหกรรม 24.7% และเกษตรกรรม 11.2%ประชากร ประชากร. ประเทศเอลซัลวาดอร์มีประชากรประมาณ 6,948,073 คน แบ่งได้เป็นเมสติโซ (เชื้อสายผสมสเปน-พื้นเมือง) ร้อยละ 90 ผิวขาวร้อยละ 9 อเมรินเดียนร้อยละ 1วัฒนธรรม
เมืองหลวงซานซัลวาดอร์
322
343
490
1
ชื่อย่อของมหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ ใช้ว่าอะไร
มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ () หรือเรียกย่อๆ ว่า RWU คือ มหาวิทยาลัยทางด้านศิลปศาสตร์ของอเมริกา (liberal arts university) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 140 เอเคอร์ (0.57 ตารางกิโลเมตร ในเมืองบริสโทล (Bristol) รัฐโรดไอแลนด์ เหนืออ่าว Mt. Hope มหาวิทยาลัยก่อตั้งใน ค.ศ. 1956 และถูกตั้งชื่อตามนักเทววิทยา และผู้ร่วมก่อตั้งรัฐโรดไอแลนด์ นามว่า โรเจอร์ วิลเลียมส์ประวัติ ประวัติ. การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเริ่มขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1919 เมื่อมหาวิทยาลัยนอร์ทอิสเทิร์น เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เปิดสาขาวิทยาเขตในอาคารวายเอ็มซีเอ เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ ใน ค.ศ. 1940 คณะกรรมการวายเอ็มซีเอได้ควบคุมโรงเรียนและสถาบันวายเอ็มซีเอ โดยอนุญาตให้เปิดสอนใน ค.ศ. 1948 และใน ค.ศ. 1956 สถาบันได้รับใบอนุญาตจากรัฐและอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า "วิทยาลัยจูเนียร์โรเจอร์ วิลเลียมส์" (Roger Williams Junior College) ระหว่างทศวรรษ 1960 วิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์เริ่มการสอนระดับปริญญาตรี และต้องการขยายวิทยาเขตให้ใหญ่ขึ้น ทางวิทยาลัยซื้อที่ดิน 80 เอเคอร์ ริมทะเล และย้ายวิทยาเขตหลักไปยังเมืองบริสโทลใน ค.ศ. 1969 (ต่อมามีการขยายวิทยาเขต สาขาเมืองพรอวิเดนซ์) ใน ค.ศ. 1989 อธิการบดีคนใหม่ ดร. นาตาล เอ ซิคูโร (Dr. Natale A. Sicuro) เริ่มแผนโรเจอร์ วิลเลียมส์ในทศวรรษ 1990 และเป็นผู้ก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ และใน ค.ศ. 1992 ให้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์" มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์หรือ RWU เฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 50 ปี ใน ค.ศ. 2006
RWU
186
189
491
1
มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ เป็นมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปศาสตร์ของอเมริกา ตั้งอยู่ในรัฐใด
มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์ () หรือเรียกย่อๆ ว่า RWU คือ มหาวิทยาลัยทางด้านศิลปศาสตร์ของอเมริกา (liberal arts university) ตั้งอยู่บนพื้นที่ 140 เอเคอร์ (0.57 ตารางกิโลเมตร ในเมืองบริสโทล (Bristol) รัฐโรดไอแลนด์ เหนืออ่าว Mt. Hope มหาวิทยาลัยก่อตั้งใน ค.ศ. 1956 และถูกตั้งชื่อตามนักเทววิทยา และผู้ร่วมก่อตั้งรัฐโรดไอแลนด์ นามว่า โรเจอร์ วิลเลียมส์ประวัติ ประวัติ. การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเริ่มขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1919 เมื่อมหาวิทยาลัยนอร์ทอิสเทิร์น เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เปิดสาขาวิทยาเขตในอาคารวายเอ็มซีเอ เมืองพรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ ใน ค.ศ. 1940 คณะกรรมการวายเอ็มซีเอได้ควบคุมโรงเรียนและสถาบันวายเอ็มซีเอ โดยอนุญาตให้เปิดสอนใน ค.ศ. 1948 และใน ค.ศ. 1956 สถาบันได้รับใบอนุญาตจากรัฐและอนุญาตให้ใช้ชื่อว่า "วิทยาลัยจูเนียร์โรเจอร์ วิลเลียมส์" (Roger Williams Junior College) ระหว่างทศวรรษ 1960 วิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์เริ่มการสอนระดับปริญญาตรี และต้องการขยายวิทยาเขตให้ใหญ่ขึ้น ทางวิทยาลัยซื้อที่ดิน 80 เอเคอร์ ริมทะเล และย้ายวิทยาเขตหลักไปยังเมืองบริสโทลใน ค.ศ. 1969 (ต่อมามีการขยายวิทยาเขต สาขาเมืองพรอวิเดนซ์) ใน ค.ศ. 1989 อธิการบดีคนใหม่ ดร. นาตาล เอ ซิคูโร (Dr. Natale A. Sicuro) เริ่มแผนโรเจอร์ วิลเลียมส์ในทศวรรษ 1990 และเป็นผู้ก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ และใน ค.ศ. 1992 ให้มีการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์" มหาวิทยาลัยโรเจอร์ วิลเลียมส์หรือ RWU เฉลิมฉลองการก่อตั้งครบรอบ 50 ปี ใน ค.ศ. 2006
รัฐโรดไอแลนด์
334
347
492
1
จอร์จีนีโย เกรจีโยน เอมีเลอ ไวนัลดึม เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ เล่นในตำแหน่งใด
จอร์จีนีโย ไวนัลดึม จอร์จีนีโย เกรจีโยน เอมีเลอ ไวนัลดึม (; เกิด 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1990) เป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์ ปัจจุบันเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรุกให้กับลิเวอร์พูลและทีมชาติเนเธอร์แลนด์สโมสรอาชีพนิวคาสเซิลยูไนเต็ดลิเวอร์พูลฤดูกาล 2016-17 สโมสรอาชีพ. ลิเวอร์พูล. ฤดูกาล 2016-17. ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2016 ลิเวอร์พูลทำสัญญากับไวนัลดึมจากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 23 ล้านปอนด์ เซ็นสัญญา 5 ปี โดยไวนัลดึมได้สวมเสื้อหมายเลข 5 ต่อมา ในวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 2016 พรีเมียร์ลีก นัดเปิดฤดูกาล 2016–17 ไวนัลดึมลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ลีกโดยลงสนามเป็นตัวจริงและจ่ายบอลให้ แอดัม ลัลลานา ทำประตูในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาร์เซนอล ที่เอมิเรตส์สเตเดียม 4-3 ต่อมา ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016 ไวนัลดึมทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2016–17 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ วอตฟอร์ด 6-1 ต่อมา ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2016 ไวนัลดึมทำประตูที่ 2 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2017 ไวนัลดึมทำประตูที่ 3 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เสมอกับ เชลซี 1-1 ต่อมา ในวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 2017 ไวนัลดึมทำประตูที่ 4 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1 ต่อมา ในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2017 ไวนัลดึมทำประตูที่ 5 ในพรีเมียร์ลีก ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ เบิร์นลีย์ 2-1 ต่อมา ในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 พรีเมียร์ลีก นัดปิดฤดูกาล 2016–17 ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เจอกับ มิดเดิลส์เบรอ ในนัดนี้ ลิเวอร์พูล จะต้องชนะเพื่อการันตีโควต้าพื้นที่ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ไวนัลดึมทำประตูที่ 6 ในพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เอาชนะ มิดเดิลส์เบรอ 3-0 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบอันดับที่ 4 และคว้าโควต้าแชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ จบฤดูกาล ไวนัลดึมยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 6 ประตูจาก 36 นัดฤดูกาล 2017-18 ฤดูกาล 2017-18. ในวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 2017 ไวนัลดึมทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 นัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ ฮัดเดอส์ฟีลด์ทาวน์ 3-0 ต่อมา ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 2018 ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ นัดที่ 2 ไวนัลดึมทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2017–18 ในนัดที่ ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ โรมา ที่สตาดีโอโอลิมปีโก 2-4 รวมผลสองนัด ลิเวอร์พูล เอาชนะ โรมา 7-6 ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จสถิติอาชีพสโมสรประตูในนามทีมชาติเกียรติประวัติสโมสร เกียรติประวัติ. สโมสร. ไฟเยอโนร์ด- KNVB Cup: 2007–08 เปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน- KNVB Cup: 2011–12 - Eredivisie: 2014–15ทีมชาติ ทีมชาติ. เนเธอร์แลนด์- FIFA World Cup Third Place: 2014 - UEFA U-21 Championship Semi-finalist: 2013รางวัลส่วนตัวรางวัลส่วนตัว. - Rotterdam talent of the year: 2007 - Dutch Footballer of the Year: 2014–15 - Standard Chartered Liverpool Player of the Month: มกราคม 2017, มีนาคม 2017 - ประตูยอดเยี่ยมประจำเดือนของอีเอ สปอร์ตส์: ธันวาคม 2016
ตำแหน่งกองกลางตัวรุก
218
238
493
1
โอสมาร์ อิบัญเญซ บาร์บาเป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เกิดที่เมืองอะไร
โอสมาร์ (นักฟุตบอล) โอสมาร์ อิบัญเญซ บาร์บา () หรือที่รู้จักกันในชื่อ โอสมาร์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1988 ในเมืองซันตอญญา เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก และเขาเคยเล่นให้กับสโมสรราซิงซันตันเดร์ สโมสรฟุตบอลชื่อดังจากลาลิกา ลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศสเปนอีกด้วย
เมืองซันตอญญา
213
226
494
1
พระมารดาของพระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) มีพระนามว่าอะไร
พระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) พระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) เป็นบุตรของพระยาจุฬาราชมนตรี (เถื่อน) มารดาคือคุณหญิงนก เกิดในสมัยรัชกาลที่ 2 แต่ไม่ทราบปี เข้ารับราชการในกรมท่าขวาในสมัยรัชกาลที่ 3เป็นพระราชเศรษฐี ได้ว่าการคลังวิเศษในกรมท่าหลวง และกำกับชำระตั๋วเฮียชำระฝิ่นและได้เลื่อนเป็นจางวางคลังวิเศษกำกับราชการกรมพระคลังนอก คลังพิเศษ คลังในซ้าย พระคลังใน คลังคำนวณ กำกับภาษีร้อยชักสาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 นอกจากนั้น ท่านยังมีส่วนร่วมในการปราบจลาจลภาคใต้ และวางระเบียบปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ และเป็นข้าหลวงตรวจการภาคใต้จนเหตุการณ์สงบ จนกระทั่งพระยาจุฬาราชมนตรี (น้อย)ถึงแก่อนิจกรรมใน พ.ศ. 2410 ท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรีสืบแทนจนถึงแก่อนิจกรรมใน พ.ศ. 2432 ศพของท่านฝังอยู่ที่มัสยิดต้นสน
คุณหญิงนก
193
202
495
1
พระบิดาของพระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) มีพระนามว่าอะไร
พระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) พระยาจุฬาราชมนตรี (นาม) เป็นบุตรของพระยาจุฬาราชมนตรี (เถื่อน) มารดาคือคุณหญิงนก เกิดในสมัยรัชกาลที่ 2 แต่ไม่ทราบปี เข้ารับราชการในกรมท่าขวาในสมัยรัชกาลที่ 3เป็นพระราชเศรษฐี ได้ว่าการคลังวิเศษในกรมท่าหลวง และกำกับชำระตั๋วเฮียชำระฝิ่นและได้เลื่อนเป็นจางวางคลังวิเศษกำกับราชการกรมพระคลังนอก คลังพิเศษ คลังในซ้าย พระคลังใน คลังคำนวณ กำกับภาษีร้อยชักสาม ในสมัยรัชกาลที่ 4 นอกจากนั้น ท่านยังมีส่วนร่วมในการปราบจลาจลภาคใต้ และวางระเบียบปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ และเป็นข้าหลวงตรวจการภาคใต้จนเหตุการณ์สงบ จนกระทั่งพระยาจุฬาราชมนตรี (น้อย)ถึงแก่อนิจกรรมใน พ.ศ. 2410 ท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรีสืบแทนจนถึงแก่อนิจกรรมใน พ.ศ. 2432 ศพของท่านฝังอยู่ที่มัสยิดต้นสน
พระยาจุฬาราชมนตรี (เถื่อน)
158
184
496
1
พรรคสหภาพประชาชนหมู่บ้าน เป็นชื่อพรรคการเมืองของประเทศอะไร
สหภาพประชาชนหมู่บ้าน สหภาพประชาชนหมู่บ้าน (Village People's Union; ภาษาอินโดนีเซีย: Persatuan Rakjat Desa, PRD) เป็นพรรคการเมืองในอินโดนีเซีย มีฐานเสียงในหมู่ชาวซุนดาในชวาตะวันตก ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2498 พรรคได้รับเลือกตั้ง 1 ที่นั่ง หลังจากนั้นได้รวมเข้ากับกลุ่มสนับสนุนแถลงการณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายในสภา
อินโดนีเซีย
226
237
497
1
พรรคสหภาพประชาชนหมู่บ้าน ได้รับการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2498 กี่ที่นั่ง
สหภาพประชาชนหมู่บ้าน สหภาพประชาชนหมู่บ้าน (Village People's Union; ภาษาอินโดนีเซีย: Persatuan Rakjat Desa, PRD) เป็นพรรคการเมืองในอินโดนีเซีย มีฐานเสียงในหมู่ชาวซุนดาในชวาตะวันตก ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2498 พรรคได้รับเลือกตั้ง 1 ที่นั่ง หลังจากนั้นได้รวมเข้ากับกลุ่มสนับสนุนแถลงการณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายในสภา
1 ที่นั่ง
320
329
498
1
บริษัทที่นายฉลอง สิมะเสถียร ได้ทำหลังเรียนจบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีชื่อว่าอะไร
ฉลอง สิมะเสถียร ฉลอง สิมะเสถียร นักแสดงชาวไทยผู้ล่วงลับ อดีตพระเอกดาราที่มีชื่อเสียง ในละครเวที หลังสงครามมหาเอเซียบูรพา จนถึงยุคจอแก้วทางไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหมประวัติ ประวัติ. ชาวไทย เชื้อสายจีนฮกเกี้ยนตระกูลซิม/ซิ้ม (สมัยรัชกาลที่ 3) เกิดที่ตำบลวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 เป็นบุตรคนที่สองในบรรดาพี่น้องรวม 8 คน ของนายสุจินต์ และนางสังวาลย์ สิมะเสถียร หลังจบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้เข้าทำงานที่ บริษัทสหไทยวัฒนา จำกัดในวงการเพลงและการแสดง ในวงการเพลงและการแสดง. สมัครเป็นนักร้องวงทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จนยุบวงแล้วไปสมัครเป็นนักแสดงละครเวทีของคณะศิวารมย์ เริ่มด้วย ขุนทัพพญายม ของ อรวรรณ พ.ศ. 2492 ตามด้วย ราชินีบอด ของ สุวัฒน์ วรดิลก พ.ศ. 2493 ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ปีเดียวกัน บนเวทีศาลาเฉลิมไทย นำแสดงเป็น กษัตริย์อริยวัต ในละครประกอบเพลงวงสุนทราภรณ์ จุฬาตรีคูณ ของ พนมเทียน ซึ่งมี มัณฑนา โมรากุล รับบท เจ้าหญิงดาราราย ,ชาลี อินทรวิจิตร รับบท เจ้าชายอนุวัต และ สวลี ผกาพันธุ์ รับบท เจ้าหญิงอารียา บทเด่นที่ยังเป็นที่กล่าวขวัญจนทุกวันนี้คือ ชายกลาง คู่กับ พจมาน (สวลี ผกาพันธุ์) คู่แรกของเมืองไทย ใน บ้านทรายทอง ของ ก.สุรางคนางค์ โดยคณะอัศวินการละคร ปีต่อมา และบทอื่นๆ เช่น ขุนวรวงศาธิราช ใน เจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ เป็นต้น เมื่อหมดยุคละครเวที ขณะมีอายุราว 32 ปี จำนง รังสิกุล ผู้อำนวยการบริษัทไทยโทรทัศน์ จำกัด ชวนเข้าทำงานเป็นหัวหน้าแผนกผู้ประกาศ ฝ่ายจัดรายการ ของสถานีไทยทีวีช่อง 4 บางขุนรหม ยุคบุกเบิก รับผิดชอบการเตรียมบทผู้ประกาศเช้า-เย็น และเริ่มปรากฏตัวทางจอแก้วใน ละครชวนหัวภาคค่ำชุด นุสรา ด้วยบท คุณทายาท ทนายความหนุ่มใหญ่ สามีของนุสรา สาวน้อยจอมยุ่ง (อารีย์ นักดนตรี) ร่วมด้วยป้ากัลยา (กัณฑรีย์ นาคประภา) ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ในช่วงเปิดสถานีใหม่ ๆ พ.ศ. 2501 - 2504นอกจากนี้ยังมีหน้าที่รวบรวมเพลงเก่ายุคละครเวทีเพื่อนำมาสอนเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องสำหรับรายการ เพลงแห่งความหลัง ออกอากาศ พ.ศ. 2507 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ที่ช่อง 4 ช่วงแรกมักคู่กับ อารีย์ นักดนตรี หากเป็นละครหรือรายการที่มีการขับร้องเพลง เมื่อเป็นผู้จัดและพระเอกละคร คณะกัญชลิกา (ชื่อบุตรสาว) ได้นำเรื่อง บ้านทรายทอง กลับมาแสดงเป็นละครทีวีครั้งแรกคู่กับ สวลี อีกครั้ง และหลายปีต่อมา คู่กับ อรัญญา นามวงศ์ ละครเด่นอื่นๆ อีกหลายเรื่อง เช่น ศรอนงค์ ,นันทาเทวี ,ค่าของคน ฯลฯ บันทึกแผ่นเสียงไว้หลายเพลง ปัจจุบันยังมีเผยแพร่ในรูปแบบซีดี เช่น นันทาเทวี ,น้ำตาแสงไต้ ,เมื่อแดนฟ้าขาดเดือน ,ค่าของคน ,สำคัญที่ใจ (คู่ รวงทอง ทองลั่นทม ) ฯลฯความภูมิใจความภูมิใจ. - รางวัล ใบโพธิ์ทองพระราชทาน (ในฐานะผู้ประกาศทางโทรทัศน์ผู้เผยแพร่ภาษาไทยได้ชัดเจนถูกต้อง) จัดโดย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2514ผลงานละครเวทีผลงาน. ละครเวที. - 2492: ขุนทัพพญายม - 2493: ราชินีบอด (คู่กับ สุพรรณ บูรณะพิมพ์) ,จุฬาตรีคูณ (คู่กับ มัณฑนา โมรากุล) - 2494: บ้านทรายทอง (คู่กับ สวลี ผกาพันธ์) - 249-: ผาคำรณ (คู่กับ สุพรรณ บูรณะพิมพ์) - 2498: นเรนทร์ริษยา (คู่กับ สุพรรณ บูรณะพิมพ์) - 249-: เจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ (คู่กับ กัณฑรีย์ นาคประภา) - 2518: นันทาเทวี (คู่กับ อารีย์ นักดนตรี) ฯลฯรายการโทรทัศน์รายการโทรทัศน์. - 2501 - 2504: นุสรา (คู่กับ อารีย์ นักดนตรี) - 2501 , 2513: บ้านทรายทอง (คู่กับ สวลี ผกาพันธ์ และ อรัญญา นามวงศ์ ตามลำดับ) - 2502: ศรอนงค์ (คู่กับ อารีย์ นักดนตรี) - 2502 , 2507: นันทาเทวี (คู่กับ อารีย์ นักดนตรี) - 2507: เพลงแห่งความหลัง (นักร้อง) - 2512: ค่าของคน (คู่กับ อรัญญา นามวงศ์) - 251-: คุณแม่ไม่โง่ (คู่กับ เยาวเรศ นิศากร) ฯลฯภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 2497: เจ้าสาวชาวไร่ (คู่กับ กรองจิตต์ เตมียศิลปิน) - 2498: แม่พระ (คู่กับ สวลี ผกาพันธุ์) - 2500: กะล่อนทอง ,โชคมนุษย์ , ปักธงไชย (พากย์ลงฟิล์มแทน สมยศ อินทรกำแหง ดารานำแสดง) - 2502: เชลยศักดิ์ (พากย์ลงฟิล์มแทน ประศาสน์ คุณะดิลก ดารานำแสดง)
บริษัทสหไทยวัฒนา จำกัด
522
544
499
1
บ้านเกิดของคุณสุรเกียรติ บุนนาค อยู่ที่จังหวัดใด
สุรเกียรติ บุนนาค สุรเกียรติ บุนนาค (27 มีนาคม พ.ศ. 2536 - ) นักแสดง, พิธีกร และนายแบบไทย เกิดที่จังหวัดกรุงเทพฯ มีพี่ชาย 1 คน จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมปลายโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าสู่วงการบันเทิงโดยสังกัดค่ายอาร์เอส มีผลงานมิวสิควีดีโอหลายชื้น เป็นพิธีกรหลายรายการผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - 2555 ลูกไม้ หลายหลายต้น รับบท อาร์ม (รับเชิญ) ช่อง ไทยพีบีเอส - 2558 คู่ปรับฉบับหัวใจ รับบท อภิชาต (ตัวร้าย) ช่อง 7 - 2560 Love Songs Love Series ตอน ยังโสด รับบท ปาล์ม ช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 - 2561 นักสู้สะท้านฟ้า รับบท ดอน ช่อง 7 - 2561 ไฮโซสะออน ช่อง 7 (กำลังถ่ายทำ)ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 2555 รัก An Ordinary Love Story รับบท กายมิวสิควีดีโอมิวสิควีดีโอ. - 2552 เพลง อยู่บำรุง - ว่าน ธนกฤต - 2552 เพลง เสียงลมหายใจ - ปราโมทย์ - 2553 เพลง คำว่ารัก...แปลว่าไม่รัก - Beauty G - 2556 จุด จุด จุด Dot Dot Dot - SHUU - พระเอกMV เพลง น้ำไหลที่ตาแต่เจ็บที่หัวใจ - เพลงรวมของ Yaak TV - 2557 เพลง อยากจีบคนโสดของ Shuผลงานเพลงผลงานเพลง. - เพลง Turn Me On รักไม่ยาก ร่วมกับ พิธีกร YAAK TV ได้แก่ กราฟ-โอสธี ซุ่นมงคล, โยชิ-นิมิต มนัสพล, พิชญ์-พิชญ์ กาไชย, ปั้นจั่น-กวิน อิ่มอโนทัย, บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์, โด่ง-ศิระ รัตนโภคาสถิต, จูน-ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์ และ แอปเปิ้ล-สีสะเหงียน สีหาราช - เพลง กัด (Suck it) - เพลง มากับเขาแล้วหงายังไง (How) - เพลง หัวใจวาย - เพลง โสดโปรดจีบ - เพลง อกหักแล้วไงพิธีกร พิธีกร. APOP บันเทิง 34 ทางช่อง Amarin TV 34รายการในอดีตรายการในอดีต. - รายการ ไฮเฟรนด์ ของอาร์เอส (ช่อง 5) - รายการ ไวรัสมิวสิค (ช่องโมเดิร์นไนน์) - รายการ ไทยแลนด์วาไรตี้ (ช่องสตาร์แมกซ์แชนเนล) - รายการ น่ารักอ๊ะ (ช่องย๊าค ทีวี ฟรีทีวี) - รายการ เพลงโส๊ดสด ช่อง you channel 18.00-21.00 - รายการ vamp family ช่อง you channel เวลา 15.00น.
จังหวัดกรุงเทพฯ
190
205
500
1
ผลงานภาพยนตร์ที่คุณสุรเกียรติ บุนนาค ได้แสดงในปี พ.ศ. 2555 มีชื่อว่าอะไร
สุรเกียรติ บุนนาค สุรเกียรติ บุนนาค (27 มีนาคม พ.ศ. 2536 - ) นักแสดง, พิธีกร และนายแบบไทย เกิดที่จังหวัดกรุงเทพฯ มีพี่ชาย 1 คน จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมปลายโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และกำลังศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาภาพยนตร์และวิดิทัศน์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าสู่วงการบันเทิงโดยสังกัดค่ายอาร์เอส มีผลงานมิวสิควีดีโอหลายชื้น เป็นพิธีกรหลายรายการผลงานละครโทรทัศน์ผลงาน. ละครโทรทัศน์. - 2555 ลูกไม้ หลายหลายต้น รับบท อาร์ม (รับเชิญ) ช่อง ไทยพีบีเอส - 2558 คู่ปรับฉบับหัวใจ รับบท อภิชาต (ตัวร้าย) ช่อง 7 - 2560 Love Songs Love Series ตอน ยังโสด รับบท ปาล์ม ช่อง จีเอ็มเอ็ม 25 - 2561 นักสู้สะท้านฟ้า รับบท ดอน ช่อง 7 - 2561 ไฮโซสะออน ช่อง 7 (กำลังถ่ายทำ)ภาพยนตร์ภาพยนตร์. - 2555 รัก An Ordinary Love Story รับบท กายมิวสิควีดีโอมิวสิควีดีโอ. - 2552 เพลง อยู่บำรุง - ว่าน ธนกฤต - 2552 เพลง เสียงลมหายใจ - ปราโมทย์ - 2553 เพลง คำว่ารัก...แปลว่าไม่รัก - Beauty G - 2556 จุด จุด จุด Dot Dot Dot - SHUU - พระเอกMV เพลง น้ำไหลที่ตาแต่เจ็บที่หัวใจ - เพลงรวมของ Yaak TV - 2557 เพลง อยากจีบคนโสดของ Shuผลงานเพลงผลงานเพลง. - เพลง Turn Me On รักไม่ยาก ร่วมกับ พิธีกร YAAK TV ได้แก่ กราฟ-โอสธี ซุ่นมงคล, โยชิ-นิมิต มนัสพล, พิชญ์-พิชญ์ กาไชย, ปั้นจั่น-กวิน อิ่มอโนทัย, บิ๊ก-ทองภูมิ สิริพิพัฒน์, โด่ง-ศิระ รัตนโภคาสถิต, จูน-ธัญชนก ผดุงเกียรติวงษ์ และ แอปเปิ้ล-สีสะเหงียน สีหาราช - เพลง กัด (Suck it) - เพลง มากับเขาแล้วหงายังไง (How) - เพลง หัวใจวาย - เพลง โสดโปรดจีบ - เพลง อกหักแล้วไงพิธีกร พิธีกร. APOP บันเทิง 34 ทางช่อง Amarin TV 34รายการในอดีตรายการในอดีต. - รายการ ไฮเฟรนด์ ของอาร์เอส (ช่อง 5) - รายการ ไวรัสมิวสิค (ช่องโมเดิร์นไนน์) - รายการ ไทยแลนด์วาไรตี้ (ช่องสตาร์แมกซ์แชนเนล) - รายการ น่ารักอ๊ะ (ช่องย๊าค ทีวี ฟรีทีวี) - รายการ เพลงโส๊ดสด ช่อง you channel 18.00-21.00 - รายการ vamp family ช่อง you channel เวลา 15.00น.
รัก An Ordinary Love Story
791
817